ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพื่อนสนิท..

    ลำดับตอนที่ #2 : สายฝน

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ค. 49


    เช้าวันใหม่ที่ผมจะต้องมาศึกษาหาความรู้เเละพยายามตั้งใจร่ำเรียนเพื่อไปตามเสียงร้องเรียกของเจ้าอนาคตที่ยืนตะโกน.เเหกปาก..จนเสียงเเหบเสียงเเห้งอยู่ข้างหน้า วันนี้ผู้คนขวักไขว่และรีบเร่งเเทบจะไม่มีเวลามองคนที่เดินสวนกันเลย คงเป็นเพราะจะถึงเวลาเรียนกันแล้ว ผมรีบเร่งฝีเท้าอย่างรีบร้อนก่อนที่เข็มวินาทีจะเเตะที่เลข 12 พอผ่านที่ที่ผมเจอน้ำครั้งแรก ก็เผลอหยุดนิ่มทอดสายตาเหลียวมองที่ตรงนั้นอยู่นานเหมือนกันกว่าจะสบัดตัวเเละรีบวิ่งเข้าห้องเรียนได้ คิดถึงวันนั้นทีไรก็รู้สึกสบายใจ..ชื่นใจ..สุขใจ…เเละอยากเจอวันเเบบนั้นอีกหลายๆครั้ง

    ...........................................

    ตกเย็นผมกำลังใช้เท้าเหยียบที่ฟุตบาทเพื่อถีบตัวเองกลับบ้าน เดินล้วงกระเป๋าอย่างสบายใจเนื่องจากไม่ต้องรีบเร่ง..ร้อนรน…กังวลใจเหมือนในช่วงเช้า พอผ่านตึกคณะบัญชี ที่หางตาสังเกตเห็นผู้หญิงคล้ายๆน้ำ ผมรีบเหลียว….พรวด…มองไปทันที เเละก็จริงอย่างที่คิดไว้ .. นึกไว้…คาดไว้ น้ำเดินออกมาจากตึกคณะพอดี เธอมองมาที่ผม จากนั้นเธอก็เรียกผมให้ผมรอเธอ เธอขอเดินไปหน้ามหาลัยกับผม

    เราเดินกันได้ไม่นาน ผมก็รู้สึกว่ามีหยดน้ำเย็นๆ เเตะที่ปลายเส้นผมมากขึ้นๆ เเต่ฝนก็มีน้ำใจงามอยู่บ้างรอให้ผมกับน้ำหาที่หลบฝนได้ก่อนถึงตกมากเม็ดเเละพุ่งเร็วเเละเเรงราวกับน้ำตก

    เราสองคนหลบฝนใต้ต้นไม้ใกล้ๆตึกคณะบัญชี บริเวณรอบๆมีน้ำไหลลงสู่ที่ต่ำอย่างไม่ขาดสาย บ้างก็ขังเป็นเเอ่งใหญ่ เสียงฟ้าร้อง..คำราม..ดังลั่น…สนั่นทั่วท้องฟ้า ทำให้ใจได้ตื่นเต้น..ตกใจ…สะดุ้งพอสมควร เเม้ต้นไม้จะผลิใบหนาทึบอัดกันหนาเเน่นมากก็มิอาจขวางกั้นหยดฝนได้ซะหมด เราสองคนต่างมีละอองฝนเกาะที่เส้นผมกันนับร้อยหยด

    ผมเอียงตัวออกจากต้นไม้เเล้วเเหงนมองไปที่ท้องฟ้า ท้องฟ้าชั่งมืด..ดำทมิฬ..ปล่อยให้เเสงอาทิตย์ลอดผ่านมาได้เเค่เพียงเงาจางๆ ผมคิดในใจว่าถ้ารอต่อไปฝนก็คงไม่หยุดตกหรอก เเละผมกลัวว่าน้ำจะต้องกลับบ้านค่ำ..มืด..ดึก ผมเลยเอ่ยถามน้ำสั้นๆ ว่ารีบกลับไหม จากนั้นผมก็ปลดกระดุมเสื้อตัวเองทีละเม็ด ๆ ปล่อยให้เหลือเเต่เสื้อคอกลมสีขาว ส่วนเสื้อนักศึกษาผมเอามาคลุมหัวเเล้ววิ่งออกจากใต้ต้นไม้ จากนั้นก็ตะเบ็งคอ..ตะโกนชวนน้ำกลับบ้าน

    เราสองคนวิ่งฝ่าหยดน้ำฝนที่ฟาดมาที่ร่างกายเรานับร้อย เสียงรองเท้ากระทบที่พื้นดัง จอกๆ ทุกครั้งที่เท้ากระเเทกไปที่พื้นก็จะมีหยดน้ำมากมายก่ายกองกระเด็น..กระดอน..กระโดดขึ้นมาติดขอบรองเท้า

    ผมขออาสาไปส่งน้ำให้ถึงประตูหน้าบ้าน……ระหว่างที่ผมกับน้ำเดินเข้าซอยบ้านน้ำ ฝนเริ่มหยุดตกเเล้ว จะมีก็มีเเต่หยดน้ำที่เกาะตามต้นไม้..ใบไม้ ..กิ่งไม้ เเละฝาครอบหลอดไฟ หยดลงที่พื้นพอให้รู้ว่าน้ำยังไม่เหือดเเห้งหลังจากสายฝนร่ำลาจากไป

    ระหว่างที่ผมเดินไปส่งเธอนั้น ผมก็นึกเอ้ะใจขึ้นได้ว่าชมรมที่ผมอยู่มีละครเวที กำลังซ้อมพูดซ้อมร้องกันอย่างขะมักเขม้น ผมเลยเอ่ยชวนเธอให้ไปดู เธอยิ้มเเก้มบานเเล้วตอบรับคำเชิญชวนของผม ตอนนั้นในหัวใจสั่นหวั่นไหว นิดๆ ตื่นเต้นเพราะอยากให้ถึงวันที่ละครเล่นจริงเร็วๆ

    ไม่นานก็ถึงประตูหน้าบ้านน้ำ เธอเอ่ยบอกว่านี่เเหละบ้านเธอ ผมรีบวิ่งปรี่ไปคว้าลูกบิดประตูเเล้วเปิดให้เธอเข้า น้ำยิ้มเเก้มเเดง จากนั้นก็กล่าวคำขอบคุณ

    ผมเดินกลับบ้านด้วยหัวใจฟองโต..อิ่มอกอิ่มใจเเละ ร้อนซ่าไปทั้งตัว ดีใจสุดขีดกับความเป็นสุภาพบุรุษในครั้งนี้ โดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังหลงรักน้ำเข้าเต็มขั้วของหัวใจ

    เช้าวันใหม่ที่ผมจะต้องมาศึกษาหาความรู้เเละพยายามตั้งใจร่ำเรียนเพื่อไปตามเสียงร้องเรียกของเจ้าอนาคตที่ยืนตะโกน.เเหกปาก..จนเสียงเเหบเสียงเเห้งอยู่ข้างหน้า วันนี้ผู้คนขวักไขว่และรีบเร่งเเทบจะไม่มีเวลามองคนที่เดินสวนกันเลย คงเป็นเพราะจะถึงเวลาเรียนกันแล้ว ผมรีบเร่งฝีเท้าอย่างรีบร้อนก่อนที่เข็มวินาทีจะเเตะที่เลข 12 พอผ่านที่ที่ผมเจอน้ำครั้งแรก ก็เผลอหยุดนิ่มทอดสายตาเหลียวมองที่ตรงนั้นอยู่นานเหมือนกันกว่าจะสบัดตัวเเละรีบวิ่งเข้าห้องเรียนได้ คิดถึงวันนั้นทีไรก็รู้สึกสบายใจ..ชื่นใจ..สุขใจ…เเละอยากเจอวันเเบบนั้นอีกหลายๆครั้ง

    ...........................................

    ตกเย็นผมกำลังใช้เท้าเหยียบที่ฟุตบาทเพื่อถีบตัวเองกลับบ้าน เดินล้วงกระเป๋าอย่างสบายใจเนื่องจากไม่ต้องรีบเร่ง..ร้อนรน…กังวลใจเหมือนในช่วงเช้า พอผ่านตึกคณะบัญชี ที่หางตาสังเกตเห็นผู้หญิงคล้ายๆน้ำ ผมรีบเหลียว….พรวด…มองไปทันที เเละก็จริงอย่างที่คิดไว้ .. นึกไว้…คาดไว้ น้ำเดินออกมาจากตึกคณะพอดี เธอมองมาที่ผม จากนั้นเธอก็เรียกผมให้ผมรอเธอ เธอขอเดินไปหน้ามหาลัยกับผม

    เราเดินกันได้ไม่นาน ผมก็รู้สึกว่ามีหยดน้ำเย็นๆ เเตะที่ปลายเส้นผมมากขึ้นๆ เเต่ฝนก็มีน้ำใจงามอยู่บ้างรอให้ผมกับน้ำหาที่หลบฝนได้ก่อนถึงตกมากเม็ดเเละพุ่งเร็วเเละเเรงราวกับน้ำตก

    เราสองคนหลบฝนใต้ต้นไม้ใกล้ๆตึกคณะบัญชี บริเวณรอบๆมีน้ำไหลลงสู่ที่ต่ำอย่างไม่ขาดสาย บ้างก็ขังเป็นเเอ่งใหญ่ เสียงฟ้าร้อง..คำราม..ดังลั่น…สนั่นทั่วท้องฟ้า ทำให้ใจได้ตื่นเต้น..ตกใจ…สะดุ้งพอสมควร เเม้ต้นไม้จะผลิใบหนาทึบอัดกันหนาเเน่นมากก็มิอาจขวางกั้นหยดฝนได้ซะหมด เราสองคนต่างมีละอองฝนเกาะที่เส้นผมกันนับร้อยหยด

    ผมเอียงตัวออกจากต้นไม้เเล้วเเหงนมองไปที่ท้องฟ้า ท้องฟ้าชั่งมืด..ดำทมิฬ..ปล่อยให้เเสงอาทิตย์ลอดผ่านมาได้เเค่เพียงเงาจางๆ ผมคิดในใจว่าถ้ารอต่อไปฝนก็คงไม่หยุดตกหรอก เเละผมกลัวว่าน้ำจะต้องกลับบ้านค่ำ..มืด..ดึก ผมเลยเอ่ยถามน้ำสั้นๆ ว่ารีบกลับไหม จากนั้นผมก็ปลดกระดุมเสื้อตัวเองทีละเม็ด ๆ ปล่อยให้เหลือเเต่เสื้อคอกลมสีขาว ส่วนเสื้อนักศึกษาผมเอามาคลุมหัวเเล้ววิ่งออกจากใต้ต้นไม้ จากนั้นก็ตะเบ็งคอ..ตะโกนชวนน้ำกลับบ้าน

    เราสองคนวิ่งฝ่าหยดน้ำฝนที่ฟาดมาที่ร่างกายเรานับร้อย เสียงรองเท้ากระทบที่พื้นดัง จอกๆ ทุกครั้งที่เท้ากระเเทกไปที่พื้นก็จะมีหยดน้ำมากมายก่ายกองกระเด็น..กระดอน..กระโดดขึ้นมาติดขอบรองเท้า

    ผมขออาสาไปส่งน้ำให้ถึงประตูหน้าบ้าน……ระหว่างที่ผมกับน้ำเดินเข้าซอยบ้านน้ำ ฝนเริ่มหยุดตกเเล้ว จะมีก็มีเเต่หยดน้ำที่เกาะตามต้นไม้..ใบไม้ ..กิ่งไม้ เเละฝาครอบหลอดไฟ หยดลงที่พื้นพอให้รู้ว่าน้ำยังไม่เหือดเเห้งหลังจากสายฝนร่ำลาจากไป

    ระหว่างที่ผมเดินไปส่งเธอนั้น ผมก็นึกเอ้ะใจขึ้นได้ว่าชมรมที่ผมอยู่มีละครเวที กำลังซ้อมพูดซ้อมร้องกันอย่างขะมักเขม้น ผมเลยเอ่ยชวนเธอให้ไปดู เธอยิ้มเเก้มบานเเล้วตอบรับคำเชิญชวนของผม ตอนนั้นในหัวใจสั่นหวั่นไหว นิดๆ ตื่นเต้นเพราะอยากให้ถึงวันที่ละครเล่นจริงเร็วๆ

    ไม่นานก็ถึงประตูหน้าบ้านน้ำ เธอเอ่ยบอกว่านี่เเหละบ้านเธอ ผมรีบวิ่งปรี่ไปคว้าลูกบิดประตูเเล้วเปิดให้เธอเข้า น้ำยิ้มเเก้มเเดง จากนั้นก็กล่าวคำขอบคุณ

    ผมเดินกลับบ้านด้วยหัวใจฟองโต..อิ่มอกอิ่มใจเเละ ร้อนซ่าไปทั้งตัว ดีใจสุดขีดกับความเป็นสุภาพบุรุษในครั้งนี้ โดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังหลงรักน้ำเข้าเต็มขั้วของหัวใจ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2025

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×