คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [SF] Evil and the Beast. [2/3] 100%
ตอนที่ 2
ผู้ชายที่ชื่อ ชเว ซีวอน มีคำบัญญัติอยู่ไม่กี่คำ... แน่นอนว่าไม่ใช่ หล่อหรือเพอร์เฟ็ค
แต่เป็น บ้า และ งี่เง่า ต่างหาก...
ผมถูกผู้ชายงี่เง่าคนนี้ลากมาตัวมายังผับแห่งหนึ่ง... หลังจากผ่านเหตุการณ์วุ่นวายในวันนั้น ซีวอนก็ไม่ใคร่อยากจะเฉียดตัวผมสักเท่าไหร่...ผมรู้นะ ว่าที่เขาไม่กล้าเข้าใกล้ผม เพราะกลัวว่าสักวันจะ ‘อดใจไม่ไหว’ และนั่นก็จะเท่ากับว่า ชเว ซีวอน ทำเรื่องผิดพลาดขั้นร้ายแรงในชีวิต... แน่สิ ยุ่งกับผมก็เท่ากับเอาตัวเองข้ามเส้นสู่โลกของพวกโฮโม...
“เพราะนายคนเดียว ทำให้ซูจองไม่แม้แต่จะมองหน้าฉัน...” เขาบ่นให้ผมไม่หยุดหย่อน พลางเหวี่ยงตัวผมที่เดินตามแรงเขามาตั้งแต่หน้าผับลงบนโซฟาภายในห้องวีไอพี ผมแกล้งแย้มยิ้มยั่ว กระพริบตามองเขาราวกับตัวเองไม่มีความผิดติดตัว
“แล้วยังไง...”
“แมร่ง!” เขาสบถคำหยาบสั้นๆ แต่นั่นก็ทำให้ผมหลุดขำออกมาอย่างช่วยไม่ได้... ซีวอนแทบจะกระโดดมาขย้ำคอกัน ติดมันก็ตรงที่ถ้าหากซีวอนเขามา คงเป็นผมเองล่ะที่จะแกล้งจับหมอนี่ปล้ำอีก... เอาจริงๆ แล้วไอ้ผมก็ป่วยการจะพิศวาสเขา ที่เป็นอยู่ตอนนี้...ก็เพราะหมั่นไส้ อยากจะแกล้งพ่อคุณขี้โมโหต่างหาก!
“นายกลัวตัวเองจะเป็นเกย์ล่ะสิ...” ผมว่าน้ำเสียงเย้าพลางนั่งไขว้ขามองใบหน้าบึ้งตึง คล้ายจะยั่วโทสะ ในวันนี้ผมใส่เสื้อที่คอค่อนข้างกว้างพอสมควร ถึงได้แสร้งดึงเสื้อเจ้ากรรมให้หลุดไหล่ลงมานิดหน่อย ฉับพลันซีวอนก็หันหน้าหนีไปอีกทางเหมือนพยายามสะกดอารมณ์สุดฤทธิ์...นั่นไง...แกล้งได้อีกหนึ่งดอก
“วันนี้ฉันนัดซูจองมาเคลียร์กับนาย กรุณาพูดความจริงด้วย!” เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ความจริง’ หนักแน่นพลางเปิดประตูออกจากห้องวีไอพี ทำอย่างกับเร่งรีบกลัวผมมากขนาดนั้น? หรือว่า ขยะแขยงล่ะ? ผมยักไหล่ไม่สนใจ พลางหันไปสนใจกับแก้วทรงทิวลิปที่บรรจุเครื่องดื่มสีอำพัน ไม่ค่อยได้ดื่มมันสักเท่าไหร่หรอกช่วงนี้...แต่ถ้าลองลิ้มรสเพื่อกระตุ้นอะไรบางอย่างในใจ ก็คงดีไม่น้อย...
ไม่นานนัก...ชเว ซีวอนก็กลับเข้ามาในห้องส่วนตัวพร้อมกับร่างของหญิงสาวคนเดิม คนที่ผมเพิ่งแผลงฤทธิ์ใส่ไปเมื่อวันก่อนโน้น ในวันนี้ทีท่าของเธอดูแปลกออกไป ในคราวนั้นผมจำได้ว่าเธอมีดวงตาที่มุ่งมั่น ถึงแม้เธอจะมีมาดคุณหนูแสนเรียบร้อยก็ตาม หากวันนี้กลับดูว่างเปล่าคล้ายว่าเธอกำลังมีเรื่องหนักใจ ผมส่งยิ้มให้เธอตามมารยาทก่อนซีวอนจะกระแอมไอเป็นสัญญาณให้ผมเปิดปากพูดเคลียร์เรื่องยุ่งๆ ที่กำลังคาราคาซัง
“คุณซูจองครับ อันที่จริง...ผมน่ะเป็นเพื่อนของซีวอน ที่พูดไปวันนั้นก็แค่อยากแกล้งซีวอนเค้านิดหน่อย ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องใหญ่โต...” ผมพูดไปตามบท ลอบมองท่าทีของเจ้าหล่อนที่นิ่งเสียจนผมนึกใจแป้วแปลกๆ แต่คนที่หน้าเสียยิ่งกว่าคงหนีไปพ้นผู้ชายตัวโตๆ ที่นั่งถัดจากซูจองไป เหมือนซีวอนจะพยายามอย่างมากที่จะให้เธอเชื่อ ดูหน้าตาเข้าสิ!
“ซูจองครับ คือคยูฮยอนน่ะ เป็นเพื่อนผมจริงๆ นะ...” หมอนั่นว่าพลางคลึงมือนิ่มของหญิงสาว ง้อเธอเสียจนผมนึกอยากจะหัวเราะออกมาเสียเต็มประดา ทว่าเหตุการณ์กลับไม่เป็นอย่างที่วาด เมื่อจู่ๆ ซูจองก็แกะมือของซีวอนออก พลางเจ้าหล่อนก็เอื้อนเอ่ยประโยคที่ฟังแล้ว ผมเองยังช็อค...แล้วซีวอนล่ะ...
“ซูจองจะแต่งงานเดือนหน้าแล้ว เราเลิกติดต่อกันเถอะค่ะ ที่ผ่านมา...ซูจองรู้สึกดี แต่คนที่ซูจองเลือกไม่ใช่ซีวอน...” ซีวอนนิ่งค้าง...มือของหมอนั่นตกอยู่ข้างตัว ในขณะที่ซูจองก็ลุกขึ้นจากโซฟา เดินผ่านร่างอันแข็งทื่อของซีวอนออกไปราวกับเธอคือนางพญาน้ำแข็งที่สาปใครต่อใครให้ตัวเย็นยะเยือก...
ที่แท้...สถานะของซีวอน ก็คงเป็นตัวเลือกของเธอ...
ไม่ต่างจากผม ซึ่งเป็นตัวเลือกของไอ้เหี้ยแทคยอนสินะ!
“ซีวอน...เป็นไรมากไหม?” ผมทาบมือลงบนแก้มเขา หวังจะให้ซีวอนรู้สึกตัว ถ้าเกิดหมอนี่วิญญาณหลุดออกจากร่าง คุณป้าคิมของผมจะได้อกหักกับแผนการอันแยบยลพอดี...
“ฉันโอเค...” เขาตอบผมแบบนั้น แต่หน้าตาไม่ได้โอเคอย่างปากบอกเลยสักนิด...ผมรู้อยู่หรอกว่าที่ซีวอนช็อคไปแบบนี้ก็เพราะเพิ่งถูกผู้หญิงหักอกครั้งแรกแน่ๆ ที่สำคัญ...ชเว ซีวอนถูกเขี่ยไปเป็นตัวเลือก เพลย์บอยขั้นเทพอย่างหมอนี่คงเสียภูมิน่าดู!
“แต่หน้านายมันไม่โอเคเลยนะ...” ผมขยับตัวเข้าไปใกล้ซีวอนอีกนิด ก็แค่อยากเห็นหน้าที่ผิดหวังที่สุดในชีวิตของผู้ชายจอมมั่นใจก็เท่านั้น เรียวหน้าได้รูปหล่อเหลามากก็จริง แต่ดวงตาสีชามันดูเศร้าสร้อยอย่างบอกไม่ถูก มันสื่อออกมาชัดเจนว่ากำลังผิดหวัง หรือซีวอนจะรักซูจองมากจริงๆ
“เป็นห่วง?” เขาถามผมกลับหน้าตาย น้ำเสียงเจือความขี้เล่นถึงมันจะฟังดูดร็อปลงมาบ้างก็ตาม... จริงๆ แล้ว ซีวอนก็ยังเป็นซีวอน ว่าไหม?
“ก็นิดหน่อย...ฉันกลัวนายจะคิดสั้นน่ะสิ...เพลย์บอยรูปหล่อถูกสาวสวยแสนเรียบร้อยหักอกเข้าให้ชนิดตั้งรับไม่ทัน...”
“อันที่จริงฉันก็ไม่ได้อะไรกับซูจองมากขนาดนั้น แต่ฉันแค่เดาออกต่างหาก ว่าใครคือคนที่ซูจองจะแต่งงานด้วย...ก็ดี หมอนั่นมันดี ส่วนฉันมันเลว ผู้หญิงสมัยนี้สงสัยจะไม่ชอบคนเลวแล้วว่ะ ว่าไหม?” ซีวอนยกยิ้มหลังจากเงียบไปหลายนาที ไอ้ผมเองก็พยักหน้ารับกับคำพูดของเขา จะว่าโชว์แมนก็ได้นะ ซีวอนกำลังทำตัวเป็นผู้ชายผู้เสียสละ สปีริตแรงกล้าอะไรประมาณนั้น...
ดวงตาอันทรงเสน่ห์ของเขาหันมาจ้องผมซึ่งกำลังมองใบหน้าคมคายอยู่เช่นกัน...แวบหนึ่ง กระแสไฟอุ่นๆ ที่ไม่ทราบว่ามาจากแห่งใด กระตุ้นให้ผมเบียดตัวเขาไปใกล้ร่างสูงใหญ่ ดวงตาขี้เล่นของซีวอนดูแปลกไปก่อนจะเป็นฝ่ายผมเองที่ถูกเขากดน้ำหนักลงมา สัมผัสอุ่นนิ่มแนบลงมาพร้อมๆ กับแผ่นหลังของผมที่ถูกดันให้ติดกับโซฟาสีเข้ม บรรยากาศในห้องมืดสลัวมันเป็นใจหรอ? ไม่ยักจะรู้?
ผมปล่อยให้ตัวเองถูกชักนำโดยจูบของเขา และแน่นอนว่าผมก็ตอบเขาตอบเช่นกัน เราแลกจูบกันอยู่นาน ซีวอนจูบเก่ง...ใช่...เก่งมากๆ เลยล่ะ เกลียวลิ้นที่กระหวัดเกี่ยวอยู่ในโพรงปากตอบโต้และต้อนผมให้จนมุมอยู่หลายต่อหลายครั้ง ลมหายใจอุ่นร้อนแผดเผาผิวแก้มคลอเคล้ากลิ่นเหล้าอ่อนๆ ฝ่ามือหนาไล่ไต่ไปตามแนวสันหลังก่อนจะสอดมาถลกเสื้อเนื้อบางให้เลิกขึ้นนิดหน่อย...
ซีวอนรู้ตัวไหม? ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่...
“ถ้านายทำมากกว่านี้...ฉันจะเหมาว่านายเป็นเกย์นะ ชเว ซีวอน...” ผมกระซิบเสียงเบา ในช่วงที่ซีวอนกำลังซุกหน้าลงบนลำคอของผม...แทบจะทันทีที่พูดจบประโยคฟันของหมอนั่นก็ขบลงบนเนื้อส่วนไห้ปลาร้า...พลางผละหน้าออกมาจ้องผมที่ตอนนี้ถูกซีวอนคร่อมไว้เต็มตัว
“ถ้ากับนาย ฉันก็ไม่เกี่ยง...” เขาตอบ... เวลาแค่ไม่ถึงชั่วโมงมันทำให้ซีวอนเปลี่ยนเป็นพวกไม่แคร์สื่อไปแล้วหรือไง แต่ใครจะยอมล่ะ ถึงผมจะยอมหมอนี่จูบถึงขั้นนี้แล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะยอมให้หมอนี่ทำเรื่องอย่างว่าง่ายๆ หรอกนะ...
โจ คยูฮยอน ไม่ได้เก่งแต่ยั่ว เรื่องเล่นตัวน่ะ ก็พอตัวเหมือนกัน!
“นี่ซีวอน...คิดผิดคิดใหม่ได้นะ...” ผมพูดกลั้วหัวเราะ พลางดันตัวซีวอนให้ลุกขึ้น... เขาก็ยอมลุกแต่โดยดี ซ้ำยังช่วยผมจัดแจงกับเสื้อผ้าที่ไม่ค่อยจะเรียบร้อยเท่าไหร่...ผมลูบมือผ่านลำคอของตัวเองที่ถูกซีวอนขบเขี้ยวลงมาเมื่อครู่แล้วก็ได้แต่ตวัดตามองกันเคืองๆ
ซูจองโชคดีแล้วล่ะ ที่ไม่คว้าซีวอนไปทำพันธุ์!
“กลับเหอะ...” ซีวอนลุกขึ้นพลางเดินตัวปลิวออกจากห้องวีไอพีไปเสียเฉยๆ ผมซึ่งยิ้มขำกับท่าทีของเขาก็ได้แต่ลุกเดินตามออกไปอย่างช่วยไม่ได้... ท่าทีไม่ยี่หระคือสิ่งที่ผมไม่สามารถคาดเดาได้ในเวลานี้
ขอโทษเถอะ ชเว ซีวอน นายน่ะ ยังไม่ไม่รู้จักฉันดีพอ...อันที่จริงฉันมันก็ไม่ใช่คนดีอะไรถึงขั้นที่นายจะไว้ใจอยากจะลองรักหรือลองมีเซ็กซ์ด้วย
ที่ฉันกำลังทำอยู่ ก็เพราะหวังเงินจากนาย... นายให้ฉันได้หรือเปล่าล่ะ?
ระหว่างทางที่เดินออกจากผับ...ซีวอนรีบออกไปก่อนเพราะด้วยไม่อยากเผชิญหน้ากับซูจองอีก ได้ยินเขาพูดด้วยประโยคน่าหมั่นไส้ว่า ถ้าเจอหล่อนอีก อาจตัดใจไม่ลง... เหอะ... ผมว่ามันเป็นข้ออ้างมากกว่านะ... ก่อนจะผ่านออกจากช่วงตัวร้าน ผมสังเกตเห็นร่างคุ้นตาที่กำลังนั่งอยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูงกลุ่มใหญ่ โอค แทคยอนยิ้มร่าพร้อมกับมือที่ถือแก้วแชมเปญ ข้างกายของหมอนั่นมีหญิงสาวที่ผมคุ้นตาเสียยิ่งกว่า...
ชอง ซูจอง!!!
อย่าบอกนะ ว่าคนที่ซูจองจะแต่งงานด้วยคือ ไอ้เวรแทคยอน!!!
โลกกลมใช่ไหมครับ ที่คนโดนทรยศอย่างผมและซีวอน จะมีความเชื่อมโยงกันเพราะคนที่สร้างบาดแผลของความรักกำลังจะแต่งงานกันในอีกไม่ช้า...ซีวอนบอกว่าแทคยอนเป็นคนดี แต่ผมกลับมองว่าไอ้บ้านี่เลวสุดๆ ไปเลย...เพราะอะไร เขาดีทุกอย่าง สิ่งเดียวที่ทำให้แทคยอนเลวก็คือการทิ้งผมไป...
โจ คยูฮยอน งี่เง่า!!!
ผมยืนนิ่งราวกับถูกสาป จ้องมองภาพตรงหน้าอย่างไม่วางตา... เรียวมือกำแน่นอยากจะเดินเข้าไปชกหน้าหมอนั่นให้หงายหลังไปซะ!!
“ว่าแล้วเชียว...โจ คยูฮยอน...” เสียงทุ้มของซีวอนแทรกห้วงโทสะของผมให้หยุดชะงัก... แขนข้างหนึ่งของผมถูกซีวอนรั้งไว้ ไหนว่าไปที่ลานจอดรถแล้วไง? ทำไมมายืนอยู่ที่นี่? ผมหันกลับไปมองใบหน้าราบเรียบของเขา พลางเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง...ไม่ต่างไปจากมือของผมที่กำหมัดแน่นจนสั่นเทา “กลับกันเถอะ...ก่อนนายจะไปอาระวาดพวกเขาซะก่อน...”
ผมถูกซีวอนจูงมือออกจากผับโดยที่ไม่ใจร้อนเข้าไปทำลายงานรื่นเริงของใคร ต้องขอบคุณซีวอนใช่ไหม? ที่ทำให้ผมไม่ทำตัวไร้ค่าตามราวีคู่รักที่กำลังจะแต่งงาน ไม่ทำตัวงี่เง่าต่อหน้าใครต่อใครให้เขาตราหน้าว่าเป็นพวกแพ้แล้วพาล...
“ฉันฉลาดพอที่จะรู้ว่านายคงแค้นโอค แทคยอนสินะ... นี่...อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างงี้เลย ถึงว่าล่ะทำไมนายมันคุ้นๆ ที่แท้ก็แฟนเก่าไอ้แทคมันนี่เอง...” เสียงเพลงรักคลอเบาๆ ในตัวรถคือสิ่งที่ผมได้ยินมาตั้งแต่ออกมาจากผับ ซีวอนพูดขึ้นหลังจากเงียบมานาน ดูเหมือนเขาปล่อยให้ผมอารมณ์เย็น แล้วค่อยซักถามในสิ่งที่สงสัย ผมขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยกับท้ายประโยค...ตกลงแล้วหมอนี่เคยเจอผมหรือไง?
“นายเคยเจอฉัน?”
“เปล่า...แค่มีคนเคยพูดๆ กันมา หน้าตานายก็เห็นจากรูปถ่ายที่เพื่อนในกลุ่มเอาให้ดูเท่านั้น แทคยอนเป็นคนเดียวที่คบผู้ชายในช่วงนั้น หมอนั่นเลยไม่กล้าเปิดตัวอะไรมาก เพื่อนในกลุ่มก็เลยตามสืบกันเอง...”
“นายเป็นเพื่อนกับไอ้เหี้ยแทคยอนหรอ? ไม่ยักจะรู้” ซีวอนหลุดเสียงหัวเราะออกมาทันที ที่ได้ยินผมใช้สรรพนามอย่างนั้นกับอดีตคนเคยรัก... เสี้ยวหน้าหล่อหันมายิ้มบางพลางส่ายหน้าไปมา
“เพื่อนในกลุ่มเฉยๆ ไม่สนิท เรียนจบก็แยกกัน”
“แต่นายก็ไว้ใจให้เขาดูแลซูจองงั้นหรอ?” ผมถามเขากลับ เพราะไม่ค่อยเข้าในท่าทีของซีวอนในเวลานี้ เหมือนจะมีความสุขหรือก็เปล่า? ผมจับคลื่นความสุขไม่ได้เลยสักนิด...
“ไม่ได้ไว้ใจ แค่คิดว่าห้ามไม่ได้แล้วต่างหาก...รั้งไว้ก็ไม่มีประโยชน์ หาใหม่ง่ายกว่า นี่แหละ...เพลย์บอยตัวจริง!”
“เชื่อเขาเลย นายน่ะ...” นิยามความรักของซีวอนเหมือนจะแตกต่างจากผมสุดขั้ว...ซีวอนยินดีที่จะปล่อยมือจากซูจองง่ายๆ ในขณะที่ผมมัวแต่เจ้าคิดเจ้าแค้น... จริงๆ แล้ว ผมเองต่างหากที่งี่เง่า ผู้ชายคนนี้ มีความคิดในด้านความรักที่ฉลาดกว่าผมเป็นไหนๆ ผมควรจะมองเขาในมุมมองใหม่ๆ ซะแล้วล่ะ
มุมมองที่ผมคิดว่า ‘ลอง’ ดูสักครั้งก็คงไม่เสียหายอะไร
เช้าวันถัดมา...ผมตื่นมาด้วยความงุนงงอย่างถึงที่สุด เตียงที่เคยกว้างมันแคบลงเพราะซีวอนจู่ๆ กลับย้ายตัวเองมานอนกับผมซะอย่างนั้น...ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าหมอนี่มานอนข้างผมตอนไหน รู้แต่ว่า สัญญาณบางอย่างกำลังดังก้องในหัวสมอง...ชเว ซีวอน แม่งคงกำลังคิดแผลง... ไอ้ที่เขาบอกว่าหาใหม่ง่ายกว่า คงหมายถึงผมสินะ!!!
ให้ตายเถอะ ปากบอกว่าตัวเองไม่ใช่เกย์ แต่พอจะรุก ก็รุกเสียจนผมตั้งตัวไม่ทัน
ต่อเวลาให้ฉันยั่วนายเล่นอีกหน่อยไม่ได้หรือไง???
RRRRRR
เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นขัดช่วงเวลาที่ผมกำลังจะแกล้งแทรกกายไปนัวเนียหมอนี่เล่นนิดหน่อย ผมคว้ามือควานหามือถือบนหัวเตียงพลางอ่านชื่อเจ้าของสายแรกในยามเช้าแบบนี้...
‘ป้าคิมงี้งก’
ผมส่ายหน้าหัวเสียเล็กน้อย พลางลุกออกจากเตียงเดินออกไปยังระเบียงนอกห้อง ทันทีที่ผมกดรับสายคำถามเดิมๆ ก็แทรกผ่านเจ้าเครื่องอิเล็กทรอนิกส์
‘เป็นยังไงบ้าง...ลูกคุณนายชเว เสร็จแกหรือยัง’ ดูพูดเข้าสิ...เสร็จผมหรือยัง... ไอ้ตอนทำเรื่องอย่างว่า ผมว่ายังไงเสีย ผมน่าจะเป็นฝ่ายเสร็จซีวอนเขามากกว่าเถอะ
“ยังครับ...”
‘อาอิกู~’ หล่อนร้องอุทานเสียงสูงเสียจนผมชักมือถือออกห่างจากใบหูไม่ทัน... การตอบแทนบุญคุณของคุณป้าคิมคือการที่ผมต้องเสนอตัวให้ซีวอนเขาสินะ... ไม่ต้องบอก... ซีวอนก็ดูเหมือนเตรียมจะให้ผมเสนออยู่แล้วล่ะ ว่าไหม?
“ช้าๆ แต่ชัวร์ เข้าใจไหมครับ คุณป้า~” ผมตอบไปงั้นแหละ ที่จริง...แค่อยากจะตัดรำคาญแล้วกลับไปแกล้งนอนกอดซีวอนต่างหาก...
‘ไม่ได้แล้วๆ ช้าเกินไป เย็นนี้ฉันจะแกล้งเอาซุปกิมจิผสมไวอากร้าไปให้แก แล้วแกก็จัดการให้ลูกชายคุณนายชเวเขากินซะ...’ เล่นแรงเหมือนกันนะครับป้าผม...จริงๆ แล้ว ไม่เห็นจะจำเป็นตรงไหน...
“สุขแล้วแต่คุณป้าเถอะครับ ผมวางสายแล้วนะ” ว่าแล้วก็ตัดสายทิ้ง แล้วเดินกลับไปยังเตียงที่มีผู้ชายตัวโตนอนหลับอุตุอยู่ ค่อยๆ สอดกายใต้ผ้านวม เลื่อนใบหน้าวางลงบนอกแกร่งที่กายใจอย่างสม่ำเสมอ
ซีวอนเขาจะรู้ไหม...ว่ากำลังถูกผมใช้ยาพิษอาบหัวใจเขาช้าๆ แต่ก็เอาเถอะ บางทีถ้าซีวอนมองว่ายาพิษของผมเป็นเซรุ่มรักษาให้เขาหายดีขึ้น ผมก็ยินดี...
นอนต่อได้ไม่กี่ชั่วโมง ผมก็ลุกจากที่นอน(ตัวซีวอน)ออกไปอาบน้ำแต่งตัวตามปกติ แน่นอนว่าเตรียมอาหารเช้าไว้ด้วย แต่สงสัยคงข้ามไปเป็นอาหารเที่ยงมากกว่า... นึกขำนิดๆ ที่ซีวอนเวอร์ชั่นเก่าไม่แม้แต่จะเข้าใกล้ตัวผม แต่พอพ่อคุณขี้โวยวายโดนสาวเจ้าน็อคเข้าให้ ก็ถึงทำรีสตาร์ทเครื่องใหม่ ทำตัวเป็นเหมือนพวกขาดความอบอุ่นเสียอย่างนั้น เมื่อคืน...กลับมาจากผับก็แยกย้ายกันนอนนะ แต่บางทีหมอนี่คงเกิดอาการเหงาใจ
...รึเปล่าล่ะ?
โจ คยูฮยอน ไม่ได้ช่วยคลายเหงานายฟรีๆ หรอก ที่แน่ๆ ก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่นายคิดด้วย!
“เหมียว~” เสียงแมวตัวโตดังอยู่ใกล้หู ผมหันหน้าไปมองซีวอนในสภาพคนเพิ่งตื่น พลางหันกลับมาสนใจอาหารบนเตาต่อ
“ไม่สมกับเป็นนายเลยเถอะ...” ผมแหย่เขาตามประสา ปกติเห็นตื่นเช้ามาก็รีบต้องจัดแจงตัวเองให้กลายร่างเป็นคุณชาย แต่ดูสิ...หมอนี่ในวันนี้ มันดูแปลกเสียจนผมนึกฉงน ผมเผ้ายุ่งเหยิง ดวงตาคู่คมค่อยแต่จะปรือหลับ...หรือเซลล์ประสาทนายมันจะตายเอาง่ายๆ เพราะอีแค่ถูกผู้หญิงทิ้งกัน?
“เมื่อคืนนี้ขอโทษที่รบกวน นอนคนเดียวแล้วคิดถึงแม่ว่ะ เลยย้ายไปนอนกับนาย...” ซีวอนว่ากลั้วหัวเราะ มือหนาสางผมตัวเองลวกๆ พูดอะไรออกมาอย่างที่สมองอันน้อยนิดคิด...เหอะ... ไอ้XXX อยากกระโดดถีบยอดหน้านายจริงๆ...
ร้ายกาจมาก...แม่กับผีสิ
“ประสาท!!! ฉันไม่ใช่แม่นายนะ”
“ก็คิดถึงแม่จริงๆ หนิ... อีกอย่างนายน่ะ จู้จี้เหมือนแม่ฉันเลย ฮ่าๆ” ซีวอนระเบิดเสียงหัวเราะออกมายกใหญ่ ผมซึ่งยืนทำอาหารอยู่ ถึงได้หันกลับไปตวัดตามอง พลางเคาะตะหลิวลงบนหน้าผากคนชอบกวนให้สักที
“ปากหาเรื่อง!!”
“เฮ้!! ฉันเป็นพี่นาย
“พี่แล้วยังไงล่ะ ให้ตายเถอะ...นี่! วันนี้ฉันต้องออกไปมหาลัยฯ คงกลับเย็นๆ อย่าบ้า อย่าเพ้อ ให้มากล่ะ!!!” ว่าจบ ผมก็กระแทกอาหารกลางวันลงบนโต๊ะทานข้าว... ซีวอนระบายยิ้มไม่ปกปิดที่สามารถกวนอารมณ์ผมได้ ทั้งๆ ที่วันก่อนๆ จะเป็นผมเองที่ยั่วโมโห (รวมถึงยั่วอย่างอื่น) คงไม่ใช่แค่ซีวอนที่แปลกไปหรอก
ผมก็แปลกไปด้วยเหมือนกัน
รีบู้ทตัวเองใหม่ดีไหมนะ? เอาโจ คยูฮยอน คนเก่งกลับมาที...
วันนี้ผมเข้ามาเสนอวิทยานิพนธ์กับอาจารย์ที่ปรึกษา ช่วงนี้...ความจริงผมไม่จำเป็นต้องเข้ามหาลัยฯ ก็ได้ แต่เพราะต้องทำงานคนเดียว คงไม่ใช่เรื่องถ้าผมจะไม่เข้ามาขอคำแนะนำจากท่าน... หลังจากที่ได้ข้อแก้ไขมาเป็นที่เรียบร้อย ผมก็ตั้งใจว่าจะไปห้องสมุดสักหน่อย เผื่อจะได้ไอเดียเขียนวิทยานิพนธ์เพิ่ม กระทั่ง...เพื่อนในกลุ่มของผมบังเอิญผ่านมาเห็น พร้อมๆ กับยื่นซองอะไรบางอย่างให้
“ให้ฉันทำไม?” ผมถามกลับพลางเม้มริมฝีปากแน่น น้ำเสียงของผมยังฟังดูปกติอยู่ไหม? การ์ดแต่งงานค่อยๆ ถูกผมกำจนเริ่มยับ พอๆ กับที่คนยื่นมันมาให้หน้าเสียกันไปตามๆ กัน
“รุ่นพี่แทคยอนเขาฝากมา...เห็นว่าเอาการ์ดมาให้อาจารย์ฮวัง” เพื่อนผมเอ่ยน้ำเสียงแผ่วเบาคล้ายจะกลืนลงลำคอ ใครๆ ก็รู้ว่าตั้งแต่ผมเลิกกับหมอนี่...ผมก็ประกาศกร้าวแช่งชักหักกระดูกไอ้บ้านั่นไม่มีชิ้นดี ฉะนั้นเพื่อนๆ ถึงได้ปิดปากเงียบไม่แม้จะตอแยผมเรื่องนี้อีก...ไอ้เหี้ยแทคยอน มันตั้งใจจะเหยียบผมให้จมหรือไง!
“’งั้นก็ฝากบอกด้วย ว่างานแต่งของหญิงร้ายชายเหี้ย...ฉันจะไม่เข้าไปเฉียดเป็นอันเด็ดขาด! ขอบคุณสำหรับคำชวน”
“เหี้ย...งั้นหรอ?” เสียงทุ้มใหญ่เป็นเอกลักษณ์ เรียกความสนใจของผม ให้หันหลังกลับไปมอง...โอค แทคยอน ยืนนิ่งห่างจากผมประมาณสามถึงสี่ก้าว ใบหน้าติดจะนิ่งเฉยรวมไปถึงริมฝีปากที่หยักมุมยิ้มไร้ความหมาย
“มีความสุขมากๆ นะ ขอบคุณที่ชวน...” ผมตัดบท ไม่อยากจะอยู่ตรงนี้อีกต่อไป...ขืนอยู่ต่อ ไม่ใช่ว่าผมจะอ่อนแอหรืออะไร แค่คิดว่าบางทีผมอาจดิ่งไปชกหมอนี่จนหน้าหงายก็เป็นได้...หลายๆ คนคงมองว่าผมงี่เง่าที่เจ้าคิดเจ้าแค้นกับแทคยอนไม่เลิกรา แต่สำหรับผมแล้ว การที่ถูก ‘ได้’ แล้วทิ้ง มันหยามกันเสียจนผมนึกย้อนกลับมาสมเพชตัวเองก็หลายครั้ง...
“เดี๋ยวสิ...” แทคยอนเอื้อมมือมารั้งแขนผมไว้ ฉับพลันที่ผมสะบัดหนี... พลางตวัดตามองเขานิ่งเฉย ราบเรียบ เหมือนกับที่ผมโดนมองอยู่ในตอนนี้... “ได้ข่าวว่านาย
ผมเลิกคิ้วมองคนตัวสูงกว่า พลางระบายยิ้มแสยะ...สนใจทำไม หรือหวงของที่เคยได้ขึ้นมา...
“ใช่ ฉันอยู่กับซีวอน...”
“แล้ว...”
“ฉันมีความสุขดี...ซีวอนเก่งกว่านายนะ เก่งมากๆ เลยล่ะ หึ” ผมทิ้งคำพูดชวนคิดให้ใครต่อใครตาโต คงไม่ต้องอธิบายให้มากว่าผมสื่ออะไร... ไม่มีใครรู้หรอกว่าแท้จริงแล้ว ผมกับซีวอนยังไม่เคยมีเรื่องอย่างว่ากันเลยสักครั้ง ที่ผมพูดไปก็เพราะตัดรำคาญก่อนจะสาวเท้าหนีสายตาที่มองมาราวกับตั้งคำถาม
ผมไม่จำเป็นต้องนั่งตอบคำถามใครอีกต่อไป...เพราะไหนๆ ไอ้ผมมันก็เป็นคนไม่สนใจคนรอบข้างอยู่แล้ว โฟกัสทำแผนของคุณป้าคิมให้สำเร็จคงจะง่ายกว่า... ว่าไหม?
ก้าวแรกที่กลับเข้ามาในคอนโดฯ ผมสังเกตเห็นสภาพห้องที่ดูแปลกตา...เมื่อก่อน ภาพที่ผมเห็นหลังจากกลับมาตอนเย็น คือห้องที่เต็มไปด้วยข้าวของรกระเกะระกะ ซองบุหรี่หรือแม้กระทั่งกระป๋องเบียร์ แต่วันนี้มันดูสะอาดเสียจนผมคิดว่าไขกุญแจเข้าห้องผิดหรือเปล่า? ผมถอดรองเท้าผ้าใบวางไว้บนชั้น ก่อนจะสอดส่ายสายตาหาเจ้าของห้อง...แปลกใจยิ่งกว่าเมื่อเปิดประตูกี่ห้องๆ ก็ไม่ยักจะเจอใคร?
หรือจะออกไปข้างนอก...
อ้อ...หรืออาการอกหักเมื่อวานมันหายดีแล้ว เลยอารมณ์ดีออกไปหาสาวควงคนใหม่...
ชีวิตนี้ของ ชเว ซีวอน คงวนเวียนแต่เรื่องหาภรรยาในอนาคตสินะ...
ทว่ากระดาษโพสอิทที่แปะไว้หน้าตู้เย็น อดไม่ได้ที่ผมจะนึกประหลาดใจ ลายมือของซีวอนเขียนข้อความสั้นๆ หากคนอ่านอย่างผม...กลับยิ้มออกมาได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
‘ฉันไปทำงาน ซีวอน’
ผมกำลังเปลี่ยนหมอนี่อยู่หรือไง ทุกอย่างมันถึงได้เป็นแบบนี้...
คุ้มไหม? กับการเข้ามาหวังจะสูบเงินจากเขา แต่สุดท้ายกลายเป็นว่า คนที่กำลังจะถูกหลอก...ยอมเปลี่ยนตัวเองเพื่อทำในสิ่งที่ดีกว่า และยกระดับตัวเองให้มีคุณค่าขึ้น...
ผมอมยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้ากวนประสาทของซีวอนขึ้นมาเสียเฉยๆ ทว่าเสียงกริ่งหน้าห้อง กลับทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองพบว่าตอนนี้ก็ห้าโมงเย็นแล้ว บางทีซีวอนอาจกลับมาจากบริษัทแล้วก็ได้ ผมเดินออกจากห้องครัว...นึกขำตัวเองที่ทำตัวเป็นภรรยารอสามีกลับบ้านเวลากลับจากเลิกงานยังไงยังงั้น...
“ว่ายังไง...หลานรักของป้า...” เป็นคุณป้าคิมจอมจุ้นจ้านเองที่ระบายยิ้มเต็มแก้ม เธอก้าวเข้ามาในห้องอย่างถือวิสาสะ พลางผมก็มองของที่เธอถือติดมือมาด้วย
สงสัยจะเป็นซุปกิมจิผสมไวอากร้าอย่างที่เธอเพิ่งบอกผมเมื่อเช้าแน่ๆ
“รวดเร็วเชียวนะครับ เรื่องอย่างนี้น่ะ” คุณป้าคิมตวัดตามองผม แลดูร่ำๆ จะด่าผมกลับโทษฐานเอ่ยปากแซว คุณป้าผมชอบวางแผน...ผมรู้และประจักษ์แก่ใจ แต่เรื่องที่จะส่งให้ผมได้เสียกับซีวอนเนี่ย ทำไมถึงได้คิดเร็วทำเร็วขนาดนี้...เห็นผมเป็นตัวอะไร....
สินค้าที่พร้อมจะทำกำไรให้คนขายงั้นหรอ?
“หรืออยากให้บ้านโดนยึด ถ้าไม่อยาก...แกก็รีบๆ สูบเงินของลูกชายยัยคุณนายชเวซะ!”
“ครับๆ ผมจะรีบโกยเงินมาให้คุณป้าให้เร็วและมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ที่สุด” ผมลากเสียงยาวแกล้งคุณป้าท่านกลับอย่างนึกสนุก...เมื่อก่อนผมเย็นชากับเธอ เธอถึงได้มองผมเป็นเพียงมารหัวขนที่ถ่วงความเจริญ แต่ในเวลานี้แล้ว มันถึงเวลาที่ผมจะตอบแทนคุณป้าคิมบ้าง
คงไม่ผิดใช่ไหม? ถ้าผมจะตอบแทนคุณป้าคิมด้วยวิธีแบบนี้...
“ฉันกลับล่ะกัน...แผนการนี้น่ะ ต้องสำเร็จเท่านั้น จำไว้นะ หลานรัก!”
แผนของคุณป้าคิม สำเร็จแน่ๆ... เชื่อผมไหม?
“เฮ้...โจ คยูฮยอน ฉันกลับมาแล้ว เป็นไง...ชเว ซีวอน มาดใหม่ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง~”
ซีวอนเอ่ยเรียกชื่อผมเสียงดัง พลางประกาศสโลแกนใหม่ของตัวเองพร้อมๆ กับร่างสูงใหญ่ภายใต้ชุดสูทสีเทาดูภูมิฐาน ผมปรายตามองหมอนี่เล็กน้อย ตอนนี้ผมกำลังยุ่งกับวิทยานิพนธ์ ฉะนั้นดวงตาของผมถึงได้จดจ้องอยู่กับจอสี่เหลี่ยม เหมือนซีวอนจะไม่ค่อยพอใจที่ผมไม่สนใจ คนโตแต่ตัวถึงได้ส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอก่อนเสื้อสูทเคล้ากลิ่นน้ำหอมจะลอยมาตกแหมะอยู่กับหัวผม...
“อะไรของนาย!”
“เปล่า!” ซีวอนเดินผ่านหน้าผมพลางดึงเน็คไทออกอย่างลวกๆ ผมนึกขำกับท่าทีของเขา แต่เพราะอยากจะแกล้งยั่วโมโหอย่างที่ชอบทำ ผมถึงได้หยิบเสื้อสูทซีวอนมาวางไว้บนตักตัวเอง ไม่พูดไม่จาปล่อยให้ความเงียบกวนโทสะซีวอนไปพลางๆ “อุตส่าห์ไปทำงานมา...โด่!!!!!”
นี่ซีวอนเขาเรียกร้องความสนใจจากผมงั้นหรอ? ถึงได้ทำเป็นพูดเสียงดังๆ ทั้งๆ ที่พาตัวเองเข้าไปในห้องนอนแล้วแท้ๆ เด็กชะมัด...ทีตอนนั้นเสนอตัวว่าตัวเองเป็นพี่... น่าตลก~
“ฉันทำวิทยานิพนธ์อยู่ นายก็เห็น...” ผมแกล้งตอบเขากลับ ทว่าซีวอนก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงฟังดูเหมือนคนกำลังหงุดหงิด
“ฉันเปล่าพูดกับนาย
ผมจนใจจะแกล้งซีวอนต่อ ถึงได้ปิดแล็ปท็อป ลากสังขารตัวเองไปยังหน้าห้องนอนของเขา เคาะประตูสองสามครั้ง ประตูก็เปิดพรวดออกมาพร้อมด้วยซีวอนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองใส่อยู่บ้านเรียบร้อย ใบหน้าคมคายเหมือนจะเสียอารมณ์ที่อุตส่าห์แต่งหล่อ แต่ผมกลับไม่สนใจเลยสักนิด...
“หลบไปดิ!!!” คำรามใส่ผมเสียงดังจนต้องยกมือปิดหู ผมช้อนสายตามองเล็กน้อยพลางยืนนิ่งไม่ไหวติง “บอกให้หลบไง...ยุ่งว่ะ!!!” คราวนี้ผมเลิกคิ้วมองพลางระบายยิ้มมุมปาก...แน่นอนว่าซีวอนถลึงตามองผม ดูท่าพี่ท่านคงอยากจะขย้ำคอผมแน่ๆ
“ขี้งอนชะมัดเลย นายน่ะ...โตขนาดนี้แล้วนะ ทำตัวเป็นเด็กไปได้...”
“อย่ามาสั่งสอน ผมอายุมากกว่าคุณนะครับ คุณ โจ คยูฮยอน...” มีกระแหนะกระแหนผมด้วยเถอะ...สรรพนามที่เปลี่ยนไปบวกกับหน้าตากวนประสาท อย่างนี้มันน่าเอาเล็บข่วนหน้าให้หายหมั่นไส้จริงๆ
“เลิกแดกดันซะทีเถอะน่า...”
“เปล่าแดกดันนะครับคุณ...”
“ซีวอน...ฉันพูดกับนายดีๆ นะ”
“ผมก็พูดกับคุณดีๆ เหมือนกัน...”
“งั้นก็เชิญ ฉันจะนอนแล้ว ข้าวเย็นอยู่ในครัว จัดการเองล่ะกัน...” ผมประกาศเสียงชัดถ้อยชัดคำ พลางสาวเท้าเดินตรงไปยังห้องนอน ครั้นปิดประตูลงผมก็นึกอยากจะหัวเราะให้ลั่นคอนโดฯ ชเว ซีวอน เป็นเอามากจริงๆ ผมไม่คิดว่าซีวอนจะงอแงกับผมได้มากถึงขนาดนี้...ให้ตายเถอะ...ผมแค่เถียงนิดหน่อย หมอนั่นก็โต้กลับเสียจนคอเป็นเอ็น ผมทิ้งตัวนอนลงบนเตียงมองนาฬิกาฝาผนังบอกเวลาเพิ่งจะหนึ่งทุ่ม เวลานี้มันไม่ใช่เวลาที่ผมเข้านอนเลยด้วยซ้ำ แกล้งคนตัวโตๆ เสียหน่อย มันก็ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ความสุขของผมคือการได้แกล้งยั่วโมโหซีวอน หรือการที่ได้อยู่กับเขากันนะ?
“คยูฮยอน...แมร่งร้อนว่ะ ไม่รู้เป็นไร เฮ้ๆๆๆ ฉันเรียกนาย
ซุปกิมจิสูตรพิเศษของคุณป้าคิม!!!
“ซีวอนไหวป่ะเนี้ย...” ผมถามออกมาเพราะเริ่มเข้าใจกับอาการของคนตรงหน้า...สงสัยหมอนี่คงงอนผมอยู่เป็นชั่วโมงกว่าจะยอมทานข้าวเย็น...พอถึงตอนนี้แล้วฤทธิ์ยาถึงได้กำลังแสดงออกมาเสียจนผมนึกตกใจ
นี่คุณป้าใส่จนหมดขวดเลยหรือไง!!!!
“รู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้...ร้อน ร้อนข้างในว่ะ...เหมือนโดนยา...” ซีวอนบ่นอุบอิบ พลางสายตาของผมก็ก้มลองไปมองตรงนั้นของเขาเข้าให้พอดี...สาบานได้ว่าผมไม่ได้ตั้งใจมอง...มันนูนขึ้นมาแล้วเถอะ...เฮ้ย~ ถึงตอนนี้แล้ว ถึงผมจะเคยๆ อยู่บ้าง แต่ไอ้การจะอยู่เฉยๆ มันก็รู้สึกเหมือนตัวเองคล้ายจะง่ายจนเกินไป
บางทีผมอาจต้องเล่นตัว?
“ยาอะไร?” ผมแสร้งถาม...ทำตัวไม่รู้เรื่องรู้ราวสุดฤทธิ์
“ปลุกเซ็กซ์อะไรประมาณนั้น...”
“...........” จากที่เคยปากเก่ง ผมเงียบและซีวอนก็เงียบเหมือนกัน (ปากเงียบน่ะนะแต่ท่าทางไม่เงียบเลย) ผมตั้งท่าจะปิดประตู ทว่าแขนแกร่งกลับรั้งประตูไว้ พร้อมๆ กับร่างสูงของซีวอนที่ก้าวเข้ามาผมชนิดประชิดตัว....ใบหน้าหล่อจัดเคลื่อนเข้ามาใกล้ สัมผัสถึงอาการหายใจถี่หนัก
“นายวางยาฉันหรือไง?”
“เปล่านะ” คุณป้าคิมวางยานาย
“ซีวอนนายมีสติอยู่รึเปล่า...” ผมถามเขากลับ ลมหายใจร้อนๆ คลอเคลียอยู่ข้างแก้ม ความมืดในตัวห้องทำให้ผมมองเห็นใบหน้าของซีวอนไม่ถนัด...หากที่ชัดเจนคือสัมผัสที่บดคลึงอยู่ที่เรียวปาก เราจูบกันแล้ว...
“ฉันมีสติดี คยูฮยอน...” เขาตอบผมหลังจากที่แลกจูบไม่หนักหน่วงเท่าไหร่ กายหนาของซีวอนคร่อมทับผมไว้เต็มตัว ไอร้อนจากร่างนั่นทำเอาผมเองที่จะสติหลุด เรามองตากันเป็นพักจนเป็นฝ่ายผมเองที่ยกมือขึ้นประคองหน้าเขาพลางจ้องลึกเข้าในในดวงตาคู่คม
“ฉันคือ โจ คยูฮยอน...ถ้านายมีอะไรกับฉัน... นายจะไม่เสียใจใช่ไหม?”
“ไม่...ฉันไม่เสียใจหรอก...” ความเงียบเข้าครอบงำเราอีกครั้ง ก่อนก้อนความรู้สึกในอกจะระเบิดออกมาตูมใหญ่...
บทรักที่เหมือนร่างไว้ ค่อยๆ ก่อขึ้นภายใต้ค่ำคืนที่อากาศร้อนอย่างไม่น่าเชื่อ ความรู้สึกในตอนนี้ไม่ต่างอะไรไปจากฉากละครที่แทบจะแยกแยะไม่ออกมาสิ่งใดคือเรื่องจริง คำพูดใดคือหลอกลวง...
Talk*
มาต่อแล้ววววววววววววววววววววววว
#แก้คำผิด
ความคิดเห็น