คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ปิ๊งรักยัยตัวจิ๋ว ตอนที่ 3 ไปเที่ยวสวนสัตว์
เมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์เวียนมาอีกครั้ง คืนนี้บ้านของหนุ่มน้อยซองกี้ดูครึกครื้นจริงๆ ดูได้จากเสียงหัวเราะหน้าจอทีวีของคุณพ่อและคุณลูกชาย แถมลูกสาวตัวนอนที่นอนหลับปุ๋ยบนที่นอนแสนอุ่น ส่วนคุณแม่ก็เตรียมตะกร้าและจัดสิ่งของเพื่อวันสนุกๆในพรุ่งนี้
“ซองกี้จ้ะ พรุ่งนี้วานนี่จะมาหาเรากี่โมงกัน” คุณแม่ถามเสียงใสพร้อมกับจัดขนมลงในตะกร้า
“พรุ่งนี้เหรอฮะ อ่า...ตอนแปดโมงเช้าฮะ เราจะไปกันตอนสิบโมงใช่ไหมฮะ” ซองกี้ตอบแต่ตายังมองโทรทัศน์ไม่กระพริบ
“งั้น...แม่คงต้องเตรียมขนมให้ซองกี้แล้วก็วานนี่เพิ่มแล้วหล่ะ เราสองคนหน่ะอยู่ด้วยกัน ต้องชวนกันกินเยอะแน่ๆเลย” คุณแม่ยิ้มและนึกภาพของเด็กน้อยทั้งสองออกในทันที
หลังจากละครทีวีสี่ทุ่มจบลงแล้ว คุณพ่อก็พาซองกี้เข้านอน ตอนนี้ซองกี้โตมากแล้ว...และก็มีน้องสาวมานอนแทนที่ในห้องคุณพ่อคุณแม่แล้ว ซองกี้จึงได้ห้องใหม่สีฟ้า สวยสดงดงาม...มีโต๊ะเขียนหนังสือ มุมอ่านหนังสือซึ่งล้วนแล้วมีแต่การ์ตูนซะเป็นส่วนใหญ่ ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเครื่องเล่นดีวีดี จริงๆแล้วซองกี้ไม่ได้ชอบดูหนัง...แต่หนุ่มน้อยคนนี้ชอบฟังเพลง ถ้ามองดีๆบนชั้นวางซีดี จะมีซีดีและดีวีดีคาราโอเกะอยู่หลายแผ่น ซองกี้บอกว่า โตขึ้นจะเป็นนักร้องที่เสียงดีที่สุดในโลก
“แม่ฮะ ผมอยากร้องเพลงก่อนนอนสักหนึ่งเพลงฮะ” ซองกี้เดินหยุดอยู่หน้าเครื่องเล่นและหันมาพูดกับคุณแม่
“ไม่ได้หรอกนะจ้ะซองกี้ น้องมัซโซะกำลังหลับปุ๋ยอยู่...เดี๋ยวน้องตื่นมาตอนนี้ต้องโยเยมากๆเลยนะ ไม่สงสารน้องเหรอ น้องยังเด็กอยู่เลย” คุณแม่ปฏิเสธ ซึ่งซองกี้ก็ยอมทำตาม เพราะว่าหันมามองน้องมัซโซะที่ถูกคุณแม่อุ้มแล้วหลับปุ๋ย ไม่ยอมกระดุกกระดิก
“ก็ได้ฮะ งั้นผมขอจูจุ๊บน้องมัซโซะหน่อยได้ไหมฮะ” ซองกี้เดินเข้ามาใกล้ๆ และจูจุ๊บน้องมัซโซะ เด็กหญิงตัวน้อยกระดุกกระดิกตัวนิดนึงและนิ่งไปต่อ เหมือนเป็นการตอบรับให้พี่ชายรู้ว่าเธอรู้แล้วว่าพี่ชายรัก แต่ตอนนี้ขอหลับก่อนนะ...
วันรุ่งขึ้น...วันนี้ซองกี้ตื่นขึ้นมาด้วยนาฬิกาปลุก เขาปลุกไว้เมื่อคืนตอนเจ็ดโมงเช้า เขาจะใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการอาบน้ำแต่งตัวและลงไปรอเพื่อนที่กำลังจะมา และไปเที่ยวด้วยกัน ก่อนจะลงไป...ซองกี้แอบแวะที่ห้องของคุณพ่อคุณแม่ และเห็นว่าน้องมัซโซะก็ตื่นแล้ว กำลังคลานไปคลานมาอยู่บนที่เปลของตัวเอง
“มัซโซะ มัซโซะ...ตื่นแล้วเหรอ...กินนมหรือยัง” ซองกี้เดินมาเกาะอยู่ข้างๆที่เปลของน้องสาวตัวน้อย น้องมัซโซะแสนฉลาดเงยหน้าขึ้นมาตามเสียงทำเสียงอ้อแอ้ พร้อมทั้งชูลูกเป็ดน้อยสีเหลืองขึ้น...
“ให้พี่บีบให้ฟังงั้นเหรอ มาสิๆ” ซองกี้ยื่นมือจะไปเอาเจ้าเป็ดน้อย แต่ว่า...มัซโซะไม่ได้ต้องการให้ซองกี้บีบเป็ดน้อยให้ ท่าทางมัซโซะแค่อยากโชว์ของเล่นที่ถูกใจให้ดูเท่านั้น กลายเป็นว่ามัซโซะกำลังเข้าใจผิดนึกว่าพี่ชายจะมาแย่งลูกเป็ดน้อยไป เลยทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“อะอะโอ๋...เปล่าๆ พี่ไม่ได้จะแย่น่า...เปล่าๆแย่งเลย แค่จะบีบปี๊บๆให้ฟังนะ โอ๋ๆ” หลังจากได้ยินทำว่าโอ๋ๆ ของพี่ชาย มัซโซะก็เลยทำหน้าเบะเหมือนร้องไห้ทันที เป็นสาวน้อยที่ฉลาดแต่เด็กๆจริงๆ
แปดโมงเช้าพอดีเป๊ะ หนุ่มน้อยอีกคนที่นัดไว้ก็มาถึงหน้าบ้านของซองกี้พอดี วันนี้วานนี่แต่งตัวหล่อมากมายพร้อมหมวกแก๊ปใบโปรด เพราะว่าจะได้ไปเที่ยว และสะพายเป้ติดหลังมาด้วย ด้านในคุณแม่ใส่ขนมเอาไว้เยอะแยะเลย...
“มาแล้วเหรอวานนี่...ตอนนี้คุณแม่กำลังจัดขนม กับจัดของสำหรับน้องมัซโซะอยู่” ซองกี้เดินออกมารับวานนี่ที่ประตูรั้ว แต่ทันใดที่วานนี่ได้ยินชื่อน้องมัซโซะ ก็ทำหน้าตะหงิดๆ ไม่ค่อยไว้วางใจ หลังจากคราวที่แล้วโดยลูกเป็ดเควี้ยงใส่หัวแล้วยังต้องโดนปุ้งใส่หน้าด้วย
“น้องมัซโซะ...วันนี้จะแกล้งฉันอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้นะซองกี้” วานนี่ทำท่าคิดอย่างหนัก
“คงไม่แล้วหล่ะ แต่ว่า...มัซโซะหน่ะชอบนายนะวานนี่ เพราะว่ามัซโซะไม่เคยเห็นปุ้งใส่ฉันหรือใครๆเลย” ซองกี้พูดปลอบใจเพื่อน ปุ้งที่ว่าหน่ะ...มีวานนี่โดนคนเดียวนี่น่า...
หลังจากที่คุณแม่จัดของเรียบร้อยและนำของไปไว้ที่รถแล้ว ก็กลับเข้ามาอุ้มมัซโซะที่นอนเล่นรออยู่ วันนี้น้องมัซโซะแต่งชุดกระโปรงตัวสีแดงแจ๋ ที่หน้าอกมีลายการ์ตูนรูปหมีน่ารัก พร้อมใส่หมวกใบเล็กๆสีแดงเข้าชุดกัน แต่ความน่ารักของมัซโซะไม่ได้มัดใจวานนี่เลย เพราะวานนี่สัญญาว่าจะไม่มีทางอยู่ใกล้ๆมัซโซะเป็นอันขาดเลย...
“ซองกี้กับวานนี่นั่งข้างหลังนะ...ซองกี้อยากจะเอาน้องมัซโซะไปอุ้มด้วยไหมลูก” คุณแม่ถามยิ้มๆ เพราะรู้ว่าตั้งแต่มาถึงนี่ วานนี่ไม่ยอมเข้าใกล้มัซโซะเลย ทำเอาคุณพ่อก็ยิ้มในคำพูดแหย่วานนี่ไปด้วย
“อ่า...ไม่ดีกว่าฮะ กลัวทำน้องมัซโซะหล่นอ่ะฮะ แล้วก็...วานนี่กลัวน้องมัซโซะปุ้งใส่ด้วยฮะ” พูดเสร็จซองกี้ก็ขำใหญ่เลย
“ไม่ใช่สักกะหน่อย” วานนี่เถียงขึ้นมา...แต่ก็รู้สึกโล่งใจที่ยัยมัซโซะตัวแสบไม่ได้มานั่งข้างหลังด้วย
“แอ๊ะๆ” เสียงเล็กๆดังขึ้น พร้อมกับหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส่ โบกมือน้อยๆให้พี่ชายทั้งสองคนที่นั่งด้านหลัง ซองกี้เอื้อมมือไปจับมือน้อยๆ แต่วานนี่กลับนั่งมองยัยมัซโซะตัวแสบเฉยๆ คิดไปว่าถ้าเกิดยื่นมือไปจับด้วยแล้ว เกิดมันกัดเอาจะทำยังไงเนี่ยะ
หลังจากนั่งอยู่ในรถเป็นเวลานาน ก็ถึงสวนสัตว์สถานที่เที่ยวที่วันนี้ทุกคนจะต้องสนุกสนานแน่นอน... หลังจากยื่นตั๋วทางเข้าแล้วเด็กน้อยสองหนุ่มก็วิ่งลั้นล้าไปที่แรก คือดูยีราฟ...
“โอวโห...ยี่ราฟคอยาวมากๆเลยเน๊าะวานนี่ นายเห็นอ๊ะเปล่าอ่ะ” ซองกี้ทำตาโตเท่าไข่ห่าน เมื่อเห็นคอยีราฟยาวๆ
“ฉันเคยฟังมาว่ายีราฟมันชอบลอกคอสอบเลยโดนสาปให้คอยาวหล่ะ” วานนี่คงอ่านนิทานหลอกเด็กมากเกินไปแน่นอน
“ใครว่ากันวานนี่...คุณครูบอกว่าเพราะยีราฟต้องกินพืชที่อยู่สูงๆ เป็นประจำทุกๆวัน เพราะอย่างนั้นมันเลยต้องมีลำคอยาวต่างหาก” ซองกี้ได้ยินเรื่องนี้จากคุณครู ท่าทางสองคนนี้คงไม่ได้ศึกษาจากคุณครูคนเดียวกันแน่ๆ
“มัซโซะ...ดูยีราฟสิ” ซองกี้ชวนให้น้องดูยีราฟ น้องมัซโซะมองยีราฟตาแป๋วเลย เนื่องจากคงเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นสัตว์ประหลาดแบบนี้ หลังจากนั้นก็หัวเราะชอบใจอยู่คนเดียว
“ซองกี้...เราไปดูลิงตรงนู่นกันเถอะ ลิงเต็มไปหมดเลย” วานนี่วิ่งนำหน้าไปก่อน ตามด้วยซองกี้ที่วิ่งเร็วไม่แพ้กัน
“อ่า...ดูสิ นี่ลิงอุรังอุตังแน่ๆเลย ตัวใหญ่ชะมัดเลยเน๊าะ” ซองกี้มองลิงอุรังอุตัง ที่ทำท่าจะสนใจจะเป็นเพื่อนของเด็กน้อยสองคนนี้เหมือนกัน แต่ทันใดนั้น ลิงอุรังอุตังก็หยิบอะไรบางอย่างมาถือไว้ที่มือ และทำท่าแยกเขี้ยว...
“มันคงยิ้มให้เราแน่ๆเลยว่าไหม” วานนี่จึงยิ้มตอบให้กับอุรังอุตังตัวนั้น แต่เปล่าเลย ท่าทางวันนี้อากาศสำหรับเจ้าลิงตัวนี้คงจะไม่ดี มันจึงขว้างของที่อยู่ในมือออกมา ทำเอาซองกี้และวานนี่กระเด้งหนีออกกันคนละทาง
“ฮ่าๆๆ มันคงโมโหละมั้งลูก” คุณพ่อขำเบาๆที่เห็นเด็กสองคนนั้นตกใจกับท่าทางอาการแปลกๆที่อุรังอุตังทำ
“ทำไมมันนิสัยไม่ดีหล่ะครับคุณลุง” วานนี่เงยหน้าขึ้นมา พร้อมรอรับคำตอบตาแป๋ว
“ไม่หรอกครับวานนี่...มันคงตกใจที่เห็นเพื่อนมันอยู่ข้างนอกถึงสองตัว มันเลยอิจฉา” นี่คุณพ่อกำลังแอบว่าเด็กน้อยสองคนที่สนเหมือนกับลิงนั่นเอง
ดูสัตว์ต่างๆชนิดกันจนเหนื่อยเด็กน้อยสองหนุ่ม ก็วิ่งไปที่ตู้ไอติม มีไอติมรสอร่อยอยู่สามแท่ง ซองกี้จึงหยิบมาทั้งสามแท่ง ทันใดนั้น...มือของเด็กชายคนหนึ่งก็มาแย่งไป...
“ทำไมนายทำแบบนี้หล่ะ” หลังจากที่ถูกแย่งไอติมไปหนึ่งแท่งจากเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ซองกี้ก็หันหน้ามามอง พักหลังๆมักโดนแย่งอะไรแบบนี้อยู่บ่อยๆ
“ก็นายได้ไปสองแล้วอ่ะ นายก็มากันสองคน เหลือให้ฉันแท่งหนึ่งสิ” เด็กผู้ชายคนนั้นพูดขึ้น...
“แต่ว่าฉันมีน้องสาว ฉันจะซื้อไปให้น้องสาวของฉันนี่น่า” ซองกี้ยังพยายามจะขอไอติมแท่งนั้นคืน
“ไม่ได้หรอกนะ...ฉันก็จะเอาไปแบ่งกินกับเพื่อนของฉันเหมือนกัน” เด็กคนนั้นก็ยังพยายามบอกเหตุผลที่จำเป็นต้องได้ไอติม
“ริคกี้ๆ ทำอะไรอยู่” เสียงเด็กอีกคนดังขึ้นมาและวิ่งมายืนอยู่ข้างๆ
“ก็คนนี้อ่ะสิ...ได้ไปสองแท่งแล้ว ยังจะเอาอีกอ่ะ ขี้งกที่สุดเลย” เด็กน้อยคนที่โดยเพื่อนเรียกว่าริคกี้พูดบ่นขึ้นมาให้เด็กอีกคนหนึ่งฟัง
“ขอพวกเราแท่งนึงนะ...นายหน้าคุ้นๆ เรียนโรงเรียนเดียวกันหรือเปล่านะ” เด็กผู้ชายอีกคนพูดและทำหน้าสงสัย
“พวกเราเรียนอยู่โรงเรียนหมีน้อยแพนด้า พวกนายหล่ะ” ซองกี้ตอบออกไปว่าตนเองและวานนี่เรียนอยู่ที่นั่น
“ใช่เลย ฉันกับริคกี้ก็เรียนที่นั่น ไหนๆก็เป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนขอไอติมให้ฉันนะ” ถือเป็นการกระชับมิตรไปในตัว
“พวกนายชื่ออะไรหล่ะ” วานนี่หลังจากยืนดูเหตุการณ์อยู่นาน ก็เลยถามขึ้นมาบ้าง
“ฉันชื่อริคกี้แล้วนี่ก็จินนี่ เราเป็นเพื่อนกัน ตกลงให้ไอติมเราได้ไหม” ริคกี้ยังรอคำตอบอยู่
“งั้นก็ได้...ไม่เป็นไรฉันจะแบ่งกันกินคนละครึ่งกับน้องสาวฉันก็ได้” ซองกี้ยอมให้ไอติมแท่งนั้น อย่างน้อยพวกเราก็อยู่โรงเรียนเดียวกัน
“ขอบใจมากนะ” ริคกี้และจินนี่ขอบคุณแทบจะพร้อมกัน
“แล้วเอาไว้เจอกันที่โรงเรียน เราไปเตะบอลกันนะ” ทั้งสองคนวิ่งจากไป เป็นการเพิ่มเพื่อนในวัยเด็กอีกสองคน
จากการยื้อแย่งไอติมกัน สุดท้ายก็ได้มาแค่สองแท่ง วานนี่ได้ไปหนึ่งแท่ง ส่วนอีกแท่งซองกี้ต้องแบ่งกับมัซโซะกิน ในระหว่างที่กำลังแกะเปลือกไอติมอยู่นั่น ท่าทางน้องมัซโซะจะอยากกินมากๆ เพราะร้องเสียงแอ๊ะๆ และมองมาที่ไอติมสีสดใส
“ท่าทางน้องมัซโซะของนายต้องอยากกินมากๆแน่ๆเลยนะ” วานนี่มองน้องมัซโซะอยู่ห่างๆ
“ใช่...มีบางวันน้องมัซโซะกินไอติมถึงสองแท่งเลยนะ จริงๆแล้วคุณแม่ไม่อยากให้กิน แต่น้องมัซโซะชอบทำเสียงแอ๊ะๆ เหมือนจะขอกินด้วย” ซองกี้พูดไปยิ้มไปกำลังจะยื่นให้น้องมัซโซะกิน
“เอาอย่างนี้แล้วกัน...ฉันไม่ค่อยอยากกินเท่าไหร่ ให้น้องมัซโซะของนายก็ได้” วานนี่ยื่นไอติมให้กับซองกี้เพื่อให้ซองกี้เอาไปให้น้องมัซโซะ
“จะดีเหรอ...ว่าแต่ นายก็เริ่มรักน้องมัซโซะแล้วใช่ม๊า ก็น้องสาวฉันน่ารักนี่น่า” ซองกี้พูดและขำเพื่อนสนิทของตัวเอง
“เปล่าสักกะหน่อย ให้ไปเผื่อว่าวันหลังจะได้ไม่เอาของเล่นมาปาหัวฉัน แล้วก็ไม่มาปุ้งใส่ฉันด้วยไง” วานนี่แก้ตัวและทำหน้างอ
ความคิดเห็น