คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : [S Fic] Evil Sherbet. [4/5] ข้อดีของคนปากปีจอ
Evil Sherbet.
ตอนที่ 4
ข้อดีของคนปากปีจอ
การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับ ชเว ซีวอน ต้องใช้ความอดทนอย่างมหาศาลเชียวล่ะ!
“ออกไปห่างๆ มั้งก็ได้...ไม่มีใครมาพานายออกไปจากคอนโดฯฉันหรอกนะ!!” จะมีก็แต่ฉันที่จะเตะตูดนายออกจากที่นี่เท่านั้นแหละ!!! โจ คยูฮยอนเก็บประโยคจากใจจริงไว้ในใจพลางขยับตัวออกห่างจากผู้ชายตัวโตๆ ที่นอนกลิ้งอยู่บนเตียงของเขา(ย้ำเลยนะว่าเตียงของเขา แต่หมอนี่มันอาศัยความหน้าด้านยึดฐานทัพของเขาเสียอย่างนั้น!) อันที่จริงคยูฮยอนคนนี้จะลุกออกจากเตียงให้พ้นหน้าไอ้คนปากปีจอก็ได้นะ ติดมันก็ตรงที่แขนข้างซ้ายของชเว ซีวอนกลับตวัดเกี่ยวเอวของเขาทุกครั้งที่จะหยัดตัว จะบอกให้...ว่าเขาไม่ได้ใจง่ายให้นอนกอด แต่บังเอิญว่าไอ้ห่านี้ไม่รู้มันมีแรงอะไรหนักหนาถึงได้ยึดเอวเขาไว้ได้อยู่มือได้อย่างน่าหมั่นไส้!
“เบบี๋~” ภาษาแอ็บแบ๊ว... ที่ชเว ซีวอนพูดกับเขามันฟังดูพิลึกกึกกือ เขาขมวดคิ้วมองใบหน้าหล่อร้ายที่เอาแต่นอนระบายยิ้มชวนโมโห ครั้นนายแบบ(ที่เคย)ปากเก่งจะอ้าปากด่าสักหน่อย ตัวเขาก็กลับถูกเหวี่ยงให้ขึ้นมานอนทับบนร่างของผู้ชายนิสัยเสีย ให้เชื่อดีไหมล่ะว่า ชเว ซีวอนน่ะมันแขนหักอยู่...เผลอๆ ไอ้เฝือกสีขาวมันคงเป็นอาวุธชั้นดีที่หมอนี่เลือกใช้ เพราะเพียงแค่เฝือกแข็งๆ ว่าแปะลงที่ท่อนเอวของเขารวมไปถึงแขนซ้ายสภาพดี ตัวเขาก็ประหนึ่งถูกล็อคจนแทบขยับตัวไปไหนไม่ได้ นี่ยังไม่นับรวมใบหน้าทะเล้นที่เอาแต่ส่งยิ้มกวนประสาท...ชักจะมากไปไหนนะ!
“อะไรของนายวะ!”
“พูดจาไม่เพราะเลยอ่ะ เบบี๋~”
“หรืออยากปากแตก!”
“คุณครับ คุณทำผมตาแหกมาก็แล้ว แขนหักก็แล้ว มากกว่านี้ผมก็ยอมแล้วล่ะ”
“ไอ้...” บางครั้งนะ...ชเว ซีวอนก็มักปล่อยหมัดฮุคให้เขาต้องเสียความเป็นตัวเองอยู่ร่ำไป ดูสิ...แค่หมอนี่เล่นวาจาอ้อล้อกันเสียหน่อย เขาก็ถึงกับใบ้รับประทาน ดวงตาคู่กลมตวัดมองเจ้าของดวงตาสีชาเล็กน้อยก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทาง กระนั้นฝ่ามือบางก็ยังยกกำปั้นทุบลงบนหน้าอกแกร่งสักทีโทษฐานทำให้เขารู้สึกหน้าร้อนฉ่าๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ
“หน้าแดงด้วยอ่ะ ไหนๆ ดูดิ...โอ้ว แดงไปถึงหูเลย...” นอกจากช่างภาพตัวดีจะแซวเขาด้วยน้ำเสียงระรื่นจนเกิดพอดีแล้ว ฝ่ามือใหญ่ๆ ยังเลื่อนขึ้นมาจับเส้นผมสีน้ำตาลทองเกี่ยวไปทัดใบหูพลางหมอนั่นก็ผงกหัวจากหมอนใบโตขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อที่จะได้จ้องใบหน้าตลกๆ ของเขาในเวลานี้เสียให้ถนัดตา แล้วก็อย่างที่คาด รูปการณ์แบบนี้...เคมีบังเกิดอีกจนได้...
คนที่ปากบอกว่าตัวเองเป็นผู้ป่วยแขนหักต้องให้นายแบบหน้าแมวดูแล จู่ๆ กลับพลิกร่างโปร่งให้นอนหงายลงกับที่นอน ที่สำคัญแขนซ้ายที่ยังใช้การได้ดียังเลื่อนขึ้นมาจับใบหน้าของเขาไม่ให้เบี่ยงไปทางใด ริมฝีปากแนบลงมาอย่างรวดเร็วราวกับกลัวว่าจะโดนด่าแสกหน้า กับคนโดนจูบแล้ว แค่จะลืมตามองใบหน้าของอีกฝ่ายเขาก็ยังไม่กล้าพอ...บอกแล้วว่า ชเว ซีวอน ทำให้ คนอย่างโจ คยูฮยอนสูญเสียความเป็นตัวเองอย่างถึงที่สุด ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงยอมให้จูบ แต่ก็อย่างว่า ยอมไม่ยอมยังไง เขาก็เชื่อว่าไอ้คนขี้แกล้ง ถ้าคิดจะจูบ...เขาก็ห้ามหรือรั้นไม่ได้อยู่ดี
“อื้อ” เสียงครางที่หลุดลอดออกจากเรียวปากอิ่มยิ่งสร้างความรู้สึกร้อนรุ่มแปลกๆ ในอกของชายหนุ่มได้อย่างประหลาด เรียวปากคมยังคงบดคลึงอยู่อย่างนั้นจนเมื่อร่างโปร่งเป็นฝ่ายเสียท่าอ้าปากโกยอากาศเข้าปอดและนั่นก็ทำให้เขาได้สอดเกลียวลิ้นเข้าไปกระหวัดเกี่ยวได้อย่างไม่ต้องพึ่งแรงกระตุ้นอะไร...
จูบกันบนเตียงแบบนี้...เสี่ยงสุดๆ ไปเลยล่ะ!!
“อยากเข้าไปก็ตามใจนะจ้ะ เจอภาพบาดตาแล้วอย่าหาว่าพี่ไม่เตือน”
เสียงพี่กาฮีหนิ = =
“อึนจอง! อย่าดื้อสิเรา...เอากุญแจคืนมา!”
เสียงพี่ซอกฮุน...
เอาแล้วไง!!
“ไม่คะ...อึนจองจะเข้าไป!”
ครบองค์ประชุม -_____-
“โจ คยูฮยอน!!!!!!!!!!!!”
“พี่ซีวอนกำลังทำอะไรมันน่ะ!!!!”
บานประตูที่ถูกเปิดออกพร้อมด้วยหญิงสาวดวงตาคมเฉียวที่แผดเสียงแปดหลอด ทำเอาชายหนุ่มจำต้องผละออกจากนายแบบหน้าแมวที่ได้แต่นอนหอบหายใจพร้อมด้วยใบหน้าที่เริ่มซับสีเลือด เสื้อนอนตัวบางที่บังเอิญถูกเขาเลิกขึ้นนิดหน่อย(แต่ก็ยังไม่ถึงกับขึ้นติดเรทนะ)เขาจึงจัดแจงดึงให้เข้าทีเข้าทาง จนเมื่อซีวอนเริ่มรู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่จู่ๆ กลับก่อตัวขึ้นอย่างฉับพลัน โจ คยูฮยอนหยัดตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะขยับกายมานั่งพิงหน้าเข้ากับแผ่นหลังของเขา เรียวแขนวาดขึ้นโอบรอบเอวหนา และแน่นอนว่าสีหน้าของโจ อึนจองคล้ายจะจ้องคนเบื้องหลังของเขาให้พรุนกันทางอ้อม...แต่ชเว ซีวอนก็เชื่อเหลือเกินอีวิลตัวร้ายที่คลอเคลียเขาอยู่เนี่ย ก็คงกำลังส่งมอบสายตาเหนือชั้นกว่าแก่หญิงสาวตรงหน้าเป็นแน่!
“ขัดจังหวะชะมัด”
เสียงบ่นอุบอิบที่ถูกเอื้อนเอ่ยผ่านกลีบปากอิ่มแสนจะน่าหมั่นไส้นัก...ทีเมื่อกี้ล่ะ อ้าปากจะด่าเขาเสียให้ได้! ช่างภาพหนุ่มเข้าใจเจตนาของนายแบบหน้าหวานดี...แหงล่ะ อย่าได้ไปจี้จุดอยากเอาชนะของคนๆ นี้เชียว ถึงเมื่อครู่จะถูกเขาจูบจนตัวอ่อนยังไง แต่ดูโจ คยูฮยอนในตอนนี้สิ...ขอให้ได้องค์ลง~ คนๆ นี้ก็พร้อมจะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเสียจนใครก็คงตามเกมส์ไม่ทันแน่ๆ
“บอกแล้วไงว่าเข้ามาแล้วจะเจอภาพบาดตา โอ้ย ชะนีน้อยเอ้ย!” ที่บอกว่าครบองค์ประชุมเนี้ย...ครบอย่างไม่ต้องสาธยายให้มากเรื่องเลยล่ะ พี่สาวคนสวยสาวเท้าช้าๆ มายืนที่ปลายเตียงพร้อมด้วยว่าที่พี่เขย(รายนี้น่ะ ดูก็รู้ว่าปลงแสนปลง) ชายหนุ่มผู้รักษามาดเคร่งขรึมก็ยังคงความนิ่งเป็นน้ำไหลเอื่อยได้เสมอ ตรงข้ามกับชเว กาฮีที่เอาแต่ระบายยิ้มขบขันเมื่อเธอพูดจาค่อนแขวะหญิงสาวขาวีนได้สำเร็จและเจ็บแสบใช่ย่อย
“พี่กาฮี!!!!”
“อะไรจ้ะ ก็ฉันเตือนเธอแล้วหนิ”
“พี่กาฮีเห็นดีเห็นงามให้มันมายั่วพี่ซีวอนสินะ อ้อ อยากให้น้องตัวเองเป็นเกย์งั้นหรอคะ!!”
“ก็ดีกว่าได้คนอย่างเธอมาเป็นน้องสะใภ้ ผู้หญิงอะไร~ วิ่งไล่ตามผู้ชายไปวันๆ น่าเกลียด”
“กาฮีไม่เอาหน่า...อึนจองวุ่นวายใหญ่แล้วนะเรา กลับไปเถอะ” ในประโยคแรก ชายหนุ่มเอ่ยทัดทานอารมณ์ของแฟนสาวให้สงบลง ส่วนประโยคหลังเขาใช้น้ำเสียงในโทนติเตือน...ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นแตะไหล่ของน้องสาวหากเจ้าหล่อนกลับสะบัดตัวหนี ร่างเพรียวบางก้าวเข้าไปหาคู่กรณี(และนั่นก็เป็นน้องชายของเขาอีกคน)พร้อมด้วยการกดสายตามองอีกฝ่ายกลับก่อนเธอจะประกาศน้ำเสียงกร้าว
“...น่าไม่อาย”
“งั้นหรอ? อื้ม...เธอด่าตัวเองทำไมน่ะ” เธอถลึงตามองเจ้าของดวงตากลมโตที่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระ โจ อึนจองเชิดปลายคางขึ้นเล็กน้อยพลางจ้องมองใบหน้าแสนยียวนที่เอาแต่เลิกคิ้วมองเธอกลับพลางร่างโปร่งก็เอาแต่ซบหน้าอยู่ที่ไหล่หนาของช่างภาพหนุ่มที่นอกจากคนๆ นี้จะไม่ปฏิเสธอะไรแล้ว ดูเหมือนชเว ซีวอนก็จะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี...ทำแบบนี้เท่ากับการหักหน้ากันชัดๆ
“เรื่องนี้ถึงหูคุณพ่อแน่...”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย... เชิญตามสบาย” ก็อย่างที่บอกว่าคนอย่าง โจ คยูฮยอนไม่ได้ทำอะไรผิด...อีกอย่างที่ๆ เขาอยู่ตอนนี้มันก็คอนโดฯของเขาเอง คยูฮยอนก็แค่คิดว่าเรื่องที่จะถึงหูพ่อบังเกิดเกล้าคงเป็นเรื่องที่อึนจองใส่ไฟให้มันฟังดูร้ายแรง ทั้งที่จริงๆ แล้วไอ้คนที่น้องสาวตัวดีมาดมั่นจะให้เป็นสามีในอนาคตเสนอหน้ามาอยู่กับเขาเองแท้ๆ
โจ อึนจองพ่นเสียงเหอะใส่เขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเจ้าหล่อนจะสาวเท้าปึงปังเดินออกจากห้องนอนของเขา คยูฮยอนเลื่อนคางมาวางบนไหล่หนา(ไม่ได้ลืมหรือเผลอตัวนะ ตั้งใจใช้ชเว ซีวอนเป็นเกราะกำบังจากพี่ซอกฮุนชั่วคราวเท่านั้นแหละนะ)ก่อนจะกระพริบตามองใบหน้าบึ้งตึงของพี่ชายต่างแม่ที่วางสายตามายังเขาราวกับอยากจะพูดคุยกันให้รู้เรื่อง
“คือพวกพี่มาได้ยังไง?” คยูฮยอนเอ่ยถามทั้งๆ ที่ยังไม่ขยับเขยื้อนตัวไปไหน...อย่างที่เขารู้ พี่ซอกฮุนเวลาจะดุกันน่ะ จะไม่โวยวาย จะไม่เสียงดังแต่จะใช้ท่าทางนิ่งๆ แบบนี้แหละหลอกให้เขาตายใจแล้วจะเข้าประเด็นเสียจนเขาหาข้อแก้ตัวไม่เคยสำเร็จทุกครั้งไป
“ก็กะจะแวะเข้ามาดูอาการคนแขนเดี้ยงล่ะนะ แต่บังเอิญน้องนีอึนจองจมูกดีได้กลิ่นว่าคนป่วยขี้สำออยเสนอหน้ามาอยู่กับคยูฮยอนน่ะสิ...ยัยนั่นถึงได้รั้นจะมาได้ให้แล้วก็ห้ามไม่อยู่ซะด้วย”
“ยัยนี้เป็นแบบนี้ประจำแหละครับ จมูกดีตลอดขอให้ได้ตามผู้ชาย” คยูฮยอนพูดเสริมคำพูดของว่าที่พี่สะใภ้พลางส่งยิ้มให้กับเจ้าของใบหน้าสวยที่ระบายยิ้มกว้างไม่ต่างกัน จนเมื่อพี่ชายต่างแม่เค้นเสียงเรียกชื่อเขาอย่างปรามๆ
“คยูฮยอน...”
“พี่ซอกฮุนทำไมต้องทำหน้าดุด้วยอ่ะ...” นายแบบหน้าแมวว่าทั้งๆ ยังเอาช่างภาพหนุ่มเป็นเกราะกำบัง เขาทำเสียงกระเง้ากระงอดอย่างเอาแต่ใจพลางซุกหน้าลงบนแผ่นหลังกว้างราวกับไม่อยากจะได้ยินเสียงของพี่ชายในเวลานี้...ประโยชน์ของ ชเว ซีวอนมันก็มีเอาตอนนี้แหละ นอกจากหมอนี่จะไม่พูดจาแสลงหูแล้ว ฝ่ามืออุ่นๆ ยังเลื่อนมากุมที่มือของเขาอีกต่างหาก...
ข้อดีที่เพิ่มมาอีกหนึ่งของชเว ซีวอนคือการนั่งเฉยๆ ไม่ปากมาก ทำตัวเป็นที่ให้เขาเอาหน้าพิงหลังเวลาไม่รู้จะเอาหน้ามาสู้กับพี่ชายกระมัง
“อย่ายั่วโมโหอึนจองบ่อยนักสิ...เกิดเรื่องนี้คุณพ่อเข้าใจผิดขึ้นมา มีแต่เราที่แย่เอานะ”
“ผมอยู่เฉยๆ ของผมมาตลอดนะครับ จะมีก็แต่ยัยนั่นที่ชอบหาเรื่อง พี่ก็รู้ว่าผมเป็นคนยังไง”
“ก็เพราะรู้ว่าเราเป็นคนยังไง...พี่ถึงได้เตือน”
“รู้แล้วล่ะหน่า...”
คยูฮยอนตอบรับอือออไปตามเรื่อง ก่อนจะรู้สึกว่าไอ้ช่างภาพตัวดีมันนิ่งไปเสียจนผิดปกติ ซ้ำน้ำหนักยังค่อยๆ เอนลงมาทีละนิด พี่กาฮีขมวดคิ้วตึงเมื่อเจ้าหล่อนตวัดสายตามองน้องชายตัวแสบ พลางเธอก็ยื่นนิ้วเรียวมาจิ้มหน้าผากของคนที่เขาใช้เป็นเกราะกำลังชั่วคราว
“ตาซีวอน~ นั่งหลับหรอแก?”
(¯(∞)¯)
ชเว ซีวอนก็คือ ชเว ซีวอนอยู่วันยังค่ำ ~
“ตามมาทำไม?”
คยูฮยอนหันไปถามช่างภาพตัวโตที่เดินตามหลังเขามาติดๆ หลังจากออกมาจากคอนโดฯ อันที่จริงวันนี้เขามีงานถ่ายแบบในช่วงเย็น ตอนเช้าก็เลยกะจะออกไปหาเพื่อนชิมสักหน่อย แต่ติดก็ตรงที่เขาไม่ค่อยจะพึงใจเท่าไหร่นักถ้าหากต้องหิ้วไอ้คนแขนเดี้ยงไปด้วย ก็อย่างที่บอกว่าคนป่วยก็ต้องพักผ่อนสิ สลอนมาตามเขาต้อยๆ แบบนี้...ใช่เรื่องซะที่ไหน เล่นเกาะหนึบกันแบบนี้ เขาล่ะไม่อยากนึกถึงหน้า ชิม ชางมินถ้าได้ปะกับไอ้คนตัวโตที่ทำมาเป็นอ้อนเขาไม่หยุดหย่อน ยิ่งชางมินจ้องจับผิดเรื่องหมอนี่อยู่ด้วย เขาล่ะจนปัญญาจะเตะตูดชเว ซีวอนออกจากชีวิตจริงๆ - -*
“อยากตามมาอ่ะ...เบบี๋ไปไหน...ผมก็อยากไปด้วย~ อีกอย่าง...”
เฝือกสีขาวแสนเทอะทะถูกยื่นมาจ่อที่ใบหน้าของเขาเป็นเครื่องหมายยืนยันความผิดที่เขาก่อไว้กับช่างภาพปากปีจอ คยูฮยอนถอนหายใจให้กับผู้ชายที่นิสัยโตแต่ตัว ปล่อยให้ชเว ซีวอนระบายยิ้มกว้างๆ จนเผยให้เห็นลักยิ้มข้างมุมแก้มและพาตัวเอามานั่งที่เบาะข้างคนขับภายในรถมินิสีแดงที่เพิ่งจะได้กลับคืนมาเพราะพี่ซอกฮุนไปเกลี้ยกล่อมคุณพ่อและหลอกล่อยัยอึนจองด้วยวิธีอะไรเขาก็ไม่อาจทราบได้ รถแสนรักที่พ่อมอบให้ในวันรับปริญญาถึงได้หวนคืนสู่อ้อมอกของเขาอีกครั้ง
“บอกไว้ก่อนนะว่าอย่าวุ่นวาย ไม่งั้นฉันจะทิ้งนายไว้ข้างทางจริงๆ ด้วย” เขาหันไปแค่นเสียงพูดกับช่างภาพตัวดีที่จู่ๆ ก็พยักหน้ารับเป็นเด็กว่าง่ายขึ้นมาเสียจนผิดสังเกต คยูฮยอนหรี่ตามองใบหน้าหล่อจัดอย่างไม่วางใจเท่าใดนัก จนเมื่อเรียวปากคมที่ยื่นมาฉวยจูบจากเขาตั้งแต่เช้านั่นแหละคือสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง ...ได้ทีแล้วเอาใหญ่ตลอด หมอนี่! = =
“รับทราบครับเบบี๋~”
“นิสัย!!”
“นิสัยน่าให้ดูแลใช่ป่ะ ~ >w<” โอ้ย!!! หมั่นไส้คน! =..=
“ไหนว่าไม่คิดอะไร แล้วไหงหมอนี่ตามติดนายแจเลยล่ะ”
ไม่ทันจะได้พูดอะไรหลังจากนายแบบหน้าหวานปลีกตัวมาจากช่างภาพตัวดี คยูฮยอนเดินตามเพื่อนสนิทที่เอาแต่พูดจายอกย้อนเขาตั้งแต่มาถึงร้านอาหาร ร่างโปร่งพิงสะโพกเข้ากับเคาน์เตอร์แคชเชียร์พลางกอดอกมองเจ้าของใบหน้าคมคายที่เอาแต่จดบัญชีรายรับรายจ่ายตามหน้าที่ที่บุพการีมอบหมาย ชางมินน่ะชอบใช้ท่าทางนิ่งเฉยปฏิบัติต่อเขาได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ว่าเหตุการณ์ที่โจ คยูฮยอนเพิ่งได้เผชิญมาจะร้ายแรงหรือจิปาถะขนาดไหนก็ตาม เวลานี้ก็เช่นกัน ชางมินนิ่งเพื่อให้เขาได้คิดทบทวน มันเป็นอีกครั้งที่เขาต้องนึกหาเสียงตัวเองอยู่นานสองนาน
“มันเป็นเหตุสุดวิสัย” คำตอบสั้นๆ และนั่นก็ทำให้ชางมินยอมเงยหน้าจากสมุดบัญชีเล่มหนา พลางยื่นปากกามาเคาะที่หน้าผากของเขาให้สักที คยูฮยอนยกมือขึ้นลูบหน้าผากพลางพ่นเสียงเหอะอย่างขัดใจ เขาหลบสายตาจ้องจับผิดของชางมินที่ตวัดมองอย่างคนรู้ทัน...จะโทษก็คงต้องโทษไอ้ระยะเวลาที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรล่ะมั้ง ที่คยูฮยอนมองว่ามันทำให้ความคิดความอ่านของเขาถูกชิม ชางมิน อ่านออกได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
“ปากไม่ตรงกับใจ”
“อะไรของนายล่ะ! ก็หมอนั่นมันเสนอหน้ามาอยู่กับฉันที่คอนโดฯเพราะบังเอิญฉันไปทำหมอนั่นแขนหัก...ก็แค่นี้เอง”
“แน่ใจว่าแค่นี้”
“อื้อ แค่นี้ไม่มีอะไร”
ฝ่ามือใหญ่เอื้อมมายีหัวเขาอย่างทุกครั้งที่เพื่อนชิมนึกหมั่นเขี้ยวกับท่าทีไม่ยี่หระอะไรของเขา จนเมื่อการกระทำของชางมินชะงักไปเล็กน้อย คยูฮยอนรู้เลยล่ะว่าสิ่งที่ทำให้ชางมินนิ่งและกำลังจะหลุดหัวเราะออกมาคงไม่ใช่อะไรนอกจากคนแขนเดี้ยงที่พยายามเรียกร้องความสนใจจากเขาด้วยการเดินมาจากโต๊ะมุมสุดของร้านซึ่งเขาเองแหละที่สั่งให้หมอนั่นนั่งรออยู่เฉยๆ ชเว ซีวอนเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ เขาพลางวาดแขนที่มีไอเท็มประจำตัวคือเฝือกสีขาวมาพาดคอของเขาจากด้านหลัง(ออกจะทุลักทุเลนิดหน่อย) นี่ยังไม่นับรวมใบหน้าหล่อจัดที่กดยิ้มมุมปากคิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย แขนข้างปกติเท้าสะเอวค้างไว้พลางโน้มหน้าลงมาใกล้เสียจนเกือบชิดติด บอกแล้วไง...ว่าชเว ซีวอน ได้ทีแล้วเอาใหญ่ อย่าให้ได้เผลอเชียวล่ะ!
“คนนี้... ผมจอง! ตีตราจองแม่งทั้งตัวล่ะ” ใครจะคิดว่า ชเว ซีวอนมันจะกล้าพูดได้อย่างหน้าด้านๆ คยูฮยอนตวัดสายตามองคนที่ได้ใจล็อคคอเขาจากเบื้องหลัง เขาดิ้นขยุกขยิกเมื่อหมอนั่นจงใจวางคางบนไหล่ซ้ำยังทำเสียงวางอำนาจเสียจนลูกค้าบางรายในร้านอาหารหันมามองเป็นตาเดียว...กับชางมินแล้ว นอกจากจะไม่ช่วยอะไรเพื่อนอย่างเขา หมอนั่นยังเอาแต่ระบายยิ้มขบขันอีกต่างหาก!
“พูดบ้าอะไร!”
“ก็ผมกับคุณ จุด จุด จุด กันแล้วอ่ะ!!!”
“อยากตายหรอไอ้ปากปีจอ!!!!!”
“ระวังป๊ากับม๊าออกมาเอ็ดนะเว้ย ผัวเมียทะเลาะกันก็ทะเลาะกันเบาๆ หน่อยดิ”
“ไอ้เพื่อนชิม!!!!”
วันนี้มันคงเป็นวันโลกถล่มยิ่งกว่าวันสิ้นโลก 2012 แหงๆ เพราะนอกจาก ชเว ซีวอนมันจะกล้าดีประกาศตัวเองว่ามัน จุด จุด จุด กับเขาต่อหน้าเพื่อนสนิมอย่างชิม ชางมินแล้ว ชางมินยังไม่ไยดีเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่หวงไม่หือไม่อือที่เขาถูก ชเว ซีวอนเอาเปรียบกันชัดๆ หรือชางมินจะปลงตกไม่คิดจะเข้าข้างเขาแล้วล่ะ ทำแบบนี้แล้วต่อไปโจ คยูฮยอนจะยังมีใครคอยหนุนหลังอีก เอาเถอะ...อย่างน้อยคยูฮยอนคนนี้ก็ยังมีอีวิลคูยอนกับนางฟ้าคูยอนที่ชอบโผล่มาเถียงกันบนไหล่เขาบ่อยๆ ล่ะนะ~
“คยูฮยอนนา... แต่งตัวเสร็จหรือยัง?” เสียงของพี่กาฮีทำให้เขาหลุดออกจาสภาวะที่หัวสมองกำลังตีกันอย่างชุลมุน ตามด้วยร่างของหญิงสาวที่ก้าวเข้ามาในห้องแต่งตัวโดยที่เธอไม่จำเป็นต้องเคาะประตูเรียกให้วุ่นวาย เจ้าหล่อนเดินมาหยุดตรงหน้าเขาพลางเรียวมือบางก็ยกขึ้นจัดเสื้อผ้าที่เขาใส่ถ่ายแบบวันนี้ ปากบ่นพึมพำถึงไอ้ช่างภาพปากปีจอว่าวันนี้อยากจะลองถ่ายแบบให้เขาด้วยมือซ้ายเผื่อรูปจะออกมาในแบบที่แปลกก็ไป...
แปลกออกไปที่ว่าเนี้ย...เพราะมือซ้ายมันถ่ายไม่ถนัด รูปเลยออกมาแบบง่อยๆ แต่บังเอิญนายแบบดูดีสินะ o(︶︿︶)o
“คยูฮยอนดูดีอยู่แล้วล่ะนะ...ถ่ายออกมายังไงก็เป็นโมเดลที่อิมเมจมีเสน่ห์อยู่ดี ตาซีวอนฝีมือก็งั้นๆ แหละจ้ะ ฮิฮิ” เขาส่งยิ้มขำให้กับว่าที่พี่สะใภ้คนสวยที่ดูเหมือนจะไม่เคยเข้าข้างน้องชายตัวเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว เธอดุนหลังให้เขาก้าวเดินออกจากห้องแต่งตัว หากทว่าร่างของพี่ชายต่างแม่ที่จู่ๆ ก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าพร้อมด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดจนผิดปกติทำให้คยูฮยอนเผลอขมวดคิ้วกับท่าทีแปลกๆ อย่างช่วยไม่ได้
“พี่ซอกฮุนมีอะไรหรือครับ?”
“คยูฮยอน...คุณพ่อมาหาเราน่ะ”
ร่างท้วมของบิดาก้าวมาหยุดอยู่ข้างๆ พี่ชายต่างแม่ คยูฮยอนคงจะดีใจกว่านี้เป็นแน่ถ้าสิ่งแรกที่พ่อเอ่ยทักเขาไม่ใช่ฝ่ามือที่ยกขึ้นตบเข้าที่แก้มข้างขวาจนชาไปทั้งหน้า และดูเหมือนอีกสองชีวิตที่เหลือจะนิ่งอึ้งกับเหตุการณ์เมื่อครู่ไปเกือบชั่วอึกใจ ชเว กาฮียกมือขึ้นป้องปากด้วยเพราะเธอตกใจกับการกระทำของชายวัยกลางคนตรงหน้าก่อนเธอจะยกมือขึ้นลูบไหล่บางเป็นการปลอบประโลม
“คุณพ่อคะ มีอะไรก็พูดกันดีๆ สิคะ”
“ซอกฮุนพากาฮีออกไปก่อน” โจ ฮันซองเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความเย็นชาจนสัมผัสได้ หากดวงตาที่อาจพร่าไปตามวัยยังคงจ้องลูกชายคนกลางที่เอาแต่ก้มหน้านิ่ง ชายหนุ่มลูกชายคนโตครั้นจะเอ่ยห้าม หากเขากลับโดยปรามด้วยการที่บิดาแสนรั้นหันไปสบตาเป็นเชิงให้ออกจากบริเวณนี้ไปเสีย โจ ซอกฮุนถอนหายใจให้กับท่าทีดื้อดึงของบิดาก่อนจะเอ่ยปากในสิ่งที่เขาคิดมาตลอดและหวังจะให้บิดาได้หวนคิดในสิ่งที่เผลอทำลงไปแม้สักนิดก็ยังดี
“คุณพ่อครับ...อย่าทำร้ายน้องไปมากกว่านี้ ผมขอแค่นี้จริงๆ”
“สวัสดีครับพ่อ...”
ครั้นปราศจากใครอื่น คยูฮยอนจึงเลือกที่จะเงยหน้าและใช้ดวงตาคู่โตมองใบหน้าของบิดาอย่างไม่นึกโกรธ ตั้งแต่ย้ายออกมาอยู่บ้านกับแม่และเพิ่งถูกคุณแม่ใหญ่เล่นสกปรกจนบ้านโดนยึด เขาก็ไม่มีโอกาสได้พบกับพ่อบังเกิดเกล้าอีกเลย...นี่ก็เกือบจะ 2 ปีแล้วได้ล่ะ ที่เขาคิดว่าอยากจะทำตัวเข้มแข็งโดยไม่ต้องพึ่งผู้เป็นพ่ออีก แน่นอนว่าที่พ่อมาในวันนี้ มันคงไม่ใช่เรื่องดีต่อเขานัก
“เหมือนแม่แกไม่มีผิด...รั้น อวดเก่ง” เสียงเข้มที่ตวาดกลับไม่ได้ทำให้เขานึกกลัว คยูฮยอนยังคงส่งยิ้มให้กับผู้เป็นพ่ออย่างทุกๆ ครั้งแม้คำพูดที่ว่าจะกระทบไปถึงผู้เป็นแม่ก็ตาม แต่ในทางกลับกัน...ถ้าเขาไม่คิดจะที่ทำอะไรด้วยตัวเอง รังก็แต่จะให้ใครต่อใครดูถูก ถ้าเกิดพ่อของเขาลองหวนคิด ณ จุดๆ นี้ดู แม่ของเขาต่างหากที่จะน่าสงสารมากกว่าใคร...
“มีอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะครับ ทีมงานคงรอผมแย่” คยูฮยอนยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลาที่ล่วงเลยกำหนดการถ่ายแบบมาเกือบครึ่งชั่วโมง หากแต่ดวงตาเย็นชาที่สาดมองกันอย่างไม่ไยดี อดไม่ได้ที่เขาต้องเม้มริมฝีปากอย่างกดกลั่น
“ถ้าฉันไม่เห็นว่าแกเป็นลูก คงไม่บากหน้ามาพูดกับแกหรอก ไอ้การที่แกทำตัวแบบนี้ ฉันก็อายแทบแย่ อย่างน้อยทำอะไรก็ช่วยเห็นแก่หน้าพ่อแกด้วย”
“ผมทำอะไร?”
“การที่แกเป็นแบบนี้ ทำตัวแบบนี้... มันน่าไม่อาย”
“ถ้าพ่อหมายถึงเรื่องที่อึนจองเอาไปฟ้องพ่อล่ะก็...บอกไว้นะครับ ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของผม ยัยนั่นไม่มีสิทธิยุ่งเพราะในเมื่ออึนจองได้ทุกอย่างที่ผมอยากได้...ได้ไปหมดทุกอย่าง ได้ในสิ่งที่ผมไม่เคยมีเลย ผมเกิดมาแบบที่พ่อต้องการอยู่แล้ว พ่อไม่ต้องมาสนใจผมหรอกครับ ผมอยู่ได้...โดยไม่มีพ่อ”
“ดูสิ...หน้าแดงเถือกเลย คุณพ่อนะคุณพ่อ”
มือบางเอื้อมมาจับที่แก้มของเขาก่อนพี่กาฮีจะใช้สำลีใส่ยาบริเวณข้างมุมปากที่ไม่รู้ว่าเลือดมันซึมออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ การถ่ายแบบวันนี้ต้องหยุดพักไปอย่างช่วยไม่ได้เมื่อช่างภาพอย่าง ชเว ซีวอน มองสภาพของเขาแล้วลงความเห็นโดยไม่ต้องพูดอะไรให้มากมายว่าอย่างไรเสีย การที่โมเดลบกพร่องเรื่องจิตใจก่อนเวลาถ่ายแบบ รูปที่ได้มันจะคงออกมาแย่และไม่มีชีวิตชีวาเป็นแน่
ร่างสูงใหญ่ทิ้งกายนั่งลงข้างๆ เขาก่อนจะใช้ฝ่ามือหนาลูบแก้มที่ยังคงมีรอยแดงจากฝ่ามือของผู้เป็นพ่ออย่างเบามือ หมอนั่นถอนหายใจพรูใหญ่พลางรั้งร่างของเขาเข้ามากอด ไม่แม้จะพูดจาอะไร แล้วมันก็เหมือนซีวอนเอาค้อนปอนด์มาพังกำแพงกั้นน้ำตา...เวลานี้เขาถึงได้ปล่อยโฮออกมาโดยไม่อายสายตาใครทั้งสิ้น
“อย่าร้องดิ ไม่สวยแล้วอ่ะคุณ” ชายหนุ่มส่ายหน้าให้กับอาการงอแงของนายแบบหน้าแมว พี่กาฮีลุกขึ้นออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ ทั้งยังส่งสายตาเป็นเชิงฝากให้เขาดูแลคนในอ้อมแขนไปพลางๆ ก่อน... ใบหน้าขาวซุกอยู่ที่อกของเขาอยู่นานสองนาน ก่อนน้ำเสียงอู้อี้จะถูกเอ่ยเอื้อนออกมาอย่างยากลำบากเพราะเสียแรงสะอื้นไปหลายนาที
“ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”
“ไม่เอาหน่าคุณ...” เขาว่าพลางใช้หัวแม่มือเช็ดน้ำตาที่ร่วงเผาะผ่านดวงตาคู่โต การที่ต้องมาเห็นคนที่เคยปากเก่งร้องไห้แบบนี้มันเกินความคาดหมายอย่างไม่น่าเชื่อ...ภาพลักษณ์ของคยูฮยอนแท้จริงก็เป็นเพียงเกราะบางๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อคุมกันตัวเองจากสิ่งน่ากลัวต่างหาก
“แต่ฉันไม่อยากทนแล้วหนิ ฉันอยากไปหาแม่...” สุดท้ายแล้ว โจ คยูฮยอนก็เหมือนเด็กติดแม่ที่ทำตัวเข้มแข็งได้อย่างน่าหมั่นเขี้ยว ช่างภาพหนุ่มยิ้มขำนิดหน่อยเมื่อใบหน้าเปื้อนน้ำตาของนายแบบหน้าแมวช้อนสายตาเขาอย่างอ้อนๆ และนั่นก็ทำให้เขาคงไม่ต้องนึกตรึกตรองอะไรแล้ว นอกจากฉุดร่างโปร่งให้ลุกขึ้นจากโซฟาด้วยแขนซ้าย ดวงตาคมฉายแววมาดมั่นพลางเอี้ยวตัวไปหยิบกระเป๋าเป้ของคนตัวบางที่วางอยู่ใกล้ๆ ขึ้นมาพาดไหล่
“งั้นไปหาแม่คุณที่ฮ่องกงคืนนี้เลยดีกว่า...ผมจะได้ไปแนะนำตัวกับท่านในฐานะ...ว่าที่ลูกเขยยังไงล่ะ~”
“อะไรกันน่ะ!!”
“พรีฮันนีมูน ~ >w<”
Talk*
โอ้ยยยยยยยยยยยยย ตอนนี้มัน ไม่มีอะไรเลย 5555555555555
เข้ามาแก้คำผิด แม่เจ้า = = เยอะมาก #ช่วงนี้เบอะอย่างแรงส์
หลายคนเชียร์ชางมินคยู แต่บอกได้เลยว่าชางมินในเรื่องไม่ได้คิดอะไรกับนายเอกของเราเกินเพื่อนนะ (แต่เรื่องจริงไม่รู้ดิ -..- ยิฮะ~) ส่วนตัวนะ เราชอบพี่วอนเรื่องนี้มาก อยากเจอผู้ชายแบบนี้จริงๆ ในชีวิตบ้าง (ไม่เคยเจอแบบนี้เลยให้ตายสิ ~ T^T) ที่เราแต่งพระเอกแบบนี้ ก็เพราะเราอยากได้แบบนี้เองนั่นแหละ (เชื่อว่ารีดเดอร์ทั้งหลายก็คงชอบผู้ชายกวนๆ เกรียนๆ แต่มีมุมอบอุ่นแบบนี้เหมือนกัน -//-) ตอนหน้า...พรีฮันนีมูน (อั๊ยย่ะ ~)
ฟิคอีวิลยังจองได้อยู่น้าาาาาาาาาาาาาาาาา (ขายของตัลหลอด -..-)
ความคิดเห็น