ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    the diary

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 การพบกันครั้งเเรก

    • อัปเดตล่าสุด 28 ม.ค. 50


    ชื่อของผมคือ  แฮ็ค สาเหตุที่ได้ชื่อนี้มา ผมก็ไม่รู้นะ (แต่ตอนนี้ผมเป็นแฮ็คเกอร์อยู่อะ  เกี่ยวปะเนี่ย เฮะๆ)อายุเหรอ  อือ..ประมาณ  22ปี  ไม่มีอาชีพตายตัว  (เปลี่ยนงาน  ตลอด   1 สัปดาห์)  ส่วนสูง  178  น้ำหนัก  68  หึๆ  หุ่นกำลังดีเลย  หน้าตา อืม...ในความคิดผมนะ  มันก็งั้นๆอะนะ (แต่ไมไม่รู้ไมเวลาไปเดินเล่นแถวห้างอะนะ  มีแต่คนมองกันตลอดเลย  เซงนะเนี่ย)

              งั้นจบประวัติส่วนตัวละกันนะ  เข้าเรื่องเลยนะโอเค  เข้าเรื่องดีกว่า  ในวัน........ไหนไม่รู้  ผมตื่นขึ้นมาแล้วก็  ทำกิจวัตประจำวันตามปกติ   อาบน้ำ แปรงฟัน  กินข้าวตามปกติ  แต่ที่มันเปลี่ยนไปก้อคงจะมีแต่เครื่องแต่งกายที่มันมักจะเปลี่ยนไปทุกอาทิตย์  วันนี้เครื่องแต่งกายผมเป็นชุดสูดสีดำแต่ว่าผมไม่มีสูดสำหรับทำงานเลยมีแต่สูดเที่ยว  เวลาผมเที่ยวผมมักจะใส่เป็นแจ็คเก็ดไป  จึงต้องใส่ไปเพราะว่าครั้งนี้เป็นงานในบริษัท จึงต้องมีการสอบสัมพาส  จึงต้องดูดีเป็นพิเศษ

              พอแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ผมจึงไปที่รถของผม  พอยืนมองมันผมก็เหนื่อยใจแทนเลยครับ  ก้อผมแต่ตัวซะหลูเชียว  เเต่รถของผมนั้น  กลับเป็นแค่รถมอร์เตอร์ไซคันใหญ่ๆแค่นั้น  ก็มันไม่มีเงินนี่น่า  มอร์เตอร์ไซคันนี้ก็เคยเป็นของพ่อมาก่อนเป็นมรดกชิ้นเดียวที่ผมได้รับมา 

    ผมก็ขี่มอร์เตอร์ไซไปถึงหน้าบริษัท ผมก็ตารีตาเหลือกเข้าไปเพราะเหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นก็จะถึงเวลาที่ผมจะเข้าไปสอบแล้ว ผมรีบเดินเข้าไปถามพนักงานทันทีที่มาถึง

    เออ...ไม่ทราบว่าห้องที่ใช้สอบสัมพาด พนักงานใหม่ครับ ผมเก๊กเสียงไปถามเธอ ทั้งที่ในใจของผมนั้นเร่งรีบเต็มที่เลย

    สอบสัมพาดเหลอคะ

    ใช่ครับ... ไมไม่รีบบอกว่ะ ทำไมเหรอครับ??”

    คือ....สอบสัมพาดพนักงานใหม่นะค่ะ มีสอบเมื่อวานนะค่ะ คุณจำวันผิดหรือป่าวค่ะ 

    ..............................จบกัน...................ชีวิตนี้จบสิ้นกันที  ในขณะนี้อุณหภูมิติดลบขึ้นมาทันที  จ๋อยเลยครับ ได้แต่เดินเตะฝุ่นให้กระจาย ประชดความบ้าของตัวเอง ที่ทำให้อดทำงานเพียงเพราะผมจำวันผิด คิดแล้ว สมเพสตัวเองจริงๆเลย  

     ขณะที่ผมเดินคอตกอย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่นั้น  จู่ๆ  ก็มีอะไรบางอย่างฉุดสายตาของผมให้เงยขึ้นไปมองเหตุการ์ที่เกิดขึ้น ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง  รูปร่างและหน้าตาของเธอช่างเย้ายวนให้ผมมองเธอตาแทบไม่กระพริบ  แต่.......นี่ใช้เวลามาดูคสามสวยความงามหรือไงฟ่ะ!!  ก็ตอนนี้เธออยู่กลางถนน กำลังก้มเก็บของที่ตกอยู่นั้น  อยู่ๆก็มีรถพุ่งเข้ามาหาเธอ  แล้วเธอก้คงจะไม่รู้ตัวด้วย  มันเหมือนมีแรงผลักดันบางอย่างที่ตะโกนบอกผมให้ทำอะไรซักอย่างก่อนที่จะสายเกินไป ผมจึงวิ่งเข้าไปแบบไม่คิดชีวิต   เร่งความเร็วให้ทันรถที่วิ่งเข้ามา  ผมพอมั่นใจว่าผมสามารถจะวิ่งไปถึงตัวเธอก่อนที่รถจะวิ่งเข้าถึงตัวเธอ  แล้วผมก็ตะโกนออกไปสุดเสียง

    ระวัง!!”  ผมเห็นเธอเงยหน้ามองมาทางผมแปปนึงราวกับจะทำให้แน่ใจว่าต้นเสียงมาจากทางไหน แล้วจึงมองไปอีกข้างสิ่งที่เธอเห็นก็คือ รถที่พุ่งเข้ามาเข้าใกล้เธอในระยะที่เบรกไม่ทันแล้ว  

    ผมวิ่งเข้าไปไกล้เธอมากแล้ว  จึงเห็นความเปรียนแปลงบนใบหน้าของเธออย่างชัดเจน  ม่านตาเธอเบิกกว้างขึ้น ยกแขนขึ้นมา ราวกับจะคิดว่ามันจะสามารถคุ้มกันตัวได้  ปากทำท่าจะขยับพร้อมส่งเสียงกรี๊ดเต็มเสียง หากแต่ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกาได้ ทุกอย่างล้วนแสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด 

    รถวิ่งเข้ามาใกล้เธอแล้ว  เเต่ผมอยู่ใกล้กว่า

    อีกแค่  3  ก้าวเท่านั้น  ผมจึงเร่งเท้าให้แรงที่สุดเพื่อที่จะได้ส่งแรงกระโดดให้ไกลขึ้น  ผมนับจังหวะในใจแล้ว 1...2...โดด  ผมถีบตัวด้วยเรียวแรงทั้งหมดที่มี  ส่งไปที่ปลายเท้าแล้ว  พุ่งตัวออกไป ไม่รู้ว่าผมเอาเรี่ยวแรงมหาสารนี้มาจากไหน

    ผมลอยคว้าอยู่กลางอากาศ แล้วพยายามคว้าตัวเธอมาไว้ในอ้อมกอด  ในที่สุดผมก็คว้าตัวเธอเอาไว้ได้ ผมกอดตัวเธอเอาไว้แน่นไม่ให้หลุดไปไหนเลย แล้วถลาออกไปให้พ้นจากรัศมีของรถที่พุ่งมา 

    ขณะนี้ร่างของผมที่โอบกอดเธอไว้อยู่ ลอยอยู่กลางอากาศ โดยมีแรงส่งตัวของผมอยู่ทำให้ตัวผมพุ่งต่อไปโดยไม่หยุด  

    3 เมตร!  ขณะนี้ผมมองเห็นทุกอย่างขยับอย่างช้าลง  ร่างของเธอพ้นจากรัศมีของรถที่พุ่งมาแล้ว

    2 เมตร!  ตัวผมยังลอยอยู่  แต่ยังพ้นรัศมีของรถ

    1 เมตร!  เหลือแต่เท้าเท่านั้นที่ยังอยู่ในรัศมีของรถที่พุ่งมา  ผมใช้แรงที่เหลืออยู่ทั้งหมดของผม ดึงขาหุบเข้ามาหาตัว ผมมองเห็นทุกอย่างมันค่อยๆเคลื่อนผ่านหน้าผมไป  แล้วในที่สุดก็........

    พ้น!!

    เหมือนมีลมพายุพัดขนาดใหญ่พัดมาประทะหน้าของผม  ทำให้เส้นผมยาวของผม  โบกสบัดไปพร้อมสายลม  ร่างของผมลอยแล้วไปล้มลงที่ข้างๆที่เกิดเหตุห่างไปไม่กี่เมตร  เวลาคงจะกลัมมาเดินตามปรกติแล้วสินะ ผมจึงสามารถมองทุกอย่างขยับตามเดิม ระหว่างที่ล้มลงไปนั้น  ผมก็ใช้แขนประคองตัวเธอเอาไว้  ไม่ให้เกิดบาดแผลบนตัวเธอแม้แต่ปลายเล็บ  ถึงแม้ว่าผมจะเป็นยังไงก็ช่าง

    ผมก็ล้มลงพื้นได้อย่างปลอดภัย  ผมก้มลงไปมองผู้หญิงที่ผมพึ่งช่วยชีวิตมาได้  ที่ขณะนี้ก็ยังคงหลับตาแน่นอยู่  สงสัยคงยังไม่รู้ว่าเธอได้รอดตายแล้ว  ผมมองเรือนร่างอันบอบบางน่าทนุถนอมนี้ แล้วก็ไปมองดวงหน้าอันใสสะอาดไร้มณทินของเธอ  หน้าตาของเธอน่ารักมากยิ่งมองจากที่ใกล้ๆนี่แล้ว  แทบจะไม่เชื่อว่าในโลกนี้ยังมีผู้หญิงที่น่ารักขนาดนี้อยู่ด้วย  ผิวเธอขาวผ่องใสของเธอทั้งเนียนและนุ่มมาก ทำให้ผมคิดถูกที่เอาตัวผมป้องกันไม่ให้เธอได้รับบาดแผล  เพราะหากเธอมีบาดแผลแล้ว  ผมคงจะเสียดายผิวสวยๆของเธอปล่าว    

    จะว่าไปผมก็ไม่รู้ว่าทำไมผมจะต้องเสี่ยงชีวิตของผมเข้าแลกกับการช่วยคนที่ไม่รู้จัก แต่ถ้าหากมันเป็นพรมลิขิต ตอนนี้สงสัยผมคงจะหลงรักเธอตั้งแต่แรกเห็นซะแล้วสิ  นี่คงจะเป็นสิ่งที่หลายๆคนเคยพบมาก่อน สิ่งที่เรียกกันว่า รักแรกพบ 

    แต่มันคงจะเป็นไปไม่ได้หลอกที่คนหน้าตาดี อย่างเธอจะมาสนใจคนอย่างผมได้  เพราะดอกฟ้าย่อมไม่สมควรกันหมาวัด ผมมันก็เป็นได้แค่หมาตัวนั้น

    ผมสลัดความคิดฟุ้งซานของผมทิ้งไปให้หมด แล้วมองที่ใบหน้าของเธอพร้อมเรียกสติของเธอให้ตื่นขึ้นมา 

    นี่คุณครับลืมตาได้แล้วครับ ไม่เป็นไรแล้วละ ผมเรียกเธอเบาๆผมก็เห็นเธอค่อยๆคลายคิ้วที่ชนกันจนเป็นปรมเพราะการหลับตาแน่นนั้นทำให้เกิดเป็นอย่างนี้ แล้วเธอก็ลืมตาขึ้นมามองดูชะตากรรมที่ตนได้รับ 

    คุณเป็นคนช่วยฉันไว้เหรอเธอถามผมเพื่อความแน่ใจ

    ครับ

    ขอบคุณมากนะ ที่ช่วยเราเอาไว้นะแล้วเธอก็ยิ้มออกมา รอยยิ้มของเธอสวยดังรอยยิ้มของนางฟ้า จนทำให้ผมหลงใหลในรอยยิ้มขึ้นมาทันที จนไม่อาจละสายตาออกจอกใบหน้าของเธอได้

    ไม่เป็นไรครับแล้วผมก็แลซ้ายแลขวาเล็กน้อยแล้วก็หันไปมองทางเธอ เออ....ผมว่าเราออกไปจากถนนนี่ก่อนจะดีกว่านะครับ

    ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้น  เล้วเห็นเธอมองซ้ายมองขวาแล้วทำท่าจะลุกขึ้นมา  ผมจึงยื่นมือออกมาให้เธอจับไว้เพื่อจะได้ลุกขึ้นยืนได้ถนัดขึ้น   เธอก็จับมือผมไว้ผมก็จับมือเธอเอาไว้แล้วดึงตัวเธอขึ้นมา เเล้วจึงรีบวิ่งขึ้นฟุตบาทกัน

    โชคดีที่แถวนี้ไม่ค่อยจะมีรถผ่านมาในช่วงเวลาขณะนี้เท่าซักไหล และก็เป็นดวงเฮงของผมเหมือนกัน เพราะตอนเกิดเหตุกลับไม่มีรถซักคันและคนซักคนอยู่ในเหตุการณ์ครังนี้  เรื่องที่ผมช่วยเธอใว้จึงไม่เป็นข่าวแต่อย่างใด  ส่วนเรื่องของรถคันนั้นในเมื่อผมก็ไม่เป็นไรมาก  แล้วเธอก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไร  เราจึงปล่อยเรื่องนี้ให้เลยตามเลยไปเพราะคิดว่าคนขับคงหลับใน และพวกเราก็ไม่อยากมีเรื่องยุ่งยากด้วย

    งั้น.....ผมขอตัวไปก่อนนะครับไม่ใช่อะไรหลอกครับ ผมดันได้แผลมาที่ข้อศอกและมือข้างขวาตอนที่ผมรองรับตัวเธอเอาไว้ ทั้งที่อยากจะรู้จักอยากจะคุยกับเธอแทบจะขาดใจ แต่เธอคงมีเรื่องที่จะต้องไปแล้วละมั้ง คงไม่ว่างอยู่คุยกับผมหลอก  

    เออ....เดี๋ยวก่อนค่ะ คือไม่ทราบว่าว่างรึป่าว คือเราอยากจะเลี้ยงอะไรนายหน่อย เพื่อเป็นการตอบแทนที่ช่วยชีวิตเราไว้ไงเอาว่ะในเมื่อชวน มีหรือที่ปติเสษ จะได้ถามชื่อของนายแล้วก็ให้นายเล่าเรื่องที่ช่วยเราไว้ให้ด้วยไง แต่ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะ เดี่ยวค่อยนัดอีกทีก็ได้นะ แต่ไงๆเราก็ต้องเลี้ยงขอบคุณอยู่แล้ว

    อือ งั้นก็ได้ครับ เพราะผมก็ไม่ได้ไปไหนอยู่แล้ว ทำไมเหรอครับ ผมเหมือนคนที่จะต้องรีบไปไหนขนาดนั้นเชียวเหลอครับผมถามเธอแบบแซวเล่นๆ เเล้วเธอก็หัวเราะคิกคักออกมาเบาๆ เวลาที่เธอหัวเราะนี่โลกคงจะสดใสไปทั้งโลกแน่ๆเลย

    ก็...เห็นแต่ตัวซะหล่อ เลยคิดว่านัดกับใครรึป่าวไง งั้นถ้าไม่มีงั้นเราไปกันเถอะ   แล้วเธอก็ชวนผมเข้าไปในร้านกาแฟ ที่อยู่ตรงข้ามกับที่เกิดเหตุ

    ………………………………………………..

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×