คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : พรสวรรค์อันซ่อนเร้น
ภาคแผนครองพิภพ
ตอนที่ 7 พรสวรรค์อันซ่อนเร้น
3 กุมภาพันธ์ อศ. 226
พัดฟ้าดินที่ปราศจากเอลแห่งลมปกป้องถูกกระบี่ของลูทกระแทกใส่ด้วยแรงที่ทุ่มมาสุดตัว ทำให้พัดของลีโซลมีหลุดจากมือกระเด็นไปไกล
อีกเพียงสามนิ้วกระบี่ของลูทก็จะแทงทะลุทรวงอกของลีโซลมีไป แต่ด้วยความสามารถของเธอที่ถูกคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในอัศวินดำได้ ลีโซลมีรวบรวมพลังเอลที่เหลือก่อเกิดเป็นกระแสลมคุ้มครองนิ้วทั้งสองใช้ปลายนิ้วต่างพัดรับปลายกระบี่ด้วยเอลวายุพัดพาอีกครั้ง
เมื่อปลายนิ้วกับปลายกระบี่ปะทะกันลูทรู้สึกเหมือนข้อมือถูกดึงออกไปด้านข้าง เอลสายลมที่นิ้วของลีโซลมีไม่ใช่กระแสลมต่อต้านหักหาญเช่นเดียวกับที่ใช้พัดฟ้าดินกระแทกกับดาบลายเมฆ แต่เป็นกระแสลมปัดเป่าฉุดให้วัตถุเบี่ยงเบนออกไปด้านข้าง กระบี่ของลูทจึงแทงถูกธาตุอากาศแทนที่จะเป็นลีโซลมี อย่างไรก็ตามมิใช่กระบี่ของลูทจะปราศจากผลเลยทีเดียว ความรุนแรงของสภาวะกระบี่ที่พุ่งมาก็ส่งผลสามส่วนทะลวงผ่านนิ้วทั้งสองไป จนลีโซลมีไถลไปด้านหลังหกเจ็ดก้าวสองเท้ายืมไม่มั่นคง
ลีโซลมีบอบช้ำเสียแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเธอใช้พลังเอลเกินตัวทำให้ถึงกับต้องทรุดลงหอบหายใจ
ลูทถูกกระแสลมที่นิ้วของลีโซลมีชักนำไปด้านข้างไถลไปไกลเกือบสิบเมตรกว่าจะทรงตัวได้ ลูทเหลือบไปเห็นโรซาไลน์นอนบาดเจ็บอยู่ด้านข้าง เธอถูกกระแสลมตีกลับจากการใช้ดาบลายเมฆเข้าจู่โจมในระลอกแรก อาการบาดเจ็บของเธอรุนแรงกว่าเขา ลูทจึงรีบรุดเข้าไปดูอาการของโรสก่อน
ลีโซลมีอาศัยเวลาช่วงนี้ก่อกำเนิดเอลที่ขาดช่วงเพื่อการต่อสู้รอบสองที่กำลังจะเริ่มขึ้น เธอเองไม่คาดคิดว่าคนหนุ่มสาวธรรมดาเพียงสองคนจะทำให้เธอซึ่งเป็นถึงหนึ่งในอัศวินดำเลือดลมปั่นป่วน เธอตัดสินใจจะใช้วิชาประจำตัวไม่ออมรั้งอีกต่อไป
โรสลุกขึ้นมามีสีหน้ามึนงงอยู่บ้าง ตามเนื้อตัวมีรอยฟกช้ำดำเขียวอยู่เล็กน้อยไม่บาดเจ็บหนักอะไรมาก ลูทช่วยดึงมือของโรสขึ้นมาให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง พอตรวจสอบสภาพของทั้งสองก็พบว่ายังมีกำลังเพียงพอที่จะสู้ต่อได้จึงหารือกันถึงแผนการที่จะสู้กับลีโซลมีในยกที่สอง
ลูทพักหอบหายใจครู่หนึ่งกล่าวว่า "เมื่อครู่เกือบจะได้ผลแล้วแต่น่าเสียดายที่กระบี่ถูกปัดออกไปด้านข้างเสียก่อน"
โรสกล่าวตอบว่า "ดูท่าทางเราจะต้องประสานกำลังกันแล้วล่ะลูท พวกเราเสียเปรียบที่ใช้เอลประเภทจู่โจมไม่ได้ แต่ป้าแก่นั่นก็ดูท่าทางใกล้จะหมดแรงแล้วเหมือนกัน"
ลูทมองไปยังลีโซลมีเห็นเธอช่วงชิงเวลาขณะนี้พักผ่อนเช่นกันจึงกล่าวว่า "อืม ก็จริง แต่เรี่ยวแรงของพวกเราก็ใช่ว่าจะเหลือมากมายนัก"
โรสกล่าวว่า "เอาเถอะน่า ข้าคิดอะไรออกอย่างหนึ่งแล้ว"
ลูทถามว่า "รีบบอกไม่ต้องลีลา ป้านั่นดูเหมือนจะฟื้นตัวแล้ว"
ลีโซลมีอายุเพียงยี่สิบหกปีความจริงยังเป็นสาวสะพรั่งแต่ทั้งลูทและโรสกลับเรียกหาเป็นป้านั่นป้านี่ โรสพอคิดแผนได้ก็หันไปกระซิบที่ข้างหูลูทสามสี่ประโยค ลูทก็พยักหน้าคราหนึ่งกล่าวชมเชยว่าแผนที่ดี จากนั้นโรสก็ถือดาบคาทานะสั้นบุกเดี่ยวเข้าไปตรงๆ ส่วนลูทก็วิ่งอ้อมไปทางด้านข้าง
ลีโซลมีได้พักสักครู่รู้สึกว่าดีขึ้นมากนัก พอเห็นโรสวิ่งเข้ามาตรงๆจึงกล่าวว่า "หาที่ตาย" เธอหยิบพัดฟ้าดินขึ้นมาโบกสะบัดด้วยท่าไม้ตายก้นหีบมีชื่อว่าสายนทีร่ายรำ ท่ารำนี้เป็นการประสานเอลภายในกับธาตุน้ำจากนั้นส่งพลังทั้งหมดไปที่ตัวพัดตามหลักเอลผสานศาสตรา ไม่ว่าพัดจะสะบัดไปทางใดก็ตามจะมีสายน้ำสายหนึ่งล่องลอยไปตามพัดเสมอ
ลีโซลมีผู้ถูกจัดอยู่ในอันดับเจ็ดของอัศวินดำสามารถร่ายรำพัดออกเป็นอาวุธคู่มือได้อย่างสบาย แต่ความรุนแรงและพลังทำลายล้างยังไม่เทียบเท่าหอกของโทมัสที่จัดอยู่ในอันดับแปดที่ฝึกสายวิชาการต่อสู้เป็นหลัก สายนทีที่เกิดจากเอลแห่งน้ำล่องลอยไปตามพัดของเธอช่วยชดเชยจุดบกพร่องนี้
ถ้าใช้ความรุนแรงของสายนทีประสานเสริมกับวิชาการต่อสู้ การต่อสู้ด้วยท่าสายนทีร่ายรำนี้สามารถพลิกเป็นจุดด้อยของลีโซลมีเป็นจุดเด่น เนื่องด้วยความแรงของกระแสน้ำบนพัดรุนแรงถึงขนาดทำให้ท่อนไม้แตกออกเป็นสองเสี่ยงได้
โรสเห็นลีโซลมีร่ายสายน้ำขึ้นมารอบพัดฟ้าดินก็ไม่กล้าปะทะโดยผลีผลาม เธอเปลี่ยนเป็นใช้มีดปาออกไปสามเล่มพร้อมๆกัน เป็นการโยนหินถามทางหยั่งเชิงว่าสายน้ำรอบพัดของลีโซลมีนั้นสามารถทำอย่างไรได้บ้าง ผลปรากฏว่าลีโซลมีใช้ท่าสายนทีร่ายรำชักนำเอากระแสน้ำปัดมีดทั้งสามของโรสกระเด็นออกไปไกลหลายสิบเมตร ทั้งลูทและโรสต่างหน้าถอดสีเมื่อรับทราบถึงความเร็วและความแรงของสายนทีที่กระแทกมีดบินไปไกลขนาดนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งสองมีแผนการอยู่เพียงแผนเดียว ถึงแม้ความสำเร็จจะลดลงก็ยังต้องดำเนินต่อไป
ลูทวิ่งตัดมาจากด้านข้างใช้กระบี่แทงออกไปเฉียงๆคราหนึ่งเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของลีโซลมีจากโรสซาไลน์ ลีโซลมีเห็นลูทแทงกระบี่มาจึงร่ายรำพัดป้องกันตนเองบังคับสายน้ำเข้ากระแทกใส่ตัวกระบี่ ลูทมีความรู้สึกเสมือนโดนค้อนหนักหลายสิบกิโลกระแทกใส่หน้าอกคราหนึ่ง ถึงกับเซมึนงงถลาไปด้านข้าง แต่ด้วยความอึดที่มีมากกว่าคนปกติลูทสามารถกัดฟันทนรับอาการบาดเจ็บยืนหยัดต่อไป เมื่อเขาตั้งตัวได้ใหม่ก็พุ่งเข้ามาอีกครั้ง ครานี้แทงกระบี่ออกสามคราติดกัน
ลีโซลมีเห็นดังนั้นก็ไม่รู้ว่าลูทโง่หรือบ้ากันแน่ที่ดาหน้าเข้ามารับสายนทีร่ายรำโดยตรง เธอหุบพัดเข้าหากันเป็นแท่งฟาดออกไปเบื้องหน้า พัดนี้เป็นการบังคับกระแสนทีให้พุ่งออกไปใส่ลูทตามทิศทางที่ลีโซลมีฟาดออก เมื่อโรสเห็นว่าลูทอยู่ในสถานการณ์คับขันจึงซัดมีดบินเข้าใส่ลีโซลมีหวังช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้ลูทเหมือนคราวก่อน
ทันใดนั้นเองก่อนที่ลูทจะถูกกระแสน้ำกระแทกใส่ แทนที่ลูทจะเอากระบี่มาป้องกันตัวจากกระแสน้ำกลับขว้างกระบี่ออกจากมือเฉียงออกไปซึ่งเป็นตำแหน่งว่างเปล่าข้างกายลีโซลมี
ลีโซลมีพบว่ามีดบินกำลังคุกคามใส่ตัวเธอจึงต้องเอี้ยวตัวหลบมีดทั้งสองแต่เธอก็พึ่งรู้ตัวว่าคาดการณ์ผิดพลาด มีดบินทั้งสองมิได้เพียงเล็งเข้าหาตัวเธอแต่กลับพุ่งเข้าใส่กระบี่ของลูท ลวดเหล็กกล้าเคลือบกากเพชรที่ติดอยู่กับด้ามมีดคล้องเข้าที่กระบี่ของลูท จากนั้นโรสก็กระตุกลวดกลับมาก็ทำให้กระบี่ของลูทที่ขว้างออกไปพุ่งกลับมาราวกับกระบี่บิน เปลี่ยนทิศทางกลางอากาศเข้าใส่ลีโซลมี
เสียงโครมคราหนึ่งดังขึ้น ลูทผู้ซึ่งไร้อาวุธใดๆถูกกระแสน้ำจากพัดของลีโซลมีกระแทกเข้าอย่างจังกระเด็นกระดอนออกไปไม่ทราบว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร
โรสที่อยู่ด้านตรงข้ามของกระบี่บินคุมดาบคาทานะลายเมฆกระโดดตัวด้วยท่ากายกรรม ประดุจใช้สองเท้าเหยียบอากาศเหินเข้าไปแทงใส่ลีโซลมีหมายจะพิชิตชัย
หนึ่งดาบที่โรสแทงมาจากด้านหน้าและหนึ่งกระบี่ที่ถูกโรสบังคับบินมาจากด้านหลังคุกคามเข้าหาลีโซลมีพร้อมๆกันทั้งสองด้าน เธอรั้งสายนทีที่ส่งไปกระแทกลูทกลับมาป้องกันตนเองสะบัดมือคลี่พัดที่หุบออก กระแสน้ำเมื่อย้อนกลับมาก็อยู่ในการควบคุมของลีโซลมีอีกครั้ง เธอเปลี่ยนกระแสน้ำเป็นรูปสะพานโค้งตามวงโค้งของกลีบพัด คุ้มครองเธอจากดาบลายเมฆและกระบี่บินทั้งสองฟาก
โรซาไลน์ที่กุมดาบลายเมฆแทงใส่ลีโซลมีกลับถูกกระแสน้ำของคู่ต่อสู้ยันกลับมาจนไม่สามารถยืนหยัดอยู่ได้ ส่วนกระบี่บินที่เธอบังคับให้จู่โจมลีโซลมีด้านหลังก็ถูกกระแสน้ำซัดกระเด็นห่างออกไปเช่นกัน
แผนการที่เธอกับลูทวางไว้ก็ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ทั้งดาบและกระบี่ไม่สามารถทำอันตรายลีโซลมีได้แม้แต่ปลายก้อย
หลังจากที่ลีโซลมีรับดาบลายเมฆและกระบี่บินได้ก็เกิดความรู้สึกเย็นสันหลังวาบขึ้น เธอครุ่นคิดขึ้นว่าถ้าหากตนเองไม่สามารถรั้งกระแสน้ำส่วนหนึ่งมาคุ้มครองทันการณ์ ป่านนี้คงถูกดาบหรือกระบี่อย่างใดอย่างหนึ่งแทงเข้าไปเป็นแผลสาหัส
ทันใดที่ความคิดของลีโซลมีสิ้นสุด เธอก็รู้สึกเหมือนโดนค้อนเหล็กทุบเข้าที่ท้ายทอยจนทำให้เธอเกือบหมดสติ ลูทที่ถูกกระแสน้ำของลีโซลมีกระแทกเข้าใส่พลันปรากฏตัวที่ด้านหลังของเธอ กุมสองมือเข้าด้วยกันผสานเป็นกำปั้นฟาดเข้ามาที่ท้ายทอยเธออย่างจังเกิดเป็นเสียงโครมคราหนึ่ง ทั้งคนฟาดและคนถูกฟาดต่างก็ล้มลงไปกองกับพื้นพร้อมๆกัน
เสี้ยววินาทีที่ลีโซลมีรั้งพลังวารีกลับลูทก็คาดเดาได้ว่าแผนของพวกเขาต้องล้มเหลว แต่เดิมลูทคาดว่าตนเองจะต้านรับแรงของน้ำเอาไว้แต่เพียงผู้เดียวแล้วให้โรสลงมือจัดการลีโซลมีได้อย่างสะดวก พบว่าเมื่อแรงกระแทกลดลงกึ่งหนึ่งเขาก็ทราบว่าลีโซลมีจะต้องรั้งสายนทีกลับไปป้องกันตนเองเสียแน่ ด้วยความอึดของลูท เขาสามารถต้านรับกระแสน้ำที่แรงเพียงกึ่งหนึ่งของปกติ จากนั้นฝืนใจพุ่งมาทุบเข้าที่ท้ายทอยของลีโซลมีอย่างดื้อด้านได้สำเร็จ การกระทำของลูทในครั้งนี้เรียกว่าใช้แรงจนถึงเฮือกสุดท้ายเลยทีเดียว
ลีโซลมีจะอย่างไรก็เป็นผู้หญิง เมื่อโดนลูททุบเข้าไปสุดแรงรูกสึกมึนศีรษะจนแทบจะลุกไม่ขึ้น ต่างกับโรสที่ลุกขึ้นได้ทันทีด้วยกำลังใจอันเปี่ยมล้น อย่างน้อยพวกเขาทั้งสองร่วมมือกันเล่นงานลีโซลมีได้ทีหนึ่ง โรซาไลน์วิ่งเข้ามาหาลูทใช้เอลแห่งแสงรักษาอาการบอบช้ำทันที แสงของเอลแห่งแสงเป็นสีขาวสว่างประสานกระดูกกล้ามเนื้อของลูทให้หายจากอาการบอบช้ำ
ระหว่างที่โรสใช้เอลรักษาอาการบาดเจ็บให้กับลูทก็ตะลึงกับภาพที่เห็นในการต่อสู้ของบลูด้านข้าง
วงแหวนแสงสีเหลืองเข้มอันมหึมาถูกร่ายล้อมรอบพื้นที่การต่อสู้ของบลูกับโทมัสเอาไว้ทั้งหมด แสงสีเหลืองสดพวยพุ่งขึ้นฟ้าเมื่อบลูกำลังจะใช้เอลพสุธาที่รุนแรงที่สุดของเขา
การควบคุมจุดก่อกำเนิดเอลถึงสามแห่งทำให้บลูแทบจะทนทานไม่ได้รู้สึกเหมือนร่างกายจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แสงที่ส่องขึ้นฟ้าที่ลูทและโรสเห็นในคราก่อนที่เขาหนีเตลิดจากการจับกุมของโทมัสเป็นการใช้เอลที่เปิดจุดก่อกำเนิดเอลสองแห่งพร้อมๆกัน ครานี้เขาเปิดประตูถึงสามบาน ตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะทนทานได้หรือไม่
แสงสีเหลืองพลันดับไปเมื่อร่ายเอลสำเร็จ แรงสั่นสะเทือนของธาตุพสุธาก่อกำเนิดขึ้นที่พื้นอย่างแรงกล้า พื้นดินโดยรอบวงกลมแตกออกเป็นรอยแยกเหมือนพสุธาพิโรธ หินใต้พิภพล่องลอยออกมาจากรอยแตกที่เส้นรอบวงของพื้นที่รูปวงกลม พอมาถึงช่วงนี้บลูก็ทนทานแรงของเอลไม่ได้อีกจึงต้องใช้เอลออกไปทั้งที่ยังไม่สามารถนำพลังทั้งหมดออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งประสิทธิภาพของเอลน่าจะมีเพียงแปดส่วนจากสิบส่วน นั่นก็เพียงพอสำหรับการก่อพะเนินเขาย่อมๆหลังหนึ่ง
พยุหะใต้พิภพ! บลูปลดปล่อยเอลออกจากจุดกำเนิดทั้งสามออก ก้อนหินใต้พิภพที่แข็งแกร่งและแหลมคมพากันพุ่งออกมาจากรอยแตกรอบด้านเข้าสู่โทมัส หินแต่ละก้อนหนักอย่างน้อยก็ร้อยกิโลกรัม ด้วยความแรงและความเร็วของมันที่พุ่งเข้าใส่จากทุกทิศทางเพียงพอที่จะพังตึกหลังหนึ่ง อย่าว่าแต่เป้าหมายของบลูในที่นี้เป็นคนเพียงคนหนึ่ง
โทมัสไม่คำนึงถึงกฎเกณฑ์อันใดอีกต่อไป อัศวินดำมิใช่ว่าได้รับสมญานามอัศวินดำจากเสื้อผ้าสีดำแต่อย่างใด เป็นเพราะว่าที่คอของอัศวินดำทุกคนสวมสร้อยชนิดพิเศษที่มีนิลประดับอยู่ตรงกลาง อันเป็นแหล่งกำเนิดพลังของอัศวินดำทั้งหลาย นิลเหล่านี้สามารถทำให้พลังของอัศวินดำเพิ่มพูนได้ภายในระยะเวลาชั่วครู่ แต่เมื่อใช้ออกครั้งหนึ่งก็จะไม่สามารถใช้ได้อีกครั้งเป็นเวลาแรมเดือนเว้นเสียแต่ผู้นั้นจะปฏิบัติตามเงื่อนไขพิเศษบางประการ ดังนั้นหน่วยอัศวินดำจึงมีกฎว่าหากไม่มีคำอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาแล้วล่ะก็จะไม่อนุญาตให้อัศวินดำใช้พลังจากนิลได้โดยพลการ นอกจากจะมีเหตุการณ์คับขั้นวิกฤตซึ่งหลังจากใช้พลังนิลจะต้องผ่านการพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ร่างที่ใช้พลังจากนิลนี้เรียกว่าร่างนิลอวตาร
ลีโซลมีฟื้นคืนสติจากความมึนงงมองดูสภาพรอบข้างเห็นหินใต้พิภพลอยขึ้นมาเต็มไปหมด เอลพสุธาที่รุนแรงขนาดนี้แม้แต่ตัวเธอถ้าไม่ได้อยู่ในร่างนิลอวตารก็ยังไม่สามารถทำได้ เธอไม่นึกไม่ฝันว่าจะเห็นเอลพยุหะใต้พิภพที่สามารถใช้ได้เพียงระดับจอมปราชญ์ขึ้นไปจากชายหนุ่มผมสีน้ำเงินธรรมดาคนหนึ่ง ลีโซลมีมองไปที่เด็กหนุ่มผมน้ำเงินคนนั้นทราบว่าถ้าไม่สามารถหยุดยั้งได้ตั้งแต่ที่พวกมันทั้งสามยังพัฒนาตัวไม่ถึงขีดสุดอาจจะเป็นเภทภัยอันไม่จบไม่สิ้น
โทมัสอาศัยพลังจากสร้อยนิลร่ายเอลเพลิงออกไปรอบด้าน ร่างกายของเขาอัดแน่นไปด้วยพลังจากนิลอวตาร คมหอกมิทราลพลันลุกสว่างโชติช่วงเต็มไปด้วยเอลเพลิง เขาใช้หอกนั้นควงเป็นใบพัดหมุนรอบตัวเพื่อป้องกันพยุหะใต้พิภพจากทุกทิศทาง กังหันหอกมิทราลดูดซับพลังจากนิลจนส่องสว่างอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เพลิงจากหอกนั้นเพียงพอที่จะหลอมละลายก้อนหินและหยุดยั้งไม่ให้มันกระแทกใส่ตัวเขา
เสียงดังโครมครามเมื่อก้อนหินก้อนแล้วก้อนเล่ากระแทกใส่โทมัสจนเสียงสุดท้ายหยุดลงเมื่อก้อนหินทั้งหมดพุ่งเข้าใส่โทมัสพร้อมกัน เกิดเป็นกองพะเนินเทินทึกกองมโหฬาร มองไปไม่เห็นโทมัสแต่อย่างใด
บลูเหน็ดเหนื่อยจนต้องทรุดลงเขาภาวนาว่าอย่าให้โทมัสลุกขึ้นมาอีกเลย เขาใช้เอลในร่ายกายไปจนเกือบหมดสิ้นหากจะต้องถูกบีบบังคับให้ใช้ออกอีกคราสภาพของเขาคงจะไม่แตกต่างจากที่ฟุบลงหน้าหมู่บ้านเงาจันทร์เท่าใดนัก หญ้าสะท้อนจันทร์เมื่อใช้ไปครั้งหนึ่งแล้วจะไม่มีผลกับเขาอีก ทั้งนี้ต่อให้เป็นเซียนวิเศษก็ไม่สามารถช่วยฟื้นฟูเอลให้เขาได้
ลูทที่บอบช้ำไปทั้งตัวไม่รู้ว่ากระดูกร้าวไปกี่แห่งเรียกว่าอยู่ในสภาพสาหัสกลับฟื้นคืนสติขึ้นมาด้วยพลังรักษาของโรส เธอเชื่อมต่อกระดูกและกล้ามเนื้อของเขาให้ดีดังเดิมภายในระยะเวลาอันสั้น เพียงแต่ความเมื่อยล้าและบอบช้ำทั้งหมดยังไม่หายไป ทำให้เขาต้องใช้เวลาพักผ่อนอีกวันหรือสองวันกว่าจะฟื้นตัวเต็มที่และสามารถต่อสู้ได้อีกครั้ง
เอลแห่งการรักษาที่โรซาไลน์ใช้มีชื่อเรียกว่าแสงแห่งชีวิต มีคุณสมบัติในการรักษากล้ามเนื้อที่ฉีกขาด สมานแผลทำให้โลหิตหยุดหลั่งไหล เชื่อมต่อกระดูกที่หักให้คืนสู่สภาพเดิม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าหากอวัยวะภายในถูกทำลายแสงแห่งชีวิตจะช่วยมิได้ และประสิทธิภาพของมันยังขึ้นกับระยะเวลาหลังจากที่บาดเจ็บ ถ้าหากทิ้งลูทเอาไว้ในสภาพบาดเจ็บสักชั่วโมงหนึ่งแล้วค่อยให้โรสช่วยรักษาคงจะไม่ฟื้นฟูสภาพเดิมเร็วเช่นนี้
เสียงครืนๆดังสนั่น เมื่อเนินหินที่ทับถมโทมัสพังครืนลงมา พบร่างชายผมแดงยืนอยู่ตรงกลางเสื้อผ้าขาดวิ่นมีบาดแผลเกลื่อนกลาดตามตัว ชุดเครื่องแบบของอัศวินดำที่มีคุณสมบัติทนทานทั้งเอลและอาวุธก็ยังขาดกระจุยกระจาย ถึงแม้ว่าโทมัสรอดจากพยุหะใต้พิภพมาได้ก็อาการสาหัสไม่สามารถต่อสู้สืบต่อ บรรดาผู้คนทั้งหมดในที่นี้จึงเหลือเพียงสตรีสองคนที่มีเรี่ยวแรงในการต่อสู้สืบต่อไป นั่นคือลีโซลมีและโรซาไลน์
ลีโซลมีตัดสินใจอย่างฉับพลันวิ่งเข้าไปพยุงโทมัสจากกลางเนินหินกองโต ใช้เอลแห่งลมออกด้วยท่าว่องไวดุจสายลมพาโทมัสหลบหนีไป ความจริงแล้วลีโซลมีถ้าจะสู้ต่อก็คงสามารถเอาชนะโรสได้เพราะยังมิได้ใช้พลังนิลอวตาร แต่เธอก็ไม่อาจประมาทโรซาไลน์ ถ้าหากหญิงสาวคนนี้มีพลังซ่อนเร้นดั่งเช่นชายหนุ่มผมน้ำเงิน เธออาจจะต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างคาดไม่ถึง หากเธอบาดเจ็บไปอีกคนหนึ่งจะทำให้กระทบกับแผนการใหญ่ เวอร์น่อนวางตัวอัศวินดำเอาไว้ใช้สอยกับการปฏิวัติ ลีโซลมีจึงไม่สามารถต่อสู้ถึงขั้นแตกหักได้ พิจารณาจากผลได้ผลเสียแล้วลีโซลมีจึงตัดสินใจล่าถอยจากไป
โรซาไลน์เห็นดังนั้นจึงโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง ลุกขึ้นไปตรวจดูอาการบาดเจ็บของบลูใช้แสงแห่งชีวิตรักษาพยาบาลให้ เวลาผ่านไปสักครู่หนึ่งบลูและลูทก็สามารถลุกขึ้นเดินเหินได้ด้วยตนเอง ทั้งสามมีความเห็นตรงกันว่าเมื่อก่อเหตุแบบนี้ทหารที่เฝ้าเมืองเจนีสเหนือจะต้องรุดมาตรวจสอบเสียแน่ หากเขาสามารถหลบหลีเรื่องราวยุ่งยากได้เรื่องหนึ่งจะเป็นการดีขึ้นส่วนหนึ่ง พวกเขาจึงไม่เดินตามถนนใหญ่แต่ใช้การเดินลัดเลาะไปตามแปลงเกษตรแทน อาศัยทางเล็กทางน้อยมุ่งสู่เมืองเจนีสเหนืออย่างทุกลักทุเล
เมืองเจนีสเหนือก็มีการจัดงานประจำปีเช่นเดียวกับเมืองเจนีสใต้ ตัวเมืองเจนีสเหนือใหญ่กว่าเจนีสใต้เล็กน้อยเนื่องเพราะมีพระราชวังเก่าอยู่ซึ่งในตอนนี้ถูกดัดแปลงมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว
บรรยากาศของที่นี่ครึกครื้นเหมือนกับเจนีสใต้ ต่างกันเพียงไม่ค่อยพบเห็นผู้คนผมสีทองเท่าใดนัก แต่จะพบเห็นผู้คนผมสีแดงซึ่งเป็นชาวนอร์เสียมากกว่า อย่างไรก็ตามชาวเจนีสซึ่งมีผมสีน้ำตาลยังเป็นประชากรส่วนใหญ่เช่นเดียวกับเมืองเจนีสใต้
ทั้งสามกว่าจะเดินทางมาถึงก็เป็นเวลาบ่ายสี่โมงเข้าไปแล้ว พวกเขาทั้งสามเหน็ดเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดรีบเข้าชำระเงินที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งเข้าพักผ่อน ในทันทีที่พวกเขาเดินถึงห้องพักทั้งสามคนก็ทรุดกายลงคลายความเหน็ดเหนื่อย บลูกับลูททั้งสองนอนแผ่หลาอยู่กับพื้นมีแต่เพียงโรสที่พอจะนั่งจิบน้ำชาอยู่ได้
ลูทกล่าวด้วยความเหนื่อยอ่อนว่า "เกือบไปแล้วไหมล่ะ ป้าลีกับเด็กน้อยผมแดงที่ชื่อโทมัสอะไรนั่นร้ายกาจเสียจริง เกือบคร่าชีวิตของข้าไป"
โรสฝืนยิ้มกล่าวว่า "ยังดีที่พวกมันถอยกลับไป ไม่อย่างนั้นพวกเราอาจจะเป็นผีเกี่ยวข้าวอยู่ข้างทางไปแล้ว"
ลูทกล่าวเชิงล้อเล่นว่า "แน่ละสิเจอกำปั้นของบิดาทุบเข้าไปคราหนึ่ง ไม่หนีหางชี้แล้วจะทำอย่างไรได้"
โรสกล่าวตอบว่า "อย่าขี้โม้ไปหน่อยเลย ที่พวกมันเกรงกลัวคือเอลของบลูต่างหาก"
บลูใช้ความคิดพักหนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า "พวกมันไม่น่าจะถอยกลับไป ลองคิดดูดีๆสิ ข้าใช้เอลจนหมดสิ้นลีโซลมีก็สมควรรู้อยู่ สภาพของลูทยิ่งแย่เข้าไปใหญ่อย่างมากก็แทงได้อีกแค่สองกระบี่ ส่วนโรสถ้าจะเทียบจริงๆก็ไม่มีทางสู้ป้าลีได้อยู่แล้ว พลังลึกลับอะไรนั่นก็ยังมิได้ใช้ออกมา"
โรสวาดภาพในจินตนาการตามที่บลูออกความเห็น กล่าวว่า "ก็จริงนะพวกมันคงจะต้องมีแผนอะไรบางอย่าง อีกอย่างหนึ่งคือพวกมันไม่ได้ดักรอพวกเราแต่หากเจอพวกเราโดยบังเอิญ ไม่เช่นนั้นถ้าพวกมันส่งอัศวินดำมาเพิ่มอีกคนหนึ่งหรือส่งกองทหารมาช่วยสักกองหนึ่ง พวกเราสามคนคงจะไม่ได้มานั่งๆนอนๆอยู่ในโรงเตี๊ยมนี่แล้ว พวกมันคงจะต้องชั่งน้ำหนักจากการเสี่ยงต่อการบาดเจ็บกับพวกเรา หรือไม่ก็ต้องติดการปฏิบัติภารกิจอะไรบางอย่าง สุดท้ายจึงปลดปล่อยพวกเรามา"
ลูทเห็นว่าหญิงสาวคนนี้มีความคิดไม่เลว สามารถวิเคราะห์สถานการณ์โดยรวมได้ ถึงแม้ว่าพึ่งจะผ่านเหตุการณ์รอดตายอย่างหวุดหวิดมาครั้งหนึ่ง กล่าวว่า "ข้าเห็นด้วยกับที่โรสกล่าว"
ทั้งสามเงียบไปพักหนึ่งต่างคนก็ครุ่นคิดถึงการต่อสู้กับอัศวินดำเมื่อครู่ พบว่ารอดชีวิตมาได้อย่างฉิวเฉียดโดยเฉพาะลูทเขาเกือบตายเพราะกระแสน้ำของลีโซลมี โชคดีที่โรสช่วยเหลือเอาไว้ได้ทันท่วงที ถ้าไม่มีเอลรักษาของโรสเขาอาจจะต้องนอนนิ่งๆไปสักสามเดือนหกเดือนก็อาจจะเป็นได้
ลูทกล่าวว่า "สู้กับคนที่ใช้เอลได้นี่ก็เป็นปัญหาใหญ่เหมือนกัน ในหมู่พวกเราคนที่ใช้เอลประเภทต่อสู้ได้มีแต่บลูคนเดียว โรสสามารถใช้เอลได้แต่ว่าเป็นเพียงแต่เอลทางด้านการพยาบาลและอื่นๆจิปาถะ ส่วนข้านั้นอ่อนด้อยที่สุดใช้ไม่เป็นสักอย่าง"
โรสกล่าวตอบว่า "แต่กระบี่ของเจ้าก็สามารถพึ่งพาได้นะ"
ลูทส่ายหัวครั้งหนึ่งแล้วกล่าวว่า "ไม่หรอกโรส กระบี่ของข้ายังห่างไกลกับคำว่าพึ่งพาได้อีกช่วงใหญ่ เจ้าก็เห็นเมื่อครู่พวกเราสู้กับป้าลีนั่นใช้สองกลุ้มรุมหนึ่งยังไม่สามารถเอาชนะได้ ต่างกับเอลของบลูที่สู้หนึ่งต่อหนึ่งก็ยังไหว"
บลูกล่าวว่า "ไม่ไหวหรอก ข้าน่ะใช้เอลไปสุดแรงเกิดยังปราบเจ้านั่นไม่ได้ ถ้าฝืนใช้ต่อมีหวังนอนหลับไปสามวันสามคืนต้องให้เจ้าไปหายาวิเศษจากถ้ำมังกรกินหญ้ามาให้ข้าแน่ๆ"
ทั้งโรสและลูทกล่าวพร้อมกันว่าเหลวไหลมังกรที่ไหนกินหญ้าจากนั้นก็พากันหัวเราะรอบหนึ่งค่อยสนทนากันต่อ
ลูทกล่าวว่า "เอาเถอะ ต่อให้เป็นมังกรกินหญ้าหรือกินผลไม้ถ้าเจ้าป่วยข้าก็ต้องเป็นคนไปหามาให้อยู่ดี จริงสิพอพูดถึงยา แล้วยาของท่านหมอวีเป็นอย่างไรบ้างพวกท่านดูกันหรือยัง"
คนทั้งสองพลันส่ายหน้าพร้อมกัน โรสจึงหยิบกล่องยาขึ้นมาเปิดขึ้น เธอเองก็ได้รับกล่องยาชนิดเดียวกันเหมือนกับเพื่อนทั้งสอง เป็นบีทที่วิ่งกระหืดกระหอบนำมามอบให้ก่อนที่พวกเขาจะออกจากหมู่บ้าน
กล่องยาเป็นกล่องไม้ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ภายในมีไม้ขั้นเป็นรูปกากบาทแบ่งเป็นช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆอีกสี่ช่อง ด้านบนมีกระดาษแผ่นหนึ่งพับเอาไว้สองสามทบปิดอยู่ ใต้กระดาษบรรจุเม็ดยาสี่ชนิดที่แตกต่างกันใส่เอาไว้ในช่องจัตุรัสขนาดเล็ก
เมื่อครั้งที่โรซาไลน์เป็นเด็กสาววัยรุ่นก็คลุกคลีอยู่กับท่านหมอวีมาไม่น้อย เธอได้รับการฝึกเป็นพยาบาลมือหนึ่งพร้อมๆกับฝึกวิชาการต่อสู้จากลุงกอร์ดอน ดังนั้นในบรรดาคนทั้งสามเธอจึงเป็นคนที่มีความรู้เรื่องยามากที่สุด โรซาไลน์หยิบกระดาษขึ้นมาอ่านให้ฟังตรงที่เป็นสรรพคุณและการใช้งานโดยข้ามส่วนที่เป็นส่วนประกอบและวิธีการปรุงไปเธอรู้ว่าถึงบอกไปทั้งบลูและลูทต่างก็คงไม่เข้าใจอยู่ดี
โรสเริ่มอ่านว่า "ยาสี่เม็ดนี้มีสรรพคุณแตกต่างกัน วิธีใช้คือรับประทานโดยการกลืนลงไปในท้องจะเคี้ยวหรือไม่เคี้ยวก็ได้ไม่แตกต่างกัน ตัวยาทุกแบบจะให้ผลภายในสามถึงห้านาทีหลังจากที่กลืนลงไป ยาสีเขียวใช้รักษาอาการบอบช้ำภายในและหยุดการไหลของโลหิต ยาสีน้ำเงินใช้เพิ่มพูนเอลที่ใช้ไปให้กลับมาพร้อมใช้ใหม่อีกครั้ง ยาสีเหลืองเอาไว้แก้พิษและคุ้มครองร่ายกายจากพิษร้าย ยาชนิดนี้สามารถกันพิษได้ประมาณหนึ่งวัน และสุดท้ายยาสีแดงแก้ป่วยไข้ ปวดศีรษะและมึนงงจากโรคภัยไข้เจ็บ ยาทั้งสี่นี้สามารถรับประทานเมื่อไหร่ก็ได้แต่ห้ามรับประทานยาชนิดเดียวกันภายในเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงหลังจากรับประทานเม็ดแรก ไม่เช่นนั้นอาจจะส่งผลข้างเคียงร้ายแรงได้"
ลูทกล่าวอย่างดีใจว่า "เยี่ยมไปเลยหมอวีแบบนี้เรียกว่าขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ดร้อน จระเข้ยิ่งแก่หนังยิ่งเหนียว"
โรสปาหมอนอิงเข้าใส่ลูทฝั่งตรงข้ามด่าไอ้บ้าคำหนึ่ง
บลูกล่าวว่า "ดีเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นข้าขอเป็นผู้ทดสอบคนแรกลองกินยาสีน้ำเงินสักเม็ดก่อนแล้วกัน เมื่อตอนต่อสู้ใช้เอลไปมากอาจจะต้องพักอีกวันหนึ่งเต็มๆ" จากนั้นบลูก็กลืนยาเม็ดสีน้ำเงินลงท้องไป
ลูทหยิบยาเม็ดสีน้ำเงินขึ้นมาแล้วกล่าวว่า "บลูเอายาของข้าไปแทนอย่างไร ข้าก็ไม่ได้ใช้ยาสีน้ำเงินนี้อยู่แล้ว"
บลูรับเอาไว้ด้วยความเต็มใจกล่าวว่า "ขอบใจมากลูท"
ลูทถามโรสว่า "ยาพวกนี้เรียกว่าอะไร มีชื่อเรียกหาหรือไม่"
โรสกล่าวว่า "ขอข้าอ่านดูสักครู่นะ
ยาพวกนี้มีชื่อว่ายาเม็ดสี่สี"
ลูทหัวเราะฮาๆ กล่าวว่า "ช่างเรียบง่ายเสียจริง" เขากำลังจะกล่าววิจารณ์หมอวีอีกครั้งแต่พอเห็นสายตาอันดุดันของโรสที่จับจ้องมองมา ทำให้ต้องสงบปากสงบคำกลืนคำพูดเมื่อครู่ลงคอไป
เวลาชั่วครู่หนึ่งผ่านไป บลูรู้สึกเหมือนเอลที่จุดก่อกำเนิดทั้งสามของเขาเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ รีบนั่งกรรมฐานโคจรเอลไปทั่วร่างดูดซับพลังของเม็ดยาให้มากที่สุด ผ่านไปอีกประมาณห้านาทีบลูก็ลุกขึ้นยืนกล่าวว่า "สุดยอดไปเลย ข้ารู้สึกเหมือนเอลที่หายไปถูกเติมกลับมาเต็มเปี่ยมไม่จำเป็นต้องนอนพักอีกแล้ว"
โรสและลูทปรบมือโห่ร้องยินดี ยาวิเศษของท่านหมอวีนั้นมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมจนพวกเขาต้องใคร่ครวญว่าจะใช้เมื่อถึงยามจำเป็นเท่านั้น บลูนำยาเม็ดสีน้ำเงินจากลูทใส่กล่องของตนหลังจากนั้นทั้งสามก็ปิดกล่องยาพกเก็บติดตัวเอาไว้อย่างระมัดระวัง ปฏิบัติกับยาเม็ดสี่สีเสมือนสมบัติวิเศษอันล้ำค่าไม่กล้าใส่ไว้ในถุงสัมภาระอีกต่อไป
ลูทกล่าวขึ้นอีกว่า "บลู โรส ช่วยอะไรข้าอย่างหนึ่งได้ไหม"
โรสหันหน้ามากล่าวว่า "อะไรหรือ"
ลูทกล่าวอย่างจริงจังว่า "ข้าอยากจะใช้เอลเป็น ข้าก็ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้จะสายเกินไปไหมเพราะได้ยินมาว่าผู้ที่เรียนเอลจะต้องเรียนรู้ตั้งแต่เมื่อยังเด็ก อืม ... เจ้าช่วยสอนข้าหน่อยได้ไหม ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าเป็นตัวถ่วงพวกเจ้าอย่างไรชอบกล"
ด้วยนิสัยของลูทที่เป็นคนรักสันติไม่ชอบความรุนแรงเขาจึงไม่เคยคิดจะฝึกเอลเป็นจริงเป็นจังมาก่อน แต่พอเข้าสู่โลกแห่งความจริงถึงได้รู้ว่า พลังก็คืออำนาจอย่างหนึ่ง ถ้าไม่มีพลังก็ไม่สามารถปกป้องสันติภาพที่เขารักได้ หากฝืนไปกระทำรังแต่จะทำให้ทอดร่างเป็นซากศพโดยไร้สาเหตุ เขาถึงคิดจะเรียนเอลลิสขึ้นมา
บลูกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า "ข้าไม่อยากจะเชื่อ เมื่อตอนที่เรียนอยู่กับท่านอาจารย์ข้าชวนเจ้ามาฝึกแล้วฝึกอีกเจ้าก็ไม่สนใจ ถ้าเป็นสมัยก่อนต่อให้มีคนมาบีบคอข้าก็ยังไม่เชื่อว่าเจ้าอยากจะเรียนการใช้เอล ตกลง ข้าจะสอนเจ้า จริงๆข้าอยากจะสอนเจ้ามานานแล้ว"
โรสถามลูทว่า "ทำไมสมัยก่อนเจ้าไม่เคยฝึกเอลมาก่อนเลยหรือ"
ลูทกล่าวว่า "ข้าเคยลองครั้งหนึ่งเมื่อสมัยที่เป็นศิษย์ของอาจารย์ดาธใหม่ๆ แต่ข้าก็ไม่เห็นว่าจะฝึกแล้วได้อะไรสักนิด ฝึกอยู่หลายนาทีไม่มีอะไรคืบหน้าก็เลยเลิกฝึกไป"
โรสตอบว่า "หลายนาทีอย่างนั้นหรือ!? เอลเขาฝึกกันเป็นเดือนๆ ไม่ใช่เป็นนาทีอย่างที่เจ้าฝึก" โรสหันไปถามบลูว่า "บลูเจ้าเริ่มฝึกเอลเมื่ออายุเท่าไรหรือ"
บลูตอบว่า "ข้าก็จำไม่ได้ว่าอายุเท่าไรหรอกนะ เมื่อตอนยังเด็กมีอยู่วันหนึ่งข้าเล่นซนกับเพื่อนที่กระท่อมริมน้ำ เราสองคนกำลังจะเล่นหุงต้มอาหารแต่ก็ยังจุดไฟกันไม่เป็น พอข้าจุดคบเพลิงทำอาหารสำเร็จข้ากับเพื่อนก็เลยกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ เรื่องที่ไม่คาดคิดเลยเกิดขึ้น คบเพลิงที่ข้าจุดแต่ยังไม่ได้ดับมันกระเด็นไปติดกระท่อมที่เราเล่นกันอยู่ ไฟเริ่มลามไปทั่วผนังที่ทำจากหญ้าฟาง กระท่อมเริ่มถล่มลงมาเลยชวนกันวิ่งหนีออกไป เพื่อนของข้าสะดุดหกล้ม ข้าเห็นว่าไฟจะลามมาเผาเพื่อนของข้า ทันใดนั้นเอลของข้าเลยทำงานชักนำน้ำในแม่น้ำมาดับเพลิงเสียหมด นั่นเป็นเหตุการณ์ครั้งแรกที่ข้าใช้เอลได้"
ลูทกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า "ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็เป็นอัจฉริยะทางด้านนี้แต่เด็กเลยนะเนี่ย"
โรสกล่าวว่า "จริงด้วย แล้วแบบนี้เจ้าจะสอนลูทได้ไหม"
บลูกล่าวว่า "อืม นั่นสิเนอะ ข้าก็ลืมไป ตอนข้าเข้าไปเรียนวิชาเอลที่โอดินข้าก็ข้ามชั้นมาเรียนขั้นกลางเลยไม่ได้เรียนขั้นต้นเหมือนคนอื่นเขา"
ลูทกล่าวด้วยความผิดหวังว่า "อ้าว ... แล้วจะทำอย่างไรดี"
โรสกล่าวตอบว่า "ไม่เป็นไร ให้ข้าสอนให้ก็ได้ อาจารย์ดาธเป็นคนสอนวิธีใช้เอลแก่ข้าเอง ดังนั้นรับรองได้ว่าวิชาในตัวของเจ้าทั้งหมดยังมาจากอาจารย์ดาธ"
บลูกล่าวว่า "ถ้าอย่างนั้นก็ขอรบกวนเจ้าแล้วล่ะโรส ถ้าข้านึกอะไรออกก็จะเสริมให้เจ้าละกันนะลูท"
ลูทยิ้มระรื่นกล่าวว่า "ขอบใจพวกเจ้ามาก"
โรสนั่งนึกไปถึงครั้งที่อาจารย์ดาธสอนวิชาเอลให้กับเธอ จากนั้นค่อยๆทบทวนความทรงจำในอดีตเพื่อที่จะถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูด
เธอจำได้ว่าเพราะเหตุการณ์โจรปล้นหมู่บ้านข้างเคียงเธอจึงตั้งใจในการเรียนเอลอย่างที่ไม่เคยตั้งใจมาก่อนในชีวิต จนถึงตอนนี้โรสยังสามารถจำคำสอนเกือบทั้งหมดของอาจารย์ได้อย่างแม่นยำ
โรสกล่าวว่า "เอลขั้นต้นต้องฝึกทั้งหมดสี่ขั้นตอนตามลำดับก่อนหลัง โดยที่ไม่สามารถข้ามขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งไปได้ การฝึกเอลสี่ขั้นตอนมีดังนี้คือ รู้สึก สื่อสาร รวบรวม และปลดปล่อย ขั้นตอนแรกที่ลูทจะต้องฝึกในวันนี้คือขั้นตอนที่หนึ่งรู้สึก"
ลูทกล่าวอย่างไม่ยินยอมว่า "จะได้อย่างไรกัน อย่างนั้นข้าก็ไม่สามารถใช้เอลได้ภายในวันนี้น่ะสิ"
โรสบ่นกับลูทว่า "มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน กว่าข้าจะใช้เอลได้ครั้งแรกก็ใช้เวลาเกือบสองเดือน เจ้าไม่ใช่บลูนะที่อยู่ๆก็ใช้เป็น อย่าพึ่งรีบร้อนสิ"
ลูทรับคำคราหนึ่งหันหน้าไปขอความช่วยเหลือจากบลู บลูยกนิ้วหัวแม่มือให้กับลูทเป็นเชิงว่าพยายามเข้า จากนั้นโรสกล่าวต่อไปว่า "ก่อนที่จะใช้งานเอลได้ลูทจะต้องรู้สึกถึงเอลที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของตนเองให้ได้ก่อน ทุกสรรพสิ่งนั้นเกิดจากพื้นฐานคือธาตุของเอลทั้งเจ็ดได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ แสงสว่าง ความมืดและมิติ เจ้าจะต้องรวบรวมสติและสมาธิอยู่นิ่งกับที่ทั้งกายและใจ ใช้ความรู้สึกสัมผัสกับตัวเองให้มากที่สุด เพื่อที่จะได้รู้สึกถึงการไหลเวียนต่างๆของเอลในร่างกาย ถ้าเจ้ารู้สึกก็จะรู้สึกได้เอง ถ้าไม่รู้สึกก็จงพยายามต่อไป ข้าจำได้ว่าอาจารย์เคยกล่าวว่าถ้าเป็นคนฝึกเอลปกติก็จะใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนกว่าจะรู้สึกถึงเอลภายในที่หมุนเวียนได้ ครั้งก่อนข้าใช้เวลาราวๆสองอาทิตย์ก็ถือว่าเร็วมากแล้ว"
ลูทฟังแล้วก็ทำตามในทันทีหลังจากที่เขาหลับตาลงเป็นเวลาไม่ถึงห้าวินาทีก็ลืมตาขึ้นมาจากนั้นจึงกล่าวกับโรสว่า "ข้ารู้สึกได้แล้ว"
โรสกล่าวอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่า "อะไรนะ"
ลูททำหน้าตั้งอกตั้งใจกล่าวว่า "ข้ารู้สึกได้จริงๆ เอลหมุนเวียนอยู่ในตัวของข้าเหมือนกับพลังสายหนึ่งโคจรอยู่ภายในหมุนเวียนไปเรื่อยๆ แต่ข้าก็บรรยายไม่ถูกเหมือนกับว่ามันเป็นอะไรซักอย่างที่รู้สึกว่ามีก็มี รู้สึกว่าไม่มีก็ไม่มี ข้าบอกไม่ถูกจริงๆ"
ลูทนึกไปถึงครั้งก่อนที่เคยฝึกเอล อาจารย์ดาธก็สอนเช่นนี้นี่นาทำไมเขาถึงทำไม่ได้อย่างเช่นครั้งนี้ หรือว่ามีสาเหตุอะไรแปลกเป็นพิเศษ
บลูเห็นว่าเพื่อนซี้ของตนรู้สึกได้จริงจึงกล่าวว่า "นั่นเป็นความรู้สึกถึงเอลจริงๆ ยินดีด้วยเจ้าฝึกขั้นแรกผ่านแล้ว"
ทั้งสองโห่ร้องไชโยถึงความก้าวหน้าในการใช้เอลของลูท ทำให้โรสนั่งอึ้งอ้าปากตาค้างอยู่ด้านข้างไม่เข้าใจว่าสองคนนี้เป็นอัจฉริยะที่ฟ้าส่งมาเกิดหรืออย่างไรกัน
โรสตั้งสติกลับมาอีกคราเอ่ยปากว่า "พอแล้วๆ เลิกกระโดดได้แล้ว การฝึกมีตั้งสี่ขั้น นี่ลูทพึ่งผ่านแค่ขั้นแรกทำเป็นดีใจไปได้"
ลูทกระหยิ่มยิ้มย่องเมื่อเขาสามารถผ่านการฝึกขั้นแรกสำเร็จในเวลาอันสั้น "อย่างนั้นขั้นที่สองคืออะไร โรสเจ้าช่วยรีบอธิบายหน่อยสิ ในตอนนี้ข้ารู้สึกว่าการฝึกเอลจริงๆแล้วก็สนุกอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ข้าในตอนนั้นไม่สนใจเท่านั้นเอง"
โรสนึกทบทวนถึงบทเรียนที่อาจารย์ดาธสอนเป็นครั้งที่สอง กล่าวว่า "ขั้นตอนที่สองในการฝึกเรียกว่าขั้นสื่อสาร หลังจากที่เจ้ารู้สึกถึงการไหลเวียนของเอลในร่างกายแล้วจะต้องสื่อสารกับเอลของตัวเอง โดยการค้นหาจุดต่างๆตามร่างกาย เพื่อเป็นจุดติดต่อสื่อสารกับเอลที่วนเวียนอยู่ ตามหลักแล้วก็คือจุดที่รู้สึกถึงเอลได้แรงที่สุด แต่ในขั้นตอนนี้สำนักต่างๆของผู้ที่ฝึกเอลมีวิธีการแตกต่างกันไป แต่ในที่สุดแล้วผู้ฝึกเอลก็จะใช้ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งตามร่างกายในการสื่อสารกับเอลที่ไหลเวียนอยู่ ที่อาจารย์ดาธถ่ายทอดให้กับข้าก็คือการใช้มือข้างที่ถนัดเป็นหลักในการรวบรวมเอลเจ้าลองทดลองดูสิ"
บรรยากาศในห้องเงียบสนิทเพื่อให้สมาธิแก่ลูทในการสื่อสารกับเอล ลูทพยายามสื่อสารกับเอลด้วยมือขวาข้างถนัดของเขา ถึงเขาจะผ่านขั้นตอนแรกรู้สึกถึงเอลแล้ว ถึงอย่างไรก็ยังไม่สามารถสื่อสารกับเอลได้สักที เขาพยายามบอกให้เอลในร่างกายของเขามีปฏิกิริยาตอบสนองที่มือขวาแต่ก็ไม่สำเร็จ เวลาผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า
โรสเห็นว่าจะอย่างไรลูทก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่สามารถฝึกเอลขั้นรู้สึกได้เร็วผิดปกติเท่านั้น จึงกล่าวว่า "ถ้าอย่างนั้นพอแค่นี้ก่อนดีกว่านะการรีบร้อนฝึกรังแต่จะทำให้อะไรทั้งหลายแย่ลง การฝึกเอลมันต้องใช้ทั้งเวลาและความพยายามเป็นอย่างมาก กว่าข้าจะผ่านขั้นตอนนี้ได้ก็พยายามอยู่หลายวัน"
บลูกล่าวให้กำลังใจพร้อมกับแนะนำว่า "อย่าพึ่งหมดกำลังใจไปลูท เจ้าลองใช้ส่วนอื่นดูก็ได้นะ ข้าเคยเห็นบางคนรวมเอลไว้ที่หน้าผากก็มี"
ลูทตอบกับโรสและบลูว่า "โรสขอข้าลองอีกห้านาทีนะ ขอลองวิธีที่บลูบอกหน่อยเผื่อจะได้อะไรขึ้นมา"
ลูทย้ายจุดในการสื่อสารมาเป็นที่หน้าผากแต่ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้นมา เอลที่หน้าผากของเขามิได้สื่อสารตอบรับเขาเลยสักนิด จวบจนพักหนึ่งก่อนที่เขาจะหยุดฝึก เขาก็ลองใช้มือซ้ายที่เขาไม่ถนัดเอาเสียเลยสื่อสารกับเอลดูสักครั้ง
เอลในร่างพลันตอบรับเขาโดยเร็วแสงสีขาวจางๆปรากฏขึ้นเป็นจุดเล็กๆเทียบเท่ากับเหรียญเงินในมือซ้าย
ลูทตะโกนว่า "ทำได้แล้ว ข้าสื่อสารกับเอลได้แล้ว"
บลูเห็นเช่นนั้นจึงปรบมือโห่ร้องขึ้นอีกคราเข้าไปแสดงความยินดีต่อเพื่อนสนิท กล่าวว่า "ความจริงเจ้าก็เป็นอัจฉริยะทางด้านเอลเหมือนกันนี่แล้วมาทำเป็นไม่ชอบฝึก"
ลูทยิ้มหัวเราะแหะๆเมื่อถูกบลูกล่าวสัพยอก
โรสกล่าวอย่างประหลาดใจยิ่งกว่าเดิมว่า "ลูทเจ้าทำได้อย่างไรนี่ คนปกติอาจจะต้องใช้เวลาเป็นเดือนแต่นี่เจ้าใช้แค่ครึ่งชั่วโมงก็ผ่านการฝึกสองขั้นแรกแล้ว"
ลูทตอบว่า "ขอบใจเจ้ามากที่ช่วยสอนข้า รีบสอนขั้นตอนที่สามหน่อยเถอะข้าอยากจะใช้เอลได้ใจจะขาดแล้ว"
โรสระหว่างที่รอลูทฝึกขั้นตอนที่สองก็เตรียมคำกล่าวอธิบายของขั้นตอนที่สามเอาไว้แล้ว เธอจึงอธิบายได้ในทันทีว่า "ขั้นตอนที่สามเรียกว่ารวบรวม เมื่อลูทสามารถสื่อสารกับเอลที่ไหลอยู่ในร่างกายผ่านตามจุดที่ค้นพบซึ่งในที่นี้ก็คือมือซ้ายของเจ้า หลังจากนั้นเจ้าจะต้องรวบรวมเอลที่ไหลอยู่ตามร่างกายให้เข้ามาอยู่ในจุดที่กำหนดให้ได้ การทำเช่นนี้ได้จะทำให้ควบคุมปริมาณการไหลผ่านของเอลในส่วนต่างๆของร่างกาย เพื่อที่จะนำออกมาใช้ ..."
แสงสว่างสีขาวปรากฏขึ้นออกจากมือซ้ายของลูทวูบหนึ่งแล้วก็ส่องสว่างเรืองรองอยู่บนมือซ้ายของเขา โรสยังอธิบายไม่จบแต่พอเห็นเช่นนั้นก็ทำตาโตจ้องที่มือของลูทไม่ได้กล่าวอะไรต่อเหมือนกับตกอยู่ในภวังค์ นึกในใจว่าลูททำได้อย่างไรกันเธอยังอธิบายไม่จบเสียด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มทั้งสองร้องเฮขึ้นอีกเป็นครั้งที่สามจนแขกเหรื่อที่มาพักห้องข้างๆสงสัยว่าห้องนี้มันจัดงานวันเกิดหรือฉลองอะไรกันแน่ทำไมถึงได้มีเสียงดังอย่างนี้
ความคิดเห็น