คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : [S Fic] Evil Sherbet. [3/5] จับให้มั่นคั้นให้ตาย!! ----- 100%
Evil Sherbet.
หมายเหตุ!! มีการแก้ไขในส่วนที่เพิ่งลงไปเล็กน้อย นั่นคือตรงที่เป็นอักษรสีฟ้านะคะ ^^
ตอนที่ 3
จับให้มั่นคั้นให้ตาย!!
ชเว ซีวอนก็น่ารู้ดีว่า โจ คยูฮยอนน่ะ ไม่ใช่ธรรมดาๆ
“สมน้ำหน้า!!”
ช่างภาพหนุ่มได้แต่ยกมือขึ้นลูบบริเวณเบ้าตาที่เพิ่งถูกชกไปเมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงก่อน...ส่วนเสียงแง้วๆ ที่ลอยมากระแทกโสตประสาทให้นึกหมั่นไส้ก็คงไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากนายแบบหน้าหวานที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา...ย้อนไปตอนก่อนโดนประเคนกำปั้น... เขาดันร่างโปร่งให้แนบลงกับเตียงพลางยกกล้องขึ้นถ่ายรอยยิ้มหวานๆ ซึ่งเขาเองก็หลงนึกไปว่ารอยยิ้มที่ว่าน่ารักไม่หยอกจนเมื่อมุมปากอิ่มกดยิ้มลึกก่อนหมัดหนักๆ จะกระแทกเข้าที่ตาข้างซ้ายอย่างจัง!
ณ ตอนนี้แล้ว คงเอาอะไรมารับรองความปลอดภัยของช่างภาพ(โคตรหล่อ)อย่างชเว ซีวอน ไม่ได้เลยจริงๆ
“เป็นไงล่ะแก” แน่ะ! พี่สาวของเขายังไม่ยอมจะน้อยหน้า...ชเว กาฮีระบายยิ้มขำอย่างไม่ปกปิดพลางทอดสายตามองเขาอย่างปลงๆ เจ้าหล่อนหันไปอมยิ้มกับนายแบบคนโปรดตามด้วยดวงตาคู่สวยที่เหลือบสายตาไปยังผู้มาใหม่
งานเข้าของแท้เลยล่ะ...งานนี้
“มีเรื่องด่วนอะไรงั้นหรอ?”
โจ ซอกฮุนก้าวเข้ามาในห้องทำงานของพี่สาวของเขาก่อนร่างสูงจะเดินมาหยุดที่โซฟากลางห้อง ว่าที่พี่เขยทิ้งกายนั่งลงข้างๆ นายแบบขี้ฟ้อง...ในขณะที่โจ คยูฮยอนก็เหมือนจะรู้งานเสียด้วยถึงได้หันไปมองหน้าพี่ชายตัวเองด้วยสายตาที่บอกได้เลยว่า โคตรจะเรยา พลางหัวทุยก็ซบลงที่ไหล่หนา ทั้งๆ ที่ใบหน้าขาวกำลังยิ้มเยาะใส่เขาได้อย่างน่าตี!
“ก็จะอะไรซะอีก...ถ้าไม่ใช่ซีวอนมันก่อเรื่องไว้กับคยูฮยอนน่ะสิ” ซีวอนมองหน้าพี่สาวคนสวยที่เอาแต่จะหาเรื่อง(?)และไม่ลดละความพยายามที่จะหาเรื่องตายให้เขาจากว่าที่พี่เขย โจ ซอกฮุนขมวดคิ้วตึงกับประโยคที่ว่ากระนั้นก็ยังมีท่าทีใจเย็น...และนั่นก็ทำให้ช่างภาพมือดีคิดว่า อย่างน้อย...ว่าที่พี่เขยก็คงไม่ใช่คนประเภทใจร้อนถึงขั้นตัดสินอะไรโดยไม่สืบก่อนหรอก
“เรื่องอะไร?”
“ก็เรื่องที่...”
“ผมถูกหมอนี่ข่มขืน...”
นั่นไง...!! ตุ๊กตายางแผลงฤทธิ์!!!
ชเว ซีวอนเหลือกตากับประโยคที่ไม่คิดไม่ฝัน(?)ว่า โจ คยูฮยอนจะกล้าพูด...และแน่นอนว่า โจ ซอกฮุนก็ไม่ต่างกัน...
“ว่ายังไงนะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับพี่ซอกฮุน ผมเปล่า!!!” เขายังคงปฏิเสธกับข้อกล่าวหาที่ถูกยัดเยียดมาให้อย่างไม่ยุติธรรมเลยสักนิด! ชเว ซีวอนชักจะนั่งไม่ติดโซฟาเมื่อจู่ๆ ระเบิดลูกโตกลับถูกโยนมาดื้อๆ ซ้ำเขาเองยังรู้สึกประหลาดใจพิกลกับท่าทีของโจ คยูฮยอนในเวลานี้...เพราะนอกจากดวงตาคู่กลมจะจ้องเขากลับมาด้วยท่าทางเหนือกว่าแล้ว เจ้าตัวดูไม่เดือดร้อนอะไรสักจะเท่าไหร่กับการกล่าวหาว่าเขาไปข่มขืน(?) หรือบางทีแค่ขอให้ได้เอาคืนก็พอ...แบบนี้ล่ะที่เขาคิดว่าท่าทีที่อ่านไม่ออกของโจ คยูฮยอนมันดูร้ายกาจเสียยิ่งกว่าตอนไหนๆ
“ไม่ใช่อย่างนั้นแล้วมันเป็นอย่างไหน...ตอนเช้าที่ฉันเปิดประตูเข้าไปในห้องแก แล้วเห็นแกทำท่าจะปล้ำคยูฮยอนน่ะ มันหมายความว่ายังไงย่ะ ไหนจะที่แกใส่แค่บ๊อกเซอร์ตัวเดียวอีก...รูปการณ์แบบนี้...จะให้พี่คิดว่ายังไงกัน!”
“แต่ผมไม่ได้ข่มขืนอ่ะ...มันไม่ใช่อ่ะเจ๊!!”
“แต่ก็มีอะไรกัน...จริงๆ ใช่ไหมล่ะ?”
โจ ซอกฮุนดูใจเย็นกว่าที่เขาคิดเยอะ...อย่างน้อยว่าที่พี่เขยก็เอ่ยถามเขาด้วยรอยยิ้มขบขันกระนั้นกลับหันไปมองหน้าน้องชายตัวเองที่ทำสีหน้ากระเง้ากระงอดใส่พี่ชาย อดไม่ได้ที่ชายหนุ่มช่างภาพคิดว่าอยากจะจับคนตัวบางมาตีก้นข้อหาทำให้เขาคะแนนติดลบจากพี่สาวเสียให้เข็ด
“แล้วถ้าผมไม่ได้โดยห้ามให้หยุด...เขาเรียกว่าข่มขืนหรือเปล่าครับพี่ซอกฮุน...”
ทีใครทีมันล่ะกันนะ โจ คยูฮยอน...
“ไปโกรธใครมาอีก...คุณแม่ใหญ่ อึนจองหรือหมาแมวข้างถนน”
“หมายังดีกว่าคน!! คนอะไรแม่งนิสัยเสีย!”
ชิม ชางมินพูดจี้ใจได้ตรงจุดจนเขาเองยังอยากจะซูฮกให้... โจ คยูฮยอนในเวลานี้เลือกที่จะใช้เวลาว่างหลังถ่ายแบบ(หลังจากปะ ฉะ ดะ กับไอ้ช่างภาพปากหมา)มาสงบสติอยู่ที่ร้านอาหารของเพื่อนสนิท...ตั้งแต่เช้านอกจากหน้าที่ปั้นยิ้มต่อหน้าใครต่อใครแล้ว อีกใบหน้าหนึ่งที่เขาคาดว่าคงชินกับมันเข้าให้สักวันก็คงเป็น ใบหน้าบูดบึ้ง...! ปากอิ่มที่คว่ำลงเล็กน้อยรวมไปถึงดวงตาที่เอาแต่ตวัดมองคนอื่นไปทั่วทำให้เขาเองอดจะติดไม่ได้ว่าเขากำลังจะกลายเป็นพวกขี้โมโหอย่างถาวร!
“โมโหบ่อยๆ เข้า ระวังหน้าจะแก่เร็ว~”
คยูฮยอนกอดอกฉับในทันทีเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ แต่ลำคอของเพื่อนสนิทคนเดียวที่นอกจากจะไม่พูดจาเข้าข้างเขาแล้ว ยังพูดจาในเชิงกวนอารมณ์กันเสียมากกว่า แต่ก็นั่นแหละ ชิม ชางมินก็คือมนุษย์ยุคหินที่ไม่ค่อยจะแสดงสีหน้าหรืออารมณ์ใดอื่นนอกจากอมยิ้มมุมปากพร้อมด้วยฝ่ามือหนาที่ยกขึ้นยี้กลุ่มผมสีน้ำตาลทองของเขาเสียจนต้องพ่นลมหายใจฮึดฮัดอยู่ร่ำไป
“ฉันไม่ได้โมโห แค่อยากบีบคอคนปากหมา!”
“เอ่อะ...ไม่โมโหก็ไม่โมโห...” ชางมินตั้งท่าจะเดินหนีไปหลังร้านอย่างที่ชอบทำบ่อยๆ เวลาเขาหงุดหงิด...ทว่าฝ่ามือเรียวกลับรั้งแขนของเพื่อนตัวโย่ง ดวงตากลมๆ ถลึงมองจะให้คนๆ นี้รับฟังเขาพร่ำ แหงล่ะ ชางมินน่ะรู้ว่าเขาโมโห รู้ว่าเขาจะไม่ฟังใคร รู้ว่าจะโวยวายจนกว่าจะพอใจ ถึงได้ต้องใช้วิธีนี้ในการทำให้เขาสงบสติอารมณ์ แต่สุดท้าย...พอโจ คยูฮยอนรู้สึกว่าต้องนั่งหน้าหงิกคนเดียว มันก็กลับยิ่งสร้างตะกอนขุ่นมัวในใจให้มากขึ้นเป็นกำลังสอง...
คนมันไม่เคยมีใครมาเอาใจ...ไม่เคยเป็นที่หนึ่ง ก็เลยอยากจะทำทุกอย่างให้ตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางก็เท่านั้น...
“จะไม่ถามหน่อยหรอว่าใครมายุ่งย่ามกับเพื่อนของนายน่ะ”
“แล้วใครล่ะ?”
“ช่างภาพในโมเดอร์ลิ่งของพี่กาฮี...จะพูดให้ถูก หมอนั่นน่ะเป็นน้องชายแท้ๆ ของว่าที่พี่สะใภ้ฉันเอง... ชเว ซีวอน”
“แล้วยังไง...เขาแค่ยั่วโมโหนาย แค่อยากจะแกล้ง หรืออยากจะจีบ มองจุดประสงค์หมอนั่นออกหรือเปล่า?” ชิม ชางมินอยากจะรู้นักว่าคนๆ ที่คยูฮยอนกล่าวถึงจะอะไรพิเศษนักหนา เพื่อนสนิทของเขาถึงได้เอาใจไปจดจำขนาดนั้น...โจ คยูฮยอนเป็นประเภทร้ายมาก็ร้ายตอบ...แต่ร้ายในที่นี่คือการตอกกลับแบบเจ็บๆ อย่างเช่นกรณี โจ อึนจอง เขาถึงได้มั่นใจนักว่า ชเว ซีวอน ที่ว่าคงไม่ได้ทำให้คยูฮยอนโมโหเพราะถูกกวนประสาทเป็นแน่...
“กวนตีนไปวันๆ”
“งั้นหรอ...ก็ปล่อยไปสิ...สนใจอะไร หรือนายสนใจหมอนั่นซะเอง...” นั่นไงล่ะ...โจ คยูฮยอนทำสีหน้าเลิกลั่กเบือนหน้าหนีเขาทันที...แบบนี้น่ะ พิรุธอย่างไม่น่าให้อภัยเลยนะ!
“เหอะ! ยัยอึนจองกำลังจ้องจะจับตานั่นต่างหาก...ฉันแค่คิดว่าขืนหมอนั่นได้ยัยอึนจองไปทำเมียจริงๆ คงได้บรรลัย” คนปากเก่งแก้ตัวข้างๆ คูๆ ซ้ำยังไม่ตรงประเด็นพลางเฉมองไปเรื่อยเปื่อยไม่ยอมมองหน้าคนฟังอย่างเขา...ก็ถ้าโจ คยูฮยอนคิดว่าซ่อนอาการแปลกๆ ต่อหน้าใครอื่นได้ ...อย่าหวังมาปกปิดอะไรต่อหน้าเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่เด็กๆ อย่างเขาเลย...ชางมินลอบยิ้มอย่างคนรู้ทันพลางโน้มหน้าลงไปมองใบหน้าเรียวหวานใกล้ๆ ให้ถนัดตา
“อยากจะเอาชนะอึนจองอีกหรือไง แค่นี้ยังชนะไม่พออีกหรอ?” มันเป็นเรื่องที่เขาก็รู้อยู่แก่ใจ ว่านิสัยท้าไม่ได้และทำโดยไม่คิดหรืออยากจะเอาชนะกันเนี้ย...คยูฮยอนน่ะ ที่หนึ่งเลยล่ะ เรื่องหัวดื้อหันรั้น...ปัจจุบันที่มาเป็นนายแบบได้ ก็คงเพราะอยากจะหักหน้าอึนจองที่แป้กกับงานแบบนี้เพราะเจ้าหล่อนไม่มีวินัยของการเป็นนางแบบมากพอ...แล้วถ้าคนที่อึนจองอยากจะได้ล่ะ เขาก็คิดว่าคยูฮยอนก็คงคิดอะไรแผลงๆ ดักทางน้องสาวตัวดีไว้เหมือนกัน ไม่ผิดแน่!
“ชางมิน...นายมองฉันเป็นคนไม่ดีขนาดนั้นเลย ฉันไม่ได้อยากจะเอาชนะใครสักหน่อย~”
“ให้เชื่อดีหรือเปล่าล่ะ...สายตานายมันฉายแววเจ้าเล่ห์อีกแล้วนะ รู้ตัวหรือเปล่า?”
“ฉันเป็นเพื่อนนายนะ เข้าข้างกันหน่อยสิ!”
“ถ้าเข้าข้างบ่อยๆ แล้วเคยตัว ก็ไม่อยากเข้าข้างหรอก”
“ชางมิน!”
“นี่ๆ ฉันว่าฉันเห็นอีวิลตัวเล็กๆ มันเกาะอยู่บนไหล่นายนะ...นายมันร้ายกาจ ฉันรู้ดี” ฝ่ามือหนาเอื้อมมาบีบจมูกรั้นเข้าให้สักที...ดวงตากลมตาถลึงมองเพื่อนสนิทราวกับสาปแช่งกันทางสายตา ชิม ชางมินหัวเราะให้กับท่าทีลุกลี้ลุกลนที่มองยังไงก็ไม่น่าไว้ใจ...
คยูฮยอนไม่เคยเป็นที่หนึ่ง ทั้งในเรื่องความรักจากพ่อ
คยูฮยอนไม่เคยถูกเอาใจ ถึงได้รั้นที่จะให้ตัวเองเป็นศูนย์กลาง
คยูฮยอนจะเสียของรักทุกอย่างให้น้องสาวอย่างอึนจองเสมอแล้วถ้าคิดจะทวงคืน คยูฮยอนจะไม่แยแสของเก่า แต่จะอยากได้ของใหม่ที่มีค่ามากกว่าเดิม... ถ้าลองคิดใคร่ครวญนิสัยของอีวิลนามว่า โจ คยูฮยอนดีๆ แล้วล่ะก็...คุณจะปะติดปะต่อเรื่องราวทุกอย่างได้โดยไม่ต้องอาศัยเชอร์ล็อค โฮมม์เลยล่ะ!
...เขาชักจะรู้สึกว่าตารางงานถ่ายแบบช่วงนี้ดูไม่ชอบมาพากล...
แหงล่ะ... ตากล้องที่โมเดอร์ลิ่งไม่ได้มีแค่ ชเว ซีวอน(ปากสุนัข)คนเดียวสักหน่อย ทำไมงานช่วงนี้หมอนี่ถึงมีคิวถ่ายรูปให้เขาบ่อย(มาก)ขนาดนี้กัน!! ร่างโปร่งอดจะสบถออกมาเบาๆ ไม่ได้เมื่อคนในความคิดเล่นบังเอิญมายืนอยู่ตรงหน้า... บันไดทางเดินที่ต่อไปถึงชั้นสองของตึก เขาเบ้ปากใส่คนตัวสูงที่เอาแต่ขวาง ใบหน้าคมคายระบายยิ้มอ้อล้อซ้ำยังตั้งใจยืนนิ่งๆ ไม่ขยับตัวไปไหนประหนึ่งจะกวนประสาทกันเสียให้ได้...เขาขยับไปทางซ้าย หมอนี่ก็แกล้งขยับมายืนขวาง พอตั้งใจจะเดินหลีกมาทางขวา ไอ้บ้านี่ก็จงใจขยับตัวมาขวางกันซ้ำสอง...
“หลีกไป!” เขาพูดน้ำเสียงสั้นห้วน แต่กับท่าทีของ ชเว ซีวอนที่แสดงออกต่อเขาช่างจะยียวนเส้นประสาทในสมองให้เต้นตุ้บๆ หมอนี่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียง มือหนายกขึ้นป้องหูพลางโน้มตัวลงมาใกล้ทำราวกับเสียงออกคำสั่งของ โจ คยูฮยอนเป็นเสียงที่ไม่มีความหมายเลยสักนิด
“อะไรนะครับ~ คุณตุ๊กตายาง...”
“ฉันบอกให้หลีกไป!”
“ห๊ะ อะไรนะ ~” เอากับมันสิ... คยูฮยอนเท้าสะเอวจ้องคนตรงหน้าที่นอกจากจะไม่หลีกทางให้เขาอย่างที่ควรจะทำแล้ว ไอ้ช่างภาพปากเก่งขี้เก็กยังทำตัวกวนประสาทได้อย่างน่าหมั่นไส้ ชเว ซีวอนไม่เดือดร้อนกับท่าทีของเขาที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าอีกไม่นานคงได้ปล่อยระเบิดตูมใหญ่ ผู้ชายนิสัยเสียระบายยิ้มมุมปากพลางหลุดเสียงหัวเราะหึหึให้ได้ยินหลังจากที่เขาถอนหายใจอย่างเหลืออด
“ว่างมากหรือไง ถึงได้มายืนขวางทางคนอื่นเขา”
“คนอื่นที่ไหน...ไม่ใช่คนอื่นไกลกันเลยอ่ะ” ไม่ว่าเปล่าช่างภาพหนุ่มยังส่งมือมาบีบคางเขาเบาๆ นายแบบหน้าแมวเลือกที่จะปัดมือนั้นทิ้ง ฝ่ามือขาวยกหมัดจ่อไว้ที่ใบหน้าหล่อๆ เสียแทน และนั่นก็ทำให้ซีวอนยิ้มเผล่พลางยกมือทั้งสองไว้ในระดับอก(ปางห้ามญาตินั่นแหละนะ)
“จะถอยไปได้หรือยัง...หรืออยากตาแหกอีกสักข้าง -..-“
“รุนแรงตลอดๆ -3-” ใครจะรู้ว่านอกจากไอ้ปากปีจอมันจะไม่สะทกแล้ว คำว่าสะท้านก็คงไม่แทรกซึมสู่ผิวหนังชั้นใดๆ จากที่มือของเขามันเป็นอิสระตอนนี้คนตรงหน้ากลับใช้มือใหญ่กุมกำปั้นของเขาไว้ได้อย่างถนัดมือ คยูฮยอนพ่นเสียงเหอะอย่างนึกรำคาญ และแน่นอนว่า ชเว ซีวอนไม่ยักจะสนใจ ดวงตาเบิกโพลงเมื่อกำปั้นของเขาถูกดึงไปแตะที่เรียวปากคมโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
“อะไรของนาย ชเว ซีวอน!!!”
“ตกใจแล้วหน้าโคตรตลกอ่ะ ฮ่าๆๆๆๆ”
“ตลกมากใช่ป่ะ...- -!”
คยูฮยอนฉวยเอากล้องลูกรักที่ร่างสูงห้อยคออยู่มาถือไว้ในมือ ดูเหมือนชะตากรรมของกล้องแสนรักราคาแพงของ ชเว ซีวอน จะอยู่ในมือของนายแบบหน้าแมวเสียแล้วล่ะ เพราะเพียงแค่พลาดนิดหน่อย กล้องที่ว่าคงได้กลิ้งลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นบันไดแหงๆ ใบหน้าขาวระบายยิ้มเฉกเช่นผู้ชนะ พลางยกกล้องที่ว่าโบกผ่านใบหน้าที่เพิ่งจะยุ่งเหยิงของคนขี้แกล้ง
“คุณ! นั่นมันเครื่องทำมาหากินผมนะครับ”
ช่างภาพหนุ่มก้าวลงมาอยู่ในขั้นบันไดเดียวกับร่างโปร่งพลางพยายามคว้ามือไปยังกล้องลูกรักที่อีกคนถือมันไว้ซะหมิ่นเหม่จะตกสู่พื้นเบื้องล่าง แต่กับดวงตาคู่กลมที่ฉาบไปด้วยแววซุกซนมันทำให้เขาจำต้องถอนหายใจเมื่อมือของเขาคว้ากล้องมาได้คืนแต่มือบางกลับไม่ยอมที่จะปล่อยมือเสียอย่างนั้น...
“ของนายไม่ใช่ของฉัน...”
“เอาคืนมาเหอะคุณ...”
“ไม่ให้!!”
“คุณตุ๊กตายาง ขอร้องล่ะครับ เอาคืนมาเหอะ”
“ไม่!!!”
ตุ้บ!!!!!
กล้องราคาแพงน่ะ ยังปลอดภัยดีในมือของนายแบบหน้าแมว...แล้วเจ้าของกล้องอย่าง ชเว ซีวอนล่ะ?!?
เฝือกสีขาวเด่นหราและตอกย้ำให้ช่างภาพหนุ่มนึกหงุดหงิดกับสภาพของตัวเองในตอนนี้ไม่ได้...การแขนหักที่แลกมาด้วยการได้กวนประสาท โจ คยูฮยอนเล็กๆ น้อยๆ ส่งผลกระทบต่อเขาอย่างมหาศาล...เล่นหักข้างขวาเสียด้วยแล้วอย่างนี้เขาจะทำงานได้ยังไงล่ะ? ถ้ารู้ว่าตัวเองจะกลิ้งตกบันไดมาแทนเจ้ากล้องแสนรักที่ว่า ทีหน้าทีหลัง ชเว ซีวอนก็คงต้องระวังตัวในการจะแกล้งแหย่คนๆ นี้เล่นแล้วล่ะ...
“แขนหักแบบนี้ จะทำงานได้หรือไง...สงสัยต้องพักเป็นเดือนเลยมั้ง แกน่ะ” พี่สาวคนสวยคนเดิมนั่นแหละ ที่เดินมานั่งข้างๆ เขาพลางมองเจ้าเฝือกแสนเทอะทะ ชายหนุ่มพรูลมหายใจเฮือกใหญ่พลางช้อนสายตามองหญิงสาวผู้เป็นพี่ด้วยสายตาขึงขังเมื่อเขานึกอะไรขึ้นมาได้อย่างไม่คาดฝัน
“ก็ให้คนมาดูแลผมดิ” ชเว กาฮีขมวดคิ้วตึงในทันที...ก่อนเจ้าหล่อนจะหรี่ตามองใบหน้าทะเล้นของน้องชายด้วยเพราะรู้ทันความคิดความอ่านจากดวงตาขี้เล่นนั้นออกโดยที่ไม่ต้องอธิบายให้มากความ
“อย่าบอกนะว่า...”
“ใครทำก็ให้คนนั้นดูแลสิเจ๊~”
ตาขวากระตุก โบราณท่านว่า ลางไม่ดี...
แต่กับ โจ คยูฮยอนแล้ว เขาคิดว่า... เขาชินกับมันจนรู้สึกว่าเมื่อตาข้างขาวกระตุกทีไร ก็คงไม่มีเรื่องหนักหนาสาหัสอะไรหรอก เพราะในเมื่อผ่านมันมาได้เสมอๆ อย่างวันนี้ยังไงล่ะ...นอกจากเขาจะไม่เจอเรื่องโชคร้ายแล้ว ชเว ซีวอน ต่างหากคือคนที่ได้รับความซวยไปเต็มๆ...
นายแบบหนุ่มรู้สึกเหมือนตัวเองมีมารตัวน้อยกับนางฟ้าตัวเล็กเกาะอยู่บนไหล่ทั้งสองข้างพร้อมถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อน เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนบ่าย...แหงล่ะ ว่าเขาเป็นคนทำให้หมอนั่นตกบันไดจนแขนหัก แต่ถ้า ชเว ซีวอนไม่มายุ่งย่ามกับเขาก่อน ช่างภาพขี้เก็กนั่นก็คงไม่ต้องแขนเดี้ยงไม่ใช่หรือไง?
...นายไม่ผิดนะ หมอนั่นตกบันไดไปก็ถูกแล้วหนิ คราวหน้าทำให้หักไปทั้งตัวเลย!!
...ไม่ได้ๆ นายต้องดูแลเขาสิ...อย่างน้อยก็ในฐานะที่ทำให้เขาแขนหักน่ะ
...อย่าได้ใจดีเชียวนะ เอาให้หนักๆ -3-
...ไม่ได้!!! คิดหน่อยสิ ว่าบางทีเขาอาจไม่มีเจตนาแกล้งนายก็ได้นะ ว่ากันว่า เขาแกล้งก็เพราะเอ็นดู ...ซีวอนชอบคยูฮยอนแน่ๆ!!!!
...ไร้สาระว่ะ ไอ้นางฟ้าคูยอน
...เงียบไปเลย อีวิลคูยอน!!!
“โอ้ย!! เลิกเถียงกันได้แล้ว!!! รำคาญ!!!”
ท้ายที่สุด...คยูฮยอนถึงได้ตะโกนออกมาอย่างเหลืออดเมื่อความคิดในหัวสมองตีกันเสียจนวุ่น เขาตวัดสายตามองมือถือที่วางอยู่ใกล้ตัว มันปรากฏข้อความที่ถูกส่งมาตั้งแต่เมื่อใดไม่อาจทราบด้วยเบอร์ที่ไม่คุ้นสักเท่าไหร่...
‘เปิดประตูให้ผมด้วย...เบบี๋ <3’
“เซอร์ไพรส์!!!!”
ชเว ซีวอน =______=
“เข้าห้องคนอื่นแบบนี้ได้ไงนาย!!!”
ชเว ซีวอนไม่ฟังเสียงทัดทานของเขาเลยแม้แต่น้อย หมอนั่นที่ส่งข้อความมาหาเขาให้เปิดประตู แต่ดันสลอนเปิดประตูเข้ามาเอง ซึ่งถ้าให้เขาเดา...พี่ซอกฮุนต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่ๆ เพราะในเมื่อคอนโดฯที่เขาอยู่ปัจจุบันคือคอนโดฯของพี่ซอกฮุนที่ยกให้เขาอยู่ แล้วเจ้าตัวก็กลับเข้าไปอยู่กับที่บ้านหลังใหญ่ ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนนอกจากพี่ชายต่างแม่คนนี้เพียงคนเดียวกับเพื่อนสนิทอย่าง ชิม ชางมิน...แล้วช่างภาพปากหมามันมาได้ยังไงไม่ทราบ!!
ไอ้บ้านี่มันไปเล่นแง่อะไรกับพี่ชายของเขากัน!!!!
“โทษฐานที่คุณทำให้ผมต้องแขกหัก คุณต้องดูแลผม 1 เดือน นะจ๊ะ นะจ๊ะ~”
ชเว ซีวอนลอยหน้าลอยตาได้อย่างน่าหมั่นไส้! ร่างสูงใหญ่เดินผ่านกรอบประตู เดินดุ่มๆ ไปยังกลางห้องคอนโดฯ มือที่ไม่ได้เดี้ยงอะไรโยนกระเป๋าเป้ใบไม่ใหญ่ไม่เล็กลงบนโซฟาที่เขานั่งอยู่ในทีแรกพลางทิ้งตัวเหยียดกายไปตามยาวของโซฟา ไม่ไยดีเจ้าของห้องที่ยืนค้ำหัวอยู่เลยสักนิด
“เรื่องอะไรล่ะ นายกลิ้งตกลงไปเองหนิ ทำไมฉันต้องรับผิดชอบ”
“ไม่สนล่ะ ผมจะเหมาว่าคุณทำให้ผมแขนหักทำงานไม่ได้ต้องพักงานไป 1 เดือน เผลอๆ อาจมากกว่านั้นก็ได้นะครับคุณ” หมอนั่นตอบกลับด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน แขนขวาที่ใส่เฝือกสีขาววางพาดอกตัวเอง ส่วนแขนซ้ายที่ยังคงสภาพดี(และอีกไม่นานอาจเดี้ยงเหมือนข้างขวา)ก็สอดใต้ท้ายทอยหนุนต่างหมอน ใบหน้าหล่อจัดยกยิ้มมุมปากพลางถอนหายใจเมื่อเขาพยายามจะลากแขนแกร่งให้ลุกขึ้น
“ฉันไม่อยากรับผิดชอบนายด้วยวิธีบ้าๆ นี้ ออกไปเลย!!”
“แต่...พี่ซอกฮุนฝากบอกมาว่า...โตๆ กันแล้ว ใครผิดก็รับไปตามผิด...นะครับ~”
“ไม่เชื่อ...”
“งั้นก็ถามพี่ซอกฮุนเองล่ะกันนะครับ” ชเว ซีวอนส่งสายตาพยักพเยิดไปยังมือถือที่เขากำไว้ในมือ ไม่ต้องรอให้พูดอะไรไปมากกว่านี้ เขาต่อสายไปยังเบอร์ของพี่ชายต่างแม่ในทันที และคำตอบที่เขาไม่ได้อยากได้ยินมากที่สุดก็คือน้ำเสียงราบเรียบและคำพูดแสนมีเหตุผลของพี่ซอกฮุน มันตอกย้ำให้คยูฮยอนนึกเจ็บใจอย่างถึงที่สุด!
“/เราไปทำซีวอนเขาแขนหัก ก็ดูแลเขาไปสิ...ไม่เห็นจะเสียหาย ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว กาฮีบอกว่าซีวอนเขาไม่วุ่นวายอะไรหรอก/”
ใครว่า ชเว ซีวอน ไม่วุ่นวาย
...มาดูด้วยตัวเองเถอะ ว่าหมอนี่วุ่นวายยิ่งกว่าเด็กอนุบาลอีก!!
“คุณตุ๊กตายาง~”
“เบบี๋คร้าบ!!!”
“ผมสระผมไม่ได้อ่ะ...มาสระให้หน่อยได้ไหมครับ ~”
ผู้ชายตัวใหญ่ๆ ที่นั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำ...แขนข้างหนึ่งใส่เฝือก ส่วนอีกข้างก็ถือขวดแชมพูส่งมาให้เขา...มันไม่ใช่ภาพที่น่าดูสักจะเท่าไหร่ สาบานได้!! กระนั้นโจ คยูฮยอนก็ยังอุตส่าห์ก้าวเข้าไปในห้องน้ำ ดวงตากลมๆ ตวัดมองช่างภาพหนุ่มที่เอาแต่ช้อนสายตามองเขาราวกับติเตือนให้ต้องรู้สึกผิด โทษฐานไม่ยอมช่วยเหลือคนป่วยอะไรประมาณนั้น ร่างโปร่งนั่งลงที่ขอบอ่างอาบน้ำ ก่อนจะรับขวดแชมพูมาอย่างเสียไม่ได้ และนั่นก็ทำให้ใบหน้ารูปสลักยิ้มเผล่
“เห็นว่ากำลังพิการอยู่หรอก” มือบางบีบครีมแชมพูออกมาอย่างลวกๆ ปฏิกิริยาของ ชเว ซีวอน ล่ะไวนัก พอเห็นเขาจะสระผมให้อย่างที่บอก หมอนั่นก็กระเถิบตัวมาใกล้ๆ พลางวางศีรษะที่เส้นผมลู่ลงมาตามน้ำไว้บนขาข้างซ้ายที่ติดอยู่กับขอบอ่าง แต่ดูเหมือนมันจะไม่ใช่ท่าที่เอื้อต่อคนที่แขนเดี้ยงอยู่แล้วสักจะเท่าไหร่...
“ผมปวดคออ่ะคุณ คุณเอาขาเข้ามาในอ่างแล้วให้ผมหนุนไม่ได้หรอ?”
“เรื่องมาก!” นายแบบหน้าแมวจิ๊ปากไม่สบอารมณ์ ...พอคนเรามันเดี้ยงนิดหน่อย ก็สำออยเสียจนเกินพอดี! แต่จนรอดจนรอดเขาก็เอาขาก้าวเข้าในอ่างอาบน้ำจนได้ ร่างโปร่งปล่อยให้หัวโตๆ ของผู้ชายปากมากวางไว้ระหว่างหน้าขา อย่างน้อยหมอนี่ก็ไม่ได้แก้ผ้าเป็นเด็กๆ ให้เขาต้องมานึกกระดากอาย เพราะถ้าขืนไม่มีกางเกงบ๊อกเซอร์ เขาคงได้เสยหมัดใส่ปลายคางคนขี้แกล้งตั้งแต่ตะโกนเรียกเขาตั้งแต่หน้าห้องน้ำแล้วล่ะ
“ผมสงสัยมานานแล้ว...เรื่องคุณกับพี่ซอกฮุนน่ะ...แล้วก็อึนจองด้วย” คนเรานะก็กล้าถาม...คนน่าชังที่กำลังสระผมให้กับช่างภาพหนุ่มชะงักไปชั่ววินาที เรียวคิ้วขมวดมุ่นเล็กน้อย พลางตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจอะไรมากนัก
“เขาสองคนนั้นน่ะ เป็นพี่น้องต่างแม่กับฉัน...”
“แล้วทำไมคุณกับอึนจองถึงดูไม่ค่อยถูกกัน ตรงกันข้ามกับพี่ซอกฮุนที่ดูจะเหมือนคุณรักพี่เขามากเป็นพิเศษ...”
“ก็ฉันมีพี่ชายแค่คนเดียว ถึงจะพี่ชายต่างแม่ แต่เขาก็ดีกับฉันตลอดมา ไม่เหมือนยัยอึนจอง เหอะ...อย่าให้ได้พูดถึงยัยนี่เชียว”
“แล้วแม่คุณล่ะ?”
“แม่แต่งงานใหม่...เพิ่งย้ายไปอยู่ฮ่องกง”
“อ้าว...แล้วทำไมคุณไม่ไปอยู่ด้วยล่ะ”
“ฉันยังมีเรื่องให้ต้องสะสางอีกเยอะ...หุบปากเหอะหน่า...เห็นไหมว่านายทำฟองแชมพูเปื้อนฉันหมดแล้ว!”
อย่างน้อย(น้อยมากจริงๆ ข้อเสียมันชวนโมโห!)... ข้อดีของความวุ่นวายที่มีอยู่มากในตัว ชเว ซีวอน ก็คือทำให้เขาสามารถพูดเรื่องบางเรื่องได้โดยไม่ต้องคิดอะไรมาก... ขนาดเรื่องครอบครัวที่เขามองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เขายังกล้าพูดกับคนช่างเจรจาได้อย่างไม่ติดขัดเลยด้วยซ้ำ... โจ คยูฮยอนน่ะหมั่นไส้คนประเภทนี้ชนิดบอกไม่ถูก...แหงล่ะ คนแบบนี้ชอบอาศัยความเนียนตีสนิทกันอยู่ร่ำไป หรือเขาต้องระวังตัวให้มากกว่านี้(คงสายเกินไปแล้วล่ะ!) ครั้งที่แล้ว...เขาเสียเวอร์จิ้นให้ไอ้บ้านี้...ทำไมถึงไม่คิดจะเดือดร้อน หรือเขาจะเอาเรื่องนี้ไปยั่วโมโหน้องสาวตัวแสบดี
...แต่นี่มันเรื่องของศักดิ์ศรีเลยนะ เรื่องอย่างว่าจะเอามาพูดกันโต้งๆ ได้ยังไง!?
และอีกครั้งที่จู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนมีทูตตัวน้อยๆ มานั่งบนไหล่ทั้งสองข้างซ้ายขวา!
ทำไม... นางฟ้าคูยอนกับอีวิลคูยอนถึงได้ชอบโผล่มาทะเลาะเวลาเขามีชื่อ ชเว ซีวอน อยู่ในหัวสมองนะ!
...เสียจิ้นให้หมอนี่ไปแล้วใช่ป่ะ...
...พูดอย่างนี้ได้ไง...ไม่สุภาพเลย...
...ยัยอึนจองอกแตกตายแน่ถ้ารู้ว่านายเสียจิ้นให้ไอ้ม้านี่น่ะ แย่งมาเลย!
...แย่งมาได้ยังไง ชเว ซีวอนไม่ใช่ของๆ ใคร
...ก็เอามาเป็นของตัวเองอ่ะ!!
...ไม่ๆ คนเราจะรักกัน ก็ต้องรักด้วยใจ ไม่ใช่เพราะอยากเอาชนะ
...ไร้สาระอีกแล้ว นางฟ้าคูยอน -3-
...หุบปาก อีวิลคูยอน! แต่ยังไงซะ ซีวอนต้องชอบคยูฮยอนแน่ๆ เชื่อสิ~
อีกหน่อย โจ คยูฮยอนคงได้เป็นโรคประสาทเพราะทะเลาะกับความคิดในหัวสมองตัวเองแหงๆ!
Talk*
ครบ 100% ด้วยความยากลำบาก แต่งเรื่องนี้เยอะๆ แล้วมันอึนและมึนจริงๆ
อธิบายไว้อีกที พี่ซอกฮุนคือพี่ชายต่างแม่ของคยูฮยอนนะคะ อึนจองก็เหมือนกัน... (แม่ของคยูฮยอนเป็นภรรยาคนที่สองนั่นเอง พอเข้าใจไหมอ่ะ 5555 เราอธิบายรู้เรื่องป่าวเนี้ย~)
ถ้าใครไม่ได้อ่านบทนำ ต้องกลับไปอ่านกันนิดหน่อยเน้ค่ะ
ปล.ตัวโตๆ ~ สำหรับรวมเล่มอีวิลยังสั่งได้เรื่อยๆ นะค่ะ สั่งได้ถึงวันที่ ๓๑ มกรานี้น้าาาาาาาาาา
ความคิดเห็น