คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : [S Fic] Evil Sherbet. [5/5] เลือกที่รัก มักที่ชัง~ {END} ------ 100%
Evil Sherbet.
ตอนที่ 5 (END)
เลือกที่รัก มักที่ชัง~
“คยูฮยอน...ดูเหมือนลูกจะเปลี่ยนไปมากเลยนะ”
เสียงหวานของผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้นพลางใบหน้าใจดีก็ระบายยิ้มบางเบา คยูฮยอนละสายตาจากหนังสือสุขภาพที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของมารดา หญิงสาวที่ไม่ได้แก่ไปตามวัยในชุดพยาบาลสีขาวสะอาดไม่พูดจาอะไรนอกจากการเดินเข้ามาโอบกอดลูกชายคนเดียวที่เดินทางมาหาเธอถึงฮ่องกงโดยไม่มีการบอกล่วงหน้า แน่นอนว่าเมื่อเธอได้เห็นรอยฝ่ามือที่ยังคงไม่เลือนหาย...อี เฮยอนก็เข้าใจเจตนาในการเยี่ยมเยือนครั้งนี้เป็นอย่างดี
“เปลี่ยนไปยังไงหรอครับ ผมก็ยังเป็นลูกแม่เหมือนเดิมนี่นา”
“...ก็ลูกดูจะตามใจคนอื่นเขามากขึ้น” เฮยอนอมยิ้มเล็กน้อยพลางยกมือลูบใบหน้ากลมขาวของลูกชายที่คอยแต่จะบูดบึ้งเมื่อเธอพูดจาให้อีกฝ่ายได้ขบคิด
“ไอ้เขาที่ว่าเนี้ย...แม่หมายถึง ชเว ซีวอนงั้นหรอ?” เขาส่งสายตาพยักพเยิดไปยังคนที่นั่งหลับคอพับอยู่บนโซฟาขนาดเล็กใกล้ๆ ตั้งแต่บินมาที่ฮ่องกงพวกเขาก็ยังไม่ได้ไปหาที่พัก...ที่แรกที่โจ คยูฮยอนดิ่งมาก็คือโรงพยาบาลเอกชนกลางเมืองฮ่องกงที่มารดาทำงานอยู่ สภาพของคนตัวโตถึงจะลั้ลลาทักทายแม่ของเขาได้ไม่ถึงสิบนาที ก็สลบหลับคาโซฟาราวกับร่างกายถูกปิดสวิตซ์โดยอัตโนมัติ
“ก็ใช่น่ะสิจ้ะ...พ่อหนุ่มคนนี้น่ะ น่ารักดีนะ...” คยูฮยอนช้อนสายตามองผู้เป็นแม่อย่างเคืองๆ กลีบปากอิ่มยู่เข้าหากันเล็กน้อย แทบอยากจะพ่นเสียงเหอะออกมาให้รู้แล้วรู้รอด เชื่อเขาเลยว่า ชเว ซีวอนยังไม่ทันจะทำอะไร แม่ของเขาก็ออกอาการว่าจะเข้าข้างหมอนี่เข้าซะแล้ว...ให้ตายเถอะหน่า แม่ของเขาก็เป็นไปอีกคน!
“แม่อย่าไปหลงคารมหมอนั่นเชียวนะ หมอนี่นะร้ายกาจออกจะตายไป”
“ลูกของแม่ก็ร้ายกาจ...” มือบางยกขึ้นคีบปลายจมูกรั้นของลูกชายอย่างหมั่นเขี้ยว คยูฮยอนย่นจมูกเมื่อคุณแม่คนสวยเอาแต่หัวเราะในท่าทีของเขาไม่หยุดหย่อน กระนั้นนายแบบหน้าแมวที่ปากเก่งกับใครต่อใครก็ทำได้แค่เพียงกอดกระชับร่างบางของผู้เป็นแม่
“แม่เข้าข้างหมอนั่น”
“แต่แม่ว่าซีวอนเขาก็เหมือนเทพบุตรดีนะ...” นั่นไงล่ะ...ไม่ทันจะขาดคำ -..-
“แม่ครับ...เทพบุตรไม่มีหรอกบนโลกแห่งความเป็นจริงน่ะ ถึงจะหล่อประหนึ่งพระเจ้ารังสรรค์มายังไง ที่แท้ก็แค่อีวิลตัวร้าย ปากหมาดีๆ นี่เอง...” ดูเหมือนการที่แม่พูดชม ชเว ซีวอน อย่างออกนอกหน้าจะทำให้ติ่งความหมั่นไส้ในตัวผู้ชายคนนี้มันแตกกระจายล่ะมั้ง คยูฮยอนถึงบ่นพึมพำนินทาไอ้คนที่หลับไม่รู้เรื่องอย่างไม่ขาดสาย และก็เป็นอีกครั้งที่มือบางของแม่เลื่อนขึ้นมาคีบที่ปลายจมูกหากครั้งนี้กลับใช้แรงมากกว่าเมื่อครู่ ซ้ำมือนิ่มๆ ของแม่ยังเลื่อนขึ้นมาตีหน้าผากของเขาเบาๆ อีกต่างหาก...นั่นไงล่ะ สัญญาณว่าแม่กำลังจะแปรพรรค!!
“ปากร้ายจังเลยนะเรา...”
“ก็ผมไม่ใช่พยาบาลเหมือนแม่หนิครับ ที่จะต้องพูดจานิ่มๆ กับทุกคนน่ะ...”
“ยอกย้อนแม่อีกแล้วนะ” คยูฮยอนกระพริบตามองใบหน้าของผู้เป็นแม่พลางย่นจมูกหนีเรียวมือที่ดีดปลายจมูกของเขาอีกครั้งและอีกครั้ง แม่ของเขาน่ะเวลานึกหมั่นเขี้ยวกัน ไม่เคยจะทำอะไรได้หรอกนอกจากดีดปลายจมูกบ้างล่ะ คีบปลายจมูกบ้างล่ะ...น่าคิดเหมือนกันนะว่าถ้าหากจมูกที่ได้มาไม่ใช่ธรรมชาติของคุณแม่คนสวย ป่านนี้เขาคงได้วิ่งแจ้นไปหาหมอศัลยกรรมให้ยัดเจ้าซิลิโคนใหม่ไปแล้วล่ะ
“ขอโทษนะคยูฮยอน อาของยืมตัวคุณแม่เราหน่อยนะ” เสียงทุ้มกังวานที่ดังลอดมาจากหน้าประตูห้องทำให้สองแม่ลูกจำหันไปสบตากับชายในชุดกาวน์สีขาวสะอาด ใบหน้านิ่งขรึมภายใต้กรอบแว่นระบายยิ้มเล็กน้อย ร่างสูงของคุณหมอ คิม ยองฮวา ไม่ได้ก้าวเข้ามาในห้องหากเพียงแค่หยุดยืนอยู่ที่กรอบประตูเพียงเพราะยังไม่อยากข้ามเส้นความเป็นส่วนตัวของแม่ลูกที่เพิ่งได้พบกันในรอบหลายเดือน
“เชิญเลยครับคุณอาหมอ...แม่กำลังจะดุผมพอดี!” คยูฮยอนหันไปส่งยิ้มให้กับนายแพทย์ใหญ่ประจำโรงพยาบาลใจกลางเมืองฮ่องกง ผู้ชายคนนี้แหละที่คอยดูแลเอาใจใส่แม่ของเขามาตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา อันที่จริงคุณหมอยองฮวาอยู่ในฐานะพ่อของเขาอีกคน... ถึงจะไม่ค่อยสนิทกันมากนักเพราะในช่วงแรกเริ่มเขาออกจะแอนตี้ที่แม่คิดจะแต่งงานใหม่และทั้งเขายังเรียนอยู่ในระดับมหาลัยฯแล้ว จึงยากที่จะเอาใจไปผูกกับพ่อคนใหม่ แต่จนแล้วจนรอดเขากลับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่แม่มีใครสักคนมาดูแลโดยไม่ต้องเจ็บปวดจากครอบครัวเดิมอีก...
“ถ้าอย่างนั้นคุณเฮยอน ช่วยมาตรวจคนไข้ที่แผนกอายุรกรรมกับผมทีนะครับ...”
ดวงตาคู่โตทอดสายตามองมารดาและคุณอาหมอเดินออกจากห้องพร้อมกับที่เขาโบกมือและส่งยิ้มอ้อล้อให้กับคนทั้งคู่ จวบจนเมื่อประตูห้องทำงานของผู้เป็นแม่ปิดสนิท คยูฮยอนถึงได้ตวัดสายตามองร่างสูงใหญ่ของใครอีกคนที่เอาแต่หลับอุตุไม่รู้เรื่องรู้ราว นายแบบหนุ่มทิ้งตัวนั่งลงยังปลายโซฟาที่เล็กลงอย่างถนัดตาเมื่อมีผู้ชายตัวโตนอนขดมาได้เกือบสองชั่วโมงเศษ ก่อนเขาจะเอนกายนอนลงข้างๆ ช่างภาพตัวดี...และดูเหมือนไอ้การที่เขาวางใจว่าชเว ซีวอนกำลังหลับสนิทกลับทำให้โจ คยูฮยอนก้าวพลาดครั้งใหญ่หลวง!
“เบบี๋ครับ...”
ดวงตาสีชาเปิดขึ้นมองใบหน้าของเขาพลางขยับปลายจมูกเข้ามาแนบลงที่ข้างขมับ แขนข้างขวาที่ยังคงใส่เฝือกแต่กลับมีประสิทธิภาพทัดเทียมแขนซ้ายวาดขึ้นโอบร่างของเขา คยูฮยอนขมวดคิ้วตึงเมื่อไอ้คนที่ทำเป็นหลับสนิททำหน้าตายใส่เขาซ้ำยังจงใจเลื้อยมือไปทั่ว ก่อนมือใหญ่จะมาหยุดอยู่ที่กลีบปากล่าง นิ้วหัวแม่มือไล่เกลี่ยปากของเขาอยู่เป็นพักก่อนใบหน้าหล่อจัดจะเคลื่อนมาใกล้เสียจนลมหายใจสะดุด...
อย่างว่าล่ะนะ...ชเว ซีวอน ทำอะไรก็ไม่เคยน่าไว้วางใจเลยสักนิด
“อื้อ! อะไรของนาย!!!” คยูฮยอนหดคอหนีเรียวปากที่แทบจะแนบลงมาอยู่แล้วเชียวถ้าเขาไม่คิดจะป้องกันตัวโดยการยกมือขึ้นดันปลายคางของคนขี้แกล้งซะก่อน ช่างภาพปากปีจอย่นจมูกใส่เขาพลางเบ้ปากประหนึ่งว่าพี่ท่านจะงอนเขายังไงยังงั้น...โอ๋ ชเว ซีวอน ไม่มีผู้ชายตัวโตที่ไหนทำหน้างอแงแล้วโมเอ้ทุกคนหรอกนะ...
“อยากจูบอ่ะ”
“นายแอบจูบฉันบนเครื่องบินไปแล้ว!”
“อ้าวเบบี๋รู้ตัวหรอเนี่ย...” เหนื่อยใจจะพูดจากับคนๆ นี้เสียจริง...นายแบบหน้าแมวพรูลมหายใจเฮือกใหญ่พลางตวัดตามองใบหน้าหล่อร้ายที่เอาแต่ยิ้ม(กวนตีน) ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นลูบแก้มข้างที่มีรอยฝ่ามือที่จางลงบ้างเล็กน้อย... ถ้าจะบอกว่าเวลาไหนที่ชเว ซีวอนดูเป็นผู้เป็นคนมากที่สุด ก็คงเป็นเวลาที่หมอนี่ไม่ทำสีหน้ายียวนให้ปวดหัวล่ะมั้ง แล้วไหนจะฝ่ามืออุ่นที่เลื่อนมากอบกุมมือของเขานั่นแหละ มันทำให้อะไรๆ ก็ดูไม่ค่อยจะขวางหูขวางตาเท่าไหร่
“แกล้งหลับเพื่อแอบฟังฉันคุยกับแม่ล่ะสิ”
“เปล่าแกล้งนะคุณ ผมแค่บังเอิญตื่นขึ้นมาได้ยินเท่านั้นเอง อีกอย่างถ้าไม่รีบตื่นขึ้นมา ผมจะได้ยินคุณแอบนินทาผมหรือครับ?” เขาหรี่ตามองใบหน้าทะเล้นที่จงใจขยับเข้ามาชิดกันเสียจนปลายจมูกแตะกันอย่างช่วยไม่ได้ นั่นไงล่ะ! บอกแล้วว่าคนอย่าง ชเว ซีวอน ไว้ใจไม่เคยได้... นี่แค่ทำสีหน้าจ้องจับผิด หมอนี่ก็มาทำเป็นเนียนถึงเนื้อถึงตัวเขาได้ตลอด
“เหรอ...”
“ถ้าไม่เชื่อ... ผมให้คุณจูบเลยอ่ะ ผมเสียเปรียบคุณนะครับเนี่ย~”
“ได้คืบจะเอาศอก!!”
“แม่คุณเนี่ย... สวยจังเลยเนอะแถมยังเป็นพยาบาลอีกต่างหาก...พูดจานุ่มนิ่ม เสียงหว๊านหวาน ไม่เหมือนคุณ...เอาแต่แหกปากใส่ผม” ปากอิ่มอ้าพะงาบๆ คิดหาเสียงตัวเองอยู่นานสองนาน ดวงตาแวววาวคล้ายแมวถลึงมองเอาเรื่อง พลางมือบางก็ยกขึ้นบีบสันจมูกโด่งเต็มแรงด้วยเพราะอารมณ์โทสะล้วนๆ คยูฮยอนล่ะหมั่นไส้จริงเชียว เวลาชเว ซีวอนทำเป็นลอยหน้าลอยตายอมให้เขาได้ลงไม้ลงมือประทุษร้ายโดยไม่โต้ตอบกันเนี่ย!
“ชเว ซีวอน! กลับเกาหลีไปเลยไป๊!!!”
“ไม่เอาอ่ะ ผมมาพรีฮันนีมูนกับคุณนะ ไม่กลับง่ายๆ หรอก”
“เวรสิ”
“พูดจาไม่เพราะเลยอ่ะ เบบี๋~”
“โอ้ย!! เวรกรรมอะไรมันนำพาให้ฉันมารู้จักกับนายกัน!”
“ไม่ใช่เวรกรรมนะครับเบบี๋ แบบนี้เขาเรียกว่า... บุญพาวาสนาส่งต่างหาก >w<”
(¯(∞)¯)
โมเดลที่ดูดีที่สุดในสายตาของ ชเว ซีวอน ไม่ว่าจะมองมุมใดก็ดูน่ารักน่าชังไปเสียหมด...ยิ่งชุดแต่งกายลำลองสบายๆ ไม่ดูจัดจ้านจนเกินไปดูรับกับฉากหลังที่เป็นตึกรามบ้านช่องศิลปะตะวันตกผสมผสานกันอย่างลงตัวกับศิลปะตะวันออก ตึกสีสดมากมายที่เรียงตัวเป็นทางยาวดูสงบเงียบไม่พลุกพล่านอย่างที่เขาคาดไว้ในทีแรกเมื่อต้องมาเที่ยวเตร่กลางเมืองฮ่องกง ร่างโปร่งของนายแบบหน้าแมวค่อยๆ ก้าวย่างไปตามทางเดินสีอิฐ แผ่นหลังบางที่ดูภายนอกดูเปราะบางหากแท้จริง...คนๆ นี้กลับไม่ได้อ่อนแอดังที่คิด...ชเว ซีวอน อมยิ้มให้กับภาพศิลปะที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาโดยบังเอิญพลางยกกล้องโปรราคาแพงขึ้นจับโฟกัส(ถึงจะลำบากเพราะเฝือกเจ้ากรรมก็เถอะ)
“คุณครับ...”
เขาเอ่ยเรียกคนตัวบาง แน่นอนว่าสิ่งที่เขาคิดก็คือการที่ โจ คยูฮยอนไม่ยอมหันหน้ากลับมา คนหัวดื้อเพียงแค่ชะงักเท้าเล็กน้อยก่อนจะก้าวเดินต่อไปราวกับไม่ได้ยินเสียงเรียกเมื่อครู่...ก็อย่างที่เข้าใจ คยูฮยอนไม่เหมือนคนอื่น...เกราะกำบังบางๆ ทำให้คยูฮยอนกันตัวเองออกจากสังคมที่อันตราย สังคมที่มีเพียงการตัดสินกันแต่ภายนอก...จนมันอาจติดเป็นนิสัยที่ไม่ชอบเชื่อฟังใคร โมเดลของเขาสะท้อนภาพความเป็นตัวตนที่แท้จริงออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ...เขาแค่คิดเล่นๆ ว่าบางทีตัวตนของคยูฮยอนน่ะ อาจแทบจะไม่แสดงให้ใครเห็น...แต่บังเอิญว่าช่างภาพอย่างเขากลับสามารถมองมันออกได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
“แอบถ่ายรูปฉัน...ก็เสียค่าจ้างมาด้วยสิ”
“ไม่มีอ่ะ...มีแต่หัวใจ เอาเปล่า?” ช่างภาพหนุ่มยังไม่หมดกำลังใจที่จะเอ่ยแซวคนปากดีให้ใบหน้าขาวๆ นั่นซับสีขึ้นมาอย่างน่ารัก เรียวปากอิ่มที่อ้าขึ้นเหมือนจะเถียงเขาบวกกับดวงตาคู่โตที่เบิกขึ้นเล็กน้อยอดไม่ได้ที่เขาจะยกกล้องจับภาพความน่าชังไว้เป็นที่ระลึกอีกสักภาพ
“ชเว ซีวอน!”
โจ คยูฮยอนแค่นเสียงเรียกชื่อเขาเต็มเสียง ชายหนุ่มระบายยิ้มกว้างเมื่อร่างโปร่งสาวเท้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า ใบหน้าขาวเชิดปลายคางขึ้นนิดหน่อยพลางเจ้าตัวก็กอดอกฉับเมื่อเขาหลุดเสียงหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้...ให้ตายเถอะ นายแบบหน้าแมวจะรู้ไหมนะ ว่าไอ้ท่าทางแบบนี้มันน่าหมั่นเขี้ยวนักในสายตาของ ชเว ซีวอน เขายกมือขึ้นคีบปลายจมูกรั้นเมื่ออีกฝ่ายพ่นเสียงเหอะใส่หน้ากัน ผลก็คือ...การที่นิ้วเรียวยื่นมาบีบสันจมูกของเขาเสียจนต้อง(แสร้งสำออย)ร้องโอดครวญ
“โอ้ย~ เบบี๋รุนแรง~”
“มันน่ามั้ยล่ะนายน่ะ!”
“ผมจริงจังกับคุณนะ” ช่างภาพหนุ่มปล่อยหมัดฮุคเมื่อได้ที...และเขาก็เห็นนะว่าดวงตากลมโตแอบกระตุกวูบไปตั้งหนึ่งวิแน่ะ!
“ฉันจะเป็นคนตัดสินเอง...ว่านายมันจริงจังกับฉันแค่ไหน!”
นั่นไงล่ะ...โจ คยูฮยอนก็ชอบวางฟอร์มใส่เขาอยู่เรื่อย~
ตลอดวันทั้งวัน เขาทำได้เพียงเดินตามนายแบบหน้าแมวสาวเท้าเอื่อยๆ ชมเมืองฮ่องกงโดยที่เขาก็เก็บภาพความเป็นธรรมชาติของคนๆ นี้จนเพลินไปเลยล่ะ เดินไปเรื่อยๆ อย่างไรจุดหมาย... มองโมเดลน่าชังที่เอาแต่หยิ่งไม่ยอมหันมายิ้มให้กล้องดีๆ สักที...จนเมื่อสุดท้ายแล้วกล้องของเขากลับถูกคนน่ารักฉกฉวยเอาไปอยู่ในมือ...และใช้เครื่องมือทำมาหากินของเขาถ่ายเจ้าของกล้องกลับบ้าง...ฟังดูตลกดีเหมือนกันที่นายแบบลุกขึ้นมาจับกล้องเพื่อปรับเปลี่ยนบทบาทกับช่างภาพระดับโปรอย่างเขาน่ะ
“เก็กหน้าหน่อยดิ”
โจ คยูฮยอนออกคำสั่งประหนึ่งเขาเป็นลูกก๊อกไม่รู้งาน...เขาพิงหลังเข้ากับผนังที่ถูกแต่งแต้มด้วยศิลปะพ่นสเปรย์หลากสี พลางเอื้อมมือไปหยิบแว่นกันแดดที่ห้อยอยู่บนอกเสื้อของนายแบบหน้าแมวมาใส่ซะเอง ชเว ซีวอนยืดอกมั่นใจเลยล่ะว่าหน้าอย่างเขาก็สามารถเป็นนายแบบที่ super hot ได้ไม่แพ้ใครเหมือนกัน เผลอๆ มาตรฐานอย่างเขาอาจดีกว่านายแบบแถวๆ นี้ก็เป็นได้ล่ะนะ
“ผมว่าเราน่าจะถ่ายแบบด้วยกันสักงาน ก็คงจะดีนะครับ” เขาว่าพลางมองลอดแว่นกันแดดสีชาเพื่อจ้องมองใบหน้าหวานที่เอาแต่ตีคิ้วยุ่งเหยิง ชายหนุ่มหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยเมื่อมือเรียวยกกล้องขึ้นมาจับโฟกัสใกล้ใบหน้าเขาเสียจนเลนส์กล้องเกือบกระแทกหน้ากันอยู่รอมร่อ
“เป็นความคิดที่แย่มาก”
“ถ้าจะถ่ายผมใกล้แบบนี้ คุณมาถ่ายกับผมเลยดีกว่า...”
ช่างภาพไม่ได้ทำให้คำพูดของเขาเป็นเพียงคำพูดที่ลอยเข้าหูกันเปล่าๆ เขาฉุดมือบางให้เซถลามาใกล้ก่อนจะพลิกร่างโปร่งให้ขยับกายเข้ามาอยู่กลางหว่างขา แขนที่มีเฝือกเป็นไอเท็มหลักเลื่อนมาวางแหมะไว้ที่ช่วงเอวบางพลางบังคับเรียวมือขาวที่ยังคงจับกล้องของเขาให้ขึ้นมาอยู่ในระดับเหนือสายตายืดแขนที่ถือกล้องออกไปจนสุดแขน ไม่ลืมที่จะเลื่อนปลายคางมาวางไว้ที่หัวไหล่ของคนที่ไม่ทันจะรู้ตัวว่าถูกเล่นงาน ก่อนซีวอนจะกดชัตเตอร์เมื่อองค์ประกอบทุกอย่างที่เขาจงใจวางไว้ลงตัว
น่าแปลกที่โจ คยูฮยอนไม่ดิ้นเลยสักนิด ซ้ำยังอมยิ้มโมเอ้ใส่กล้องลูกรักของเขาอีกต่างหาก
ให้ตายเถอะ...บางทีชเว ซีวอนก็อยากเกิดเป็นเลนส์กล้องดูสักครั้ง TTTvTTT
“!!!!....หื้ม?”
แต่ใครจะรู้ว่าการที่เกิดเป็น ชเว ซีวอน แม่งก็โคตรจะดีมากก็ตอนที่จู่ๆ โจ คยูฮยอนกลับผินหน้ามาหาเขาซ้ำยังเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ กลีบปากนิ่มๆ แตะที่เรียวปากของเขาเล็กน้อยก่อนมือบางจะเลื่อนขึ้นมากดชัตเตอร์ซ้ำในช่วงเวลาที่พวกเขาแนบจูบกันอย่างอ้อยอิ่ง
กลับเกาหลีเมื่อไหร่ล่ะก็...เขาจะเอารูปนี้ไปขยายติดให้เต็มโมเดอร์ลิ่งเลย!!!
บ้านหลังโตของนายแพทย์ใหญ่ประจำโรงพยาบาลเอกชนกลายเป็นที่ๆ ชเว ซีวอนมองว่าเป็นสถานที่ที่ดูอบอุ่นขึ้นมาทันทีเมื่อยามที่เขามองภาพนายแบบปากแข็งออดอ้อนหญิงสาวผู้เป็นมารดาด้วยท่าทีที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน มุมมองของคยูฮยอนที่เขาได้เห็นมันแตกต่างจากเมื่อครั้งที่เขาได้รู้จักคนๆ นี้เมื่อยามแรกเจออย่างสิ้นเชิง...เขาอมยิ้มให้กับอาการงอแงที่คยูฮยอนแสดงออกต่อคุณน้าเฮยอนยามที่ทั้งคู่ช่วยกันทำอาหารอยู่ในห้องครัว ก่อนเขาจะรู้สึกถึงสายตาของนายแพทย์เจ้าของบ้านที่ทอดมองมาอย่างรักษามาด
“ขอโทษนะพ่อหนุ่ม...บางทีอาอาจเข้าขัดช่วงเวลาความสุขของคุณน่ะนะ”
“เปล่าหรอกครับคุณอาหมอ”
นายแพทย์ยองฮวาเดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะอาหารที่เยื้องออกมาจากห้องครัวเล็กน้อยพลางส่งสายตาเป็นเชิงอนุญาตให้ช่างภาพหนุ่มได้นั่งลงบ้าง บอกได้เลยว่า ชเว ซีวอนที่ค่อนข้างจะมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับทุกๆ วัยกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มที่วาดผ่านใบหน้าของเขามันดูเกร็งและเก้อพิลึก ชายวัยกลางคนที่ทอดสายตามองเขาผ่านกรอบแว่นสีดำอดไม่ได้ที่ซีวอนหมดซึ่งคำพูดจะเจรจาตามประสาคนช่างพูดจนเป็นฝ่ายตรงข้ามเสียเองที่เปิดปากเริ่มบทสนทนาอีกครั้ง
“ตามคยูฮยอนมาถึงฮ่องกงขนาดนี้...คงไม่ใช่เพื่อนธรรมดาๆ สินะ”
“อันที่จริง...ผมก็รอตำแหน่งคนดูแลพิเศษจากคยูฮยอนนั่นแหละครับ” ชายหนุ่มยกมือ(ข้างที่ติดเฝือกเสียด้วย)ขึ้นเกาท้ายทอยแก้อาการเก้อเขิน เสียงหัวเราะเบาๆ จากนายแพทย์ผู้เคร่งขรึมสามารถทำให้ช่างภาพหนุ่มกลับยิ่งรู้สึกเหมือนโดน(ว่าที่)คุณพ่อตาจ้องจับผิดเข้าไปใหญ่
“จีบยังไม่ติดล่ะสิ” ยิ่งคำถามตรงประเด็นสุดๆ!! ดูเหมือนนายแพทย์ใหญ่ที่ดูนิ่งสุขุมจะมีความคิดทันสมัยอยู่ไม่น้อย...เขาคิดพลางระบายยิ้มเผล่
“ประมาณนั้นแหละครับ คยูฮยอนเขาค่อนข้างฮาร์ดคอร์นิดหน่อย”
“ช่วงแรกๆ คยูฮยอนก็เฉยชากับอาเหมือนกัน...ตอนที่อาแต่งงานกับคุณแม่ของเขาใหม่ๆ ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังย้ายมาประจำที่โรงพยาบาลในฮ่องกง แต่สักพัก...คยูฮยอนเขาก็จะเข้าใจเองว่าอาน่ะมีจุดประสงค์ที่ดีที่รักและอยากจะดูแลคุณแม่ของเขารวมถึงตัวคยูฮยอนด้วย ฉะนั้นแม้จะต้องอาศัยเวลาให้คยูฮยอนเปิดใจนานสักหน่อย แต่พ่อหนุ่มจะเข้าใจเองว่าผลของการรอมันคุ้มค่ามากทีเดียวล่ะ”
“ผมว่าตอนนี้ คยูฮยอนก็คงรักคุณอาหมอเหมือนเป็นพ่อของเขาคนหนึ่งแล้วล่ะครับ ผมเชื่อว่าอย่างนั้น...”
“หนิ! อย่าเที่ยวมาตีสนิมกับคุณอาหมอเพราะจุดประสงค์บ้าๆ ของนายเชียวนะ”
ไม่ทันจะขาดคำ...จานอาหารใบใหญ่ก็วางแปะลงที่ศีรษะของเขาก่อนเจ้าของใบหน้าหวานจะวางมันลงบนโต๊ะอาหารเบื้องหน้า ร่างโปร่งย้ายตัวเองมานั่งลง ณ เก้าอี้ตำแหน่งตรงข้ามเขา อาหารที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะโดยฝีมือของคุณน้าเฮยอนไม่ได้ทำให้เขาละสายตาจากดวงตาคล้ายแมวเลยสักนิด ช่างภาพหนุ่มเลิกคิ้วให้กับคนน่ารักเล็กน้อยก่อนจะส่งสายตาพยักพเยิดไปยังนายแพทย์ผู้เป็นเจ้าบ้าน
“คุณอาหมอเขาเข้าข้างคุณอยู่แล้วล่ะครับ...ไม่ต้องห่วงไปหรอก แต่คุณอาหมอท่านบอกว่า... จะจีบคุณต้องอดทนสักหน่อย”
“คุณอาหมอ~” อีกแล้ว...คนน่ารักหันไปทำหน้าโมเอ้ใส่ทั้งคุณอาหมอก่อนจะหันมามุ่ยหน้าใส่คุณแม่คนสวยที่หลุดเสียงหัวเราะอ้อล้อ...
ให้ตายเถอะ!!! ก็เพราะน่ารักอย่างนี้ ถ้าไม่ให้เขารักเขาหลงแล้วจะให้เขาไปรักใครที่ไหนล่ะเนี่ย ~
“หาอะไรทำแก้ง่วงไหมคุณ...”
“ - -…”
โจ คยูฮยอนหรี่ตามองใบหน้าหล่อร้ายที่จงใจยื่นเข้ามาใกล้ๆ ขณะที่เขากำลังยืนรับลมอยู่ที่ระเบียงนอกห้องนอน... อันที่จริงเขาก็ไม่ได้ไว้ใจคุณช่างภาพปากปีจอถึงขั้นกล้าร่วมห้องนอนกัน แต่เพราะเขามั่นใจยังไงล่ะว่าถ้าไม่มีแอลกอฮอล์มาเอี่ยวเหมือนคราวที่แล้ว เขาก็ไม่มีทางจะเสียจิ้น(?)ให้หมอนี่รอบสองเป็นแน่
นายแบบหน้าแมวตวัดดวงตามองโครงหน้าคมคายเล็กน้อยก่อนจะยกเรียวมือขึ้นตบเข้าที่สันจมูกโด่งให้หายหมั่นไส้ ชเว ซีวอนย่นจมูกใส่เขาทั้งยังเหลือกตาโตเมื่อเขาทำท่าจะใช้มือตบเข้าที่สันจมูกอีกสักรอบ เป็นผลให้ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นปิดใบหน้า(ที่ทะนงเหลือเกินว่าหล่อนักหล่อหนา) สุดท้ายเขาก็ทำได้เพียงลดมือลงพลางชกเบาๆ ที่หัวไหล่เสียแทน
“พี่กาฮีโทร.บอกว่า ถ้าคุณอยากจะพักผ่อนก็เต็มที่...ไม่มีปัญหา จะอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้ เจ๊แกเข้าใจ อีกอย่างผมก็อยากอยู่กับคุณต่อด้วย...” ชเว ซีวอนแหวกนิ้วที่ปิดอยู่บนใบหน้ากวนๆ ออกทีละนิ้วพลางระบายยิ้มแหยๆ เมื่อพูดประโยคนั่นจบ
“...งั้นพรุ่งนี้เรากลับกันเลยดีกว่า”
“ได้ไงอ่ะคุณ...คุณอยู่ที่นี่ไม่ถึงอาทิตย์เลยนะ ไม่อยากอยู่กับแม่คุณนานๆ หรอ?” หมอนั่นร้องถามกันยกใหญ่เมื่อเขาพูดออกไปแบบนั้น เจ้าของใบหน้าหวานทำได้เพียงหลุดหัวเราะออกมานิดหน่อยครั้นได้มองเห็นช่างภาพตัวดีทำสีหน้าตกใจเสียเต็มประดา...อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย เขาน่ะรู้อยู่หรอกนะว่าจุดประสงค์ของชเว ซีวอนไม่ได้มีแค่อยากจะให้เขาอยู่กับแม่นานๆ แต่คิดจะต้อนกันให้จนมุม...แล้วตะครุบเหยื่ออย่างเขาต่างหากล่ะ!
“นายอ้าปากฉันก็เห็นลิ้นไก่แล้ว...จุดประสงค์นายคืออะไร...อย่าคิดว่าฉันไม่รู้”
“ผมแค่อยากใกล้ชิดครอบครัวของคุณต่างหาก...จริงๆ นะ เชื่อกันหน่อยดิ~”
“เชื่อตายล่ะ!” ชเว ซีวอนส่งยิ้มแกนๆ มาให้เขา ก่อนใบหน้าที่คยูฮยอนมองยังไงก็หล่อร้ายเสียจนยากจะรับมือก็แสร้งขมวดคิ้วตึงใส่เขา จู่ๆ รูปหน้าสลักกลับถมึงทึงขึ้นมาได้อย่างน่าขำ ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาประชิดตัวยังผลให้สะโพกของเขาอิงกับราวระเบียง มุมปากที่ว่าประดับไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เจ้ากล
“ไม่เชื่อกันใช่ไหม? สงสัยต้อง....รุนแรง~”
มือใหญ่เอื้อมมาฉุดข้อมือด้วยพลังกำลังที่ดูเหมือนจะมีมากจนผิดวิสัย แน่นอนว่าคนอย่างโจ คยูฮยอนต้องขืนตัวไว้กับราวระเบียง หากท้ายที่สุดชเว ซีวอนกลับช้อนร่างของเขาขึ้นจากพื้นได้อย่างไม่มีปัญหา(ได้ข่าวว่าแขนหักอยู่ไม่ใช่หรือไง) ไอ้ครั้นจะอ้าปากร้องตะโกนหมอนั่นกลับพูดโดยไม่มีเสียงด้วยถ้อยคำข่มขู่กันอย่างเห็นได้ชัด และถึงแม้ไอ้ช่างภาพตัวดีจะไม่พูดออกเสียง...เขาก็เข้าใจดีว่าคนอย่างหมอนี่ต้องการจะสื่ออะไร
...แม่คุณคงจะดีใจเนอะ ถ้าเข้ามาเห็นเรากำลัง จุด จุด จุด กัน
“ปล่อย!” เขาเค้นเสียงลอดไรฟัน...คิ้วเข้มๆ เลิกขึ้นเล็กน้อยก่อนเจ้าของใบหน้ารูปสลักจะระบายยิ้มกวนประสาท หมอนั่นไหวไหล่นิดๆ พลางหยุดฝีเท้าอยู่ที่ปลายเตียง
“โอเค...ผมตามใจเบบี๋อยู่แล้ว”
ตุ้บ!!!
ไอ้ตามใจที่ว่า...คือการที่เขาถูกปล่อยให้หล่นตุ้บลงบนเตียงอย่างนั้นสินะ แบบนี้มันเข้าล็อคนายเองไม่ใช่หรือไง... คยูฮยอนก่นด่าคนตัวโตไปถึงโคตรเหง้าศักราช รู้ตัวอีกทีเขาก็โดนฝ่ามือใหญ่ดันไหล่ให้แนบลงกับที่นอนโดยที่ไม่มีโอกาสได้ป้องกันตัวเลยสักนิด จะให้เชื่อดีไหมล่ะ ว่าเขาน่ะเป็นมนุษย์ที่ร่างกายครบ 32 แต่กับอีกคนที่เล่นมีเฝือกเป็นไอเท็ม...ทำไมถึงได้ดูเอาเปรียบกันซึ่งๆ หน้าแบบนี้นะ!
“แน่ใจนะว่านายแขนหักจริงๆ” คยูฮยอนกดน้ำเสียงถามอีกฝ่ายกลับพลางถลึงตามองเพื่อเค้นความจริงจากปากคนชอบเฉไฉ อีกครั้งและอีกครั้งที่หมอนั่นใช้ลิ้นดันกระพุงแก้มก่อนจะกดยิ้มมุมปากราวกับถือไพ่เหนือเขาอยู่หลายแต้ม
“ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าผมแขนหักเพราะใคร...”
“เหอะ”
“ผมแค่จะเรียกร้องความเป็นธรรมจากคุณ...ไม่ได้หรือครับ เบบี๋~”
ความเป็นธรรมของชเว ซีวอน ที่ไม่เคยยุติธรรมแก่โจ คยูฮยอนน่ะสิ!!!
นิสัยไม่ดี
หื่นกาม
โรคจิต
ปากหมา
ลามปาม
หมึกปากกาสีแดงแต่งแต้มลงบนเฝือกสีขาวด้วยถ้อยคำค่อนข้างจะฮาร์ดคอร์จนเจ้าของเฝือกยังต้องมุ่ยหน้า...ซ้ำคนเขียนยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดที่จะบัญญัติศัพท์แปลกประหลาดลงบนแขนขวาของช่างภาพนามว่า ชเว ซีวอน ประหนึ่งจะด่ากันทางอ้อม...แหงล่ะ โจ คยูฮยอนที่แท้ก็แค่ลูกแมวตัวขาวที่ทำอะไรเจ้าของอย่างเขาไม่ได้นอกจากการขู่ฟ่อๆ หรือใช้กรงเล็บแกล้งข่วนให้เจ็บแสบกันนิดๆ ตั้งแต่กลับมาจากฮ่องกง...ดูเหมือนความสัมพันธ์ของพวกเขาจะถูกจัดอยู่ในระดับที่เรียกว่า...โคตรจะน่าพอใจ!! ไอ้คนอย่างพี่หล่อซีวอน ก็ไม่ได้อยากจะอวดอะไร...แต่การที่นายแบบหน้าตาน่าหยิกที่นั่งตักเขาอยู่ตรงนี้ จับแขนของเขามาวางบนหน้าขาตัวเองแบบนี้ นั่งระบายยิ้มเขียนข้อความขยุกขยิกอยู่ตรงนี้...ประกอบข้อความสุดท้ายที่เขียนลงบนเฝือกมันทำให้หัวใจของเขามันพองตัวจนคับโมเดอร์ลิ่งไปหมด!
...มีแฟนเหี้ย ต้องทำใจ ;P
ยอมเหี้ยในสายตากันเลยก็ได้ ถ้าได้คนน่ารักแบบนี้มาเป็นแฟนอ่ะ!!
“ตั้งแต่กลับมาจากฮ่องกง...รู้สึกจะแปลกไปนะ...แสดงว่า~ มีอะไรซัมติ่งๆ ใช่ไหม?” คนที่สามารถอ้าปากแซวคนบนตักเขาได้โดยไม่เกรงกลัว และโจ คยูฮยอนไม่สามารถโต้ตอบได้ก็คงเป็น ชเว กาฮี พี่สาวคนสวยเลเวลขั้นเทพของอาร์ตตัวแม่นั่นแหละ เจ้าหล่อนระบายยิ้มขบขันก่อนร่างระหงจะเดินมาทิ้งกายนั่งลง ณ เก้าอี้โต๊ะทำงานที่ห่างจากโซฟาที่พวกเขานั่งออกไปนิดหน่อย
“จุด จุด จุด กันแล้วหนิเจ๊~”
“หุบปาก!” แน่ะ! พอเขาพูดความจริง...ทำมาเป็นรับไม่ได้ น่าจับมาตีก้นจริงๆ -..-
“อะไรอ่ะเบบี๋...คนได้กันแล้วไม่พูดกันแบบนี้นะ~”
“นี่ๆ จะทะเลาะกัน หรือจะทำอะไรกัน...ก็ข้างนอกนะจ้ะ นี่มันห้องทำงานของพี่ เข้าใจนะ เด็กๆ ^^”
“พี่กาฮี...ก็น้องพี่มันเชี่ยอ่ะ” คนหน้าหวานพูดจาอย่างกับเขาทำอะไรผิดร้ายแรงหนักหนา ซ้ำยังไม่ทันจะได้เถียงหรือแก้ตัวอะไร ฝ่ามืออรหันต์ก็ฟาดลงกลางอกจังๆ ให้ตายเถอะ... เกิดเป็น ชเว ซีวอน ช่างลำบากแน่แท้!
อั่ก!!
“ลงไม้ลงมือตลอดๆ เป็นแฟนกันแล้วรุนแรงตลอดๆ ปั๊ดจับปล้ำให้ลืมเดือนลืมตะวัน!!!”
“อย่ามาเหี้ยแถวนี้!!!”
“โฮว!! แรงงงงงงงงงงงงงงงงง TT^TT”
นายแบบหน้าแมวลุกพรวดขึ้นจากหน้าตักของเขาก่อนจะสาวเท้าออกจากห้องทำงานของพี่กาฮีไปเสียเฉยๆ ช่างภาพหนุ่มได้แต่เอามือกุมอกที่เพิ่งถูกคนน่ารักตะปบ ขอบอกว่าข้างที่มีหัวใจเต้นตุ้บๆ เสียด้วย...ฮั่นแน่! แถวบ้านพี่ชเว...เขาเรียกว่าเขินแล้วกลบเกลื่อนต่างหากล่ะ! ช่างภาพหนุ่มหลุดเสียงหัวเราะขบขันพลางเหลือบสายตามองใบหน้าของพี่สาวที่นอกจากจะอมยิ้มไม่หุบแล้ว เจ้าหล่อนยังทำเป็นก้มหน้าทำงานทำราวกับไม่รับรู้เหตุการณ์เมื่อครู่อีกต่างหาก...ทั้งที่เธอเองนั่นแหละที่จุดประเด็นเรื่องที่ว่าขึ้นมาให้คนน่ารักของเขาได้กลายร่างเป็นแมวเหมียวอาละวาดน่ะ!
โจ คยูฮยอนไม่ได้หน้ามืดเลยนะ ที่จู่ๆ ก็ตบปากรับคำคบกับ ชเว ซีวอนหลังจากรู้จักกันได้ไม่เท่าไหร่(แต่เพราะเสียอะไรๆ ให้มาสองรอบแล้ว มันก็น่าพิจารณา!) วันนี้ก็เช่นกัน...เขาไม่ได้หน้ามืดที่มานั่งดื่มกับไอ้ผู้ชายตัวโตและเพื่อนๆ ของชเว ซีวอน แต่เพราะมันเป็นมารยาทที่ขัดไม่ได้ เขาถึงได้นั่งอยู่ข้างๆ คนปากมากและมันก็เป็นเรื่องน่าแปลกพิลึกที่เขาเอาแต่สาดสายตาใส่หญิงสาวบางคนที่พยายามทอดสะพานให้คนของเขากันเห็นๆ
ไม่ได้หึงนะ...แค่ไม่ยอม
คนอย่าง โจ คยูฮยอนจะต้องเป็นที่หนึ่งเท่านั้น แค่นี้เอง...
“เบบี๋...ไม่ดื่มหน่อยหรอ?” คนที่มันถือวิสาวะเรียกเขาว่าเบบี๋มาตั้งแต่ไหนแต่ไรหันมาถามกันด้วยน้ำเสียงฟังดูเกร็งแปลกๆ แน่ล่ะ...ก็เล่นเขาหันไปตวัดตามองกันแบบนี้ ชเว ซีวอนที่ส่อแววว่าจะกลัวเมียก็ทำได้เพียงทำหน้าตาน่าสงสาร ทำเสียงอ่อนๆ ให้เขาใจเย็น ผลก็คือการที่เขาพ่นเสียงเหอะใส่กันนิดหน่อยเป็นเชิงให้รู้ว่าที่นั่งๆ อยู่ตรงนี้ โจ คยูฮยอนเริ่มจะหงุดหงิดไม่ใช่น้อย...
“ไม่! เกิดมีชะนีมาฉกนายไปตอนฉันเมาไม่รู้เรื่อง จะทำยังไงล่ะ”
“คิดมากไปเปล่าคุณ”
“เปล่าคิดมาก...แต่หน้าอย่างนายมันเชื่อได้ที่ไหน?” แขนเรียวยกขึ้นกอดอกฉับ ใบหน้าขาวเบือนหน้าไปอีกทาง... คยูฮยอนได้ยินเสียงของใครอีกคนพ่นลมหายใจออกมานิดหน่อย กระนั้นก็ยังกระเถิบตัวเข้ามาใกล้ ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้ามาหา ทำปากยื่นปากยาวกระพริบตามองเขาคล้ายจะเรียกร้องความสนใจจากเขาเสียให้ได้...
บอกแล้วไง...ว่าผู้ชายตัวโตทำหน้าโมเอ้แล้วดูดีแค่ไม่กี่คน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คงไม่ใช่คนอย่าง ชเว ซีวอนแน่!!!
“เบบี๋...~”
“ซีวอน!!! ฉันว่าฉันเห็นยัยอึนจอง” นายแบบหนุ่มร้องขึ้นมาสุดเสียงเมื่อบังเอิญสายตาของเขาดันไปหยุดอยู่ที่ร่างเพรียวของหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าเป็นน้องต่างแม่ตัวแสบ...โจ อึนจองอยู่ห่างจากโต๊ะที่พวกเขากำลังนั่งดื่มออกไปไม่เท่าไหร่ ข้างกายของเจ้าหล่อนมีผู้ชายหน้าตาดีประกบอยู่ข้างๆ มือใหญ่นั่นไล้ไปตามเอวบางผ่านชุดเดรสสีขาวสว่างโดยที่เธอก็ดูเหมือนจะเบี่ยงตัวหนีอยู่หลายต่อครั้ง ใบหน้าที่เขามองว่าหยิ่งยโส...กลับดูแปลกไปพิกล ดวงตาคมเฉียวคอยแต่จะหรี่หลับดูไร้เรี่ยวแรงอย่างไม่น่าเชื่อ มองจากมุมนี้...ใครๆ ก็คงคิดว่าเป็นคู่รักทั่วไปที่อาจยืนพลอดรักกันโดยไม่อายสายตาใคร แต่สำหรับเขาแล้ว คยูฮยอนกลับมองว่ายัยน้องสาวปากร้ายคงอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนัก...
“น้องคุณจริงๆ ด้วย”
“ก็เอ่อดิ...ฉันว่ายัยนั่นท่าทางไม่ดีเท่าไหร่”
“ไอ้บ้านั่นมันมอมเหล้าน้องคุณรึเปล่า?” ชายหนุ่มช่างภาพไม่ทันจะได้ขยับตัว ร่างโปร่งของคนน่าชังก็ลุกพรวดจากเก้าอี้พลางก้าวอาดๆ ออกจากโต๊ะที่พวกเขานั่งกันอยู่เสียแล้ว มือที่หวังจะจับไหล่ของนายแบบใจร้อนยกค้างไว้กลางอากาศก่อนเขาจะนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรนั่งอยู่ตรงนี้อีกต่อไปและสาวเท้าตามอีกฝ่ายไปติดๆ อย่างช่วยไม่ได้
“โจ อึนจอง” คยูฮยอนแค่นเสียงเรียกน้องสาวต่างแม่เสียงดังฟังชัด แน่นอนว่าเสียงอื้ออึงของเพลงในผับทำให้เขาต้องเพิ่มดีกรีเดซิเบลให้มากขึ้นเป็นพิเศษ หญิงสาวที่ปกติแล้วมักแลกหมัดกับเขาด้วยคำพูดเจ็บแสบเพ่งสายตามองใบหน้าของเขาด้วยเพราะแสงไฟสลัวจนยากจะเดาว่าเป็นใคร และเมื่อโจ คยูฮยอนเอื้อมมือไปกระชากเรียวแขนของเจ้าหล่อนให้หลุดออกจากการคุกคามโดยชายแปลกหน้า น้องสาวตัวดีถึงได้เบิกตามองเขาด้วยท่าทางประหลาดใจ
“แล้วนี่ใคร...แฟนเธอหรอ?” เพราะความหงุดหงิดที่มีมากอยู่แล้วทำให้คยูฮยอนไม่ใส่ใจว่าไอ้คนที่มันกำลังเข้าข่ายจะลวนลามน้องสาวตัวดีจะทำสีหน้าถมึงทึงใส่เขาเหมือนจะงาบหัวกันก็ตาม
“ยุ่งจริงว่ะ มึงเป็นใคร?” ผู้ชายแปลกหน้าจู่ๆ ก็ผยองพองขนใส่เขาเสียอย่างนั้น ซ้ำยังดึงร่างเพรียวของอึนจองกลับไปแนบข้างกายดังเดิมอีก...แต่แหงล่ะว่าเขาไม่ยอมให้ยัยน้องสาวที่ถึงแม้จะปากร้ายไปหน่อยต้องโดนใครไม่รู้ลวนลามกันซึ่งๆ หน้าแบบนี้หรอก...
ดูนางฟ้า(?)ใช่ไหมล่ะ...บอกไว้เลยว่ามันเป็นเรื่องจิตสำนึกของคนเป็นพี่ก็เท่านั้น...
“เฮ้ย...ออกไปห่างๆ คนของกูนะสัด ส่วนมือมึงอ่ะ... ก็เอาออกจากเอวน้องสะใภ้กูได้แล้ว” อย่างว่า...พระเอกชอบออกมาเสนอหน้าได้ถูกจังหวะเสมอ... ชเว ซีวอน ในตอนนี้ก็เหมือนกัน ร่างสูงใหญ่ของคนที่ขึ้นชื่อว่าอยู่ในฐานะคนพิเศษก้าวเข้ามาขวางพลางฝ่ามือก็เอื้อมไปดันอกชายแปลกหน้าที่ตั้งท่าเงื้อมหมัดร่ำๆ จะหาเรื่องกันเสียให้ได้
“เสือก!”
ทั้งนายแบบและช่างภาพหนุ่มกระตุกหัวคิ้วเล็กน้อยกับคำด่าแสกหน้า...กับชเว ซีวอนที่ไม่ค่อยจะใจร้อนกับเรื่องใดๆ กลับเหมือนมีใครนำไฟมาจุดให้เขารู้สึกเดือดแปลกๆ แหงล่ะ โดนด่าว่ายุ่งยังดีกว่าเสือก...นายแบบหน้าแมวเอื้อมมือมากระตุกที่ชายเสื้อของเขาเล็กน้อยก่อนดวงหน้าน่ารักจะระบายยิ้มที่มองยังไง ตัวเขาก็มองว่าเป็นรอยยิ้มที่เย็นยะเยือกและดูน่ากลัวไม่หยอกไปยังชายแปลกหน้าที่อาจไม่รู้ชะตากรรมของตนที่อาจเลวร้ายเอาการในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
“ขอโทษทีที่เสือก...แต่อย่ามาทำตัวกร่างปากหาเรื่องแถวนี้นะมึง... สันดานหมา ชอบมอมเหล้าผู้หญิง แม่งมีแต่หน้าตัวเมียทำกัน...อ้อ หรืออยากมีข่าวคาว... มึงเป็นใครอย่าคิดว่ากูไม่รู้จัก พอดีพ่อกูกว้างขวาง...เป็นหัวคะแนนให้นักการเมืองใหญ่ๆ ทั้งนั้น...พ่อมึงลงเลือกตั้งเขตไหนวะ? สงสัยคงชื่อเสียงดับเพราะลูกชั่วๆ อย่างมึงแล้วมั้ง ว่าไหมวะ? ลูกชายว่าที่ ส.ส.อิม มินจง”
ช่างภาพหนุ่มอ้าปากค้างเมื่อฟังคำพูดไม่เข้ากับใบหน้ายิ้มโมเอ้ของคนข้างกาย ไม่มีใครคาดถึงและก็คงไม่มีใครคาดฝันว่านายแบบหน้าแมวจะสามารถใช้การเจรจาข่มขวัญเข้าสู้กับไอ้กร่างตรงหน้า ถ้าในเวลานี้ ชเว ซีวอน ไม่ได้ตกอยู่ในสถาการณ์ตึงเครียด เขาคงปรบมือรัวๆ ซูฮกให้กับความอาจหาญของอีวิลนามว่า โจ คยูฮยอนไปแล้วล่ะ!
“กูไม่เชื่อมึงหรอก มึงเป็นใคร!!! ทำไมกูต้องฟังมึง”
“มึงรู้จักชื่อพ่อกูดีกว่า... โจ ฮันซอง... รู้จักป่ะ? บางทีเงินที่มึงใช้ๆ กันอยู่ อาจเป็นเงินพ่อกูก็ได้นะ...ซีวอน เอามือถือฉันมาดิ จะโทร.ไปรายงานคุณพ่อสักหน่อย...” ไอ้คนที่กำลังกร่างวางอำนาจคับผับชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกดเบอร์โทร.หาพลางยกโทรศัพท์แนบหู ดวงตากลมโตฉาบไปด้วยแววร้ายกาจ มุมปากที่หยักยิ้มอย่างผู้มีชัย...เป็นการประกาศกร้าวถึงชัยชนะโดยที่ไม่ต้องลงมือให้เปลืองแรง
“ฝากไว้ก่อนนะมึง”
“ไปฝากกับพ่อมึงเหอะ!!!”
ร่างบอบบางของหญิงสาวถูกผลักให้เซถลาไปติดกับแผ่นอกของช่างภาพหนุ่มโดยบังเอิญ โครงหน้าหล่อจัดเหวอไปหลายวินาที... เขามองภาพผู้ชายที่เพิ่งเถียงกับคนน่ารักของเขาเดินห่างออกไปด้วยท่าทางหัวเสียพร้อมด้วยสภาวะที่เย็นสันหลังแปลกๆ...ไอ้กร่างเอ้ย ผลักกลับคืนมาแม่งก็ดูหน่อยสิโว้ย! เล่นส่งคืนมาแบบนี้ ชเว ซีวอนก็งานเข้าดิครับ!! เขาคิดพลางระบายยิ้มแกนๆ ดวงตาสีชากระพริบมองคนข้างกายที่เอาแต่ตวัดสายตากลับมาอย่างขัดใจ ก่อนมือบางจะเอื้อมมาดึงร่างของน้องสาวกลับมาหาตนและพยายามโอบร่างที่อ่อนแรงด้วยตนเอง
“ยัยลูกหมา...ทีหลังก็หันดูแลตัวเองบ้างเกิดฉันไม่เข้ามาเห็น เธอจะเป็นยังไง?” เขาพูดทั้งๆ ที่ไม่ได้มองใบหน้าสวยหวานที่กำลังเบ้ปากไม่ต่างอะไรไปจากเด็กเล็กๆ ที่โดนผู้ใหญ่ดุ คยูฮยอนผ่อนลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายพลางเจ้าหล่อนก็พ่นเสียงเหอะออกมาแข่งกับเขา แหงล่ะ...ว่านายแบบหน้าแมวตวัดสายตากลับไปจ้องดวงตาคมเฉียวแทบจะในทันที
“แล้วมาช่วยทำไม? ถ้าช่วยแล้วต้องลำบาก...”
คนอย่าง โจ คยูฮยอนไม่ได้อยากขึ้นชื่อว่าทำคุณได้โทษโปรดสัตว์ได้บาปหรอกนะ
“ฉันมีมนุษยธรรมและอีกอย่างก็เพราะฉันเป็นพี่เธอ...” เหมือนว่าน้องสาวตัวแสบจะชะงักไปเล็กน้อยกับคำพูดที่อาจไม่เคยได้ยินจากปากคนที่มักใช้วาจาแดกดันกันเสมอ หล่อนถึงได้ดูอึ้งเสียจนคำพูดที่เปล่งออกมาฟังดูละล่ำละลักชอบกล
“นี่ คะ เคยเห็นฉันเป็นน้องด้วย...หรือไง?”
“ฉันต่างหากที่ต้องถามเธอ ว่าเคยเห็นฉันเป็นพี่บ้างหรือเปล่า?”
โจ คยูฮยอน ควรจะดีใจหรือนึกระเหี่ยใจดีล่ะ ที่จู่ๆ น้องสาวต่างแม่ที่ชอบแจ๋นเรื่องเขาไปเรื่อยก็เกิดญาติดีขึ้นมาโดยที่เขาไม่ทันจะได้ตั้งตัว...เขารู้สึกแปลกๆ ที่ โจ อึนจองอยู่ๆ ก็เรียกเขาว่า พี่คยูฮยอน ด้วยน้ำเสียงปราศจากการจิกกัด พูดคะขากับเขา ซ้ำยังตั้งกฎให้เขาตอบค่ะหรือคะทุกครั้งที่คุยกับเจ้าหล่อน...อย่างไรเสีย ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน อึนจองก็มักแผ่อำนาจปกครองเขาได้เสมอ...ซึ่งนั่นก็คงยากอยู่สักหน่อย
ส่วนเรื่องพ่อบังเกิดเกล้าและคุณแม่ใหญ่น่ะ...บางทีมันก็คงต้องใช้เวลา อยู่ๆ คนเราจะขจัดตะกอนในใจ มันไม่ใช่เรื่องง่าย...
“พี่คยูฮยอน น้องแวะกับข้าวกล่องมาให้” นายแบบหน้าแมวทอดสายตามองกล่องข้าวสีหวานที่ถูกยื่นมาตรงหน้า ก่อนกล่องข้าวเจ้ากรรมจะถูกฉวยไปโดยช่างภาพตัวดีที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน สตูดิโอถ่ายแบบยามเที่ยงค่อนข้างจะไร้เงาของทีมงานเนื่องจากเป็นเวลาพัก...ฉะนั้นแล้ว โจ อึนจองถึงได้เข้ามาทำลาย(ช่วยชีวิต)บรรยากาศที่ไอ้ช่างภาพตัวดีคอยแต่จะหากำไรจากตัวเขานั่นแหละ
“เบบี๋ครับ...ไม่คิดจะขอบใจอึนจองหน่อยหรอ?” ไม่ว่าเปล่า หมอนั่นยังขยับตัวเอาศอกมากระทุ้งสีข้างเขาเบาๆ ดวงตาขี้เล่นเอาแต่จ้องเขาไม่กระพริบ...เหอะ จะบอกให้นะ ถ้าชเว ซีวอนยังทำตัวงุ้งงิ้ง หยอกเขาไม่เลือกเวลาอยู่แบบนี้ล่ะก็ แขนซ้ายได้เดี้ยงเป็นเพื่อนแขนขวาแน่!
“เอ่อ...ขอบใจ”
“ขอบใจเฉยๆ ไม่ได้นะคะ” ...ไม่ทันไรก็ยกกฎบ้าบอนั่นมาบังคับเขาแล้วงั้นหรอ?
“ขอบใจค่ะ พอใจยัง? ยัยลูกหมา! นี่กลับบ้านไปได้แล้ว ฉันจะทำงาน!”
“ชิร์!! อยากอยู่กับแฟนสองต่อสองก็บอกมาตรงๆ ก็ได้นะคะ” คยูฮยอนโบกมือไล่หลังน้องสาวต่างแม่ที่เบ้ปากใส่เขาก่อนเธอจะพาร่างเพรียวบางเดินออกจากสตูดิโอถ่ายรูปไปพร้อมด้วยเสียงเอ่ยแซวเล็กๆ น้อยๆ พอให้คนฟังได้หงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อย ยิ่งกับเสียงหัวเราะทุ้มใหญ่แล้ว มันอดไม่ได้จริงๆ ที่จะยื่นมือไปดึงติ่งหูเจ้าของเสียงที่ว่าแบบเต็มแรงให้สักที
“โอ้ยๆๆ เบบี๋รุนแรงอีกแล้วอ่ะ!! -3-”
“อย่ามากำเริบเหิมเกริมกับฉันนะ ชเว ซีวอน!”
“โอ๋...กำเริมเหิมเกริม นี่คุณครับ... อันที่จริงผมจะเหี้ยจะเชี่ยกับคุณมากกว่านี้ก็ได้นะ แต่เพราะแค่ผมยอมคุณเท่านั้นเอง ไอ้เรื่องกำเริมเหิมเกริมเนี่ย... ผมทำทุกวันอยู่แล้วนะ เบบี๋~”
ชเว ซีวอนระบายยิ้มเจ้าเล่ห์เจ้ากลก่อนจะเอี้ยวตัวหลบฝ่ามือของเขาที่หวังจะตะปบกรงเล็บลงบนหัวไหล่หนา ร่างสูงใหญ่กระโดดตัวหนีจนพ้นระยะดึงมือดึงเท้าพลางสาวเท้าวิ่งออกจากสตูดิโออย่างเร่งรีบ รู้ไหมล่ะ ว่าทำไมซีวอนถึงต้องวิ่งหนีหน้าตั้งออกไปแบบนั้น...มือของนายแบบหน้าแมวยกรองเท้าผ้าใบค้างไว้กลางอากาศอย่างมาดมั่น แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมให้รองเท้าของเขาต้องอยู่ในมือเฉยๆ แน่...มันต้องลอยละลิ่วไปฝากรอยไว้บนหน้าหล่อๆ ของหมอนั่นสิ... ถึงจะสาแกใจ!
“แน่จริงก็ตามมาดิ คุณตุ๊กตายาง~~~”
“ชเว ซีวอน!!!!”
สุดท้ายแล้ว โจ คยูฮยอนกลับต้องวิ่งไล่คนที่ขึ้นชื่อว่าได้เวอร์จิ้นของเขาไปอย่างน่าเจ็บใจเพราะคำสรรพนามบ้าๆ ที่ได้ยินเมื่อไหร่เป็นต้องรู้สึกเดือดดาลทุกครั้งไป ชเว ซีวอนชอบทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กประถมที่โดนเพื่อนล้อด้วยคำเรียกแทนตัวแปลกๆ ไม่ได้... ซึ่งเอาเข้าจริงๆแล้ว เขาจะทำเฉยไม่แยแสก็ได้หรอกนะ แต่บังเอิญว่าคนอย่าง โจ คยูฮยอน ไม่ชอบให้ใครมาทำตัวเหนือกว่าและประกาศชัยชนะด้วยวิธีเด็กๆ เวลานี้เขาถึงได้วิ่งตามหมอนั่นเป็นบ้าเป็นหลัง จนเมื่อร่างโปร่งของนายแบบหน้าแมวมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูสตูดิโอที่ไม่ค่อยได้เปิดใช้ด้วยอาการหอบแฮ่ก ดวงตาคู่โตกวาดมองไปรอบบริเวณก็พบว่าทางเดินที่ต่อมาถึงที่นี่...กลับไม่มีใครเลยสักคน นั่นก็แสดงว่าซีวอนคิดจะเล่นซ่อนแอบกับเขาอย่างงั้นใช่ไหม?
กริ้งๆ
ของเล่นสำหรับลูกแมวสีขาวมีพู่ฟูๆ ตรงปลายประดับด้วยกระดิ่งชิ้นเล็ก ส่งเสียงกรุ้งกริ้งขยับไปมาอยู่บนพื้นหน้าประตูที่ถูกเปิดแง้มไว้เล็กน้อยสร้างความประหลาดใจให้กับนายแบบหนุ่มมากพอควร เขาขมวดคิ้วมองปลายพู่สีขาวที่ถูกดึงให้เลื่อนผ่านเข้าไปภายในประตูของห้องสตูดิโอ ก่อนเรียวปากอิ่มจะเผยยิ้มออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว...ฝ่ามือบางยกขึ้นผลักประตูบานใหญ่ให้เปิดกว้างออกช้าๆ
...ชเว ซีวอน ร้ายกาจชะมัด!
ภาพรสจูบซุกซนถูกประดับอยู่ติดกับฝ่าผนังห้องสตูดิโอและมันก็ใหญ่มากพอที่จะทำให้เขาต้องกวาดสายตาพิจารณารูปภาพฝีมือของเขาอย่างถี่ถ้วน ไม่รู้ว่าในเวลานั้นหัวสมองมันคิดอะไรและก็ไม่อาจทราบได้อยู่ดีว่าอะไรเกิดดลใจให้เขาผินหน้าไปจูบปากคนขี้แกล้งหน้าตาเฉย ใครต่อใครก็ให้คำนิยามสำหรับ โจ คยูฮยอน ว่าเป็นจำพวกปากไม่ตรงกับใจ รั้นจนมากเกินเหตุ ดื้อเสียหัวชมฝา...แน่นอนว่าเขาไม่ปฏิเสธ ถ้าช่างภาพฝีมือดีลองคิดทบทวนความเป็นไปของเขาดูดีๆ แล้วล่ะก็ ความจริงที่ว่า...พจนานุกรมของนายแบบที่ชื่อ โจ คยูฮยอน มันมีคำว่า ชเว ซีวอน ถูกเขียนขึ้นมาที่มุมบรรทัดล่างของหน้าสุดท้ายแล้วยังไงล่ะ
“มีแฟนน่ารักต้องอดทน มีแฟนขี้หึงต้องใจเย็น มีแฟนหน้าเหมือนแมวต้องหมั่นป้อนนมให้ทุกเช้า..... เนอะเบบี๋เนอะ”
“อะไรกัน ชเว ซีวอน!”
คนโดนพาดพิงกลับหลังหันไปตามต้นเสียง...และสิ่งที่ทำให้เขาต้องนิ่งอึ้งจนดวงหน้าร้อนฉ่าคงไม่ใช่อะไร หากเบื้องหลังของผู้ชายตัวกวนไม่ได้เต็มไปด้วยภาพถ่ายหลากหลายอิริยาบถของตัวเขาเอง... ผนังทุกด้านในสตูดิโอถูกสาดด้วยแสงไฟสีอมส้ม สิ่งที่เขาทอดสายตาอยู่ตรงนี้ ไม่ต่างอะไรไปจากแกลลอรี่รูปภาพขนาดใหญ่ เผลอๆ มันอาจเป็นศิลปะชั้นเยี่ยมที่มองดูยังไงก็ไม่รู้จักเบื่อ...ภาพทุกภาพสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นตัวตนของตัวเขา มุมมองที่บางทีคยูฮยอนเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนมีมุมที่แตกต่างออกไปจากความเป็นจริงที่แสดงให้ใครต่อใครได้เห็น ...ดูเหมือนว่าความจริงใจของช่างภาพจอมกะล่อน ณ วินาทีกลับถูกสื่อออกมาได้อย่างชัดเจน
“อึ้งเลยอ่ะดิ~ ซึ้งจนน่าตื่นเลยอ่ะ”
“ก็งั้นๆ แหละนะ” ร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้า เขาหลุดหัวเราะออกมานิดหน่อยเมื่อนายแบบปากเก่งทำมาเป็นพูดถือดีทั้งๆ ที่ดวงตากลมโตมันฉาบไปด้วยแววประหลาดใจเสียจนปิดไม่มิด ฝ่ามือใหญ่ไล้ผิวแก้มขาวก่อนจะเลื่อนลงมากอบกุมฝ่ามือบางที่เริ่มชื้นเหงื่อ...น่าขำนะ ที่นายแบบหน้าแมวจู่ๆ กลับดูตื่นเต้นมากพอที่จะทำให้นัยน์สีดำขลับสั่นระริก รอยยิ้มบางๆ วาดผ่านโครงหน้ารูปสลัก เจ้าของดวงหน้าขาวหรี่หลับตาเพื่อรอรับจูบเบาๆ ที่กลีบปากสีอ่อน...
“สำหรับผม...คุณคือโมเดลที่ใช่ ทุกอย่างในตัวคุณทำให้ผมรักคุณโดยไม่รู้ตัว ตัวตนของคุณคือสิ่งที่ผมมองเห็นมันมาเสมอ...ได้โปรดอย่าซ่อนความอ่อนแอของคุณกับผมนะครับ ไม่ว่าคุณจะยิ้มหรือร้องไห้ ผมขอสัญญาว่าผมจะเป็นคนแรกที่มอบอ้อมกอดอุ่นๆ ให้กับคุณ... อีวิลตัวร้าย อีวิลที่เอาแต่ทำหน้าบึ้งใส่ผม... คุณโจ คยูฮยอน...ผมรักคุณนะครับ”
โจ คยูฮยอนไม่เคยหน้าร้อนจนแทบไหม้ขนาดนี้มาก่อน...แต่ชเว ซีวอนกลับทำให้เขามีอาการแบบนี้ขึ้นมาได้อย่างพิลึก เขาหลุบตามองฝ่ามือใหญ่ที่เกี่ยวเรียวนิ้วของเขาไม่ยอมปล่อย ความรู้สึกเหมือนกลองศึกมันกำลังระทึกอยู่ในอกให้ยากจะหายใจ...ร่างโปร่งเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ก่อนน้ำเสียงนุ่มจะเอ่ยกระซิบที่ข้างกกหู ยังผลให้เจ้าของดวงตาสีชาระบายยิ้มกว้างๆ ออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“ถ้าคิดว่ารับมืออีวิลอย่างฉันไหว...ก็แล้วแต่นะ แต่ถ้าคิดจะมีอีหนูที่ไหนล่ะก็ เตรียมตัวตายได้เลย!!!”
“ด้วยเกียรติของช่างภาพที่หล่อที่สุดในเกาหลี...ผมจะรัก รัก รัก รัก รัก คุณแค่คนเดียว นะเบบี๋~”
“มีแฟนเหี้ย...คนน่ารักต้องทำใจสินะ ^w^”
ชั่วครู่หนึ่งที่ ชเว ซีวอนเบิกตาโพลงกับภาพที่เห็น...บนไหล่บางของโจ คยูฮยอนมีคนน่ารักของเขาถึงสองคนนั่งอยู่ไหล่ซ้ายขวาแถมยังตัวเล็กราวกับตุ๊กตา ตัวหนึ่งจ้องเขาคล้ายจะประกาศสงคราม ส่วนอีกตัวกลับนั่งยิ้มบิดตัวไปมาอย่างน่ารัก
เมาคนน่ารักจนเกิดภาพหลอนรึเปล่าวะ!!! =[]=
...นางฟ้าคูยอน เลิกทำหน้าบานได้แล้ว น่าเกลียด อ้วนเอ้ย!
...อะไรล่ะ อีวิลคูยอน ผอมจังเลยเนอะ ก้นใหญ่เชียว -..-
...เดี๋ยวจับหักปีกซะนี่
...เดี๋ยวจับหักเขาซะเลย!!
The End
Talk*
ปิดเรื่องนี้ได้เสียที TTTvTTT อีกครั้งที่ไม่รู้จะทอล์กอะไร #โฮ้ววววววว
มันอาจไม่น่ารักเท่าไหร่ ~ แต่ก็ต้องขอบคุณที่อ่านมาถึงที่เราเวิ่นและบรรทัดสุดท้ายตรงนี้
ขอสงวนสิทธิ์เอ็นซีในตอนนี้ไว้สำหรับผู้จองฟิคอีวิลก่อนนะคะ
เจอกันเรื่องหน้า... คราวหน้าพ่อขราของเราจะอีวิลกับเค้าบ้างแล้วนะ #อั๊ยย่ะ ~
ความคิดเห็น