คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : - WORLD 01
01
โรงเรียนใหม่ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิด. .
แต่สิ่งที่ไม่ชอบเลยคือสายตาจากผู้หญิงและผู้ชายในห้องที่มองมา. . ขอบอกเลยว่ารู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูกเลยสักนิด
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาพักเที่ยงของที่โรงเรียน แน่นอนว่าผู้คนที่เดินสวนโต๊ะไปมา มองนาอึนอย่างสนใจ. . แน่ล่ะ ข่าวเด็กใหม่เข้ามาในโรงเรียนคงจะดังมากแน่นอน ก็เข้ามาซะตอนกลางเทอม แล้วใช่ว่าโรงเรียนมัธยมปลายฮันยุลจะเข้ามาแทรกกลางตอนกลางเทอมได้ง่ายๆเสียซะเมื่อไหร่ ข่าวซุบซิบที่ว่าน่ะหรอ. .
เด็กใหม่เป็นพวกกระเป๋าหนัก อะไรเทือกนั้น. .
“อย่าไปสนใจพวกเขาเลยน่า กินๆ” อ่า. . ตอนนี้ฉันมีเพื่อนแล้วสองคน คนหนึ่งคือคนที่กำลังก้มหน้าก้มตากินข้าวไปอย่างเดียว. . คนเดียวกับที่เมื่อกี้บอกให้ฉันกินๆข้าวกลางวันเข้าไปให้หมดๆ ส่วนอีกคนคือคนที่กำลังก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างเงียบๆ , คิมนัมจูกับโอฮายอง เพื่อนใหม่ประจำโรงเรียนมัธยมปลายฮันยุล
ไม่เข้าใจ คือคำแรกที่ได้รู้จักกับพวกเธอทั้งสองคน. .
คิมนัมจูคือผู้หญิงที่ดูแล้วห้าวหาญและแมนมาก ขอย้ำเลยว่าแมนมาก ส่วนใหญ่แล้วจะชอบกินกับนอน. . แต่ใช่ว่าจะไม่เรียนหนังสือนะ. . ถึงจะดูเป็นคนแบบนั้นแต่ก็ดูเป็นคนที่จริงใจ จริงใจเอามากๆ เหมาะกับภาพลักษณ์ภายนอกของเธอที่ไว้ผมประบ่าสีดำสนิทแต่ชอบมัดผมเป็นหางม้ารวบขึ้นไป
โอฮายองเป็นผู้หญิงที่ เอ่อ. . ค่อนข้างจะขี้อาย เธอน่าจะนิสัยประมาณเท่าฉันซะมากกว่าห้าวหาญแบบนัมจู แต่ถึงแบบนั้นใช่ว่าฮายองจะไม่พูด แต่ฉายาของเพื่อนใหม่ที่ดูแล้วมันน่าจะน้อยใจ. . ยัยขี้เหร่ คือสิ่งที่เหมือนตราปั๊มติดหน้าผากของฮายอง ดูเหมือนนักเรียนในโรงเรียนนี้จะไม่พูดชื่อของเธอสักเท่าไหร่ แต่จะพูดเป็นยัยขี้เหร่แทนซะมากกว่า
“ย๊า! ฉันบอกให้กินก็กินเข้าไปไง เนี่ย อร่อย ฉันแบ่งให้” นัมจูเคาะเข้าที่จานข้าวฉันอีกครั้งหนึ่ง ตักไข่หวานในจานข้าวจานที่สองของตัวเองมายังจานข้าวของฉัน
บางที. .คิมนัมจูก็กินเก่งเกินกว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะกินได้
“อ่า ขอบใจนะ” นาอึนส่งยิ้มให้กับเพื่อนรักที่กำลังก้มหน้าก้มตากินข้าว และเสียงเคาะจานข้าวก็ดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง. . แต่ครั้งนี้ไม่ใช่จานข้าวของฉันแต่เป็นจานข้าวของฮายองแทน
“ย๊า! กินข้าวไปเลยนะ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าแกมองอะไร” คีบตะเกียบมาอยู่ตรงหน้าของฮายองพร้อมสายตาคาดโทษ. .
คิมนัมจูคือผู้หญิงที่โคตรจะโหด. .
“บ่นว่ะน้องอ้วน” แขกไม่ได้รับเชิญคนนี้โผล่มาจากไหนก็ไม่มีใครทราบได้. . เอาเข้าจริงๆว่าตอนนี้ฉันไม่ค่อยไว้ใจใครในโรงเรียนนี้สักเท่าไหร่
เหตุผลน่ะหรอ. .
“นาอึนค่ะ ซนนาอึน” ฉันโค้งตัวในห้องเรียนของตัวเองอย่างเกร็งๆ มองไปรอบๆห้อง ยอมรับว่าใจเกิดเต้นแรงขึ้นมาซะอย่างนั้น อาจจะเป็นเพราะฉันไม่เคยชินกับการที่จะต้องมายืนอยู่หน้าห้องแบบนี้ก็เป็นได้. .
“เอาล่ะ นาอึนของพวกเราจะนั่งข้างๆฮายองนะ” ฮายอง? อ่า . . ไม่รู้จักหรอกค่ะ แต่คนที่ยิ้มให้กับฉันในตอนนี้ก็มีคนเดียว แล้วโต๊ะตัวที่ว่างก็มีอยู่แค่ตัวเดียว เพราะฉะนั้นเดาได้ไม่ยากสักเท่าไหร่หรอก
ฉันเดินไปที่โต๊ะตัวที่ว่างแต่ก่อนที่จะถึงมัน ขายาวๆของใครคนหนึ่งก็ยื่นออกมาขวางข้างหน้าทำให้ฉันสะดุด และแน่นอน. . ฉันล้มลงไปไม่เป็นท่า ไม่ได้นึกโกรธเคืองอะไรเพื่อนร่วมห้องใหม่ เธออาจจะแค่เมื่อยขาเลยยืดขาออกมาก็เท่านั้น
“ฉันช่วยเธอดีกว่านะ” ผู้หญิงที่อยู่โต๊ะตรงกันข้าม ยื่นมือส่งมาให้ฉัน ฉันจับมือนั่น. . รอยยิ้มที่ดูเหมือนใจดี แต่แท้จริงแล้วมันเคลือบแคลงไปด้วยยาพิษ , ยาพิษทั้งนั้น
“Oops! Sorry โทษทีนะพอดีมือมันลื่นไปหน่อย” ฉันไม่ใช่ตัวตลกที่จะให้พวกเขามาหัวเราะ. . รอยยิ้มที่ดูเหมือนจะใจดีนั่นมันมารร้ายชัดๆ , คนในโรงเรียนนี้ใจร้าย. . ใจร้ายมาก
แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะลุกขึ้นด้วยตัวเองก็มีมือหนาของใครบางคนยื่นมาตรงหน้า. . แน่นอนว่าฉันมองเจ้าของมือหนานั่น ดวงตาคมที่จ้องมองฉันกลับ ถึงมันจะดูง่วงมากก็ตามแต่
ดวงตาที่ทำให้ฉันเผลอใจเต้นแรงตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้มอง
แต่ขอโทษที. . ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าไอที่ทำกันมันก็แค่การสวมหน้ากาก โกหกหลอกลวงกันทั้งเพ
ฉันปฏิเสธน้ำใจจากมือหนานั่น พร้อมทั้งปัดมันออกอย่างไม่ไยดี เขาขมวดคิ้ว และสาวๆแถวนั้นก็มองฉันด้วยความไม่พอใจ และดูท่าเหมือนสถานการณ์มันจะไม่ดีขึ้น ครูปาร์คจึงตบโต๊ะข้างหน้าเสียงดัง จนนักเรียนทุกคนสนใจกระดานดำหน้าห้องเหมือนเดิม
ส่วนเรื่องที่ฉันมาเป็นเพื่อนกับนัมจูและฮายอง , พอสอนไปได้ครึ่งคาบนัมจูก็เดินเข้าห้องมาด้วยสภาพที่ผมยุ่งเหยิงนิดหน่อย ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้จัดทรงมาให้ดูดีเท่าที่ควร ครูปาร์คตำหนิเธอเรื่องมาสาย. . นัมจูโค้งขอโทษไปหนึ่งครั้ง และโดนตัดคะแนนไปตามระเบียบ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่แคร์และไม่สนอะไรกับคะแนนที่โดนตัดเลย
นัมจูชวนฉันคุย เธอพยายามอย่างมากที่จะทำให้ฉันเปิดใจ และเราเพิ่งจะเป็นเพื่อนกันก่อนที่จะกินข้าวไม่กี่ชั่วโมง. . เธอคุยเก่ง ผิดกับฮายองที่มักจะชอบนั่งเงียบๆและอ่านหนังสือเสียซะมากกว่า แต่ก็นั่นล่ะ.. อย่างน้อยก็ยังดีที่ฉันมีเพื่อนสักคน
“เฮ้! คิมนัมจู นี่เธอกินหรือยัดกันแน่ห๊ะ” ผู้ชายคนนี้เป็นใคร. . ฉันไม่รู้จัก แต่ดูท่าทางเขาจะสนิทกับนัมจูพอสมควร เพราะเขาขยี้ผมนัมจูซะจนมันยุ่งเหยิงไปหมด แน่นอนว่านัมจูมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจและแกล้งกลับ
“สวัสดีเด็กใหม่” คำว่าเด็กใหม่ ทำให้ฉันวางช้อนลง จ้องมองใบหน้าเขานิ่งๆ. . ฉันดูไม่ค่อยเป็นมิตรมาแต่ไหนแต่ไร ที่โรงเรียนเก่าก็เคยมีคนพูดว่าฉันหยิ่งบ้าง เย็นชาบ้าง แต่นั่นก็ปกติดี. .อย่างน้อยก็ยังมีคนที่เข้าใจฉันสักคนสองคน มันก็ยังดีกว่าไม่มีใครเลย
“ดุซะด้วยแหะ” เขาบอกหน้าฉันพร้อมกับยิ้มทะเล้น แน่นอนว่าฉันไม่คิดจะสนใจ ก้มหน้าลงกินข้าวต่อ แต่ข้อมือก็โดนชายแปลกหน้าคนนั้นฉุดเอาไว้ ใช่! ฉุด เขาฉุดและนั่นทำให้ช้อนในมือของฉันตกลงบนจานข้าวเหมือนเดิม
“นี่เธอไม่คิดจะสนใจฉันหน่อยหรอ” เขาก้มใบหน้าลงมาให้กันกับฉัน แต่ยังไม่ทันที่ตาจะประสานตา คิมนัมจูก็ดึงคอเสื้อของแขกที่ฉันเริ่มจะเกลียดใบหน้าของเขาให้ห่างจากตัว
“ถ้าคิดจะม่อนาอึนก็ออกไปเลยไปพี่ซูโฮ” นัมจูจ้องเขาเขม็งแต่อีกฝ่ายกลับแค่ยิ้มส่งกลับมาและยีหัวของสาวเจ้าอีกครั้ง และนั่นส่งผลให้มือเรียวแต่โคตรหนักตีป้าบเข้าไปที่ไหล่ของรุ่นพี่ตัวขาวนั่นอย่างแรง
“โอ๊ย! ไหล่จะหลุด เธอนี่มันแรงช้างชัดๆ”
“ย๊า! ถ้าพี่จะมาก่อกวนกันก็กลับกลุ่มไปเลยนะ” นาอึนมองตามนิ้วชี้ของนัมจูที่ชี้ไปยังกลุ่มผู้ชายห้าคนกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ สามคนในนั้นคือเพื่อนร่วมห้องของตัวเอง อีกสองคนที่เหลือนั่นไม่รู้จัก. .
แต่เมื่อมองไปก็ไปสบสายตาเข้ากับเขาอีกแล้ว. .
ชายดวงตาคมที่สะกดสายตาของนาอึนไว้ในครั้งแรก
“นี่! ซนนาอึน มองอะไรน่ะ” ฉันได้สติอีกครั้งหนึ่งเมื่อนัมจูโบกมืออยู่ตรงหน้า สะดุ้งตัวเล็กน้อยและส่ายหน้า. . แต่ถึงอย่างนั้น พอมองขึ้นไปใหม่ เขาก็ยังคงจ้องหน้าของฉันไม่เลิก
ฉันเกลียดนะ. . สถานการณ์ที่ดูเหมือนตัวเองตกเป็นรอง
คาบพักเที่ยงได้หมดลง และตอนนี้ก็ใกล้เวลาที่จะกลับบ้าน ฉันเก็บของลงกระเป๋า ไม่ได้รีบร้อนมากสักเท่าไหร่ ก็ไม่รู้ว่าจะรีบร้อนไปทำไมมากมาย ในเมื่อพ่อกับแม่ของฉันท่านเดินทางไปต่างประเทศหลายวันเอาการ และทำให้ฉันต้องอยู่คนเดียวในเมืองโซลที่เพิ่งมาถึงได้ไม่กี่วัน
ฉันจำทางกลับบ้านได้ นั่นนับว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะตั้งแต่มาที่โซล นาอึนแทบไม่ได้จะเดินออกไปที่ไหนเลย เดินในละแวกบ้านของตัวเองเพียงไม่กี่ร้อยเมตร และกลับมา. . สังคมในเมืองหลวงน่ะน่ากลัว. .น่ากลัวเกินไป
พูดแล้วก็คิดถึงเพื่อนที่โรงเรียนเก่า L
ไม่น่าย้ายมาจากปูซานเลยให้ตายเถอะ!
ใช้เวลาไม่นานนัก ขาเรียวยาวก็พาตัวเองเดินกลับมาถึงบ้าน นาอึนควานหากุญแจบ้านของตัวเองในกระเป๋าและไขมันเข้าไป ตัวบ้านหลังกลางขนาดพอดีสำหรับสามคน แต่ตอนนี้อ้างว้างและโดดเดี่ยว ซนนาอึนถอนหายใจออกมาอีกครั้งหนึ่ง เอื้อมมือไปเปิดสวิตซ์ไฟในตัวบ้าน ให้บ้านมีแสงไฟขึ้นมาบ้าง
วันนี้แทบจะไม่มีการบ้านอะไรต้องทำส่งเลย. . เพราะเปิดเทอมวันแรกมีแต่การปฐมนิเทศและเลือกลงชมรมกับกีฬาที่สนใจ นาอึนเลือกลงชมรมทำอาหารกับนัมจูและทั้งสามคนเลือกลงกีฬาวอลเลย์บอล กีฬาง่ายๆที่ผู้หญิงสามารถเล่นได้แบบไม่หนักหนาอะไรนัก
ข้าวผัดกิมจิ คือเมนูที่ถูกหยิบยื่นเข้ามาในวันนี้ ด้วยเสบียงในตู้เย็นที่พอจะทำได้มีเพียงเท่านี้ แต่มันก็ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่หรอก. . นาอึนเปิดโทรทัศน์ในห้องรับแขกให้ดังขึ้น หนังที่กำลังฉายจากโทรทัศน์ช่วยผ่อนคลายความเหงาลงไปได้ อย่างน้อยก็พอจะมีเสียงแทรกขึ้นมา ดีกว่าอยู่เงียบๆนั่นล่ะ. .
เวลาผ่านไปจนถึงสองทุ่มกว่าๆ หลังจากกินอะไรเสร็จเรียบร้อย ก็จัดการกับโทรศัพท์มือถือของตัวเอง เห็นคาคาโอะทอล์กของนัมจูและฮายองโผล่ขึ้นมาทักทาย มือเรียวจึงกดตอบเพื่อนใหม่ทั้งสองคน
เข้าใจนะ. . ช่วงเวลาแห่งการคุยของสาวๆคือช่วงเวลาที่เยี่ยมที่สุด เสียงหัวเราะคิกคักของนาอึนดังขึ้นในบ้าน เพราะนัมจูส่งรูปตลกๆมาให้ดู นาอึนเดินไปเปิดตู้เย็นและหยิบนมสดลงมาเทใส่แก้ว แต่ก่อนที่จะยกมันขึ้นมาดื่มนั้น เสียงจากภายนอกบ้านก็ดังขึ้น
นิ้วสวยแหวกผ้าม่านและชะโงกใบหน้าเพียงครึ่งเดียวไปดู พบกับชายรุ่นราวคราวเดียวกันกับตัวเองกำลังรุมชายคนหนึ่งที่ใส่ชุดฟอร์มโรงเรียนฮันยุล มือบางยกขึ้นปิดปากของตัวเอง หัวสมองกำลังคิดอย่างหนักว่าควรจะทำอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ซนนาอึน. . นี่มันเรื่องของคนอื่นไม่ใช่เรื่องของตัวเองสักหน่อย
เธอจะไปยุ่งทำไมกัน
ย๊า! นาอึน ถ้าเธอไม่ช่วยผู้ชายคนนั้นจะตายได้นะ
เธอต้องช่วยเขา เข้าใจมั้ย!?
“อย่ามาตีกันในหัวของฉันแบบนี้นะ!” ออกเสียงกับตัวเองเพื่อไล่ความคิดออกไป กัดริมฝีปากของตัวเองฉับ และในที่สุดสิ่งที่ตัดสินใจก็เกิดขึ้น
ให้ตายเถอะซนนาอึน!
เธอไปเอาความบ้าดีเดือดแบบนี้มาจากที่ไหน!
“หยุดนะ! ถ้าไม่หยุดฉันจะโทรแจ้งตำรวจ!” ขาเรียวยาวหยุดที่หน้ารั้วของตัวเอง มือเรียวกำโทรศัพท์มือถือที่โชว์เบอร์โทรศัพท์ของศูนย์ตำรวจเอาไว้ และโชว์ให้เหล่าเด็กที่กำลังรุมเตะใครอีกคนเห็น พวกเขาหน้าซีดเผือดกันไปยกใหญ่ นาอึนตัดสินใจกดโทรทันที และนั่นทำให้พวกเขา อัดเข้าไปที่หน้าท้องของชายผู้ถูกทำร้ายหนึ่งที ก่อนที่จะรีบวิ่งหนีไป
นาอึนกดตัดสายโทรศัพท์มือถือ ก้มมองดูผู้บาดเจ็บที่กำลังไอค่อกแค่กออกมาเป็นเลือด เขาประคองตัวเองให้ยืนขึ้น แต่ด้วยท่าทางโซซัดโซเซแบบนั้น นาอึนเลยต้องเข้าไปประคองชายที่ตัวสูงกว่าตัวเองมากกว่าสิบเซนติเมตรเห็นจะได้ ก่อนที่เขาจะล้มลงไปนอนที่พื้นอีกครั้ง
“นาย เดินไม่ไหวหรอกน่า” นาอึนประคองชายคนนั้น และเพียงเสี้ยววินาทีเดียวที่ได้เห็นหางคิ้วที่แตกพร้อมกับดวงตาคมคู่นั้น ทำให้นาอึนชะงักไปเล็กน้อย
โลกนี้. . มันชักจะกลมเกินไปแล้ว
สะดุ้งขึ้น เมื่อหัวหนักๆทิ้งลงมาที่ไหล่เล็ก เขาคงจะสลบไปแล้ว. . ไม่รู้ว่าเพราะบาดแผลหรือความอ่อนล้าจากการมีเรื่องชกต่อยเมื่อสักครู่นี้
หิ้วปีกร่างของชายคนดังกล่าวเข้าบ้านของตัวเอง แต่เพราะขนาดตัวที่ไม่ค่อยจะสมดุลกันทำให้เข้าไปในบ้านด้วยความทุลักทุเล
ปล่อยร่างสูงลงโซฟาอย่างแผ่วเบา จัดที่จัดทาง และถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยอ่อน. . จะเอายังไงกับคนตรงหน้าดี? จะปลุกแล้วไล่ออกไปก็คงจะดูใจร้ายเกินไปสินะ
หรือจะเรียกรถพยาบาลให้มาหิ้วปีกเขาไปดี?
แต่เมื่อนึกถึงเสียงของรถพยาบาลมาถึงหน้าบ้านของตัวเอง คิดว่าอีกไม่นานเรื่องจะต้องถึงหูพ่อแม่และคนในละแวกนี้แน่ๆ. . ตอนนี้ก็ปาเข้าไปสองทุ่มเกือบจะสามทุ่ม มีหวังคนแถวนี้ได้แตกตื่นเพราะเสียงไซเรนของรถพยาบาลแน่นอน
ถ้าอย่างนั้น...ก็ช่วยไม่ได้ละนะ
นาอึนจัดการถอดรองเท้านักเรียนชายและถุงเท้าของคนตัวสูงที่ขายาวเกะกะจนออกมานอกโซฟา เดินไปหยิบกะละมังใส่น้ำพร้อมผ้าผืนเล็ก และอุปกรณ์สำหรับทำแผลให้กับบุคคลที่นอนสลบอย่างไม่รู้เรื่องราว
เริ่มจากปลดกระดุมเสื้อนักเรียนลงไปเพียงหนึ่งเม็ด นาอึนเบือนหน้าหนี. . กระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย เขาเป็นใครก็ไม่รู้จัก แล้วไปทำแบบนั้น ตื่นขึ้นมานาอึนจะโดนอาละวาดรึเปล่า? อ่า. . ช่างมันดีกว่า ร่างบอบบางคุกเข่าลง ใบหน้าหวานอยู่ตรงกับใบหน้าหล่อเหลาในระดับสายตา เอี้ยวตัวไปบิดผ้าขนหนูชุบน้ำ และซับเบาๆที่ใบหน้าหล่อเหลา ตั้งแต่เปลือกตาสีมุกที่ปิดลง บริเวณหางคิ้วที่แตกและมีเลือดไหลซึมเพียงเล็กน้อย ซับจนเลือดออกหมด ถึงแม้ใบหน้าจะดูมีรอยแผลเป็นหรือร่องรอยจากมีบาดแผล แต่คนตรงหน้าก็ดูหล่อแบบไร้ที่ติ
อิจฉา..!
ถ้าเป็นผู้หญิงโดนตบป่านนี้สภาพคงไม่เป็นแบบนี้หรอก
เลื่อนมือของตนเองมาที่ริมฝีปากอิ่ม มุมปากมีแผลจากการแตกอยู่เล็กน้อย นาอึนซับใบหน้าของคนตัวสูง , เริ่มทำแผลโดยเริ่มจากการทายาและติดพลาสเตอร์ลายกระต่ายสีฟ้าที่บริเวณหางคิ้ว และใช้ยาทาบริเวณมุมปากให้เล็กน้อย
“อือ”
เสียงทุ้มครางออกมาแผ่วเบา อาจจะเพราะเจ็บแสบ แต่นั่นทำให้นาอึนสะดุ้งและรีบพับเก็บมือของตัวเอง ดูปฏิกิริยาของคนตัวสูงที่นอนอยู่ แต่เมื่อเห็นเขาไม่ได้ตื่นขึ้นมา จึงจัดการทาแผลบริเวณมุมปากต่อจนเสร็จ , แต่ก่อนจะเก็บอุปกรณ์ทำแผลเข้าที่ สิ่งที่นึกขึ้นได้ก่อนหน้านี้ก็ทำให้นาอึนหันไปมองคนตัวสูงอีกครา ดวงตากลมโตมองไปยังป้ายชื่อที่ติดอยู่ที่ชื่อนักเรียน พึมพำชื่อของเขากับตัวเองแผ่วเบา
“คิมจงอิน”
แสงแดดในตอนเช้าลอดผ่านผ้าม่านเข้ามากระทบกับเปลือกตาหนาที่กำลังนอนหลับ. . คิมจงอินกะพริบตา ปรับโฟกัสสายตาให้เข้ากับแสงแดดอ่อนๆ เขาลุกขึ้นมา ดูเหมือนตอนนี้จะไม่ได้อยู่บ้านของตัวเอง เพราะสไตล์การตกแต่งบ้านนี่มันไม่ใช่คอนโดหรือห้องของตัวเองสักนิด
ไอโซฟาลายดอกไม้สีพาสเทลเนี่ยล่ะ. .ตัวบอกอย่างดีเลย
เมื่อวานนี้เขาโดนไอพวกหมาหมู่นั่นซ้อม แต่เหมือนจะจำได้ว่าได้ยินเสียงแหลมๆเล็กของผู้หญิงคนหนึ่ง , ผมยาวๆ แล้วก็ดูเหมือนคุ้นๆด้วยแฮะ มือเลื่อนไปสัมผัสที่หางคิ้วที่จำได้ว่ามันน่าจะแตก แต่กลับถูกปิดด้วยพลาสเตอร์แทน คิมจงอินลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตัวเอง หน่วยตาคมมองเห็นกระจกที่มีเปลือกหอยประดับ ถึงมันจะดูหวานไปสักหน่อย แต่ก็ยังอยากรู้สภาพหน้าของตัวเองเหมือนกัน
“นายไม่ควรจะจับของบ้านคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตนะ” เสียงใสหวานที่พูดขึ้นขัดจังหวะทำให้เขาวางกระจกลง หันใบหน้าของตัวเองไปสบกับต้นเสียง
“เชิญ.. ออกไปจากบ้านของเราได้แล้ว” น้ำเสียงติดจะนิ่งและใบหน้าบึ้งตึง ดูก็รู้ว่าไม่รับแขกอย่างยิ่งยวด , ใครจะไปคิดกันว่าซนนาอึนจะเป็นคนช่วยเขาเอาไว้
“ก็ไม่ได้อยากจะอยู่หรอก”
“ก็ออกไปสิ” นิ้วเรียวชี้ไปที่ประตู ท่าทางแสนดื้อเหมือนแมวพยศแบบนั้นทำให้คิมจงอินกระตุกยิ้มมุมปากของตัวเองขึ้นมา
น่ารัก แสนดื้อ แต่ก็ใจดีสินะ
น่าสนใจกว่าที่คิด...
“หิว ขอนะ” ไม่ต้องรอให้อนุญาต คิมจงอินหยิบแซนด์วิชในจาน หนึ่งในอาหารเช้าของนาอึนเข้าไปในปากของตัวเอง และเดินออกจากบ้านหลังขนาดกลางออกไปด้วยรอยยิ้ม
หื้ม? เขาเนี่ยนะยิ้ม. .
อ่า.. ไม่อยากจะเชื่อเลยสักนิด
-to be continue-
คิมจงอินยิ้มแล้วนะแก.
555555.
ความคิดเห็น