คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 การพบกันครั้งเเรก
ชื่อของผมคือ แฮ็ค สาเหตุที่ได้ชื่อนี้มา ผมก็ไม่รู้นะ (แต่ตอนนี้ผมเป็นแฮ็คเกอร์อยู่อะ เกี่ยวปะเนี่ย เฮะๆ)อายุเหรอ อือ..ประมาณ 22ปี ไม่มีอาชีพตายตัว (เปลี่ยนงาน ตลอด 1 สัปดาห์) ส่วนสูง 178 น้ำหนัก 68 หึๆ หุ่นกำลังดีเลย หน้าตา อืม...ในความคิดผมนะ มันก็งั้นๆอะนะ (แต่ไมไม่รู้ไมเวลาไปเดินเล่นแถวห้างอะนะ มีแต่คนมองกันตลอดเลย เซงนะเนี่ย)
งั้นจบประวัติส่วนตัวละกันนะ เข้าเรื่องเลยนะโอเค เข้าเรื่องดีกว่า ในวัน........ไหนไม่รู้ ผมตื่นขึ้นมาแล้วก็ ทำกิจวัตประจำวันตามปกติ อาบน้ำ แปรงฟัน กินข้าวตามปกติ แต่ที่มันเปลี่ยนไปก้อคงจะมีแต่เครื่องแต่งกายที่มันมักจะเปลี่ยนไปทุกอาทิตย์ วันนี้เครื่องแต่งกายผมเป็นชุดสูดสีดำแต่ว่าผมไม่มีสูดสำหรับทำงานเลยมีแต่สูดเที่ยว เวลาผมเที่ยวผมมักจะใส่เป็นแจ็คเก็ดไป จึงต้องใส่ไปเพราะว่าครั้งนี้เป็นงานในบริษัท จึงต้องมีการสอบสัมพาส จึงต้องดูดีเป็นพิเศษ
พอแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ผมจึงไปที่รถของผม พอยืนมองมันผมก็เหนื่อยใจแทนเลยครับ ก้อผมแต่ตัวซะหลูเชียว เเต่รถของผมนั้น กลับเป็นแค่รถมอร์เตอร์ไซคันใหญ่ๆแค่นั้น ก็มันไม่มีเงินนี่น่า มอร์เตอร์ไซคันนี้ก็เคยเป็นของพ่อมาก่อนเป็นมรดกชิ้นเดียวที่ผมได้รับมา
ผมก็ขี่มอร์เตอร์ไซไปถึงหน้าบริษัท ผมก็ตารีตาเหลือกเข้าไปเพราะเหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นก็จะถึงเวลาที่ผมจะเข้าไปสอบแล้ว ผมรีบเดินเข้าไปถามพนักงานทันทีที่มาถึง
“เออ...ไม่ทราบว่าห้องที่ใช้สอบสัมพาด พนักงานใหม่ครับ” ผมเก๊กเสียงไปถามเธอ ทั้งที่ในใจของผมนั้นเร่งรีบเต็มที่เลย
“สอบสัมพาดเหลอคะ”
“ใช่ครับ...” ไมไม่รีบบอกว่ะ “ทำไมเหรอครับ??”
“คือ....สอบสัมพาดพนักงานใหม่นะค่ะ มีสอบเมื่อวานนะค่ะ คุณจำวันผิดหรือป่าวค่ะ”
..............................จบกัน...................ชีวิตนี้จบสิ้นกันที ในขณะนี้อุณหภูมิติดลบขึ้นมาทันที จ๋อยเลยครับ ได้แต่เดินเตะฝุ่นให้กระจาย ประชดความบ้าของตัวเอง ที่ทำให้อดทำงานเพียงเพราะผมจำวันผิด คิดแล้ว สมเพสตัวเองจริงๆเลย
ขณะที่ผมเดินคอตกอย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีอะไรบางอย่างฉุดสายตาของผมให้เงยขึ้นไปมองเหตุการ์ที่เกิดขึ้น ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง รูปร่างและหน้าตาของเธอช่างเย้ายวนให้ผมมองเธอตาแทบไม่กระพริบ แต่.......นี่ใช้เวลามาดูคสามสวยความงามหรือไงฟ่ะ!! ก็ตอนนี้เธออยู่กลางถนน กำลังก้มเก็บของที่ตกอยู่นั้น อยู่ๆก็มีรถพุ่งเข้ามาหาเธอ แล้วเธอก้คงจะไม่รู้ตัวด้วย มันเหมือนมีแรงผลักดันบางอย่างที่ตะโกนบอกผมให้ทำอะไรซักอย่างก่อนที่จะสายเกินไป ผมจึงวิ่งเข้าไปแบบไม่คิดชีวิต เร่งความเร็วให้ทันรถที่วิ่งเข้ามา ผมพอมั่นใจว่าผมสามารถจะวิ่งไปถึงตัวเธอก่อนที่รถจะวิ่งเข้าถึงตัวเธอ แล้วผมก็ตะโกนออกไปสุดเสียง
“ระวัง!!” ผมเห็นเธอเงยหน้ามองมาทางผมแปปนึงราวกับจะทำให้แน่ใจว่าต้นเสียงมาจากทางไหน แล้วจึงมองไปอีกข้างสิ่งที่เธอเห็นก็คือ รถที่พุ่งเข้ามาเข้าใกล้เธอในระยะที่เบรกไม่ทันแล้ว
ผมวิ่งเข้าไปไกล้เธอมากแล้ว จึงเห็นความเปรียนแปลงบนใบหน้าของเธออย่างชัดเจน ม่านตาเธอเบิกกว้างขึ้น ยกแขนขึ้นมา ราวกับจะคิดว่ามันจะสามารถคุ้มกันตัวได้ ปากทำท่าจะขยับพร้อมส่งเสียงกรี๊ดเต็มเสียง หากแต่ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกาได้ ทุกอย่างล้วนแสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
รถวิ่งเข้ามาใกล้เธอแล้ว เเต่ผมอยู่ใกล้กว่า
อีกแค่ 3 ก้าวเท่านั้น ผมจึงเร่งเท้าให้แรงที่สุดเพื่อที่จะได้ส่งแรงกระโดดให้ไกลขึ้น ผมนับจังหวะในใจแล้ว 1...2...โดด ผมถีบตัวด้วยเรียวแรงทั้งหมดที่มี ส่งไปที่ปลายเท้าแล้ว พุ่งตัวออกไป ไม่รู้ว่าผมเอาเรี่ยวแรงมหาสารนี้มาจากไหน
ผมลอยคว้าอยู่กลางอากาศ แล้วพยายามคว้าตัวเธอมาไว้ในอ้อมกอด ในที่สุดผมก็คว้าตัวเธอเอาไว้ได้ ผมกอดตัวเธอเอาไว้แน่นไม่ให้หลุดไปไหนเลย แล้วถลาออกไปให้พ้นจากรัศมีของรถที่พุ่งมา
ขณะนี้ร่างของผมที่โอบกอดเธอไว้อยู่ ลอยอยู่กลางอากาศ โดยมีแรงส่งตัวของผมอยู่ทำให้ตัวผมพุ่งต่อไปโดยไม่หยุด
พ้น!!
เหมือนมีลมพายุพัดขนาดใหญ่พัดมาประทะหน้าของผม ทำให้เส้นผมยาวของผม โบกสบัดไปพร้อมสายลม ร่างของผมลอยแล้วไปล้มลงที่ข้างๆที่เกิดเหตุห่างไปไม่กี่เมตร เวลาคงจะกลัมมาเดินตามปรกติแล้วสินะ ผมจึงสามารถมองทุกอย่างขยับตามเดิม ระหว่างที่ล้มลงไปนั้น ผมก็ใช้แขนประคองตัวเธอเอาไว้ ไม่ให้เกิดบาดแผลบนตัวเธอแม้แต่ปลายเล็บ ถึงแม้ว่าผมจะเป็นยังไงก็ช่าง
ผมก็ล้มลงพื้นได้อย่างปลอดภัย ผมก้มลงไปมองผู้หญิงที่ผมพึ่งช่วยชีวิตมาได้ ที่ขณะนี้ก็ยังคงหลับตาแน่นอยู่ สงสัยคงยังไม่รู้ว่าเธอได้รอดตายแล้ว ผมมองเรือนร่างอันบอบบางน่าทนุถนอมนี้ แล้วก็ไปมองดวงหน้าอันใสสะอาดไร้มณทินของเธอ หน้าตาของเธอน่ารักมากยิ่งมองจากที่ใกล้ๆนี่แล้ว แทบจะไม่เชื่อว่าในโลกนี้ยังมีผู้หญิงที่น่ารักขนาดนี้อยู่ด้วย ผิวเธอขาวผ่องใสของเธอทั้งเนียนและนุ่มมาก ทำให้ผมคิดถูกที่เอาตัวผมป้องกันไม่ให้เธอได้รับบาดแผล เพราะหากเธอมีบาดแผลแล้ว ผมคงจะเสียดายผิวสวยๆของเธอปล่าว
จะว่าไปผมก็ไม่รู้ว่าทำไมผมจะต้องเสี่ยงชีวิตของผมเข้าแลกกับการช่วยคนที่ไม่รู้จัก แต่ถ้าหากมันเป็นพรมลิขิต ตอนนี้สงสัยผมคงจะหลงรักเธอตั้งแต่แรกเห็นซะแล้วสิ นี่คงจะเป็นสิ่งที่หลายๆคนเคยพบมาก่อน สิ่งที่เรียกกันว่า “รักแรกพบ”
แต่มันคงจะเป็นไปไม่ได้หลอกที่คนหน้าตาดี อย่างเธอจะมาสนใจคนอย่างผมได้ เพราะดอกฟ้าย่อมไม่สมควรกันหมาวัด ผมมันก็เป็นได้แค่หมาตัวนั้น
ผมสลัดความคิดฟุ้งซานของผมทิ้งไปให้หมด แล้วมองที่ใบหน้าของเธอพร้อมเรียกสติของเธอให้ตื่นขึ้นมา
“นี่คุณครับลืมตาได้แล้วครับ ไม่เป็นไรแล้วละ” ผมเรียกเธอเบาๆผมก็เห็นเธอค่อยๆคลายคิ้วที่ชนกันจนเป็นปรมเพราะการหลับตาแน่นนั้นทำให้เกิดเป็นอย่างนี้ แล้วเธอก็ลืมตาขึ้นมามองดูชะตากรรมที่ตนได้รับ
“คุณ
เป็นคนช่วยฉันไว้เหรอ”เธอถามผมเพื่อความแน่ใจ
“ครับ”
“ขอบคุณมากนะ ที่ช่วยเราเอาไว้นะ”แล้วเธอก็ยิ้มออกมา รอยยิ้มของเธอสวยดังรอยยิ้มของนางฟ้า จนทำให้ผมหลงใหลในรอยยิ้มขึ้นมาทันที จนไม่อาจละสายตาออกจอกใบหน้าของเธอได้
“ไม่เป็นไรครับ”แล้วผมก็แลซ้ายแลขวาเล็กน้อยแล้วก็หันไปมองทางเธอ “เออ....ผมว่าเราออกไปจากถนนนี่ก่อนจะดีกว่านะครับ”
ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้น เล้วเห็นเธอมองซ้ายมองขวาแล้วทำท่าจะลุกขึ้นมา ผมจึงยื่นมือออกมาให้เธอจับไว้เพื่อจะได้ลุกขึ้นยืนได้ถนัดขึ้น เธอก็จับมือผมไว้ผมก็จับมือเธอเอาไว้แล้วดึงตัวเธอขึ้นมา เเล้วจึงรีบวิ่งขึ้นฟุตบาทกัน
โชคดีที่แถวนี้ไม่ค่อยจะมีรถผ่านมาในช่วงเวลาขณะนี้เท่าซักไหล และก็เป็นดวงเฮงของผมเหมือนกัน เพราะตอนเกิดเหตุกลับไม่มีรถซักคันและคนซักคนอยู่ในเหตุการณ์ครังนี้ เรื่องที่ผมช่วยเธอใว้จึงไม่เป็นข่าวแต่อย่างใด ส่วนเรื่องของรถคันนั้นในเมื่อผมก็ไม่เป็นไรมาก แล้วเธอก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไร เราจึงปล่อยเรื่องนี้ให้เลยตามเลยไปเพราะคิดว่าคนขับคงหลับใน และพวกเราก็ไม่อยากมีเรื่องยุ่งยากด้วย
“งั้น.....ผมขอตัวไปก่อนนะครับ”ไม่ใช่อะไรหลอกครับ ผมดันได้แผลมาที่ข้อศอกและมือข้างขวาตอนที่ผมรองรับตัวเธอเอาไว้ ทั้งที่อยากจะรู้จักอยากจะคุยกับเธอแทบจะขาดใจ แต่เธอคงมีเรื่องที่จะต้องไปแล้วละมั้ง คงไม่ว่างอยู่คุยกับผมหลอก
“เออ....เดี๋ยวก่อนค่ะ คือไม่ทราบว่าว่างรึป่าว คือเราอยากจะเลี้ยงอะไรนายหน่อย เพื่อเป็นการตอบแทนที่ช่วยชีวิตเราไว้ไง”เอาว่ะในเมื่อชวน มีหรือที่ปติเสษ “จะได้ถามชื่อของนายแล้วก็ให้นายเล่าเรื่องที่ช่วยเราไว้ให้ด้วยไง แต่ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะ เดี่ยวค่อยนัดอีกทีก็ได้นะ แต่ไงๆเราก็ต้องเลี้ยงขอบคุณอยู่แล้ว”
“อือ งั้นก็ได้ครับ เพราะผมก็ไม่ได้ไปไหนอยู่แล้ว ทำไมเหรอครับ ผมเหมือนคนที่จะต้องรีบไปไหนขนาดนั้นเชียวเหลอครับ”ผมถามเธอแบบแซวเล่นๆ เเล้วเธอก็หัวเราะคิกคักออกมาเบาๆ เวลาที่เธอหัวเราะนี่โลกคงจะสดใสไปทั้งโลกแน่ๆเลย
“ก็...เห็นแต่ตัวซะหล่อ เลยคิดว่านัดกับใครรึป่าวไง งั้นถ้าไม่มีงั้นเราไปกันเถอะ ”แล้วเธอก็ชวนผมเข้าไปในร้านกาแฟ ที่อยู่ตรงข้ามกับที่เกิดเหตุ
..
ความคิดเห็น