คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : [S Fic] Evil Sherbet. [1/5] ตุ๊กตา.......ยาง?
ตอนที่ 1
ตุ๊กตา.......ยาง?
แสงแฟลชสว่างวาบให้รู้สึกรำคาญใจอย่างต่อเนื่องแต่ด้วยความเคยชิน(ที่เพิ่งจะรู้รสชาติการมีอาชีพเป็นนายแบบ)ก็ไม่ได้ทำให้เจ้าของเรียวหน้าหวานนึกย่นย่อ โจ คยูฮยอนยังคงเผยยิ้มสดใสตามคอนเซ็ปของนิตยาสารที่ต้องการในวันนี้ เอาเข้าจริงๆ แล้วคยูฮยอนไม่ได้ถูกใจกับอาชีพนี้สักจะเท่าไหร่ ถ้าไม่ได้พี่ชายต่างแม่อย่าง โจ ซอกฮุน เขาก็คงไม่มีวันคว้างานนายแบบมาไว้ในอุ้งมือหรอก...
“อิมเมจของคยูฮยอนน่ะ...แตกต่างจากที่ฉันเคยเห็นมาจริงๆ”
“ผมก็ไม่คิดนะว่าคยูฮยอนจะทำงานนี้ได้ดีขนาดนี้ อย่างกับจับวางแหน่ะคุณ”
คยูฮยอนได้ยินเสียงแฟนสาวของพี่ชายรวมไปถึงเจ้าตัวที่กำลังพูดถึงเขาอย่างออกรส เพราะความช่วยเหลือของ ชเว กาฮี เจ้าของโมเดอร์ลิ่งชื่อดัง เขาถึงได้มีโอกาสก้าวเข้ามาสู่วงการนายแบบอย่างงงๆ งานที่ไม่คิดว่าตัวเองจะได้ทำถึงได้ลอยมาตกอยู่ที่หน้าตักเหมือนโชคช่วย
โจ คยูฮยอนปั้นหน้ายิ้มเพื่อให้เลนส์กล้องได้จับหน้าตาของเขาเมื่อยามเป็นแบบตามคอนเซ็ปที่ได้รับมอบหมาย ความสดใส ความมีชีวิตชีวา ลูกโป่งสีฟ้าสดใสที่เขาถืออยู่ในมือรวมไปถึงหมวกปีกสีน้ำตาลอ่อนขับใบหน้าเรียวขาวให้ดูไม่น่าเบื่อ เสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อนรับกันดีกับกางเกงสามส่วนสีวินเทจ ภาพลักษณ์ที่เขากำลังสวมบทบาทอยู่ช่างดูสดใจมากเกินปกติจนดูเหมือนการปั้นแต่งเสียมากกว่า...
หากงานก็คืองาน...
เขาคือ โจ คยูฮยอน คนที่พร้อมที่จำทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ควรจะมี
“ครับ ดีมากครับ...ยิ้มอีกนิดครับ ดูดีมากครับ...”
ตากล้องเอ่ยปากชมเขาทุกครั้งที่เขาโพสท่าทางตามสบาย จวบจนเมื่อชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ที่เดินฝ่าทีมงานนับสิบเข้ามาพร้อมๆ กับการถอดแว่นกันแดดสีดำอกจากกรอบหน้าเผยให้เห็นเรียวหน้าดั่งรูปสลัก เขาคนนั้นคว้ากล้องมาถือไว้ในมือพลางส่งสายตานิ่งเรียบมุ่งตรงมายังร่างโปร่ง ชเว กาฮีมีสีหน้าค่อนไปทางตกใจก่อนจะเจ้าหล่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงตื่น
“ซีวอน!! อะไรของแกน่ะ”
“จะทำงาน...” ไม่ว่าเปล่า คนที่คยูฮยอนได้ยินชื่อแว่วๆ ว่า ซีวอน ก็จัดแจงตรวจตรากล้องราคาแพงที่ถือไว้ในมือหลังจากตอบคำถามด้วยน้ำเสียงไม่เดือดร้อนและสั้นห้วน มือใหญ่จัดการปรับโฟกัสหรือทำอะไรสักอย่างที่เขาไม่รู้ พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ยามเมื่อยกกล้องสาดตรงมายังคนที่กำลังยืนทำหน้าเหวองงงวยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“หุ่นก็ไม่ยักจะมีอะไร นมก็แบน ขาวซีดแบบนี้ มีดีก็แค่ตาโต ปากแดง หน้าโดยรวมออกเอ๋อๆ ซะด้วยซ้ำ เจ๊ไปหาโมเดลแบบนี้มาจากไหนกัน...ตุ๊กตายางยังดูดีกว่าอีก!” หมอนั่นพูดไม่รักษาน้ำใจคนที่ยืนหัวโด่ให้ถูกด่าด้วยถ้อยคำเจ็บแสบ นับว่าเรียกเสียงหัวเราะดังครืนได้มากโข มือบางยกขึ้นกำหมัดหลวมๆ คยูฮยอนสังเกตเห็นสีหน้าของพี่กาฮี และพี่ซอกฮุนที่หน้าตึงกับประโยคเมื่อครู่พลางส่ายหน้าให้กับไอ้คนปากปีจออย่างระอา
“ไปว่าคยูฮยอนแบบนั้นได้ยังไงห๊ะ!!”
“ก็มันจริง!”
“แกนี่นะ ตื่นสายมาทำงานช้าแล้วยังมาว่านายแบบอีก ไม่ได้เรื่องเลยนะ!”
“ขอโทษทีครับเจ๊ เมื่อคืนไอ้เชี่ยทงเฮมันเสือกจัดปาร์ตี้ เลยหนักไปหน่อย”
“ถ้าฉันไม่เห็นว่าแกเป็นน้องนะ ฉันไล่แกออกไปนานแล้ว ชเว ซีวอน!!!”
“พอเถอะครับเจ๊ โมเดลตุ๊กตายางหน้าเสียหมดล่ะ”
ตุ๊กตายาง?!?!
นี่เขากลายเป็นตุ๊กตายางในสายตาของไอ้ตากล้องปากปีจอไปแล้วหรือไง...คยูฮยอนจ้องมองเหตุการณ์ระหว่างคนเป็นพี่เป็นน้องที่ต่อล้อต่อเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนแล้วก็ได้ข้อสรุปสั้นๆ ที่ปรากฏขึ้นชนิดฉับพลันในหัวสมอง
ชเว ซีวอน โคตรพ่อโคตรแม่ กวนตีน!!!
“คุณตุ๊กตายาง...อย่าทำหน้าแบบนั่นดิ ยิ้มให้กล้องหน่อยครับ เดี๋ยวจากนิตยาสารวัยรุ่นจะกลายเป็นนิตยาสารปลุกใจเสือป่าหน้าปกตุ๊กตายางเอานะครับ...”
“พูดอย่างนี้หมายความว่าไง ไอ้ช่างภาพเฮงซวย!” นั่นไง...ถ้าได้ถึงจุดขีดสุด โจ คยูฮยอนก็ไม่ยอมอยู่นิ่งให้พูดจาหมาๆ ปาวๆ ใส่หน้าหรอกนะ...
ชายหนุ่มตัวผอมปล่อยลูกโป่งสีฟ้าที่ถืออยู่ในมือให้ลอยขึ้นไปติดบนเพดานพลางย่างสามขุมเข้าไปหาคนที่กำลังใช้มือลูบไล้กล้องถ่ายรูปราวกับเป็นลูกรักน่าทะนุถนอม ใบหน้าหล่อเหลาที่เขานึกหลงชื่นชมในวินาทีแรกเงยขึ้นสบกับดวงตาสีดำนิล เรียวปากหยักมุมขึ้นเล็กน้อยบอกได้เลยว่าสีหน้าของไอ้ตากล้องตรงหน้าไม่ได้ดูเป็นมิตรเลยสักนิด ดีแต่จะค่อนไปทางกวนประสาทกันเสียมากกว่า คยูฮยอนสูดหายใจลึกเพื่อปลอมประโลมอารมณ์ขุ่นมัวที่กำลังก่อตัวขึ้นคล้ายพายุลูกใหญ่ พยายามฉีกยิ้มให้ดูใจเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ยิ้มที่เขาปั้นขึ้นช่างเยือกเย็นจนคนเกือบครึ่งสตูดิโอหายใจหายคอไม่สะดวก
“ว่าไงครับ คุณตุ๊กตายาง...” คิ้วเข้มๆ เลิกขึ้นมองเขาพร้อมกับกล้องเลนส์ใหญ่ยักษ์ที่ถูกยกขึ้นจับโฟกัสมายังใบหน้าของเขา
“ปากหมา!” ถ้าเป็นใครอื่นคงสะดุ้งกับคำด่าแสกหน้ายิ่งกว่าโดนฟาดด้วยคมแฟก
...ชเว กาฮี และ โจ ซอกฮุน ในตอนนี้ราวกับถูกตัดออกจากวงจร พวกเขาเป็นผู้ใหญ่และมีอำนาจที่สุดในที่นี้ก็จริง แต่กลับไม่สามารถพูดอะไรได้เลยแม้แต่ประโยคเดียว นั่นคงเป็นเพราะรังสีอำมหิตที่นายแบบมือใหม่กำลังแผ่ไปโดยรอบ ใครจะรู้ว่าเห็นหน้าหวานๆ นิ่งๆ พอได้ถูกสะกิดติ่งโมโหเข้าให้เลือดจะขึ้นหน้าเร็วขนาดนี้
โจ ซอกฮุนรู้ดีว่าน้องชายของตนเองเป็นเช่นไร ถึงได้ปิดปากเงียบเฝ้ามองเหตุการณ์ชวนปวดหัวอยู่ห่างๆ และเขาก็มั่นใจเหลือเกินว่าสิ่งมีชีวิตคนอื่นก็คงไม่มีใครคิดจะกล้าเข้าไปยุ่งย่ามจนตัวเองอาจต้องมีชะตากรรมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอย่างใช่เหตุ
“โอ้วววว เป็นตุ๊กตายางที่ค่อนข้างฮาร์ดคอร์พอดูนะครับเนี่ย”
“หนักหัวนายหรือไง...”
“เปล่าครับเปล่า...แต่ตอนนี้คุณกำลังจะทำให้คนทั้งสตูฯหนักใจเพราะคุณกำลังทำตัววุ่นวายอยู่นะครับ...”
ชเว ซีวอนตั้งใจเน้นคำว่า วุ่นวาย ให้ดังฟังชัดเป็นพิเศษ หากแต่ร่างโปร่งหาได้สนใจไม่! ดวงตากลมโตไม่ยักจะมอดไฟแห่งโทสะ ซ้ำยังฉายแวววาวโรจน์ขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มสังเกตได้จากเรียวมือบางที่ทิ้งอยู่ข้างลำตัวเอาแต่กำหมัดไม่ยอมปล่อย รวมไปถึงริมฝีปากอิ่มที่เม้มเข้าเม้นออกราวกับอยากจะพ่นดำด่าเสียให้สาแก่ใจ
คยูฮยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่ครั้งแล้วครั้งเล่าหลังจากรับรู้ว่าบรรยากาศตึงเครียดที่เกิดก่อตัวขึ้นเพราะพายุอารมณ์ของเขาที่บังเอิญโหมขึ้นอย่างกะทันหันเพียงเพราะตัวแปรหน้าหล่อ เขาคลายหมัดที่กำไว้จนเจ็บชาพลางกดน้ำเสียงให้ฟังดูไม่แข็งกร้าวมากนักยามที่เจรจากับเจ้าของใบหน้าคมคาย หมอนั่นคงเข้าใจว่าเขากำลังข่มอารมณ์ใจเย็นถึงได้ระบายยิ้มยียวนไม่หยุดหย่อน
“โอเคครับ...คุณ ชเว ซีวอน แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าผมเป็นนายแบบที่ทำงานตามหน้าที่ ไม่ชอบระรานใครหรือเที่ยวกัดใครไม่เลือกหน้า ช่วยให้เกียรติกันด้วย...”
แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่าถ้าเขาไม่ได้ทำงานอยู่ล่ะก็ ไอ้ตากล้องปากปีจอได้ถูกเขาเสยปลายคางจนหน้าหงายไปแล้ว!!!
ตั้งแต่เกิดมา...ก็เพิ่งมีคนมาพูดกระแทกใส่หน้าเขาแถมยังประจานให้ใครต่อใครได้เก็บไปหัวเราะ...โจ คยูฮยอนกำลังโดนตราหน้าว่าหน้าตาละหม้ายคล้ายตุ๊กตายาง!!! เพราะตากล้องปากปีจอที่แส่หาเรื่อง ผีเจาะปากมาพูดเอาซะคนทั้งสตูดิโอหัวเราะคิกคักทุกครั้งที่เขาเดินผ่าน... สิ่งที่หมอนั่นทำถึงจะไม่ถึงขั้นอาชญากรร้ายแรงแต่เขาล่ะอยากจะกระโดดขย้ำคอเสียให้เข็ด ถ้าพูดอย่างหยาบๆ หน่อย สิ่งที่ ชเว ซีวอนทำเรียกว่าควรจะเรียกว่า เหี้ย เลยก็ได้ล่ะนะ ถึงจะเหี้ยในขั้นเบสิค แบบเด็กๆ กวนประสาทกันก็ตาม...
คยูฮยอนนั่งสบถด่าคนในความคิดไปพลางระหว่างที่นั่งรอพี่ชายอยู่ในห้องแต่งตัว โซฟาตัวยาวที่นอนเหยียดขาได้สบายๆ ทีมงานทั้งหลายคงรู้ดีว่าเขาไม่สบอารมณ์นักถึงได้ทยอยออกจากห้องไปจนหมด ฝ่ามือขาวกำลังกดส่งข้อความให้เพื่อนสนิทตัวโย่งที่มิสคอลมาเกือบสิบกว่าสายในช่วงระหว่างที่เขากำลังถ่ายแบบ
คุณกำลังส่งข้อความถึง ชางมินอ้วน
“ฉันหน้าเหมือนตุ๊กตายางหรอ...? ตอบด่วน... = =”
คุณได้รับข้อความจาก ชางมินอ้วน
“เหมือน...5555555 ล้อเล่น เหมือนซะทีไหนล่ะ ^^”
คุณกำลังส่งข้อความถึง ชางมินอ้วน
“มีคนว่าหาว่าฉันหน้าเหมือนตุ๊กตายาง มาจัดการให้หน่อยดิ -..- ”
หากยังไม่ทันที่ข้อความจะถูกส่งไปถึงปลายทางดี...คลื่นเสียงกวนโสตประสาทก็แทรกขึ้นพร้อมๆ กับใบหน้ายียวนที่โน้มลงมาใกล้เสียจนชิดผิวแก้ม
“โอ๊ะโห...ชางมินอ้วน เดี๋ยวนี้ยังมีคนเรียกแฟนตัวเองว่าอ้วนอยู่อีกหรอครับ...น่ารักจริงๆ” คำว่า น่ารัก ไม่ได้แสดงถึงความจริงใจเลยแม้แต่น้อย ชเว ซีวอนถือวิสาสะอ่านข้อความของเขาขณะที่กำลังพิมพ์ส่งให้เพื่อนสนิท พลางพี่ท่านก็ยิ้มอมขำอย่างไม่ปกปิด...เอ๊าะ ที่ขำเนี่ยเพราะชื่อที่เขาเรียกชางมินนะหรอ...บางทีคนเราก็สอดรู้สอดเห็นจนมากเกินไป...มันใช่เรื่องของหมอนั่นหรือ... อีกอย่างถึงเขาจะเรียกใครด้วยชื่อไหนก็ไม่ยักจะต้องใส่ใจ...
น่าขบคิดว่า ชเว ซีวอน นอกจากจะชอบกวนประสาทชาวบ้านไปวันๆ แล้ว ยังสอดรู้สอดเห็นไปทั่ว...ถ้าเขาลองยุให้พี่กาฮีไล่น้องชายแท้ๆ ออกจากโมเดอร์ลิ่งมันคงจะดีไม่หยอกเลยสินะ ในเมื่อไอ้ปากสุนัขนี่ก็ดูเหลาะแหละไม่ค่อยจะได้เรื่องสักเท่าไหร่!
“ยุ่ง!!!”
คยูฮยอนหยัดตัวลุกขึ้นจากโซฟาสีเข้มในทันทีที่รู้ว่าไอ้ตากล้องปากปีจออยู่ในเขตรัศมี ชเว ซีวอนไม่ตอบรับอะไรนอกจากอื้อออในลำคอพลางเดินไปยังหน้ากระจกภายในห้องแต่งตัว คนเราเนี่ยมันจะกวนตีนก็คงอยู่ที่สันดาน...ดูเข้าสิ แม้แต่ท่าเดิน ท่าส่องกระจก ท่าเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง ทุกอากัปกิริยามันส่อให้รู้ว่าผู้ชายนามว่า ชเว ซีวอน มีนิสัยกวนบาทาหยั่งรากไปถึงสันดาน คยูฮยอนเลือกที่จะมองผู้ชายตัวสูงอย่างไม่ถึงเกรงใจว่าคนๆ นั้นจะมองเขากลับด้วยสายตายียวนเช่นไร...การเก็บข้อมูลสำหรับ โจ คยูฮยอน เกี่ยวกับบุคคลที่เกี่ยวข้องถือเป็นเรื่องสำคัญที่ละเลยไปไม่ได้
คยูฮยอนเชื่อว่า...เขาต้องทำงานกับหมอนี่ไปอีกนานแน่ๆ เผลอๆ คงได้ต่อปากต่อคำจนต้องมีใครยอมแพ้ไปข้างอย่างไม่ต้องสงสัย
“คุณมองผมแบบนี้ คิดอะไรอยู่หรือเปล่าครับหรือว่า...คิดจะลักหลับผมน่ะ!!!”
“ใครมันจะไปคิดแบบนั่นกัน ประสาท!!!” นอกจากคยูฮยอนจะเถียงกลับคอเป็นเอ็นแล้ว เขายังส่งสายตาถมึงทึงไปยังคนที่แสดงจริตตกใจจนเกิดพอดี ชเว ซีวอนเลิกคิ้วยียวนกลับมาหาเขาเหมือนเป็นสิ่งที่หมอนั่นขาดไม่ได้และกลายเป็นการทักทายที่หยาบคายที่สุดเท่าที่คยูฮยอนเคยเจอมา...พื้นนิสัยของคยูฮยอนแล้วไม่ใช่คนที่จะมานั่งโมโหใครให้วุ่นวาย จะมีก็แต่ศัตรูหมายเลข 1 ยัยน้องสาวตัวแสบอย่างอึนจองที่จงใจหาเรื่องให้เขาต้องลงไม้ลงมืออยู่ก็บ่อย
และดูเหมือนศัตรูหมายเลข 2 ของ โจ คยูฮยอนกำลังจะปรากฏตัวขึ้นแล้วล่ะ...ก็ไอ้คนที่มันส่งยิ้มไม่ยี่หระอยู่ตรงนี้ไง!!!
“คุณคงด่าผมทางสายตาอยู่สินะ”
“คงงั้น...เหอะ”
คยูฮยอนพ่นเสียงเหอะผ่านกลีบปากสีอ่อนพลางสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง เขาพยายามหาวิวที่มองแล้วไม่ทำให้หงุดหงิดเท่ากับการจ้องหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรตกสวรรค์(นั่นคงเพราะสวรรค์อยากถีบส่งให้ลงนรกล่ะมั้ง!!)...จนเมื่อเสียงเปิดประตูห้องแต่งตัวตามด้วยเสียงพูดคุยจ๊ะจ๋าของคู่รักใกล้จะแต่งงานกันอย่าง พี่ซอกฮุนและพี่กาฮีนั่นแหละ ที่ทำให้คยูฮยอนจำต้องปรับสีหน้าและอารมณ์ให้เสถียรกันอย่างช่วยไม่ได้
“นี่ซีวอน มากวนอะไรคยูฮยอนเขาอีกล่ะ” หญิงสาวในชุดเดรสสั้นสีฟ้าเอ่ยขึ้นเสียงดังเมื่อครั้นที่เธอสังเกตสีหน้าของน้องชายตัวดีที่ดูเหมือนจะอารมณ์ดีเสียจนมากเกินไป...และเสียงหัวเราะแต่ลำคอของช่างภาพหนุ่มก็ไม่ได้ทำให้เธอคิดผิด...
“นิดหน่อยเองเจ๊...”
“กวนประสาทมากๆ เข้าระวังคยูฮยอนเขาจะงาบหัวแกเข้าให้สักวันล่ะ”
“ตุ๊กตายางทำอะไรผมไม่ได้หรอกหน่า...” แน่นอนว่าจบประโยคเมื่อครู่ หัวไหล่หนาของชายหนุ่มก็ได้ฝ่ามืออรหันต์ของพี่สาวประทานเข้าให้เต็มๆ ยิ่งเขาเน้นย้ำคำว่าตุ๊กตายาง ดวงตากลมโตแวววาวคล้ายแมวก็มักจะมาดมุ่งมาทางเขาราวจะจ้องให้ร่างทะลุ นี่ถ้ากระโจนมาข่วนหน้ากันได้ โจ คยูฮยอนก็คงไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอยแหงๆ
อันที่จริงก็ไม่ค่อยอยากแกล้งเท่าไหร่หรอก แต่บังเอิญแกล้งแล้วสนุกเลยหยุดแกล้งไม่ได้น่ะสิ!!
“คยูฮยอน...ไปงานเลี้ยงฉลองงานหมั้นพี่ไหม?”
แม้คำพูดจะเป็นคำเชิญแต่คยูฮยอนรู้และเข้าใจเป็นอย่างดีว่าพี่ชายคนนี้คงไม่ต้องการคำปฏิเสธ คยูฮยอนพยักหน้ารับอย่างเลี่ยงไม่ได้พร้อมกับที่ฝ่ามือของพี่ชายเอื้อมมาลูบหัวเขาแผ่วเบา ร่างโปร่งลุกขึ้นจากโซฟาโดยการที่มือยังกุมฝ่ามือใหญ่ของพี่ชายไว้หากแต่เสียงทุ้มใหญ่ที่เอ่ยแทรกขึ้น(อีกแล้ว!!!)ทำให้คยูฮยอนอดไม่ได้ที่จะเดือดดาลขึ้นมาเป็นรอบที่เท่าใดไม่รู้ของวัน
ใครก็ได้ช่วยเอารองเท้าไปยัดปากไอ้ช่างภาพเฮงซวยนั่นที!!!
“เอ้าคุณ...ปล่อยให้คู่หมั้นเขาเดินไปด้วยกันดิ...อยู่เป็นก้างทำไมคร้าบบบบบบ!”
“เสือก!!!!!!!!!!!!!!”
คนโดนด่าว่าเสือกแสกกลางหน้าไม่ยักจะทุกข์ร้อนใดๆ ถึงแม้จะโดนพี่สาวคนสวยหยิกหูจนต้องร้องจ้าโทษฐานไปยั่วโมโหนายแบบคนโปรด...ชเว ซีวอนเพียงแค่หัวเราะให้กับความเจ้ากี้เจ้าการของพี่สาวและไม่ถือสาเจ้าหล่อนที่ดูจะหงุดหงิดจนเกินเหตุ ชายหนุ่มนั่งกระดกแก้วเหล้าเข้าปากโดนลืมไปว่าเมื่อวานก่อนเขาก็เพิ่งไปปาร์ตี้ฉลองกับกลุ่มเพื่อน ทั้งยังไม่ทันจะหายแฮงค์ดีเสียด้วยซ้ำ หากแต่เจ้าของดวงตาลูกแมวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันเอาแต่นั่งมองไอโฟนสีขาว ถ้าให้เขาเดา เจ้าตัวคงเบื่อหน่ายงานปาร์ตี้ถึงได้นั่งเล่นเกมส์ไม่สนใจโลกภายนอก พี่สาวของเขาและคู่หมั้นต่างก็พูดคุยกับเพื่อนฝูงอยู่ที่โต๊ะถัดไป...ยุ่งพอสมควรถึงได้ปล่อยให้เขาเทคแคร์คนที่เพิ่งด่าแสกหน้าเขาก่อนจะเข้างานปาร์ตี้...
อันที่จริง...พี่กาฮีก็พลาดไปนิดหน่อย ก็รู้นะว่าเขามันเป็นพวกยิ่งห้ามยิ่งยุ
ยิ่งห้าม แม่งก็ยิ่งอยากแกล้ง!!!
“แข่งกันไหม? ใครเมาก่อน...แพ้” ชเว ซีวอนรู้เชียวล่ะ ว่าที่เขากำลังทำอยู่ไม่ต่างจากการกระทำของเด็กวัยแรกรุ่นที่เพิ่งได้ลิ้มรสแอลกอฮอล์ เขายื่นแก้วเหล้าสีอำพันที่จัดการผสมให้รสอ่อนกว่าปกติพลางสังเกตท่าทางของร่างโปร่งที่ปรายตามองเขาราวกับต้องการหยั่งเชิงกันกลายๆ
“ปัญญาอ่อน” นอกจากจะโดนมองด้วยหางตาแล้ว ตุ๊กตายางหน้าแบ๊วยังอวยส่งเขาด้วยคำพูดเจ็บจี๊ดอีกต่างหาก...
“อะไรกันคุณ ไม่เคยเล่นหรอกหรอ?...แสดงว่าคออ่อนล่ะสิ ป๊อดนะเนี่ย...” เจ้าของใบหน้าขาวไม่กล่าวอะไรนอกจากส่งสายตาด่าทอเขา แน่นอนว่าปากที่ขยับขมุบขมิบแข่งกับเสียงเพลงที่ดังสนั่นภายในผับที่ผู้คนกำลังครื้นเครงไปกับจังหวะเร้าอารมณ์คงบ่งบอกได้ว่าเจ้าตัวไม่พ้นที่จะด่าเขาด้วยถ้อยคำหยาบคายใช่เล่น
...ห สระเอีย ไม้โท... เหี้ย นั่นเอง~
“ก็แค่เหล้า!!” คนปากเก่งตะโดนใส่หน้ากันพลางยกแก้วเหล้าแนบเรียวปากในคราวเดียว
ร้อยทั้งร้อย...ยิ่งพูดจายั่วยุเท่าไหร่ ก็ยิ่งเข้าทาง...เขาพิสูจน์มาแล้วนักต่อนัก
และแน่นอนว่า ชเว ซีวอนคาดไม่ผิด!!!..................หรือเปล่าล่ะ = =!!
“หน้าตาแม่งไม่ได้บ่งบอกถึงความคอแข็งเลยจริงๆ”
คนท้านึกสบถพึมพำเมื่อศึกดวลดื่มครั้งนี้ส่อแววจะล่มเอาง่ายๆ แถมฝ่ายแพ้ก็ยังไม่ปรากฏแน่ชัด ทั้งที่ซีวอนนึกไว้ในทีแรกว่านายแบบมือใหม่อาจฟุบคออ่อนไปในช่วงแก้วที่สี่หรือห้า...แต่เปล่าเลย...มันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคาดเลยสักนิด...
เพราะอาการแฮงค์ค้างจากค่ำวานทำให้เขามีประสิทธิภาพในการดื่มลดลงไปกว่าครึ่ง แถมเขายังรู้จักมึนหัวอย่างประหลาดเมื่อเหล้าที่ดื่มเพิ่มเข้าไปเรื่อยๆ ดีแต่จะแทรกซึมแอลกอฮอล์ดีกรีหนักๆ ให้ไหลเข้าไปรวมกับกระแสเลือด โจ คยูฮยอนยกยิ้มเหยียดเมื่อเหล้าแก้วที่หกถูกยกขึ้นดื่มในคราเดียวก่อนเจ้าตัวจะคว่ำแก้วลงเป็นการแสดงว่าเอามาอีกเท่าไรก็คงไม่ทำให้ระคายเคืองลำคอ
“ยอมแพ้เลยดีไหมนายน่ะ...”
ดวงตาที่ถึงแม้จะเยิ้มหวานขึ้นเล็กน้อยแต่วาจาที่ยังคงเราะร้ายเหมือนเดิมอดไม่ได้ที่ชายหนุ่มจะยกยิ้มมุมปาก...เขามึนหัวก็จริง แต่ถ้าได้ลองโดนใครท้าอีก บางทีไอ้เลือดอยากเอาชนะมันก็พุ่งพล่านได้เหมือนกัน...ซีวอนปรายตามองขวดโซดาที่เกลือกกลิ้งอยู่บนโต๊ะ...แต่ขวดเหล้าเจ้ากรรมที่ลดไปเพียงครึ่ง...ถ้าได้สู้กันแบบเพียวๆ พนันได้เลย ว่าพี่หล่ออย่าง ชเว ซีวอน ชนะขาดแบบไม่เห็นฝุ่นแน่!
“สงครามยังไม่จบอย่าพึ่งนับศพทหารสิครับคุณ~”
“แต่หน้านายมันส่อแววว่าจะแพ้นะสิ...”
“ผมไม่แพ้คุณหรอกหน่า...คุณตุ๊กตายาง~”
ซีวอนคิดว่าเขาคงไม่ตาฝาดไปนะ...ตาฝาดว่าเห็นคนน่ารักตรงหน้าหยิบขวดโซดาไว้ในมือเพื่อเตรียมจะสังหารเขาน่ะ!!!
“ไอ้ช่างภาพเฮงซวย!!!”
นั่นไง...เป๊ะ!!!
แมวเหมียวอาละวาด!!!!!
“อ๊าย!!! พี่คยูฮยอนอย่าทำอะไรพี่ซีวอนของอึนจองนะ...”
Talk*
TTvTT กว่าจะมาลงได้ ฮืออออ เน็ตด๊วกส์จริงๆ
#แก้คำผิด ~
ความคิดเห็น