ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF.PROJECT] Evil's Story. : WONKYU

    ลำดับตอนที่ #5 : [SF] Hyun Rocker. [1/2] 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.06K
      2
      25 ต.ค. 54

    Hyun Rocker.

     

    ตอนที่ 1

     

    โจ คยูฮยอน... ถือกำเนิดมาบนโลกนี้ เพื่อ...เป็น...ศาสดา...แห่ง...

    วงการร็อค!!!

     

    ( ´`)

     

     

                แต่ใครจะรู้ว่าร็อคสตาร์อย่างเขาจะต้องเจออุปสรรคด่านใหญ่!

     

                มึงจะทำยังไงต่อไป? เสียงยียวนของเพื่อนสนิทสะกิดต่อมหงุดหงิดให้ทวีซึ่งความรุนแรง โจ คยูฮยอนยกมือขึ้นทึ้งเส้นผมสีน้ำตาลสว่างไปมาอย่างหัวเสีย จนเพื่อนตัวล่ำที่นั่งอยู่บนพื้นเตียงข้างๆ จำต้องถวายตัวถวายหัวใจเอาตัวเข้าขวาง กลัวว่าเพื่อนแสนรักจะเฉามือตัวเองตายไปเสียก่อนที่เขาเองจะได้จับคนน่ารักมานอนก(อ)ด

                มึงอย่าห้ามกู ทงเฮ...มึงอย่ามาห้ามกู กูอยากตาย!!!!!!!” นั่นไง...พยศใส่กันซะด้วย อี ทงเฮผงะไปกับเรี่ยวแรงของเพื่อนตัวผอม(?)ที่ดูจะมากกว่าปกติ ลำบากถึงเขาต้องเอาหน้าด้านๆ เข้าสู้ โดยการจับรวบมือบางทั้งสองก่อนจะกดอีกฝ่ายให้นอนราบไปกับเตียง

                ที่ทำเมื่อกี้ เขาก็แค่อยากห้ามนะ ไม่ได้คิดเกินเลย................สักนิด(หรอ)

                มึงใจเย็นดิ... ทำเสียงอ่อนๆ นุ่มๆ เผื่อคยูฮยอนจะเย็นใจ หากก็เปล่า...คยูฮยอนเบ้ปากอิ่มๆ เหมือนจะปล่อยโฮ เขาเองก็เหนื่อยใจ(อีกแล้ว) จึงจัดการดึงเพื่อนรักมากอดไว้แนบอก ใบหน้าคมคายแย้มยิ้มพึงใจเมื่อยามที่แขนเรียวเลื่อนขึ้นโอบกอดเขาเช่นกัน

                อู๊ยยยยยย ~ อี ทงเฮ โครตพ่อโคตรแม่ฟินนาเร่~ o(((*//// V ////*)))o

                ทงเฮ...กูไม่อยากไปลอนดอน มึงก็รู้ว่าภาษาอังกฤษกูแม่งโคตรทุเรศทุรัง...กูอยากอยู่เกาหลี กูอยากเกรียนอยู่กับมึง กับเชี่ยจองโม กับเชี่ยมินฮยอก...กูคิดถึงพ่อแม่...กูคิดถึงไอ้ดาตาญัง กูไม่อยู่แล้วใครจะให้ข้าวมัน ใครจะพามันไปวิ่งอ้อมหมู่บ้าน...อีกอย่าง เดือนหน้าพวกเราก็ต้องแข่งประกวดวงดนตรี ขืนกูไม่ประท้วงพ่อกับแม่ กูอดได้เป็นร็อคสตาร์แน่อ่ะสัด!” เพื่อนรัก(มาก)สาธยายคำบ่นออกมาไม่ขาดสาย ทงเฮได้แต่พยักหน้ารับ ฝ่ามือก็ทำหน้าที่ดีไม่ขาดตกบกพร่องในการลูบแผ่นหลังบางหวังจะปลอบประโลม ใบหน้าขาวจัดแลดูน่าสงสารพิกล คบกันมาก็ตั้งแต่เป็นเด็กวัยน่าหยิก ไอ้เขาก็เพิ่งจะเคยเห็นคยูฮยอนทำหน้าระเหี่ยใจก็วันนี้แหละ...

                พ่อแม่ของคยูฮยอนน่ะ...ถึงจะเฮี้ยวจะเฟี้ยวยังไง แต่ถ้าได้ดุขึ้นมา เรื่องใหญ่!!!

                ต้องขอเท้าความถึงปฏิบัติการปฏิวัติครั้งยิ่งใหญ่ของ โจ คยูฮยอน... เพราะเกรดเฉลี่ยปลายเทอมล่าสุดแท้ๆ ซึ่งจริงๆ มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากเท่าไหร่ เพราะในเมื่อ...ขอแค่สอบเข้ามหาลัยฯ ได้ก็เป็นอันจบเรื่อง หาก...ข้อตกลงของคยูฮยอนกับพ่อแม่คือการที่ต้องสอบได้ไม่ต่ำกว่า 3.00 ถึงจะสามารถเรียนต่อที่เกาหลีได้ เพราะถ้าไม่เป็นเช่นนั้นก็เท่ากับอิสรภาพและอนาคตที่คยูฮยอนคิดว่าตัวเองจะต้องโด่งดังในโลกของวงการร็อคก็จะเป็นอันจบ มหาลัยฯ ที่ส่งเสริมเรื่องภาษาและทักษะด้านการคิดรวมไปถึงการดำเนินชีวิตให้มีคุณค่าจะเปิดประตูต้อนรับในทันที!

                นัยแฝงของพ่อแม่คยูฮยอนที่จัดการแบบนี้ ก็เพราะคิดว่าลูกชายคนเล็กคงจะไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพแน่ๆ หากปล่อยให้ฮาร์ดคอร์ต่อไปแบบนี้...

                โลกของคยูฮยอนคือการได้ตะโกนแหกปากร้องเพลงร็อคให้ข้างบ้านได้หนวกหู ไอ้การจะจับปูใส่กระด้งไปนั่งนิ่งๆ เรียนเกี่ยวกับพวกนักจิตวิทยาก็ไม่ปาน...คงทำให้โจ คยูฮยอน ลงแดงตายภายในไม่กี่วัน

                ไอ้ครั้นจะโทษตัวเอง...ก็แสนจะชีช้ำ 1.87 เชี่ยยยยยยยยยยยยยยย! อีกนิดเดียว~(มาก)

                มึงค่อยๆ คิดหาทางออก...กูอยู่ตรงนี้...มีอกแน่นๆ ให้มึงซบ มึงไม่ต้องห่วง... สาบานได้ว่าทงเฮกะจะปลอบใจ ไม่ได้หวังจะเครมคะแนนในตอนที่คยูฮยอนกำลังหัวสมองไม่แล่นปู้ดปร้าด ระหว่างเขากับคยูฮยอนคือเพื่อนเล่นสมัยเด็กที่เติบโตมาด้วยกัน...เขามีความคิดความอ่านอย่างไร คยูฮยอนก็เช่นกัน...แค่มองตาก็รู้ไปถึงไหนต่อไหน จะมีอยู่เรื่องเดียวที่คยูฮยอนไม่ยอมเข้าใจเสียที

                มึงกอดกูแน่นไปล่ะ -3-“ ทำไมต้องมาทำตัวฉลาด(?)รู้ทันกันตอนนี้นะ...ทงเฮถอนหายใจเหนื่อยหน่าย พลางใช้ลิ้นดันกระพุงแก้มด้านซ้าย คยูฮยอนกำลังดิ้นขยุกขยิก...ทำหน้าเหมือนจะขาดอากาศหายใจ พวงแก้มขาวพองขึ้นอย่างที่ชอบทำใส่เขา (น่ารักเอี้ยๆ >.<)

                มึงจะปล้ำเชี่ยคิยูหรอ!!!! ไอ้เตี้ย!!!” ชายหนุ่มตัวสูงเปิดประตูห้องนอนเสียงดังปัง พร้อมกับก้าวอาดๆ มาจับคนสองคนที่นอนกอดกันอยู่บนเตียงให้แยกออก...คนโดนแยกอย่างทงเฮทำสีหน้าไม่ยี่หระ ในขณะที่อีกคนได้แต่นั่งกุมขมับ

                มึงบ้าป่ะ เชี่ยจองโม!!! ถ้าเชี่ยเฮปล้ำกูได้...กูคงไม่กล้านอนให้มันกอดหรอก เจ็บจี๊ดสิคราวนี้... คยูฮยอนบ่นอุบอิบพลางเอี้ยวตัวเอาหน้ามาซบกับแผ่นหลังกว้าง คนโดนกล่าวถึงเผยยิ้มมุมปากออกมาอย่างไม่รู้ตัว สงสัยคยูฮยอนคงไม่เคยได้ยินคตินี้มั้ง...ถึงได้ไว้ใจเพื่อนสนิท(คิดไม่ซื่อ)อย่าง อี ทงเฮ เสียขนาดนี้...

                มึงไม่เคยได้ยินหรอ? ว่าความสูงน่ะ มันไม่เป็นผลต่อที่ราบ... คยูฮยอนเงยหน้าจากแผ่นหลังเพื่อนตัวดี พลางยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากราวกับใช้ความคิดอย่างหนักหน่วง ก่อนจะอ้าปากค้างเมื่อเรียบเรียงและตีความหมายของประโยคเมื่อครู่ได้อย่างแตกฉาน!

                เชี่ยเฮ!!! ปากหรอน่ะ ปากมึงหรอ?
                โครม
    !!!

              ร่างสันทัดกลิ้งแท่ดๆ ลงจากเตียงโดยฝีมือของเพื่อนหน้าขาว...เจ็บไม่หยอก! ทงเฮนั่งกุมสะโพกอยู่กับพื้นพลางแกล้งทำสายตาวิบวับมองใบหน้าบึ้งตึงของคยูฮยอน ผลที่ได้คือมือนิ่มที่ส่งแรงมาจิกทึ้งเส้นผมสีดำสนิทหวังจะให้หลุดติดคามือ

                เฮ้ย!!! พวกมึงอย่าเพิ่งฆ่ากัน... จองโมและมินฮยอกคือผู้ห้ามศึก ต่างคนต่างจับแยกเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดให้แยกออกจากกัน(เมื่อกี้ยังนอนกอดเหมือนจะได้กันอยู่เลย...ตอนนี้แม่งจะฆ่ากันซะล่ะ) คยูฮยอนสะบัดตัวให้ออกจากการควบคุมโดยเพื่อนตัวสูงพลางกลับไปนั่งหน้าหงิกกอดอกอยู่บนเตียง ในหัวสมองเกิดสภาวะชะงันชักทั้งโมโหเชี่ยเฮ ทั้งหงุดหงิดบุพการี ด้วยเหตุผลสองประการ จึงทำให้การประมวลผลรวนไปหมด

                ได้ข่าวว่าพ่อแม่มึงจะลอยแพรมึงไปลอนดอนเป็นมินฮยอกที่เอ่ยขึ้นท่ามกลางบรรยากาศคล้ายสมรภูมิรบ คนโดนถามพ่นลมหายใจแห่งความหนักอกออกมาอีกครา ถ้าหากการถอนหายใจทำให้คนเราอายุสั้นขึ้นจริงๆ คยูฮยอนก็คงคิดว่า ตัวเองคงเวลาเหลืออยู่บนโลกนี้น้อยลงมากๆ เลยล่ะ!

                เอ่อ...อีกสองอาทิตย์  

                เวร...เดือนหน้ามีแข่งวงดนตรี...

                ที่กูคิดหนักก็เพราะงี้แหละ...กูอยากเป็นร็อคเกอร์สตาร์ กูอยากเป็นศาสดาแห่งวงการร็อค ถ้ากูไปลอนดอน ก็หมดกันเส้นทางแห่งความโด่งดัง!”

                มึงต่อรองก็พ่อแม่มึงหรือยัง? คนหล่อที่เพิ่งโดนบาทายันเข้าให้เต็มหลังลอยหน้าเอ่ยปากขึ้นหลังจากมั่นใจว่าจะไม่โดนเพื่อนรักกระโดดมาขย้ำคอ คยูฮยอนปรายตามองเล็กน้อย ซ้ำยังทำปากยื่นปากยาวใส่นิดๆ...

    นั่นไง...อี ทงเฮ โดนเพื่อนคิยูงอนว่ะ!

    ต่อรองแล้ว... ปากน่ะตอบนะ แต่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น...โว๊ะ! น่าจับปล้ำให้ลืมเดือนลืมตะวันจริงๆ

    แล้วได้ความว่าไง...

    กูต้องสอบให้ติดมหาลัยฯโซล และที่สำคัญ...ต้องแข่งประกวดวงดนตรีให้ได้ที่หนึ่ง...ย้ำนะมึง ว่าต้องชนะเลิศเท่านั้น!”

    “God Bless you~ ข้อตกลงแม่งยากสัด!!!” จองโมโพล่งขึ้น พลางยกมือขึ้นบีบขมับ...ใครๆ ก็รู้ว่าเหง้าหน้าอย่าง โจ คยูฮยอน ลำพังแค่เรียนแถไปวันๆ ก็แทบลากเลือด แล้วนี่จะให้สอบติดมหาลัยฯที่ขึ้นชื่อว่าเป็นที่ 1 ของประเทศ ชาตินี้...เพื่อนคิยูคงได้เป็นร็อคเกอร์สตาร์หรอก! ยิ่งจะให้ชนะการประกวด...จองโมขอก้มหน้ายอมรับตรงๆ ยืดอกแมนๆ เลย ว่าวงของพวกเขามันก็ไม่ได้เลิศเลออะไร แถวบ้านเรียกว่า กากมากด้วยซ้ำ~ TTT^TTT

    แต่มันต้องเป็นไปได้...ไม่งั้นพวก มึง มึง และ มึง จะอดเห็นหน้าโมเอ้ๆ ของกูไป 4 ปีเต็ม!!!”

    (;_) ก็ไม่ได้อยากเห็นหน้าโมเอ้ๆ ของมึงเท่าไหร่หรอก จองโม

    o("")o มึงมีแต่หน้า ไม่ได้มีหน้าอกบึ้มๆ มาให้กูมอง ฉะนั้นกูไม่เดือนร้อน มินฮยอก

    ( '') แต่กู......... เดือดร้อนมากว่ะครับ!!! ชีวิตนี้กูขาด เพื่อนคิยูไม่ได้!!! – ทงเฮ

    มึง มึง และมึงต้องช่วยกู...ไม่งั้น...พวกมึงได้ตายเรียงตัวแน่!!!” เพื่อนคิยู...

     

    โจ คยูฮยอน... แม่ง มึงมากับมหันตภัยครั้งยิ่งใหญ่จริงๆ !!!!

     

     

    ชีวิตหนอชีวิต...

    เด็กหนุ่มสาวเท้ารวนเร็วเมื่อพบว่าน้องมะหมาโกลเด้นฯ ดาตาญังแอบหนีออกไปวิ่งเล่น(แรด)ตั้งแต่เช้ามืด ไม่รอเจ้านายอย่างเขาที่แค่ตื่นสายกว่ามันไปชั่วโมงกว่า มะหมาสุดที่รักก็ใจร้อนแอบกระโดดก้าวรั้วเตี้ยๆ ข้างบ้านออกไปเสียอย่างนั้น โจ คยูฮยอนในสภาพชุดนอนลายชินนามอนโรลทำหน้าหงิกเมื่อสังเกตเห็นพวงหางสีน้ำตาลทองของลูกรักสะบัดดุ้กดิ้กอยู่ต่อหน้าใครอีกคน

    อิหมาแรด!!!

    ดาตาญัง!!!” เขาร้องเรียกไปเต็มเสียง หากน้องหมาสุดที่รักไม่ยักจะสนใจ...ซ้ำยังนอนหงายท้องให้ชายหนุ่มตัวสูงได้เกาพุงแถมยังนอนแลบลิ้นแอ็บแรดเต็มอัตรา โว๊ะ! ใครสั่งใครสอนให้มึงทำตัวแรดว่ะ อิดาตาญัง... ดูอย่างกูสิ... แม้แต่ขาอ่อนก็อย่าหวังจะให้ใครได้เห็นเลย!

    พี่ชายข้างบ้าน(ที่เขาไม่ค่อยอยากจะญาติดีเท่าไหร่)ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ร่างสูงใหญ่แต่งกายด้วยเสื้อกล้ามสีดำ กางเกงวอร์มสีขาวเบนสายตามาเจอะกับเขาที่ยืนห่างออกไปสักราวห้าเมตรได้ ถนนในหมู่บ้านยามเช้าออกจะร้างผู้คนไปเสียหน่อย ใบหน้าคมคายเลิกคิ้วมองเล็กน้อยก่อนจะสาวเท้าเข้ามาใกล้ แน่นอนว่าดาตาญังก็เดินตามชายหนุ่มที่ว่ามาอย่างง่ายดาย(ตกลงแล้ว...ใครเจ้าของมึงกัน อิดาตาญัง!)

    ทีหลังอย่าปล่อยมันออกมาแบบนี้สิ...เราก็รู้ว่าดาตาญังมันดื้อ... เรา...ทำไมต้องเรียกเขาว่าเรา...ฟังแล้วเคืองหูพิกล!

    ไม่ได้ปล่อย แต่มันดื้อแอบหนีออกมาเองต่างหาก ปากก็ตอบคำถามคนตรงหน้าไป แต่ตาน่ะ แทบจะถลนใส่น้องหมารอมร่อ คนมองอยู่ได้แต่ยิ้มขำ...ใบหน้าขาวจัดบวกกับผมเผ้าที่ดูยุ่งเหยิงบ่งบอกได้ถึงความวุ่นวายของเจ้าตัวที่ต้องตื่นมารับอรุณเพราะเจ้าหมาโกลเด้นฯ เป็นเหตุ ชายหนุ่มลอบกลั้นยิ้มได้สักพัก ก็รู้สึกถึงสายตาพิฆาตที่มุ่งมาดมายังตนราวกับจะจ้องให้ทะลุไปข้าง...

    เขาบอกว่าสัตว์เลี้ยงน่ะ นิสัยมักจะเหมือนกับเจ้าของ...เราคิดว่างั้นไหม?คยูฮยอนนิ่งและเริ่มใช้ความคิดอีกครั้ง...ท่าประจำของเจ้าตัวคือการยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปาก...นึกและนึกไตร่ตรองกับคำพูดของไอ้พี่ข้างบ้าน ถ้าพูดตามความจริงแล้ว...หัวสมองของ โจ คยูฮยอนก็คงเหมือนกับคอมพิวเตอร์ที่ยังไม่ได้อัพเกรด จึงเกิดอาการเครื่องค้างเอาบ่อยๆ ครั้นโดนป้อนคำสั่งแบบฉับพลัน...และนี่ก็คืออีกครั้งที่เจ้าตัวจำต้องใช้เวลาในการประมวลผลเสียหน่อย...

    อื้ม...นิสัยของสัตว์เลี้ยงมักเหมือนกับเจ้าของ

    ดาตาญัง สุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ อายุ 2 ขวบ เพศผู้ ...มันไม่ชอบฟังใคร ฟังแค่เขาคนเดียว...อ้อ...ไอ้พี่ข้างบ้านคนนี้ด้วย...เผลอๆ ฟังมากกว่าเขาซะอีก... อีกอย่างดีกรีความแรดของดาตาญังถือว่าอยู่ในระดับพรีเมี่ยม!

    หมายความว่า...อิดาตาญังมันแรดเหมือนกูใช่ไหม? ไอ้ลุงซีวอน!!!

    ไอ้ลุงซีวอน!!!” เด็กหนุ่มแผดเสียงลั่นเมื่อทำการประมวลข้อมูลเสร็จสรรพ สรรพนามค่อนไปทางหยาบคายถูกพ่นใส่คนฟังเสียจนชายหนุ่มหน้าตึง... ชเว ซีวอน ทำสีหน้าคล้ายจะโมโห แต่ก็ต้องข่มอารมณ์ไว้...ที่ทนได้ก็เพราะเขารู้จักคยูฮยอนมาตั้งแต่เด็ก...บ้านก็อยู่ติดกัน เจอหน้ากันเหมือนเป็นกิจวัตร จะมีแค่ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา...การเรียนระดับมหาลัยฯ จำเป็นต้องพักอยู่ในหอพัก ไม่นานเท่าไหร่ที่เพิ่งกลับมาอยู่บ้านกับพ่อและแม่ดังเดิม...

    ทุกอย่างน่ะ เหมือนเดิมจะเปลี่ยนไปก็แค่เด็กตรงหน้าคนเดียวนี่แหละ

    "พี่น่ะ ห่างจากเราแค่ 5 ปี อาบน้ำให้เราพี่ก็เคยมาแล้ว ฉะนั้นเลิกเรียกพี่ว่าลุงซีวอนสักที..."

    เหอะ! เขาไปหน้ามืดให้ไอ้ลุงนี่มันอาบน้ำให้ตอนไหนว่ะ = =

    คยูฮยอนเหลือกตามองอีกฝ่าย พลางพ่นลมหายใจเสียจนเส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่ปรกหน้าผากมนๆ ปลิวขึ้นตามแรงลม...คนอายุมากกว่าได้แต่ยิ้มขบขัน ยังผลให้เด็กหนุ่มชักจะไม่อยากอยู่ทน...เขาเลือกที่จะสะบัดหน้าให้พี่ชายข้างบ้านพลางสาวเท้าหนีกันเสียดื้อๆ ไม่ลืมจะลากสายจูงน้องหมาสุดที่รัก(ถูลากถูกัง)ให้ตามไปติดๆ

    อะไรกัน...ทำไมหน้าร้อน...ร้อนผ่าวๆ ด้วย

    ทีตอนอยู่กับเชี่ยเฮไม่เห็นเป็นแบบนี้เลยหนิ โจ คยูฮยอน อยากจะบ้าตาย!

    นึกแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด...ไม่รู้อะไรมันสั่งให้เขาหันหลังกลับไปอีก ทั้งๆ ที่เดินห่างออกมาก็ไกลพอควรแล้ว...ไอ้เขาก็นึกว่าพี่ชายตัวกวนจะวิ่งจ๊อกกิ้งไปไกลแล้วซะอีก ที่ไหนได้...ชเว ซีวอน วิ่งเยาะๆ ตามเขามาติดๆ (แถมทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น) ใบหน้าหล่อจัดนิ่งเฉย...เรียวปากคมหยักมุมขึ้นนิดหน่อยยามที่ร่างสูงใหญ่วิ่งจ๊อกกิ้งผ่านเขาไป โอ้ย! อะไรกัน!

    กวนตีน! อิพี่ซีวอน แม่งกวนตีนกูตั้งแต่เด็กจนโต! T^T

    เพราะมึงแท้ๆ อิดาตาญัง ทำให้กูต้องมาเจอไอ้ลุงซีวอนแต่เช้า...วันนี้กูอัปมงคลแน่ มึงกลับบ้านไป มึงเตรียมอดข้าวได้เลย!!! อิหมาแรดเห็นผู้ชายดีกว่าเจ้าของ!!!”

                โทษใครไม่ได้ก็ลงมันที่ไอ้สิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถโต้ตอบเขาได้ล่ะกัน!

     

                การอ้อนของโจ คยูฮยอน ใช้ได้ผลเสมอ...แต่ทว่ามุขนี้กลับไม่เคยใช้ได้กับพี่ชายบังเกิดเกล้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว!

                พี่อินซอง...ช่วยพูดกับพ่อแม่ให้หน่อยสิ...นะ น้า ~” คนเป็นพี่หันมาปรายตามองพลางนอนอ่านนิตยาสารแข่งรถบนโซฟาตัวยาวต่อไป โดยไม่สนใจเด็กหัวโตที่แทบจะเลื้อยเอาหน้ามาเกยหน้าอกของเขา โจ อินซอง ที่อยากจะใช้วันว่างหลังจากทำงานโดยการนอนให้สบายใจถอนหายใจเหนื่อยหน่าย...แสร้งทำหูทวนลมเมื่อยามที่น้องชายคนเดียวทำเสียงแง้วๆ อยู่ข้างหู

                พี่ว่า...พ่อแม่ก็พูดกับเราชัดเจนแล้วนะ...พี่ไม่ยุ่ง

                พี่อินซอง!!!!” อีกครั้งที่อินซองถอนหายใจ เรียวมือยกขึ้นขยี้กลุ่มผมลื่นมือ

                อย่ามาขึ้นเสียงใส่พี่นะ คยูฮยอน...เรานี่ยังไง...ตัวเองเรียนแย่เองไม่ใช่หรอ? ที่พ่อกับแม่ทำแบบนี้ก็ถูกแล้วหนิ เลิกงอแง! เราอายุสิบแปดแล้วนะ...ไม่ใช่เด็กๆ

                ใจร้ายชะมัดเลย พี่อ่ะ กลีบปากอิ่มยู่เข้าหากันก่อนเจ้าตัวจะพ่นเสียงเหอะแสดงอาการว่าเจ้าตัวชักจะไม่ถูกใจที่ไม่มีใครตามใจ

                อ้อ...แต่ถ้าต้องการคนช่วยจริงๆ ซีวอนก็ยังว่างนะเว้ย...ไปขอความช่วยเหลือจากหมอนั่นสิ... อะไร...ทำไมต้องไอ้ลุงซีวอนด้วย!

                ไม่เอา!!!”

                เอ้า! แล้วคิดว่าเขาอยากเอาเราหรือไง ฮ่าๆๆๆๆ

                โหยยยยยย พี่อินซองพูดงี้มาต่อยปากกันเลยดีกว่า!!!

                คนถูกแซวขบกรามแน่น พลางคว้าหมอนอิงที่อยู่ใกล้มือปาใส่หน้าพี่ชายตัวกวน เสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากของพี่อินซองทำเอาคยูฮยอนนึกหมั่นไส้จนอยากจะเข้าไปเตะเสียให้ตกโซฟา ติดก็ตรงที่พี่อินซองอาจจะเก็บพฤติกรรมของเขาไปฟ้องพ่อกับแม่ และเมื่อถึงตอนนั้น...ไม่ว่าเขาจะอ้อนวอนยังไง...ก็คงไม่มีใครรับฟังแน่ๆ

                เมื่อหมดหนทางระบาย(?)คยูฮยอนจึงพาตัวเองออกไปยังสวนหน้าบ้าน...น้องหมาดาตาญังกำลังนอนอืดโชว์พุงพลุ้ยๆ ให้เขาได้หมั่นไส้มันอีกครั้ง ร่างโปร่งทรุดตัวนั่งลงบนสนามหญ้าพลางเอื้อมมือไปลูบขนสีน้ำตาลทอง

                เป็นหมาแม่งก็ดีอย่างนี้สินะ...วันๆ เอาแต่นอน ไม่ต้องมีเรื่องมาคิดให้ปวดหัว...ถ้ากูต้องไปลอนดอนจริงๆ มึงจะคิดถึงกูป่ะ? อ้อ...คงไม่หรอก มึงก็มีไอ้ลุงซีวอนให้ตามออเซาะอยู่แล้วหนิเหมือนน้องหมาจะรับรู้ถึงได้กระพริบตามองเจ้าของปริบๆ ก่อนจะขยับตัวเอาหน้ามาซบกับหัวเข่าของเขา ชีวิตของโจ คยูฮยอน ถ้าไม่มีดาตาญังมานั่งรับฟังเรื่องวุ่นวาย ป่านนี้อกเล็กๆ แบนๆ คงระเบิดไปนานแล้วแหงๆ...

                คยูฮยอน...

                เชี่ยเฮ!!! อื้อ!!!” เพียงแค่หันไปตามเสียงเรียกคุ้นหูของเพื่อนสนิท ริมฝีปากอิ่มแดงก็ถูกฉกฉวยชนิดไม่ทันตั้งตัว ใบหน้าของ อี ทงเฮคือสิ่งที่แนบติดอยู่กับดวงหน้าขาวจัดรวมไปถึงเรียวปากที่ถูกบดคลึง ฝ่ามือเรียวยกขึ้นดันอกของอีกฝ่ายให้ออกห่างก่อนเขาจะพ่นคำด่าโคตรเหง้าศักราชไม่ขาดสายเมื่อริมฝีปากของตัวเองเป็นอิสระ

                เหี้ย!!! พ่อมึงสิ้น! มึงจูบกูอีกแล้วนะ สัด!!!” ว่าพลางยกหลังมือขึ้นถูกริมฝีปาก ดวงตากลมโตถลึงมองหน้ากวนๆ ของเพื่อนตัวเชี่ยที่ชอบแกล้งฉวยโอกาสจูบเขาอยู่เรื่อย

                ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม อี ทงเฮ ถึงชอบทำแบบนี้...แล้วยังไง เขาก็ได้แค่ด่า สุดท้ายก็ไม่เคยโกรธมันลง...จำได้ว่าตอนครั้งแรกที่โดนทงเฮจูบ...น่าจะสักประมาณเกรด 9 เขาเองนั่นแหละที่จูบตอบทงเฮไปด้วยเหมือนกัน

                มึงทำหน้าเหมือนคนแบกโลกไว้ทั้งใบแบบนี้ กูไม่ชอบ...มึงก็รู้ว่าพลางทงเฮก็นั่งลงข้างๆ เขา ฝ่ามือเอื้อมมาลูบหัวเขา ไม่ลืมจะส่งยิ้มที่กวนๆ อีกสักที...

                เหอะ! ดูมันทำเข้า...หาเรื่องจูบกันชัดๆ!

                ไม่เกี่ยวเหอะ!”

                เอ่อ...งั้นก็เพราะกูอยากจูบมึง พอใจยัง?ตรงเหมือนเดิม...ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพวกเขาคบกันมาตั้งแต่เด็ก หรือว่าเป็นพวกคนกรุ๊ป A กันแน่...ไม่ว่าจะคุยกันด้วยเรื่องใดๆ คำพูดตรงไปตรงมาคือสิ่งที่เคยชินเสมอ... สนิทกันจนพูดกันได้ทุกเรื่อง...บางทีอาจสนิทกันจนมองตาก็รู้ใจ แต่เรื่องบางเรื่อง...คยูฮยอนก็พอใจที่จะไม่พูดมันออกมาก็คงเหมือนกับที่ทงเฮกำลังทำอยู่เช่นกัน.................ล่ะมั้ง

    ถ้ากูไม่อยู่เกาหลีแล้ว...มึงจะคิดถึงกูป่ะ? คนถามก้มหน้านิ่งรอให้อีกฝ่ายตอบคำถาม...จากบรรยากาศในทีแรกที่ดูเหมือนจะครึกครื้นเป็นอันต้องเข้าสู่โหมดเศร้าไปโดยปริยาย ทงเฮคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยพลางรั้งร่างโปร่งมากอดปลอบเหมือนที่ชอบทำบ่อยๆ คยูฮยอนเป็นคนคิดอะไรช้า...บางทีก็ไม่ยอมเข้าใจอะไร ทั้งๆ ที่ทุกอย่างมันก็ชัดเจนในตัวของมันอยู่แล้ว...

    คยูฮยอนน่ะ ดื้อ...เชื่อความคิดของตัวเองเป็นที่หนึ่ง...ตัวเองฝังใจคิดยังไง ก็จะคิดอย่างนั้นไปตลอด...

                คิดถึงสิ...มากๆ ด้วย...ที่กูจูบมึงบ่อยๆ ก็เพราะ...แค่อยากเป็นจูบแรกของมึงก็เท่านั้นแหละ...บางทีพอเราไม่ได้เจอกันแล้ว มึงจะได้ไม่ต้องลืมกู เหมือนที่มึงไม่ลืมพี่ซีวอนไง... ไม่รู้ว่าวกกลับมาเรื่องนี้ได้ยังไง...สีหน้าของคยูฮยอนนิ่งเรียบเสียยิ่งกว่าเก่า...ทงเฮมองตาคู่กลมป๊อกของเพื่อนตัวขาว...เขาก็รู้อยู่แล้ว ว่าในใจน่ะ คยูฮยอนคิดอะไรอยู่...

                จูบแรกของคยูฮยอน...เกิดขึ้นเร็วเสียเหลือเกิน เร็วจนเขาเองอยากไล่ตามให้ทัน!

     

                จำได้ลางๆ ว่าเมื่อสี่ปีที่แล้ว...ชเว ซีวอน พี่ชายข้างบ้านที่เล่นกับพวกเขามาตั้งแต่เด็กๆ เกิดสอบติดที่มหาลัยฯ ชื่อดัง สำหรับอี ทงเฮ...ก็ยินดีด้วยนะล่ะ เพราะเขาน่ะมองซีวอนเป็นไอดอลอยู่แล้ว...คนอะไร เรียกเก่งชะมัด แถมนิสัยแนวๆ ติสต์ๆ ที่ผู้ชายด้วยกันยังอิจฉา...

                สำหรับคยูฮยอน คงมองว่าซีวอนเป็นพี่ชายข้างบ้านที่ดูแลเอาใจใส่เจ้าตัวดีกว่าพี่ชายแท้ๆเสียอีก... ไอ้ครั้นพี่ชายข้างบ้านคนนี้จำเป็นต้องย้ายไปอยู่หอ คยูฮยอนถึงได้ไม่ชอบใจเท่าไหร่ แม้ว่าตอนนั้นพวกเขาจะอยู่เกรด 8 แล้วก็ตาม...แต่ไอ้ความเอาแต่ใจตามพื้นนิสัยของคยูฮยอนน่ะ มันแสดงออกชัดเจนมากในวันที่พี่ซีวอนกำลังจะย้ายออกไป

                สีหน้าของพี่ซีวอนที่ดูเหมือนจะลำบากใจเอามากๆ ตอนที่ตามมาคุยกับคยูฮยอนถึงบ้าน ส่วนทงเฮก็ได้แค่มองอยู่ห่างๆ ปล่อยให้คู่พี่น้องเขาได้เคลียร์กันตามสบาย แต่จนแล้วจนรอด...เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะย่องไปแอบดูด้วยเพราะเก็บความอยากรู้ไม่ไหว...

                ทำไมถึงดื้ออย่างนี้นะ...เราเนี่ย... เสียงนุ่มทุ้มพูดกลั้วหัวเราะราวกับไม่ร้อนใจที่เห็นสีหน้าของคยูฮยอนแทบจะปล่อยโฮอยู่รอมร่อ เด็กอายุ 13 อย่างคยูฮยอนคงทำได้เพียงแสดงสีหน้านิ่งๆ ทั้งที่จริงๆ อยากจะรั้งให้เขาไว้จะตาย...ร่างสูงใหญ่ของพี่ซีวอนโน้มลงมาคนขี้งอนก่อนจะแนบปากลงบนเรียวปากสีอ่อน...

                และนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไม...อี ทงเฮ ถึงได้อยากเป็นจูบแรกของคยูฮยอนนัก

     

                เชี่ยเฮ มึงจะกอดคิยูของพวกกูอีกนานไหมครับ?!”

    เสียงโหวกเหวกของคิม จองโม และคัง มินฮยอก ดูโอ้คู่หูที่มักมาแบบแพ็คคู่เสมอ ทำเอาทงเฮถึงกับหัวเสียเล็กน้อยจำต้องผละออกจากการโอบร่างนิ่มๆ ของเพื่อนรัก(มาก)อย่างเสียดาย สองสหายพาตัวเองมานั่งแหมะลงบนพื้นหญ้าข้างๆ กัน ก่อนมัน และมันทั้งสองจะเผยยิ้มเหมือนคนมีแผนการ ทงเฮหรี่ตามองจับผิดพลางเลิกคิ้วมองคล้ายจะคาดคั้นกันกลายๆ

                มึงยิ้มแบบนี้...คิดอะไรอยู่บอกมา!”

                ก็คิดหาทางให้คยูฮยอนอยู่เกาหลีต่อไง... ทงเฮหรี่ตามองซ้ำสอง...ไม่ค่อยจะไว้ใจกับหัวคิดของคู่ดูโอ้สักจะเท่าไหร่ ในขณะที่เจ้าของชื่อในประโยคเมื่อครู่เบิกตากลมๆ ให้กว้างขึ้น จะว่าเหมือนแมวหูตั้งก็ไม่แปลกหรอก เพราะตอนนี้อารมณ์ของคยูฮยอนแทบจะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยล่ะ

                แผนอะไร? พวกมึงบอกมาดิ

                ได้ยินมาว่า...คนที่พ่อแม่มึงฟัง มีอยู่ไม่กี่คน...พี่อินซอง แล้วก็...

                พี่ซีวอน ~” จองโมร่ายประโยคยืดยาว ส่วนคนที่เอ่ยชื่อแสลงหูก็คือ เชี่ยมินฮยอก... คยูฮยอนกระตุกหัวคิ้วก่อนคิ้วเรียวทั้งสองจะขมวดปมเข้าหากัน...ก็เข้าใจนะว่าพ่อแม่ของเขาฟังพี่ชายข้างบ้านมากกว่าตัวเขาซะอีก...

                แต่เขาไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากไอ้ลุงขี้เก็กสักหน่อย!

                ไม่...กูไม่ต้องการความช่วยเหลือจากไอ้ลุงซีวอนนั่นหรอก

                อ้าว...มึงอย่ามาทำตัวหยิ่งตอนนี้ดิ...มึงก็รู้ว่าพี่ซีวอนทั้งเก่ง ทั้งฉลาด ติวหนังสือให้มึงติดมหาลัยฯโซลได้สบายๆ เลยนะมึง เว้นแต่มึงน่ะ มันจะหัวสมองมีแต่ขี้เลื้อยจริงๆ อีกอย่างกูก็เชื่อว่าพี่ซีวอนต้องพูดต่อรองกับพ่อแม่มึงได้แน่...เผลอๆ อาจช่วยให้เราชนะการประกวดวงดนตรีก็ได้นะเว้ย!”

                พ่อมึงตาย! ไม่มีทางซะหรอก!”

                กูช่วยมึงแล้วนะ! ถ้ามึงไม่รีบไปขอร้องพี่ซีวอนตอนนี้ บางทีถ้ามึงไปแผลงฤทธิ์ใส่เขาเยอะๆ เข้า ...เกิดพี่เขาอยากแกล้งมึงให้มึงอ่อยเขาฟรีๆ มึงอย่ามาเสียใจทีหลังล่ะ!”

                อ่อยห่าอะไร เชี่ยจองโม!” ปากก็ด่าไปแบบฉับพลันแต่ภาพในหัวนี่แหละ คล้ายจะกล่อมหัวสมองของ โจ คยูฮยอนให้ประสาทกิน...อ่อย...หมายความว่าเขาต้องลงทุนออดอ้อนไอ้พี่ชายข้างบ้านแบบว่า...ต้องดึงเสื้อให้หลุดข้างหนึ่งด้วยหรือเปล่า?

                โอ้ย!!! แค่คิดก็สยองล่ะ!

                กูคิดให้มึงได้แค่นี่แหละ...มึงไม่พอใจมึงก็คิดเอง... ไอ้เชี่ยมินฮยอก -..-

                มึงรู้จักใช้หน้าตาอ้อยๆ ของมึงให้เห็นประโยชน์หน่อยได้ไหม? ควายจองโม! =[]=

                มึงเชื่อไอ้ห่าสองคนนี้เหอะ กูว่ามันเป็นวิธีสุดท้ายแล้วล่ะ

                คุณพระ! ทงเฮเพื่อนรักแม่งก็เป็นไปกับเขา!

                ทงเฮ!!!!! นี่มึงไม่ห่วงกูบ้างหรอ...

                ทั้งห่วงทั้งหวงเหอะ แต่มึงมีทางเลือกหรือไง?

     

                บอกได้เลยว่า ไม่มี...

     

                แต่ทำไมกูต้องไปอ่อยไอ้ลุงซีวอนมันด้วยเนี่ย!!!!!!!!


    Talk*
    เฮ้ยยยย นี่มันฟิควอนคยูใช่ไหม ทำไมเฮมาวินขนาดนี้ ๕๕๕๕
    ตอนหน้าตอนจบ พี่วอนจะมาวินเองค่ะ คึคึ เจอกันหลังเราสอบโควต้าเสร็จนะ ไม่นานๆ อิ ><
    #แก้คำผิด ~

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×