คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : [S Fic] Evil Sherbet. [Prologue] ปีกหัก!
Evil Sherbet.
[Prologue บทนำ] ปีกหัก!
ไม่อยากจะเชื่อเลย
ว่าบ้านที่ผมอยู่มากว่า 20 กว่าปีกำลังจะถูกยึดไปต่อหน้าต่อตา ใบแจ้งจากศาลแปะเด่นหราอยู่ที่เสาปูนหน้าบ้าน รวมไปถึงกลุ่มคนจากทางนั้นส่งคนมาแปะไอ้กระดาษแผ่นเล็กๆ สีแดงไปทั่วบ้าน แปะตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ชิ้นเล็กๆ ยันฝาผนังบ้านไม่มีของชิ้นไหนที่ไม่มีไอ้กระดาษเจ้ากรรม นี่ถ้าแปะบนหน้าผากผมได้ คนพวกนั้นก็คงไม่เว้น
ผมยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ในบ้านหลังโตที่ค่อยๆ ถูกย้ายข้าวของออกทีละชิ้น กระทั่งแทบจะไม่เหลืออะไร...ฉับพลันผมก็เห็นกระดาษโน้ตร่วงหล่นจากหน้าตู้เย็นสีเงินวาวที่กำลังถูกยกขนออกไปข้างนอก ผมจ้องกระดาษโน้ตแผ่นนั้นอย่างนึกใจเย็นพลางจับใจความในเนื้อความนั้น
...ลูกรัก คุณแม่ทิ้งตั๋วเครื่องบินไปฮ่องกงไว้ที่ห้องของลูกนะ แม่รู้ว่าหนูโกรธแม่มากที่แม่แต่งงานใหม่ แต่ตอนนี้บ้านเรากำลังจะถูกยึด คงเป็นไม่ได้ที่แม่จะอยู่ที่นี่ต่อ ถ้าลูกหายโกรธแม่แล้วก็รีบขึ้นเครื่องมาที่ฮ่องกงทันทีเลยนะจ้ะ แต่ถ้ายัง...แม่ก็จะคิดว่าลูกกลับไปหาคุณพ่อนะ รัก จากแม่
ผมอ่านข้อความนั้นเสร็จก็รีบวิ่งขึ้นบนชั้นสองของบ้าน เปิดประตูได้ก็รีบปรี่ไปควานหาตั๋วเครื่องบินอย่างที่แม่บอกไว้ ดีหน่อยที่คนพวกนั้นยังไม่ทันขึ้นมาขนของบนชั้นสอง แม่วางตั๋วเครื่องบินไว้บนเตียงของผม ผมมองเจ้ากระดาษทรงเหลี่ยมยาวแล้วก็แต่ได้แต่ถอนใจ ถ้าผมไปอยู่ที่ฮ่องกงกับแม่จริงๆ ก็เท่ากับตัดความเป็นพ่อลูกจากพ่องั้นสิ อันที่จริงจะพูดให้ถูกก็คือผมเป็นลูกที่ท่านไม่ไยดีมากกว่า เพราะแม่เป็นภรรยาคนที่สองฐานะของผมถึงได้ถูกลดลงมาอย่างช่วยไม่ได้ กระนั้นท่านก็ยังประคบประหงมผมเหมือนเป็นลูกคุณแม่ใหญ่ จนเมื่อพ่อกับแม่หย่ากัน และแม่คิดจะแต่งงานใหม่ พ่อถึงได้เริ่มไม่ยี่หระในตัวผมขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าหากแม่คิดว่าผมจะไปอยู่กับพ่อ เพื่อให้คุณแม่ใหญ่ดูถูกหาว่าเป็นลูกนอกคอก หรือโดนยัยน้องสาวต่างแม่อย่าง อึนจอง ตามจิกหัวหาว่าผมเป็นลูกเมียน้อย ก็คงไม่ใช่เรื่อง แล้วผมคนนี้ก็คงไม่ใช่ลูกแม่
ผมเก็บข้าวของที่จำเป็นรีบวิ่งออกจากบ้านพลางหันกลับมามองบ้านหลังโตสีขาวสะอาดเป็นครั้งสุดท้าย ในมือถือตั๋วเครื่องบินและพาสปอร์ต หากไม่ทันจะก้าวพ้นบริเวณดี ร่างเพรียวของยัยน้องสาวตัวแสบก็โผล่ออกมาจากรถมินิสีแดง...
โธ่เอ้ย! นั้นมันรถคันเก่าของผมเถอะ ยัยนี้กล้าดีนะ ที่จงใจไปขอคุณพ่อ จนท่านริบมันไปจากผมเมื่อวันก่อน
สิทธิพิเศษจริง นังลูกเมียหลวง !
“พี่คยูฮยอนจะไปไหนหรอค่ะ? ให้อึนจองไปส่งไหม?” อึนจองจีบปากจีบคอพูดกับผม ถึงตอนนี้แล้วผมได้แต่กำหมัดหน่อยๆ ยังมีหน้ามาถามอีกคนเรา ผมคิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังให้ผมกับแม่ต้องระเห็จหนีไปฮ่องกงขนาดนี้ คงหนีไม่พ้นคุณแม่ใหญ่ และที่แน่ๆ คุณพ่อก็คงไม่รู้เรื่องอะไร
“ไม่จำเป็นหรอก ฉันมีมือมีเท้า...คงไม่ต้องลำบากเธอหรอก” ผมพูดแค่นั้น อึนจองก็เผยยิ้มน่าหมั่นไส้ หล่อนเดินมายืนประจัญหน้าตรงๆ กับผม ก่อนจะมองตั๋วเครื่องบินไปฮ่องกงในมือผมด้วยสายตาเย้ยหยัน
เห็นอย่างนี้แล้วมันน่าจับจิกหัวสักที ให้ตายเถอะ !!!
“ไปฮ่องกง ไปทำไมหรอค่ะ?” ว่าแล้วมือคู่เรียวก็ดึงตั๋วเครื่องบินจากมือไปเสียเฉยๆ ผมจ้องหน้ายัยนี้นิ่ง เดือดเหมือนกันนะ แต่ตอนนี้ผมไม่มีเวลามายืนต่อปากต่อคำกับเจ้าหล่อนมากนัก ถือซะว่าปล่อยให้อึนจองได้เห่าไปตามประสาลูกหมาหัดเดินก่อนก็แล้วกัน
“เกี่ยวอะไรกับเธอ เอาคืนมา”
“ไม่ให้...”
“เหอะ! ยัยลูกหมา นี่คิดจะทำให้ฉันประสาทกินหรือไง” ผมจิกกัดเธอไปตามระเบียบ แน่นอนว่าเป็นไปตามสเต็ป อึนจองกำลังจะปรี้ดแตก ตั๋วเครื่องบินของผมกำลังถูกยัยบ้านี้ทารุณกรรมทีละน้อย หากก่อนที่มันจะไม่เหลือซากผมก็คงต้องรีบปรามเธอเสียก่อน
“แล้วยังไงล่ะ ไอ้พี่ผิดเพศ” โอ๊ะโห... เดี๋ยวนี้ชักกล้าดีขึ้นเสียงใส่ผมด้วยคำพูดหยาบคายขนาดนี้เลยหรือไง เลือดในกายของผมกำลังเดือดปุดๆ แทบปรอทแตก ผมเชิดหน้ามองเธอหน่อยๆ ก่อนจะจิกกลับน้ำเสียงสะบัด
“ระวังเถอะ!!! ผัวเธอมันจะสมสู่กับฉันสักวัน นังเด็กเมื่อวานซืน!!!” ว่าแล้วผมก็ยื่นมือไปกะจะฉกเอาตั๋วเครื่องบินคืน แต่ดูท่าแล้วยัยอึนจองคงไม่คิดจะกัดแล้วปล่อยผมไปง่ายๆ ยัยนี้ถึงได้กำตั๋วจนแน่นแถมออกแรงใช้เล็บยาวๆ ของเธอจิกจนกระดาษอ่อนๆ แบบนั้นเริ่มทะลุ
ใช่ ทะลุ!!! ยัยอึนจองกำลังทำลายตั๋วเครื่องบินของผม
“นังลูกเมียน้อย ปล่อยฉันนะ!!!!” อึนจองแผดเสียงลั่นจนผู้คนแถวนั้นเริ่มแตกตื่น ก็ถ้าไม่แตกตื่นคงแปลกล่ะงานนี้ ในเมื่อตอนนี้ผมกำลังจิกหัวนังน้องตัวดีอยู่ ยัยนี้ดิ้นพล่านไม่ยอมท่าเดียว ผมหัวเราะหึในลำคอก่อนจะออกแรงทึ่งผมสั้นซอยจนบางทีเส้นผมสีสวยอาจหลุดติดมือออกมาง่ายๆ
อันที่จริงบัตรเครดิตผมมันก็ยังใช้ได้ ไปซื้อตั๋วเครื่องบินใหม่ที่สนามบินคงไม่มีปัญหาอะไร
แต่ตอนนี้แล้ว ยัยนี้ยั่วโมโหผมจนอดไม่ไหว!!! - -+
“ขอฝากรอยฝามือไว้บนหน้าสวยๆ ของเธอหน่อยนะ โจ อึนจอง!!!!”
“ใช้ไม่ได้นะคะ มีบัตรอื่นอีกไหมค่ะ?” พนักงานสาวในสนามบินท้วงขึ้นหลังจากที่ผมส่งบัตรเครดิตใบที่สองให้กับเธอไป น่าแปลก...ทำไมจู่ๆ มันถึงใช้ไม่ได้ล่ะ?
“ใบนี้ก็ไม่อนุมัติค่ะ จ่ายด้วยเงิดสดได้ไหมคะ?” เธอยื่นบัตรเครดิตใบสุดท้ายของผมคืนมา หากผมก็จำต้องถอนหนีจากเคาน์เตอร์ซื้อตั๋ว อย่าบอกนะว่าที่ผมโดนระงับบัตรเครดิต เพราะ... คุณแม่ใหญ่... ในเมื่อพ่อเป็นคนให้บัตรพวกนี้มา คนที่พ่อเชื่อทุกอย่างก็คงไม่พ้นเธอคนนี้
...ยัยอึนจองคงไปฟ้องคุณแม่ใหญ่แน่ๆ
แล้วผมควรจะทำยังไงต่อไปล่ะ?
ที่ถอดใจก็เพราะไม่อยากหนีไปทั้งอย่างนี้ ผมยังมีอีกหลายเรื่องที่ค้างคาจิตใจ...แน่นอนว่าผมก็ยังไม่อยากละหน้าที่ของอาชีพที่ผมกำลังเริ่ม...
ผมต่อสายโทร.หาแม่...เมื่อคิดได้
“แม่ครับ...อีกสักหน่อยผมถึงจะตามแม่ไปฮ่องกง แต่ตอนนี้ผมขออยู่เคลียร์อะไรๆ ก่อนนะครับ...”
เพื่อนสนิทคนเดียวของผมกำลังจ้องหน้าผมนิ่ง ตั้งแต่ที่ผมเล่าเรื่องทุกอย่างให้มันฟังจนจบและอย่างละเอียดครบถี่ถ้วน ชิม ชางมิน ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาขนาดเล็กในร้านอาหารของบุพการีมันเอง ผมมองมันค้อนๆ ก่อนจะทิ้งหัวซบลงบนไหล่กว้างๆ นั้น
“ฉันเป็นลูกเมียน้อยแล้วมันยังไงล่ะ คนเหมือนกันไม่ใช่หรือไง”
ชางมินไม่ยอมพูดอะไร นอกจากยกมือขึ้นขยี้หัวผมอย่างนึกหมั่นเขี้ยว อาจเพราะชางมินได้ยินผมพูดแบบนี้กับมันบ่อยๆ หมอนี่ถึงได้หมดซึ่งคำพูดพลางให้ผมนึกเติมคำตอบเอง
...ค่าของคนมันไม่ได้กำหนดอยู่ที่ชาติกำเนิด เรากำหนดชีวิตตัวเองได้นะ คยูฮยอน...
ชางมินพูดกับผมอย่างนี้ทุกครั้ง...
“แล้วจะเอายังไง...จะบินไปหาแม่ที่ฮ่องกง หรือจะอยู่ที่เกาหลีต่อ” ชางมินเอ่ยถามน้ำเสียงเรียบ ผมช้อนสายตามองหน้าใบหน้าคมอย่างนึกชั่งใจก่อนจะตอบออกไป
“อยู่ที่เกาหลีดีกว่า...ฉันยังอยากทำอะไรที่นี่อีกเยอะเลยล่ะ” ผมตอบออกไปเพราะสิ่งเดียวที่ผมนึกในหัวสมองตอนนี้คือการทำยังไง ให้พ่อรักผมเหมือนเมื่อก่อนดังเดิม และที่แน่ๆ ทำยังไงให้ยัยอึนจองเคารพผมในฐานะพี่ชายของเธอเสียที
อย่างหลังเนี้ยคงยาก และแน่นอนว่าคงได้แผลกันไปมากกว่าวันนี้แน่
“คงไม่ตามตบกับอึนจองหรอกนะ” ชางมินพูดเหมือนตาเห็น ผมมุ่ยหน้าเล็กน้อยเพราะเห็นรอยยิ้มอ้อล้อบนใบหน้าของมัน พูดอย่างนี้เหมือนผมเป็นตัวอิจฉาในตัวละครเลยแหะ...
“ฉันไม่ใช่ตัวอิจฉาซะหน่อย จะได้เที่ยวตบคนอื่นเขาไปทั่ว”
“เป็นนางเอกงั้นหรอ?”
“ว่าไปนั้น...คิดบ้าอะไรเนี้ยนาย”
พูดไม่ทันจบเรื่องนี้ ยัยอึนจองก็โผล่หน้ามาให้ผมเห็นอีกจนได้ นี่มันยังผ่านไปไม่ถึง 5 ชั่วโมงเลยนะ ยัยนี่ติด GPS ตามติดตัวผมหรือไง ถึงได้ชอบตามตัวผมเจอตลอดเวลา ใบหน้าของเธอยังคงเรื่อสีแดงอ่อนๆ คงไม่ต้องบอกว่าเป็นรอยฝ่ามือของใคร ดวงตาคู่เฉี่ยวที่มักกรีดเส้นอายไลน์เนอร์สีดำเข้มจดจ้องมาทางผมกับชางมินก่อนเธอจะหันไปพูดเสียงแจ๋นกับเพื่อนสาวสองสามคน
“ไม่อายสายตาคนอื่นเลยเนอะ เกย์สมัยนี้เนี้ย” จิกแรงเหมือนเดิมเถอะ... ผมเมินยัยนี้เพราะนึกไม่อยากจะมีเรื่อง เลยเอาหน้าซบลงกับไหล่ชางมินอย่างนั้น หลับตาไม่อยากรับรู้อะไรอีก
“คิดว่าตัวเองเป็นเทวดาบนสวรรค์สินะ พอตกลงมาปีกหักถึงได้ยังทำตัวหยิ่งผยองพองขนจนวินาทีสุดท้าย ที่แท้ตัวเองมันก็แค่อีกาสีดำนอกคอกไม่มีใครยอมรับ” เสียงของอึนจองยังคงกระแทกเข้าสู่โสตประสาทของผมกระทั่งผมรู้สึกถึงน้ำอุ่นๆ ที่ไหลผ่านแก้มมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“ชางมิน...ฉันไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น” ผมพูดน้ำเสียงสั่นทั้งๆ ที่ดวงตายังข่มหลับแน่น สักพักผมก็รู้สึกว่าฝ่ามือของชางมินเอื้อมมาปิดหูของผมสองข้าง ราวกับปิดกั้นซึ่งเสียงทุกสิ่งที่ทิ่มแทงผมทีละน้อย
ปีกหักงั้นหรอ?
ไม่มีใครเคยบอกยัยนี้หรือไง...ว่าผมน่ะ ซ่อนปีกสีดำของอีวิลไว้อยู่ตลอดเวลา
อีวิลที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ผมควรจะมี...
คอยดูล่ะกัน!
Talk*
คาดว่าคงเคยอ่านเรื่องนี้กันมาแล้ว
เรากลับมารีไรท์ใหม่อ่ะ เพราะชอบพล็อตเรื่องนี้ที่เคยวางไว้ แต่ไม่ได้สานต่อ ~
ยังไงก็ฝากด้วยนะ ~ >3<
ความคิดเห็น