คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : [Preview] Black and White {เกริ่นนิดๆ จากรวมเล่ม} =////=
*หมายเหตุ* เนื้อหาส่วนนี้ตัดออกมาจากรวมเล่ม Evil's story ส่วนที่เหลือจะไม่มีการเผยแพร่ค่ะ
คุณคิดว่า...ของขวัญวันเกิดสำหรับเด็กที่กำลังจะขึ้นมัธยมปลาย เขาต้องการอะไรกันหรือครับ?
ไอโฟน ไอแพด แมคบุ๊คในตระกูลแอปเปิ้ล หรือจะเป็นเสื้อผ้า ของเล่น(เลเวลสำหรับเด็กมัธยมน่ะครับ) ข้าวของพิเศษต่างๆ ที่อ้อนวอนร้องขอจากพ่อแม่มาแรมปี สำหรับผมแล้วนะ...อันที่จริงก็ไม่ได้ต้องการอะไรหรอก... คงจะดีไม่น้อยเลยใช่ไหม? ถ้าหากคนเราจะมีใครสักคนที่จะสามารถมอบทุกอย่างให้แก่เราโดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน
โลกมนุษย์เนี่ยจะว่าไปก็แปลกชะมัด...หรือมันเป็นสัจธรรมล่ะ ที่เมื่อเราต้องการอะไรและได้มันมาแล้ว ย่อมต้องแลกกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง สิ่งที่เราไม่คาดฝันเสมอ...
.
.
.
.
.
.
.
“ถ้าเมื่อใด...ที่เจ้าพร้อมจะแลกบางสิ่งบางอย่าง เพื่อพรที่เจ้าขอ...เราก็พร้อมที่จะให้ทุกอย่างแก่เจ้า...”
เสียงทุ้มใหญ่ก้องกังวานอยู่ในหัวเมื่อผมหลับตาลงได้ไม่กี่นาที ดวงตาของผมเบิกโพลงเมื่อบรรยากาศรอบกายจู่ๆ กลับเย็นเฉียบขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ อะไรบางอย่างกำลังบอกให้ผมรู้ว่า...ภายในห้องนอนของผม มันไม่ได้เพียงผมเท่านั้น แต่กลับมีบางสิ่งที่ซ่อนตัวอยู่โดยที่ผมไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หัวใจของผมคล้ายจะเต้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนเจ็บหน่วงเนื่องจากบรรยากาศเย็นยะเยือกและมันก็ช่างสร้างความเศร้าและหดหู่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“คุณเป็นใคร?”
ผมร้องถามสิ่งที่ไม่อาจล่วงรู้ว่าคืออะไรต่อห้องนอนโล่งๆ และนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเหมือนคนโรคประสาทที่คิดมากจนหลอนเสียงที่ไม่มีอยู่จริง...ผมสะบัดไล่ความคิดหนักๆ ที่มันกำลังทำให้ตัวผมไม่ต่างอะไรไปจากเด็กเพ้อเจ้อ จวบจนเมื่อสายตาของผมพลันไปมองที่โต๊ะหนังสือที่ในทีแรกเจ้าถุงเครื่องรางสีขาวยังคงวางทิ้งไว้ หากเวลานี้...มันกลับหายมาโผล่อยู่ที่ข้างตัวของผม ขนนกสีขาวปนสีดำเส้นหนึ่งตกอยู่ไม่ไกลนัก...ผมขมวดคิ้วกับที่เหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นพลางเอื้อมมือไปหยิบขนนกที่ว่ามาไว้ในมือ...ชั่ววินาทีที่ขนนกสีขาวปนสีดำกลับกลายเป็นขนนกสีขาวสะอาดเพียงเพราะแค่มันถูกวางอยู่บนมือของผมเพียงไม่กี่วินาที...
“อย่าได้ตื่นตระหนกกับการมาของเรา...”
ฉับพลันเมื่อเสียงนั่นเอ่ยขึ้น หัวใจที่รับความเจ็บปวดมาทั้งอาทิตย์กลับยิ่งถูกบีบรัด พลังงานที่วนเวียนอยู่รอบกายประหนึ่งจะสร้างความทรมานเป็นสองเท่า เงาสีดำที่เคลื่อนเข้ามาใกล้พร้อมด้วยบรรยากาศเย็นๆ ทำให้ผมจำต้องช้อนสายตามองสิ่งที่ไม่อาจรู้ว่าเป็นอะไรด้วยใจที่ถึงแม้จะไม่หาญอาจพอแต่ด้านหนึ่งกลับอยากรู้ในสิ่งที่ต้องเผชิญอย่างปฏิเสธไม่ได้
ผมไม่แน่ใจนักว่าสิ่งที่ผมกำลังจ้องมองอยู่คือมวลสารชนิดใด...ผมรู้เพียงแค่ว่า...เขาตรงหน้า ไม่ได้ต่างจากมนุษย์ทั่วไปเลยแม้แต่น้อย ซ้ำใบหน้าขาวซีดที่ว่ายังดูงดงามราวกับรูปสลักเทพบุตรกรีก ร่างสูงใหญ่ที่ใช้ปีกสีดำสยายกว้างเพื่อพยุงตัวเองอยู่ในห้วงอากาศ ดวงตาคมเหยี่ยวทอดต่ำมองลงมาอย่างเย็นชา เรียวปากที่ว่าไม่ได้ขยับซึ่งรอยยิ้มใดๆ มีเพียงกลิ่นอายของความว่างเปล่าที่ส่งมายังผม...ชั่วครู่ที่ผมนึกหัวเราะกับภาพพร่าเลือนที่มองเห็น...
โจ คยูฮยอน... นายมันบ้าไปแล้ว ยมทูตงั้นหรอ? ไร้สาระหน่า...
“ไม่...ไม่มีทาง...นี่มันเป็นความฝัน”
“นี่ไม่ใช่ความฝัน มันคือความจริง...ความจริงที่เจ้าปลดปล่อยเราออกมาจากการกักขัง...”
เจ้าของปีกสีดำขยับปีกเล็กน้อยก่อนร่างสูงใหญ่จะลดระดับจากการยืนอยู่บนอากาศจนศีรษะเกือบชิดเพดานห้อง บุคคลภายใต้อาภรณ์สีดำสนิททิ้งปลายเท้าลงบนเตียงซึ่งผมได้แต่นั่งหลังแข็งไม่อาจขยับตัวไปไหนได้...พลางโน้มตัวลงมาหาใบหน้าที่เริ่มซีดเผือด พลางรอยยิ้มแสนเย็นเฉียบก็ประดับขึ้นบนรูปหน้าหล่อเหลา
“คุณเป็นใครกันแน่?”
“เราเป็นยมทูตที่มีอายุมากกว่าเจ้าสักประมาณ...พันปีได้กระมัง” น่าแปลกชะมัดที่ผมไม่ได้ตกใจกับการรายงานตัวของเขาผู้นี้... ผมเพียงแค่นิ่งคิดไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามคน(?)ที่อ้างตัวว่าเป็นยมทูตด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่ลำคอ
“แล้วคุณมีธุระอะไรกับผม ถ้าเกิดผมปลดปล่อยคุณแล้ว คุณก็ไปซะสิ”
“จะให้เราไปได้อย่างไร...ในเมื่อเจ้าขอพรจากเราอยู่มิใช่หรือ?”
ผมถูกนัยน์ตาสีดำรัตติกาลสะกดจนไม่อาจขยับเขยื้อนตัวไปไหนได้จริงๆ ไม่ว่าเขาจะเคลื่อนใบหน้าซีดๆ เข้ามาใกล้มากขนาดไหน หรือยื่นมือเย็นยะเยือกมาสัมผัสที่แก้ม...ผมก็ไม่อาจต้านทานต่อเจ้าของใบหน้าน่าหลงใหลเลยสักนิด รอยยิ้มที่วาดผ่านเรียวปากมองดูเหมือนจะยิ่งกระตุ้นจังหวะการเต้นของหัวใจให้ถี่รัวและมันก็ยากเหลือเกินที่ผมจะปิดซ่อนดวงตาที่เริ่มสั่นระริกต่อเขาตรงหน้า
“ผมไม่เคยได้ยินว่ายมทูตให้พรแก่มนุษย์”
“เราให้เจ้าได้คนเดียว...เพราะเจ้าคือผู้ปลดปล่อยเรา...และเราก็เลือกที่จะให้เจ้าเอง โจ คยูฮยอน” เขาพูดพร้อมด้วยการไล้ฝ่ามือไร้ความอบอุ่นไปตามพวงแก้ม แปลกที่การกระทำแบบนี้...กลับสร้างความไว้วางใจให้ผมต่อคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นยมทูตได้อย่างประหลาด...เขาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเลย...
“คุณให้ผมได้จริงๆ งั้นหรือ?”
“หากต้องแลกกับความตายที่ อี ทงเฮกำลังจะเผชิญ...รู้หรือไม่ ว่าความตายเมื่อเปลี่ยนเป็นอายุขัยที่ยืนยาว ต้องแลกด้วยอายุขัยของเจ้าเอง...ความตายแลกกับชีวิตที่ยังคงเหลือ...เพียงเท่านี้ เจ้าให้เราได้หรือเปล่า”
“ผมต้องตาย...อย่างนั้นสินะ”
“หากตายเพื่อชีวิตคนสำคัญ...มันก็ดีมิใช่หรือ?”
ยมทูตในคราบของเทพบุตรกล่าวกับผมด้วยน้ำเสียงราบเรียบและมันก็ฟังดูเย็นชาไม่น้อย มันแน่อยู่แล้วว่ายมทูตไม่มีหัวใจที่อ่อนโยนถึงได้มองเรื่องความตายเป็นเรื่องปกติ... เขาไม่ได้รับรู้หรือสัมผัสถึงความรักที่ผมมีต่อคนสำคัญของผมเลยแม้แต่น้อย ความตายคือสิ่งที่คล้ายจะพรากผมออกจากรอยยิ้มอบอุ่นของใครอีกคน ไม่ว่าผมจะขอพรหรือไม่...มันก็ไม่ได้ต่างกันเลยกับปัจจุบันที่เป็นอยู่ ความตายมันคือสิ่งที่ผมจะได้รับไม่ว่าจะเลือกทางใดก็ตาม...
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น...ผมก็ยังรั้นที่จะอยากใช้เวลาอยู่กับคนสำคัญของผมแม้เพียงนิดก็ยังดี...ผมคลี่ยิ้มบางเบาตอบเจ้าของดวงตาเย็นดุจน้ำเข็งขั้วโลก และนั่นก็เหมือนจะสร้างความพอใจให้กับยมทูตหน้าหล่ออยู่ไม่น้อย แหงล่ะ...ในเมื่อเขาได้รับการปลดปล่อยจากถุงเครื่องราง ซ้ำยังได้วิญญาณของผมไปอีกดวง
...ความสุขของยมทูตก็คงมีอยู่แค่นี้...
สุขเมื่อได้เห็นความตายที่หอมหวาน
“ในฐานะที่ผมเป็นผู้ปลดปล่อยคุณจากการกักขังในถุงเครื่องรางเล็กๆ คุณช่วยยืดเวลาให้ผมได้อยู่กับพี่ทงเฮอีกสักหน่อยจะได้ไหมครับ? ขอแค่ให้ผมมีเวลาอยู่กับคนสำคัญของผมแม้เพียงนิดก็ยังดี และเมื่อผมพอใจ...ผมก็พร้อมที่มอบวิญญาณของผมให้แก่คุณ”
ความคิดเห็น