ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    survival world online

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 หลุมดำ?

    • อัปเดตล่าสุด 7 มี.ค. 57


    หลุมดำ?

    “งืมๆ เช้าแล้วหรอ”ผมพึมพำเสียงัวเงียเนื่องจากแสงแดดส่องเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง

    “วันนี้จะเกิดเรื่องอะไรบ้างหว่า”

    เฮ้อ คิดแล้วก็เศร้าสี่วันก่อนก็โดนไล่ออกจากโรงเรียนเนื่องจากเอาขวดแก้วฟาดหัวผอ.โดยไม่ตั้งใจเข้า วันต่อมาก็โดนแม่ด่าฉี่รดที่นอน วันต่อไปก็สิงโต?ไล่ฟัด จากนั้น.....

    “เมื่อวาน ก็โดนเด็กอนุบาลต่อย เฮ้อชีวิตหน่อชีวิต”อนาถจริงอะไรจริงวุ้ย

    ไปล้างหน้าดีกว่า

    ผมค่อยๆลุกจากเรื่องความโหดร้ายในอดีตไปล้างหน้าบ้างเผื่อจะล้างความเลวร้ายนี้ไปได้ไม่งั้นชีวิต ม.ปลายของผมคงป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดีแน่ๆเลย แต่จะว่าไปผมก็โดนไล่ออกแล้วนิหว่า เอาหละๆล้างหน้าดีกว่า

    เริ่มจากเปิดประตูอย่างนี้แล้วก็ เฮ้ยยยยยยย

    ใช่มันควรที่จะเปิดประตูไปปกติอย่างที่เคยเป็นก็เกือบจะปกตินะถ้าอีกฟากของประตูคือห้องน้ำที่ผมเคยใช้มาตั้งแต่เด็กจนโต แต่ตรงหน้าของผมมันคือหลุมอากาศสีดำขนาดใหญ่ที่มีสายฟ้าแล่นไปมา ดูสิแม้แต่นกที่บินเข้าไปยังไม่เหลือซากเลย แต่เดียวก่อน.....

    “นกมาจากไหนฟ่ะ”ผมตะโกนขึ้นมาก่อนจะสอดส่องไปดูรอบๆก็พบว่าเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวขจีสุดลูกหูลูกตามีสิ่งที่ผมยังพอรู้จักในตอนนี้ก็คือไอลูกบิดประตูที่มันติดคามือของผมอยู่ส่วนบานประตูนั้นหรอ?

    งั่มๆ กร่อบๆ เอ๊กกกกกก

    ก็โดนแดรกไปแล้วนะสิแถมเจ้าตัวการยังไม่รู้ตัวว่าโดนจ้องอีกต่างหากกินอย่างสบายใจ มันมีรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์ตัวเล็กๆตัวของมันปกคลุมด้วยขนหนาสีดำที่ปากเล็กๆนั้นมีเขี้ยวสีขาวคมเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ อุ้งมือและอุ้งเท้ามีเล็บเล็กๆที่ท่าทางจะแข็งไม่ใช่เล่น กลางอกมีคริสตัลสีใสฝังตัวติดแน่น ตรงปลายจมูกมีก็เขาคริสตัลแบบเดียวกันติดอยู่ด้วย

    งับ จ๊ากกกกก

    เจ้านั้นงับลูกบิดประตูของต่างหน้าชิ้นสุดท้ายของผมเข้าไปพร้อมๆกับมือที่ผมใช่มาตั้งแต่เกิดไปพร้อมกัน ผมจึงต้องสลัดมือออกอย่างช่วยไม่ได้แต่ดูเหมือนว่าผมยิ่งสลัดมันก็ยิ่งจะขบเขี้ยวมากยิ่งขึ้น ผมร้องอย่างเจ็บปวดก่อนที่ผมจะสลบเหมือดลงไป

    แต่เดียวก่อนเหตุการณ์แบบนี้ถ้าตามในการ์ตูนที่อ่านมาตื่นมาต้องเจอพี่สาวสุดสวยหรือสุดยอดฝีมือแน่นอนอย่างนี้ต้องนอนนานๆหน่อย ก๊ากๆ

    งั่บ แควก อ๊ากกก

    ผมแหกปากร้องขึ้นมาสุดเสียงก็ในเมื่อไอ้เจ้าตัวมีขน?นี่มันขบเคี้ยวเส้นผมสีดำขลับของผมอย่างสนุกปากและเหมือนผมจะเห็นหนังหัวแดงๆของผมติดไปด้วยแวบแว่บนี้สิพี่สาวแสนสวยผมก็ไม่ได้เจอสุดยอดฝีมือผมก็ไม่ได้เห็นและนี้ยังจะพรากหนังหัวสุดที่รักของผมไปด้วยหรอ

    “ผมโมโหแล้วนะ ไอ้ขนดกผมจะถลกหนังของแกมาตัดชุดให้ได้คอยดู”ผมประกาศก้องแต่ดูเหมือนมันจะไม่สนใจยังขบเคี้ยวเส้นผมอย่างสนุกปากอยู่ผมจึงเตะมันไปด้วยสุดแรงที่มีจนมันกระเด็นไป 3 เมตร

    ได้ผลมันเหลือบหางตามามองผมเสี้ยววินาทีก่อนที่มันจะ…..

    เอิ๊กกกกก

    เรอ ออกมาอย่างอิ่มเอิ่มดูสิมันยิ้มโชว์ฟันขาวมาให้ผมดูด้วยหละ แต่เดียวก่อนนั้นมันหนังหัวผมนิแกตาย

    “เอ็งตายยย”ผมวิ่งกระโดดถีบขาคู่ใส่มันและกระโดดไปกระทืบซ้ำๆตามด้วยจับทุ้มแล้วเข่าลอยใส่ต่อด้วยจระเข้ฟาดหางและต่อๆด้วยแม่ไม้มวยไทยที่ผมยังพอรู้จักอยู่บ้างจนเหนื่อยหอบ

    ดูเหมือนมันจะเริ่มโกรธเหมือนผมแล้วสิให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร

    มันลุกขึ้นมาจากฝ่าเท้าของผมอย่างง่ายดายเพียงแค่ขยับตัวนิดเดียวและมันกลิ้งตัวไปกับพื้นก่อนจะกระโดดถีบขาคู่ใส่ผมจนหน้าหงายแล้วเหมือนกดดูวีดีโอย้อนกลับทั้งเข่าลอยจระเข้ฟาดหางตามมาติดๆถี่ยิบเพียงแค่ตัวเอกคือไอ้เจ้าขนดำนี้ส่วนผมเป็นแค่กระสอบทรายหลังจบกระบวนท่าทั้งหมดมันก็หมุนตัวแล้วใช่ปากงับหัวของผมไว้แน่นไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย

    เฮ้!!! ตึงๆ

    เสียงคนหมู่มากดังแว่วมาแต่ใกล้ๆพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ยำกรายเข้ามาทางนี้ บ่งบอกได้ถึงจำนวนที่มากมายได้อย่างดีและดูเหมือนเจ้าขนดำนี้ก็จะรู้ตัวเหมือนกันมันทำท่าหาที่หลบอยู่นั้นซึ่งในทุ้งหญ้ากว้างนี้ก็แทบไม่มีที่หลบซ่อน

    มันดิ้นดุ้กดิ้กๆอยู่บนหัวของผมสักประเดียวก่อนจะนิ่งไม่ไหวติงแต่ก่อนที่ผมจะได้ทันเงยหน้าไปดูอยู่นั้นเสียงฝีเท้าก็ใกล้เข้ามาแล้วซึ่งจะหนีก็ไม่ทันจึงทำได้แค่ใจดีสู้เสือยืนรับกรรมแต่โดยดีเหมือนจะเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ด้วยสิหมอบคลานแถวนี้ยังทันมั้ยนะ แต่เหมือนจะไม่ทันแล้วก็ในเมื่อเงาสีทำทะมึนทาบตัวผมจนมิด

    ผมเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของเงานี้ทันทีก็พบว่าเป็นสิ่งมีชีวิตตรงหน้านี้เป็น มังกรตัวใหญ่สีแดง สูงกว่า 30 เมตรได้ ความยาวจากหัวถึงหางยาวกว่า 40 เมตร เกล็ดสีแดงขลิบทองจัดเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบตั้งแต่หัวจรดปลายหาง ดวงตาโตสีแดงจ้องมองมาที่ผมด้วยแววตาดุร้าย ผ่านเกราะสีทองที่มันสวมใส่อยู่ซึ่งสลักด้วยลวดลายรูปมังกรที่กางปีกยาวสง่าเบื้องหลังเป็นภาพโล่อัศวิน ซึ่งคาดว่าจะเป็นสัญลักษณ์ของอาณาจักรใดก็อาณาจักรหนึ่งซึ่งคงยิ่งใหญ่ไม่น้อยเพราะมีถึงสัตว์ในตำนานอย่างมังกรเป็นกำลังพล

    “เฮ้ เจ้าหนูเจ้ามาทำอะไรในที่แห่งนี้รึบอกข้าได้รึไม่”ชายในชุดเกราะที่มีสัญลักษณ์แบบเดียวกันกับเจ้ามังกรชะโงกหัวลงมาถามผมซึ่งยืนอ้าปากค้างอยู่นั้น

    “ผม?”ผมชี้นิ้วมาที่ตนเองก่อนจะมองไปรอบๆก็ไม่เห็นผู้ใคร ผมแน่ๆก็ในเมื่ออัศวินด้านบนพยักหน้าให้

    “เจ้าขึ้นมาบนนี้ก่อนสิแล้วค่อยคุยไประหว่างทาง”เขากล่าวเชิญชวนซึ่งผมได้ยินเสียงจากด้านหลังถามเสียงเซงเซ่ว่าหยุดทำไม ผมจึงชะโงกหน้าไปดูก็พบว่ามีอัศวินหลายกองเดินตามมาอยู่ยาวทอดออกไปผมจึงรีบขึ้นแทบไม่ทัน

    หลังจากขึ้นมาด้านบนแล้วอัศวินตรงหน้าก็ซักถามไม่หยุดหย่อนทำให้ผมซึ่งไม่รู้ว่าที่นี้คือที่ไหนและคนตรงหน้าคือใครทำให้ผมใส่สีตีไข่อย่างเมามันและแอบถามถึงหลายๆโดยได้ข้อมูลดังนี้

    อัศวินตรงหน้านี้คือแม่ทัพแนวหน้าแห่งอาณาจักร ดราโกนอฟ นาม คาน่อน เวนเดล อายุ 33 ปี นัยน์ตาสีแดง คล้ายคู่หูตน ผิวสีแทน มีกล้ามไม่มากจนน่าเกลียด แต่ท่าทางแรงเยอะไม่ใช่เล่น เป็นคนอ่อนโยนสังเกตได้จากทั้งน้ำเสียงและใบหน้า แต่ก็ดูเด็จขาดในการตัดสินใจต่างๆเช่นตอนพบตัวประหลาดๆที่ท่าทางน่ากลัวเขาก็วางแผนการรบได้ดีจนหน้าใจหาย เขาสูงราวๆ 189 ซม.ได้ ผมสีดำแซมแดงดูเลือดร้อนแต่กลับสุขุม

    “เจ้าหนูฟาคอลเจ้าเห็นเมืองนั้นไหมนั้นแหละจุดหมายของเรา เมืองดาร์กกอล เมืองชั้น กลาง ของอาณาจักรของเรา”ฟาคอล เอเทล คือชื่อใหม่ของผมในโลกแห่งนี้ซึ่งผมคิดว่าเป็นคนละโลกกับที่ผมเคยอยู่แน่เลยก็ในที่แห่งนี้มีสิ่งชีวิตแปลกๆมากมายอีกทั้งยังมีสิ่งที่เหล่ามนุษย์ตามหาและยังพิสูจน์ไม่ได้อย่างเวทมนตร์ พลังปราน หรือ พลังจิต ซึ่ง คาน่อนบอกว่าเขาสามารถใช้ได้สองสายคือ เวทมนตร์ และพลังปราน ซึ่งเขาสามารถใช้พลังปรานได้ดีกว่าเวทมนตร์แต่ถึงอย่างนั้นพลังเวท ของเขาก็สูงอยู่ดี

    “แล้วท่านคาน่อนจะเข้าไปทำไมรึ”ผมกล่าวสำเนียงและการพูดตามแบบคาน่อนซึ่งผมคิดว่าควรจะกลมกลืนไปกับโลกใบนี้เพื่อตัวของผมเอง

    “ข้าและกองทัพจะต้องจัดเตรียมเสบียงของกองทัพเพื่อไปทำป้องการการบุกรุกของทางอาณาจักรโปรตรอน ซึ่งชอบมาป้วนเปี้ยนแถวๆชายแดนและได้ข่าวว่าทางโปรตรอนได้จัดทัพเตรียมพร้อมรบแล้ว ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานต้องเกิดสงครามอย่างแน่นอน”คาน่อนกล่าวเสียงดุดันแสงถึงความโกรธแค้นเมื่อพูดถึง อาณาจักรโปรตรอน คงจะมีเบื้องหลังไม่ดีกับอาณาจักรนั้นแน่ๆ

    กองทัพแห่งอาณาจักร ดราโกนอฟ ค่อยๆกระจายตัวกันออกไปตั้งแคมป์พร้อมค้างคืนเนื่องจากสัตว์อสูรในตอนกลางคืนจะน่ากลัวมาก ซึ่งสัตว์อสูรก็คือไอ้ตัวประหลาดๆที่ไม่มีความรู้สึกนึกคิดที่ซับซ้อนมากนักนั้นเองเช่นพวกสัตว์พาหนะ แต่ไม่รวมพวกมังกรเพราะมันเป็นสัตว์ชั้นสูงมีความฉลาดเทียบเท่ามนุษย์เพียงแต่สาบานว่าจะรับใช้มนุษย์ที่ตนนับถือเท่านั้น

    “เจ้าหนูรับนี้ไป แล้วก็หาที่แถวๆนี้กางได้ตามสบาย”คาน่อนโยนถุงใส่กระโจมเล็กๆแบบพกพามาให้พลางชี้นิ้วไปที่ว่างๆให้

    ผมใช้เวลาหาที่เหมาะๆอยู่สักครู่ซึ่งก็คือข้างกระโจมของคาน่อนนั้นเองเขามีความสนิทสนมกับคนในกองทัพมากพอตัวสังเกตจากเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่ดูเป็นกันเองอย่างมาก

    หลังจากกางกระโจมเสร็จผมก็ออกไปเดินเล่นรอบๆแคมป์ดูในขณะที่กำลังจะเดินผ่านกระโจมขนาดใหญ่หลังหนึ่งนั้นหูเจ้ากรรมก็บังเอิญไปได้ยินบางอย่างเข้าด้วยความสงสัยผมจึงทำตัวให้เงียบที่สุดก่อนจะแอบฟังแบบลับๆ

    ภายในกระโจมขนาดใหญ่ข้างในไม่ได้ตกแต่งอะไรมากนักมีเพียงโต๊ะและเก้าอี้อีก 6 ตัวดูเหมือนจะเป็นที่ประชุมรอบโต๊ะมีบุคคล 5 ท่านซึ่งมีคาน่อนรวมอยู่ในนั้นด้วยกำลังประชุมกันอย่างเคร่งเครียดส่งจิตสังหารมากดดันอยู่เนื่องๆ

    ------------------------------------------------------------------------------------------------
    ไม่รู้จะพูดไรดี=0=

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×