the hostilities of pairing - นิยาย the hostilities of pairing : Dek-D.com - Writer
×

    the hostilities of pairing

    1122

    ผู้เข้าชมรวม

    75

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    75

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  18 ก.ค. 57 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    The Hostilities of Pairing

    สงครามแห่งการจับคู่

    Part 1

            ในวันวาเลนไทน์ปีที่แล้วผมได้สารภาพรักกับผู้หญิงคนนึง เธอชื่อ”ฟิล์ม”แต่ผมก็ต้องอกหักเพราะเธอบอกว่าเธอยงไม่อยากมีแฟนเพราะกลัวในหลายๆเรื่อง จากตอนนั้นผ่านมาก็หนึ่งปีแล้วผมกับเธอแทบไม่มองหน้ากันกลายเป็นคนไม่รู้จักกันไปเลยแต่ผมเชื่อว่าเธอคงยังไม่ลืมเรื่องนั้นหรอกผมเองก็เช่นกัน

    “เฮ้ย!เดธมึงเหม่ออะไรของมึงวะ”

    “แต่ติดอะไรนิดหน่อยน่ะ”

    “หรอวะ แต่ช่วงนี้กูเห็นมึงเหม่อบ่อยๆว่ะตั้งแต่อกหักครั้งนั้นมา”

    “ไม่เห็นเกี่ยวกันเลยว่ะ กูแค่นึกเรื่องที่อาจเกิดขึ้น”

    “เออๆ ตามใจมึงกูไม่กวนเวลาจินตนาการของมึงละ”

    “โธ่ ไอ้เดย์มึงก็รู้นี่ว่ามันจินตนาการสูงจะไปกวนมันทำไม”

    “ว่าแต่มึงเถอะ ไอ้โอ ทำงานที่จารย์สั่งเสร็จยังวะ”

    “ยังเลย ส่งพรุ่งนี้นี่ค่อยทำก็ได้หรอก พึ่งม.5เองจะเอาไรมากวะ”

    “นั่นสิ กูเล่นเกมต่อละเวลาพักยังเหลืออีกตั้งเยอะ”

    “เออ กูก็พิมพ์งานด้วยดีกว่าว่ะ ว่าแต่มึงล่ะไอ้เดธไม่คิดจะทำอะไรเลยรึไง”

    “ไม่ล่ะ ขอนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยต่อไปนะ”

                    จากนั้นทุกคนใช้เวลาที่เหลือทำในสิ่งที่บอกจนหมดเวลาพักและขึ้นเรียนต่อในช่วงบ่าย...

    หลังเลิกเรียนทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านผมเองก็เช่นกันและเมื่อกลับมาถึงบ้านผมก็ไม่คิดที่จะทำอะไรอีกแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงไปตื่นมาอีกทีก็ 5 ทุ่มแล้ว ผมลุกขึ้นมาเปิดคอมฯดูชข่าวสารว่ามีอะไรอัพเดตบ้างและอยู่จนถึงตี 1 ผมก็ไปนอนต่อเพราะต้องตื่นเช้าไปโรงเรียน

                    พอเช้าผมตื่นขึ้นมาแบบงัวเงียและเดินไปเช้าห้องน้ำจัดการทำธุระส่วนตัวจนเสร็จ พอเดินออกมาส่องกระจกผมก็ตกใจไปสักพักเพราะที่แขนขวาผมมีเครื่องอะไรสักอย่างติดอยู่แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรและผมก็ไปแต่งตัวและออกไปโรงเรียนตามปกติ

    ณ ที่โรงเรียน

                    ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายในโรงเรียนผมทุกคนจะมีเครื่องนี่ติดเหมือนกันหมดเลยเพียงแต่อยู่คนละจุดเท่านั้นเอง ส่วนผู้หญิงก็จะมีสร้อยคอที่มีชิพป์อยู่ด้วยมันมีความลับอะไรอยู่วันนี้เราคงจะได้รู้กัน พูดไม่ทันขาดคำเพื่อนผมก็ชวนไปดูใบประกาศที่ติดอยู่ตามเสาในโรงอาหาร พออ่านแล้วได้ใจความว่าจากนี้จะมีการแข่งขันชิงทุนให้สถานศึกษาโดยให้จัดการแข่งขันภายในสถานศึกษาเพื่อหาตัวแทน1คนมาแข่งกับโรงเรียนอื่นเพื่อเป็นตัวแทนจังหวัดไปแข่งระดับภาคและระดับประเทศต่อไปจากนั้นก็มีคำอธิบายอยู่ด้านล่างเขียนไว้ว่า

    ทุกคนอย่าพึ่งตกใจมาไดรฟ์เวอร์กับชิพป์อยู่ๆก็โผล่มาอยู่กับทุกคน จะขออธิบายสั้นๆดังนี้

    ผู้ชายจะได้เคื่องไดรฟ์เวอร์ส่วนผู้หญิงจะได้ชิพป์ซึ่งสองอย่างนี้เชื่อมโยงกันโดยชิพป์จะเป็นอาวุธและไดรฟ์เวอร์เป็นตัวเรียกอาวุธและทุกไดรฟ์เวอร์จะมีชิพป์หลักเป็นของตัวเองโดยไดรฟ์เวอร์และชิฟป์จะเปล่งแสงเป็นสีเดียวกันถ้าอยู่ใกล้กันในระยะ 20 เมตรซึ่งนั่นก็หมายความว่าชาย หญิงทุกคนมีคู่เป็นของตัวเองและเมื่อใช้ไดรฟ์เวอร์เรียกอาวุธออกมาแล้วจะมีขีดจำกัดในการใช้หรือจำกัดเวลานั่นเองโดยเวลาที่จำกัดจะขึ้นอยู่กับความเหนื่อยล้าของเจ้าของชิพป์ยิ่งใช้นานยิ่งโดนกระทบก็จะทำให้ขีดพลังลดลงเร็วขึ้นเช่นเดียวกับการใช้MODEหรือSPECIALและถ้าขีดพลังหมดอาวุธก็จะถูกยกเลิกเรียกใช้งานเพื่อให้เจ้าของชิพป์ได้พักผ่อน การต่อสู้นี้ไม่จำกัดขอบเขตว่าต้องสู้กันที่ไหนสามารถท้าดวลกันได้ทุกที่และกติกาในการชนะก็คือทำลายไดรฟ์เวอร์ฝ่ายตรงข้ามให้ได้

    *การใช้สเปเชี่ยลนั้นสามารถสร้างความเสียหายได้มากแต่ก็เสียพลังในการใช้มากเช่นเดียวกัน หากใช้พลาดหรือไม่โดนอาจพลิกสถานการณ์ในตอนนั้นได้เลยทีเดียวข้อให้ระวังไว้

                    หลังจากที่อ่านประกาศจบทุกคนต่างก็ทำตัวไม่ถูกเพราะยังไม่ทันตั้งตัวกันกับเรื่องที่จะต้องตามหาคนที่เป็นคู่เราและยังต้องไปสู้กันอีก แต่ก็มีคนส่วนนึงที่ยอมรับได้และค้นหาคู่ของตัวเอง จะเป็นได้มั้ยที่คู่ของเราจะไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกันเพราะแบ่งยังไงมันก็ไม่เท่ากัน โรงเรียนผมมีผู้ชาย 300 กว่าคนกับผู้หญิงอีก 1000 กว่าคนมันจะลงตัวได้ยังไงหรือไดรฟ์เวอร์เครื่องนึงจะสามารถใช้ชิพป์ได้มากกว่าหนึ่งอันกันนะ

    “เฮ้ย เราไปแดกข้าวกันเถอะคิดมากไปก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมา คู่น่ะเดินๆเล่นไปเดียวก็เจอเองแหละ”

    “กูก็คิดงั้นว่ะ เฮ้ยไอ้เดธไปแดกข้าวเหอะ อย่าพึ่งไปใส่ใจอะไรเรื่องนี้เลย”

    “...”

                    ผมนั่งรออยู่ที่โต๊ะกินข้าวในโรงอาหารรอพวกนั้นไปสั่งข้าวกินและเมื่อพวกนั้นเดินกลับมาที่โต๊ะดูเหมือนไดรฟ์เวอร์ของไอ้เดย์มันจะเปล่งแสงสีส้มทำให้พวกเราต่างพากันมองหาชิพป์ที่เปล่งแสงสีเดียวกันออกมาปรากฎว่าเจ้าของชิพป์ที่เปล่งแสงสีเดียวกับไดรฟ์เวอร์ไอ้เดย์จะนั่งอยู่โต๊ะข้างหลังผมและเค้าก็กำลังมองหาไดรฟ์เวอร์เหมือนกันและทั้งคู่ก็เจอกันไอ้เดย์เป็นฝ่ายเดินเข้าไปทักก่อนโดยที่ผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่ที่โต๊ะกับเพื่อนๆอีก 4-5 คนผมกับโอก็ต้องเดินตามไปอย่างเลี่ยงไม่ได้และในโต๊ะนั้นยังผู้หญิงอีกคนนึงที่ชิพป์เปล่งแสงเหมือนกันเป็นแสงสีแดงซึ่งนั่นคือสีของไดรฟ์เวอร์ผมแต่ผมก็เงียบไว้ไม่พูดออกไปเพราะคนที่เป็นเจ้าของชิพป์ก็คือฟิล์มคนที่ผมเคยสารภาพรักเค้าเมื่อวาเลนไทน์ปีที่แล้ว ไอ้เดย์ก็ยังคุยกับคู่ของมันและดูเหมือนว่าฝ่ายผู้หญิงจะไม่ได้ปฏิเสธที่เป็นคู่กับมันสักเท่าไหร่ส่วนฟิล์มก็ยังคงพยายามมองหาคนที่มีไดรฟ์เวอร์สีเดียวกันอยู่และสบตากับผมรอบนึง เธอมองหน้าผมแล้วยิ้มเจื่อนๆให้ก่อนหันหน้าไปมองหาคนที่มีไดรฟ์เวอร์สีแดงต่อ สักพักไอ้เดย์ที่ดูเหมือนจะคุยธุระกับคู่ของมันเสร็จแล้วเดินมากอดคอผมและกำลังจะชวนไปกินข้าวที่โต๊ะแต่สายตามันก็ไปสะดุดชิพป์ของฟิล์มเพราะมันเปล่งแสงสีเดียวกับไดรฟ์เวอร์ของผม(ที่มันเคยเห็น)

    “เฮ้ย เดธ สีนั้นมันเหมือนกับสีไดรฟ์เวอร์ของมึงเลยนี่”ฟิล์มได้ยินด้วยเลยรีบหันหน้ามามองผม

    “มึงจำผิดแล้วของกูสีดำ”ผมรีบบอกปัดทันที

    “แต่กูจำได้ว่าของมึงสีแดงจริงๆนะ”

    “มึงจำผิดคนแล้ว อีกอย่างวันนี้กูไม่ได้เอาไดรฟ์เวอร์มา”ความจริงคือผมถอดไดรฟ์เวอร์ใส่กระเป๋าและมันก็วางอยู่เก้าอี้โต๊ะข้างๆกับโต๊ะฟิล์ม

                    หลังจากที่ฟิล์มได้ยินผมพูดแบบนั้นฟิล์มก็ก้มหน้าลงมองชิพป์ตัวเองแล้วหันไปสะกิดเพื่อนข้างๆที่ช่วยหาว่าไม่ต้องหาแล้วกินข้าวกันก่อน ผมเห็นดังนั้นจึงหันหน้าไปบอกไอ้เดย์ที่กำลังครุ่นคิดว่าไดรฟ์เวอร์ผมสีอะไรกันแน่และบอกมันว่ากลับโต๊ะไปกินข้าวเถอะ มันก็ยอมกลับมาแต่โดยดีทุกอย่างจบลงอย่างอึดอัดทั้งผมที่โกหกไปอย่างนั้นและไอ้เดย์ที่เริ่มไม่แน่ใจระหว่างสิ่งที่เคยเห็นกับสิ่งที่ผมพูด และฟิล์มที่ดูเหมือนจะผิดหวังเพราะยังหาคนใช้ไดรฟ์เวอร์ไม่ได้(หรือเพราะไม่ใช่ผมกันนะ)

    วันต่อมา

                    วันนี้เหตุการณ์ทุกอย่างยังดำเนินไปอย่างปกติ หลายๆคู่ก็ยอมรับซึ่งกันและกันและหลายๆคนก็เริ่มสู้กันแล้วผมนั่งอยู่ตรงสแตนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยส่วนไอ้เดย์ก็ขอร้องคู่ของมันให้มอบชิพป์มาให้เพราะต้องการฝึกความเคยชินในการใช้อาวุธส่วนคู่มันก็นั่งอยู่สแตนเดียวกับผมแต่ห่างออกไปสักหน่อยและแน่นอนว่าฟิล์มก็นั่งอยู่ใกล้พร้อมกับกลุ่มเพื่อนอีก 2-3 คนทำให้ผมเลือกที่จะนั่งห่างออกมาในระยะที่จะไม่ทำให้ชิพป์ของฟิล์มเปล่งแสง รอบนี้ผมใส่ไดรฟ์เวอร์มาด้วยแต่ผมย้อมสีไดรฟ์เวอร์ของผมไว้เป็นสีดำเผื่อผมอยู่ใกล้ฟิล์ม(ในระยะ)โดยไม่รู้ตัวแล้วมันจะเปล่งแสงออกมาแต่ก็อยู่ห่างๆไว้ก่อนดีกว่าเพราะชิพป์ของฟิล์มยังมีแสงอยู่ถ้าแถวนั้นไม่มีผู้ชายนอกจากผมมันจะน่าสงสัยเอา ส่วนไอ้โอก็ไปนั่งอยู่สแตนข้างๆกันกับคู่ของมัน เสียงบ่นที่คู่ของมันบ่นออกมาดังไกลมาจนผมได้ยินเลยล่ะ เขาก็บ่นว่าทำไมได้คู่อ่อนแอจังดูไม่เข้มแข็งเลยอะไรประมาณนี้ คงต้องทำใจแล้วล่ะครับคุณผู้หญิงคู่ของคุณน่ะมันเอ๋อเหร๋อ ฮ่าฮ่าฮ่า

    “ถ้าไม่อยากคู่กับมันนักก็ให้มันไปแพ้เขาซะก็สิ้นเรื่องหรืออยากอยู่กับคนอื่นก็ให้มันแพ้คนที่มีไดรฟ์เวอร์สีเดียวกันซะสิ”เพราะถ้าแพ้ไดรฟ์เวอร์จะถูกทำลายและชิพป์จะลอยไปตกอยู่ในมือคนชนะซึ่งชิพป์ที่ได้ไปสามารถเอาไปอัพเกรดพลังของชิพป์หลักได้และถ้าชิพป์มีสีเดียวกับไดรฟ์เวอร์ผู้ใช้ก็สามารถเลือกได้ว่าจะเอาไปใช้เป็นอาวุธต่อหรืออัพเกรดก็ได้

    “หือ! ฟิล์มชิพป์เธอเปล่งแสงแล้วนี่”เฮ้ย พวกนั้นขยับเข้ามาใกล้ผมตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะแถวนี้ยิ่งไม่ค่อยมีผู้ชายอยู่ด้วยถ้าพวกนั้นหันมาเจอผมมันจะน่าสงสัยขึ้นมาทันที...พูดไม่ทันขาดคำฟิล์มหันหน้าสบตาผมที่กำลังร้อนรนอย่างสุดๆอยู่ ฟิล์มกำลังจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่างแต่เธอก็ล่นสายตาลงมาเห็นไดรฟ์เวอร์ของผมเป็นสีดำเธอจึงไม่พูดอะไรและหันหน้าไปคุยกับเพื่อนเธอต่อแต่แล้วอยู่ๆก็มีรุ่นน้องคนนึงวิ่งเข้ามาฟิล์มพร้อมกับไดรฟ์เวอร์ที่เอวขวาและกำลังเปล่งแสงสีเดียวกับชิพป์ของฟิล์มอยู่(ว่าแต่ทำไมหน้าตาไอ้หมอนี่มันดูดีใจเกินกว่าคนที่เจอคู่ทั่วๆไปวะ...นึกออกแล้วไอ้หมอนี่มันคนที่มาสารภาพรักกับฟิล์มในโรงอาหารนี่หว่า พอดีตอนนั้นพวกผมนั่งโต๊ะใกล้ๆเลยได้ยินนิดหน่อย) ต่อมาก็มีน้องผู้หญิงคนนึงวิ่งตามหลังไอ้รุ่นน้องนั่นมาพร้อมแสงที่เปล่งออกมาจากชิพป์ที่ห้อยอยู่กับสร้อยคอสีนั้นเป็นสีเดียวกับไดรฟ์เวอร์ของรุ่นน้องผู้ชายคนนั้น

    “เอ่อ...คือ ฉันสังเกตุมานานแล้วล่ะและตอนนี้ฉันก็เชื่อว่าฉันเป็นคู่ของเธอนะ”

    “เธอพูดอะไรของเธอน่ะ! ฉันมีคู่แล้วไม่เห็นหรอ”เฮ้ๆ ตะค่อกใส่ผู้หญิงแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน

    “แต่ว่า...”

    “นี่ดูสิ เห็นมั้ยชิพป์ของคุณกะพริบไม่ได้พร้อมกับไดรฟ์เวอร์ผมเพราะงั้นเราคงไม่ใช่คู่กันหรอก”(ใครไปปลูกฝังความคิดแบบนี้ให้มันวะ)

    “ถ้าไม่เชื่อผมจะพิสูจญ์ให้คุณดู”แต่หมอนั่นก็ยื่นมือไปหาฟิล์มประมาณว่าให้ส่งชิพป์มาให้ ฟิล์มก็ยอมแกะชิพป์ออกจากสร้อยแล้วมอบให้รุ่นน้องคนนั้นตามที่ต้องการ หมอนั่นใส่ชิพป์เข้าไปในไดรฟ์เวอร์อย่างรวดเร็วและกดยอมรับโค้ด

    CODE ERROR!”มีเสียงนี้ออกมาจากไดรฟ์เวอร์ก่อนที่ชิพป์กระเด็นออกมา หมอนั่นได้แต่ตะลึงที่ไดรฟ์เวอร์ไม่ยอมรับชิพป์(ก็แน่อยู่แล้วเพราะคู่ของฟิล์มน่ะเป็นผม)ผมที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่รู้สึกตัวขึ้นมาก็เลยค่อยๆขยับตัวออกห่างเพื่อให้ชิพป์ของฟิล์มเลิกเปล่งแสง ส่วนไอ้รุ่นน้องคนนั้นกับชิพป์มาจากน้องผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างหลัง หมอนั่นใส่ชิพป์เข้าในไดรฟ์เวอร์และกดยอมรับโค้ดอีกครั้งนึง

    ACCESS CODE COMPLETE”จากนั้นก็มีกระบองด้ามหนึ่งโผล่ขึ้นมาที่มือของหมอนั้น หมอนั่นได้แต่ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นแต่ก็เรียกสติตัวเองกลับมาได้และหันหน้าไปหาฟิล์ม

    “พี่ครับ พี่รอผมก่อนนะครับ ผมสัญญาว่าผมจะช่วยพี่เอง”หมอนั่นบอกอยากจริงจัง นี่มันจริงจังขนาดนั้นเลยหรอวะนั่นแค่ไม่ได้คู่กับคนที่ชอบก็มีความหวังว่าจะเอาเค้ามาคู่ให้ได้จากนั้นมันก็ยอมเดินจากไปแต่โดยดีส่วนน้องผู้หญิงที่เป็นคู่หมอนั่นก็หันมาพยักหน้าให้ฟิล์มประมาณว่าขอโทษแทนหมอนี่ด้วย(เฮ้อ พูดแล้วก็สงสารรุ่นน้องหญิงคนนั้นจริงๆที่มีคู่ที่ไม่สนใจตัวเองแบบนี้ ท่าทางจะไปรอดยาก)ผมหันหน้าไปมองฟิล์มแว๊บๆก่อนจะทิ้งตัวลงนอนกับขั้นบันไดของสแตนที่นั่งอยู่ ผมหันหน้าไปมองไอ้โอก็เห็นว่ามันกำลังฝึกใช้อาวุธโดยมีโค้ชเป็นคู่ของมันและเธอคนนั้นก็ยังบ่นไอ้โอที่ท่าทางไม่ได้เรื่องต่อไป ส่วนทางไอ้เดย์ก็หมดเรี่ยวหมดแรงกับการฝึกและกำลังนอนพักบนตักคู่ของมันอยู่(โว้ว โรแมนติกไปไหนเนี่ย)แต่ดูคู่ของมันก็เหนื่อยๆอยู่นะสงสัยไอ้เดย์มนใช้พลังอาวุธเยอะคู่เลยเหนื่อยไปด้วย ในตอนที่ผมกำลังนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นี้(จริงสิผมลืมบอกว่าตั้งแต่ที่มีการแข่งนี่เกิดขึ้นโรงเรียนผมก็งดจัดการเรียนการสอนเพื่อนักเรียนมีเวลาพักและต่อสู้กันให้เต็มที่)อยู่ๆฝนก็ตกลงมาแบบเทลงมาเลยทำเอาทุกคนวิ่งหลบแทบไม่ทัน ผมก็สะดุ้งแล้วรีบวิ่งไปที่ศาลาที่ใกล้ที่สุดแต่ทว่าทั้งไอ้โอ ไอ้เดย์ ฟิล์มและพวกพ้องของเธอไปที่ศาลานั้นเหมือนกัน ศาลาไม่ใหญ่มากแต่ก็พอจะอัดพวกเราทุกคนเข้าไปได้แต่ว่าผมพลาดอย่างนึงคือตอนที่ฝนตกผมเอามือข้างที่ใส่ไดรฟ์เวอร์ไว้ขึ้นมาบังทำให้สีย้อมไว้ลอกออกไปตามน้ำฝนส่วนนึงและตอนนี้ผมก็อยู่ใกล้ฟิล์มในระยะที่จะทำให้มันเปล่งแสงได้ซะด้วยหวังว่าฟิล์มคงจะไม่รู้ตัวนะ

    “อุ้ย! ฟิล์มชิพป์เธอเปล่งแสงอีกแล้วล่ะ”(...x)

    “เฮ้ย! เดธนั่นไงกูบอกแล้วว่ากูจำได้ ไดรฟ์เวอร์มึงสีแดงจริงๆด้วย”(นี่ก็x xซ้ำxซ้อนอะไหนักหนาวะ)ฟิล์มและเพื่อนๆของเธอไม่สิ ทุกคนในศาลาเลยล่ะที่กำลังจ้องมองมาทางผมเป็นตาเดียว

    “...”ทุกอย่างเริ่มเข้าสู่ความเงียบ ไม่มีใครเอ่ยอะไรขึ้นมาแม้แต่คนเดียว

    “อือ ใช่ ฉันคู่กับฟิล์มเองแหละเพียงแต่คิดว่าฟิล์มคงไม่อยากคู่ด้วยเลยปิดบังไว้”

    “...ไม่ใช่อย่างงั้นหรอก”ฟิล์มพูดแต่หลบสายตาผม

    “ความจริงฉันก็ไม่ได้รังเกียจเธอหรอกนะ เพียงแตฉันไม่แน่ใจว่าเธอจะยอมรับฉันได้รึป่าว”(ฟิล์มรู้ตลอดเลยสินะเพียงแต่ไม่พูดอะไร ผมนี่มันบ้าจริงๆนะที่คิดไปเองแบบนั้น)

    “ช่างมันเถอะตอนนี้น่ะ ไว้ให้เธอกลับไปคิดให้แน่ใจก่อนก็แล้วกัน”พูดเสร็จผมรีบเดินออกมาจากศาลานั่นและเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมายท่ามกลางสายฝน ผมเดินไปเรื่อยๆและนึกคิดถึงสิ่งที่ผมทำไปว่า(มันถูกแล้วหรอ?เรามีเหตุผลอะไรที่ต้องไปทำกับเค้าแบบนั้นความจริงเราเองก็อยากคู่กับเค้าอยู่แล้วไม่ใช่หรอ แล้วเราจะปฏิเสธไปเพื่ออะไร ทำไมๆๆๆๆๆถึงปากไม่ตรงกับใจแบบนี้นะ)....

     

     

     

    Part 2

    เช้าวันต่อมา

                    ผมนอนซมอยู่บนเตียงพร้อมไข้ที่มาแบบไม่ต้องสงสัย เท่าที่พอจะจำได้คือเมือวานนี้ผมตากฝนกลับมาบ้านและเมื่อมาถึงผมก็เช็ดตัวแล้วทิ้งตัวลงนอนทันที ตื่นมาอีกทีก็ 9 โมงกว่าแล้ว ผมค่อยๆลุกขึ้นจากเตียง เดินออกไปหาอาหารเช้ากินแต่ก็ไม่มีอะไรกินเพราะผมลืมไปว่าตอนนี้ผมอยู่บ้านคนเดียวพ่อกับแม่ผมไปต่างจังหวัด 3 เดือน ผมต้องอยู่บ้านคนเดียวและต้องหัดทำอะไรด้วยตัวเอง แต่วันนี้ขอขาดสักวันละกันนะเพราะผมป่วยอยู่และไม่อยากฝืนตัวเองสักเท่าไหร่ เมื่อคิดได้ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะกินยาแก้ไข้และนอนตอทันที...

                    ตื่นมาอีกทีก็ 5 โมงเย็นแล้วหรอแต่ผมกู้สึกได้ถึงอาการป่วยของผมว่ามันค่อนข้างดีขึ้นมากแล้วแต่ก็รู้สึกหิวมากเหมือนกันเพราะตั้งแต่เช้ามาก็นอนยาวเลยไม่ได้กินอะไรเลย ผมตองเดินออกไปห้องครัวเพื่อทำอาหารกินเองเสร็จแล้วก็กลับมาเปิดอินเตอร์เน็ตดูข่าวสารต่างๆบ้างแต่ก็เจอกับข้อความของไอ้เดย์ที่ส่งมาเหมือเจ้าหนี้มาทวงหนี้ยังไงไมรู้

    “ส่งมาทำไมเยอะแยะกันนะ”ผมพึมพำก่อนจะกดอ่านข้อความ ในข้อความส่วนใหญ่ก็มีแต่ที่มันถามว่าทำไมไม่มาโรงเรียน เป็นอะไรรึป่าว พักเยอะๆนะ ใจเย็นๆอะไรพวกนี้แหละแต่ผมดันไปสะดุดตรงชื่อของฟิล์มในข้อความที่ไอ้เดย์ส่งมา ในข้อความมีเนื้อหาดังนี้เฮ้ย ไอเดธมึงรู้มั้ยตั้งแต่ฟิล์มรู้เรื่องนั้นฟิล์มเค้าก็พยายามติดต่อหามึงตลอดเลยนะ ยิ่งเค้ารู้ว่ามึงไม่มาโรงเรียนนี่เค้าเป็นห่วงมึงมากเลยนะเพื่อน เค้าเอาแต่โทษว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ทำให้มึงเป็นแบบนี้ผมก็อยากจะดีใจที่ฟิล์มเป็นห่วงผมแต่ว่าผมอยากให้ฟิล์มเลิกคิดมากจะดีกว่า ผมไม่คิดจะโทษเค้าหรอก ผมจึงกดส่งข้อความกลับไปหาไอ้เดย์ว่ามึงไม่ต้องห่วงกูเริ่มดีขึ้นแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไปตามปกติแหละ จากนั้นผมก็ไล่ดูข่าวสารบนเฟสบุ๊คซึ่งส่วนใหญ่ก็มีแต่ข่าวแนะนำนักเรียนที่มีผีมือโดดเด่น เป็นตัวเต็งของจังหวัดอะไรพวกนั้น ผมเลือกที่จะปิดรับข่าวสารจากจังหวัดอื่นๆจึงทำให้มีแต่ข่าวสารของจังหวัดเดียวกันและแต่ล่ะคนนำเสนอมามีแต่พวกที่อยู่โรงเรียนเอกชน บ้านรวย ลูกผู้มีตระกูลทั้งนั้น ไม่แปลกใจเลยที่ผู้หญิงส่วนใหญ่เลือกที่จะทิ้งคู่ของตัวเองแล้วไปเป็นทาสให้พวกนั้น ส่วนไอ้พวกนั้นก็ใจกว๊างกว้างขอแค่มือชิพป์สีเดียวกันก็ยอมสู้กับคู่พวกหล่อนแล้วเอาพวกหล่อนมาครอบครองทุกคน(สักวันเราคงต้องได้เจอกับพวกนี้สินะแต่จะไปถึงรึป่าวก็ไม่รู้อีกอย่างยังไม่ได้ทำสัญญากับคู่ที่ได้เลยด้วย)หลังจากดูข่าวสารเสร็จผมก็เลยปิดคอมฯแล้วไปนอนคิดกับตัวเองว่าจะเอาไงต่อดีแต่ก็คิดเพลินจนไหลหลับไปซะได้...

    วันต่อมา...

                    วันนี้ก็วันศุกร์แล้วสินะ วันนี้ผมตื่นเช้ากว่าปกติเพราะเมื่อวานผมนอนเร็วมากเนื่องจากนอนคิดอะไรเพลินๆแล้วมันก็เผลอหลับไป ผมออกไปอุ่นข้าวและทอดไข่ทิ้งไว้สองฟองก่อนจะเดินเข้ามาในบ้านแล้วคว้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป ผมใช้เวลาไม่มากในการอาบน้ำเพราะต้องออกมากินข้าวอีกแต่ระหว่างที่กำลังอาบน้ำอยู่นั่นผมก็ดันนึกเรื่องของฟิล์มขึ้นมาจากคำพูดของไอ้เดย์ที่บอกเมื่อวาน...ผมส่ายหน้าเรียกสติตัวเองกลับมาก่อนจะออกมาหาเสื้อผ้าใส่

    ณ โรงเรียน

                    ผมมาถึงโรงเรียนแต่เช้า ชเขนาดที่ว่าแทบยังไม่มีใครมาเลย ผมนั่งๆนอนๆอยู่ศาลารอเวลาเข้าแถวแต่ก็คงอีกนาน...และแล้วเวลานั้นก็มาถึง ผมนอนฟังเพลงเพลินจนแทบไม่สนใจว่าเริ่มมีคนมาโรงเรียนหรือยังแต่รู้สึกตัวอีกก็ถึงเวลาเข้าแถวแล้ว พวกนักเรียนต่างก็พากันทยอยเดินไปเข้าแถวที่หน้าเสาธงผมก็เดินตามแถวไป

    “กูนึกว่ามึงจะไม่ว่าแล้วซะอีก เป็นไงบ้างวะเพื่อน”ไอ้เดย์ก็ชวนคุยในแถวทันที

    “เออกูบอกแล้วว่าไม่เป็นไรมาก ไม่อยากขาดเรียนเท่าไหร่”

    “ถึงไอ้โอมันจะเอ๋อแต่มันก็ใช้อาวุธเป็นแล้วนะเว้ย มึงล่ะยังไม่ยอมรับเป็นคู่กันอีก”

    “มึงจะให้กูยอมรับทันทีคงไม่ได้หรอก ฝ่ายนู้นเค้าอยากคู่กูมั้ยก็ไม่รู้”

    “เอาน่า ไม่ลองไปคุยดูจะรู้หรอวะ ยังไงก็ลองคุยกันดูก่อน แต่เค้าก็ไม่รังเกียจอะไรมึงนี่”

    “เออๆ ไว้เจอหน้ากันก่อนก็แล้วกัน”จากนั้นพวกก็ตั้งหน้าตั้งตาเข้าแถวจนเลิกแถวแต่ขนาดนี้ไอ้โอก็ยังไม่ตื่นเลย พวกผมจึงตกลงกันว่าจะไปรอไอ้โอในโรงอาหาร ขณะที่นั่งคุยกันเพลินๆอยู่ผมก็เห็นฟิล์มเดินมาพร้อมกับรุ่นพี่ม.6คนนึงซึ่งผมพอจะจำได้ลางๆว่ารุ่นพี่คนนั้นชื่อนอทและพี่แกก็สนิทกับฟิล์มพอสมควร(เห็นแล้วรู้สึกตะหงิดๆยังไงไม่รู้)ผมว่ารุ่นพี่คนนี้เองก็คงชอบฟิล์มอยู่พอสมควรแต่ไม่กล้าบอกเลยต้องกลายเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน เหมือนผมจะเห็นไดรฟ์เวอร์ของเค้านะอยู่ตรงเอวด้านขวาสีเทานี่มันสีเดียวกับไอ้โอเลยนี่และรู้สึกว่าจะทำการยืนยันชิพป์เรียบร้อยแล้วด้วย ทั้งคู่เดินมานั่งตรงโต๊ะที่ห่างออกไปจากโต๊ะผมประมาณ 3-4 โต๊ะแต่อยู่ในแนวเดียวกัน ผมเหลือบสายตาไปมองเพื่อนๆของฟิล์มที่กระซิบกระซาบอะไรกับพี่นอทอยู่ก็ไม่รู้พร้อมกับชี้มาทางโต๊ะผม(หรือชี้แค่ผมคนเดียวนะ)พี่นอทก็หันมามองผมตามที่นิ้วชี้มาก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาหาผม ฟิล์มที่นั่งอยู่ข้างๆเห็นเข้าก็เลยดูเหมือนจะเดินตามมาห้ามแต่ไม่ทันแล้วเพราะตอนนี้พี่นอทยืนอยู่หน้าผมที่กำลังนั่งเก้าอี้อยู่ พี่แกคว้าคอเสื้อของผมด้วยมือทั้งสองข้าง

    “มึงยอมแพ้เถอะ ฟิล์มน่ะเป็นของพี่”สีหน้าดูจริงจังมาก

    “ผมก็ยังไม่ได้ตกลงจับคู่กับฟิล์มเลย”

    “งั้นก็ทำซะ แล้วรับคำท้าพี่จากนั้นแกก็ยอมให้พี่ชนะเท่านั้นก็จบ”

    “แต่ไดรฟ์ฯพี่สีเทานี่ ได้ชิพป์ฟิล์มไปก็ใช้ไม่ได้ทำได้แค่เอาไว้อัพเกรดเท่านั้น”

    “ใช้ไม่ได้ก็อยากเก็บไว้เพราะพี่ไม่อยากให้ฟิล์มอยู่ในมือใคร”

    “ในมือพี่ปลอดภัยที่สุด?”ผมถามแบบทำหน้าตาโตกวนประสาทไปด้วย(ว่าแต่มันอะไรวะทำไมมีแต่คนอยากคู่กับฟิล์มทั้งนั้นเลย)

    “เฮ้ย! มึง...”พี่นอทกำลังยกกำปั้นขึ้นจะต่อยผมแต่ฟิล์มก็เข้ามาดึงแขนไว้ก่อน

    “พี่นอทอย่า”

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น