ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF.PROJECT] Evil's Story. : WONKYU

    ลำดับตอนที่ #6 : [SF] Hyun Rocker. [2/2] {END} 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.4K
      2
      27 พ.ย. 54

    Hyun Rocker.


    ตอนที่ 2 (END)


    อ่อย คืออะไร? แล้วอะไรที่เรียกว่า อ่อย

    ช่วยอธิบายให้ โจ คยูฮยอน เข้าใจที -..-

     

                เพราะวันก่อนคยูฮยอนตบปากรับคำกับพ่อแม่เป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าจะสอบเข้ามหาลัยฯโซลตามข้อต่อรอง...แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้เข้าต้องมานั่งกุมขมับก็คือ...ทำยังไงไอ้พี่ชายข้างบ้านถึงจะยอมมาติวหนังสือให้...

                สงสัยใช่ไหม? ว่าทำเขาถึงต้องมาคิดมาก

                พี่อินซองน่ะ เอ่ยปากขอร้องไปแล้ว...แต่ ชเว ซีวอน กลับปฏิเสธ อ้างง่ายๆ ว่าไม่มีเวลา...เพราะเพิ่งได้งานใหม่...ต้องออกนอกสถานที่ทุกวัน ไม่มีเวลามานั่งติวหนังสือให้เขาอะไรเทือกนั้น...

                โว๊ะ! พ่อคนงานรัดตัว...พ่อซุปตาร์เลือกได้!

                ถ้าเป็นเมื่อก่อน โจ คยูฮยอน คงสะบัดบ๊อบ สะบัดก้น ไม่ง้อหรือแคร์อะไรทั้งสิ้น แต่ แต่ และแต่...ภาพมโนในหัวของเด็กหนุ่มวัยสิบแปดคือการที่ตัวเองได้เดบิวท์เป็นร็อคเกอร์สตาร์ ยืนร้องเพลงเท่ๆ เหมือนที่เห็นในรายการเพลงที่ดูทุกเย็น แล้วอย่างนี้...มันยังมีทางไหนที่พอจะให้เขาเลือกหรืออย่างไร...

                ถ้าคนอื่นขอร้องไม่ได้ เขาก็คงต้องออกโรง(?)เอง...

                อ้าว...น้องยอน... เสียงหวานๆ ของคุณนายชเวที่กำลังนั่งถักผ้าพันคออยู่ที่สวนหน้าบ้าน อดไม่ได้ที่สรรพนามที่ได้ยินจะแอบไม่เข้าหูอยู่เสียหน่อย... คยูฮยอนส่งยิ้มให้กับหญิงในวัยคุณแม่ ก่อนจะสาวเท้าเดินไปใกล้อย่างระแวดระวังไม่ลืมจะสอดส่ายสายตาหาเป้าหมาย(?)พลางนั่งลง ณ เก้าอี้ข้างๆ เธอ

                คุณน้าครับ...

                คุณแม่จ้ะ ^^” คุณนายชเวขัดขึ้นพลางระบายยิ้มเต็มสองแก้ม...คยูฮยอนเองก็เลือกที่จะไม่ขัดเคือง...ว่าง่ายตอบเธอด้วยสรรพนามที่คนอายุมากกว่าต้องการ

                อ่ะครับ คุณแม่...

                หอบหนังสือมาซะเยอะเชียว...กะจะให้ซีวอนเค้าติวให้หรอจ้ะ... รอยยิ้มอ่อนๆ ถูกส่งผ่านใบหน้าสวยมาอีกครั้ง หนังสือที่หอบหิ้วมาล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของพี่อินซองทั้งนั้น...เขาเองก็บอกปัดไปแล้วว่าไม่จำเป็น ที่ถ่อมาหาถึงที่นี่(ก็แค่ข้ามรั้วเตี้ยๆ ข้างบ้าน)เขาก็ไม่ได้กะจะมาให้ไอ้ลุงซีวอนติวให้เลยเสียหน่อย บางทีหมอนั่นอาจฟอร์มจัดเล่นตัวประหนึ่งตัวเองเป็นนักแสดงรายได้พันล้านที่ต้องต่อคิวจองตัวก็เป็นได้...เห็นไหม? ว่าเขาไม่ได้มาง้อหรืออะไร แค่มาต่อรองไว้ก่อนก็เท่านั้น...

                อันที่จริง...พี่อินซองเค้าอยากให้พี่ซีวอนติวให้ผมน่ะครับ บอกตามตรงเลยว่าต้องเรียกสรรพนามไอ้พี่ข้างบ้านแบบนี้...แสนจะคันปาก... พี่อินซองบอกว่าเค้าไม่มีเวลาติวให้ แต่ถ้าพี่ซีวอนไม่อยู่ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ...ผมอ่านเองก็ได้ ...ไอ้การจะอ่านเองนั่นแหละ เปิดทางสู่นรกชัดๆ...คยูฮยอนโอบรวบเอาหนังสือหลายต่อหลายเล่มไว้แนบอก กะจะลุกกลับไปแล้วเชียว หากแต่คุณนายชเวกลับรั้งมือเขาไว้พลางส่งยิ้มอ่อนมาให้

                วันนี้ซีวอนไม่ได้ไปทำงาน...ยังไงก็เข้าไปหาพี่เค้าให้ซีวอนติวสิลูก...

               

     

                ไม่ได้เข้ามาบ้านหลังนี้นานขนาดไหนแล้วนะ...

              แล้วไอ้ประตูห้องไม้สีขาว...ไม่เคยเห็นมันมานานขนาดไหนแล้วล่ะ?

     

                ซีวอนน่ะ...บังเอิญว่ารับงานชิ้นใหญ่ที่ต่างจังหวัด ทางบริษัทก็เลยให้เวลาคิดไอเดียหนึ่งอาทิตย์...

                แล้วอย่างนี้ ผมจะไม่รบกวนพี่ซีวอนหรอครับ

                ไม่หรอกจ้ะ...ตอนนี้คงนอนยังไม่ตื่นด้วยซ้ำ ถือว่าน้องยอนเข้าไปปลุกซีวอนให้แม่หน่อยนะ... ว่าจบคุณนายชเวก็ปรายยิ้มอ้อล้อ...เขาเองที่ไม่ค่อยเข้าใจรอยยิ้มของหญิงวัยกลางคนสักจะเท่าไหร่ จนเมื่อร่างบางนั้นเดินลับหายไปจากหัวมุมบันได...คยูฮยอนถึงได้หันกลับมาจ้องประตูห้องนอนเจ้ากรรมด้วยท่าทางนิ่งงัน...เอาแล้วไง...หัวใจเจ้ากรรมเต้นตึกตักชนิดไม่ฟังเสียงต้านทานของเจ้าของร่างกาย เขาก้มมองนาฬิกาข้อมือบัดนี้บอกเวลาเกือบจะเที่ยงวัน...

                คนอะไร...ทำไมนอนกินบ้านผลาญเมืองแบบนี้ =3=

                ลำบากกูตลอดเหอะ...ไอ้พี่ซีวอน...เดี๋ยวแม่งแหกปากปลุกซะเลย!” บ่นพึมพำกับตัวเองพลางเอื้อมมือไปบิดลูกกลอนประตู...ทั้งที่สายออกจะป่านนี้ แต่ไฟในห้องนอนกลับยังเปิดค้างไว้ ดวงตาคู่กลมกวาดมองไปโดยรอบห้องที่ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปมาจากเมื่อหลายปีก่อน ก่อนสายตาจะมาบรรจบที่ร่างสูงใหญ่...ชายหนุ่มนอนหลับฟุบอยู่กับโต๊ะทำงาน...มือซ้ายของคนๆ นั้นยังจับดินสอเขียนแบบไว้อยู่เลยด้วยซ้ำ...แบบจำลองอาคารดูทันสมัยที่ยังคงไม่เสร็จสมบูรณ์วางเยื้องออกไปเล็กน้อย...
               
    เอ่อะ! หล่อตายอ่ะ... จู่ๆ หน้ามันก็ร้อนวูบวาบขึ้นมาเสียเดียวนั้น...ก็แค่มองใบหน้าของอีกฝ่ายที่ยังคงหลับสนิท...ผมเผ้าดูไม่เป็นทรงแต่ก็ยังดูดี ถุงใต้ตามีรอยคล้ำอยู่หน่อยๆ คงเดาได้ว่าไอ้พี่ชายข้างบ้านคงทำงานดึกดื่นติดต่อมาหลายคืนแล้วแหงๆ...

                เด็กหนุ่มค่อยๆ ย้ำเท้าลงบนพื้นด้วยกลัวว่าจะไปรบกวนการพักผ่อนของอีกฝ่าย เดินเข้าไปใกล้พลางชะงักเท้าให้หยุดอยู่ข้างๆ โต๊ะทำงาน

    ไอ้ครั้นจะปลุก...เขาเองก็เกิดอาการตะขิดตะขวงใจ เพราะบรรยากาศที่เคยสนิทกันมากๆ มันหายไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้...ถ้าเป็นเชี่ยเฮ เขาคงแค่กระโดดถีบให้ตกเตียง แต่กับพี่ชายคนนี้ แค่จะยื่นมือไปสะกิดไหล่...ความกล้ากลับมลายหายไปเสียอย่างนั้น

    เตะให้ตกเก้าอี้เลยดีไหม... (-‘’-)

    ว่าแล้วก็ตระเตรียมท่าทางให้พร้อม...คยูฮยอนก้าวถอยหลังไปก้าวครึ่งกะเล็งเป้าหมายไม่ให้พลาดสักมิล ก็แค่เตะคนตัวโตๆ ให้ตกเก้าอี้เท่านั้น แค่เตะก็ตื่นล่ะ...ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรง... เปลืองเนื้อเปลืองตัวเปลืองเสียงแหกปากปลุก วิธีนี้แหละ เจ๋ง

    จะเตะพี่หรือไง? พ่อง!

    โครม!!!

    เสียงทุ้มๆ ที่เอ่ยขัดกะทันหัน รวมไปถึงดวงตาคมดุที่เปิดขึ้นฉับพลันในจังหวะโคตรจะพอเหมาะ...สภาพคยูฮยอนยกเท้ากะจะเตะสีข้างใครอีกคนเป็นอันต้องเสียหลัก เซแท่ดๆ ล้มหน้าคว่ำไม่เหลือภาพลักษณ์ซุปตาร์ที่สู้อุตส่าห์รักษาฟอร์มไม่ให้ตกหล่นต่อหน้าไอ้พี่ชายหน้ากวน ชเว ซีวอนเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะทำงาน พลางทอดสายตามองเด็กอวดเก่งที่นั่งหน้าหงิกอยู่กับพื้น

    พ่อมึงตา...

    พ่อพี่ยังไม่ตาย คนรู้ทันเอ่ยขัดเสียงเรียบ พลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ได้ยินเสียงเด็กหัวดื้อที่บ่นอุบอิบไม่ขาดสายทั้งยังจับใจความได้ไม่ถนัดนัก...แต่ที่แน่ๆ คงไม่ได้กำลังสรรเสริญเยินยอเขาหรอก...

    ก็ไม่ได้อยากเห็นหน้านักหรอก...ถ้าไม่จำเป็น นี่คือประโยคที่ชัดที่สุด...ชเว ซีวอนที่อุตส่าห์ก้าวเท้าหนึ่งผ่านประตูห้องน้ำไปแล้ว ชะงักยืนอยู่กับที่พลางหันกลับมามองร่างโปร่งที่นั่งเอี้ยวตัวไปทางซ้ายทีทางขวาทีเพื่อเก็บเอาหนังสือหลายๆ เล่มที่กระจัดกระจายไปทั่วทิศทาง

    หอบหนังสือมาเยอะขนาดนี้น่ะ จะให้พี่ติวให้ใช่ไหม? งั้นรอพี่อาบน้ำก่อน... ชายหนุ่มหันมาพูดทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงราบเรียบพลางปิดประตูห้องน้ำหายไปทำธุระส่วนตัว คยูฮยอนได้แต่ก้มหน้ามองมือของตัวเองที่ชื้นเหงื่อขึ้นมานิดหน่อย

    อะไรว่ะ แค่ได้ยินคำว่า อาบน้ำ ทำไมใจมันโหวงๆ -////////////////////////-

    ความทรงจำที่ตั้งใจปิดตาย จู่ๆ กลับถูกเปิดขึ้นมาง่ายๆ เสียอย่างนั้น ตอนเด็กๆ เขาน่ะมันเป็นพวกขี้เกียจอาบน้ำ...ไม่รู้สิ พอพ่อแม่จี้ให้ไปอาบทีไร เป็นต้องอิดออดทุกครั้ง อารมณ์กระเง้ากระงอดตามประสาเด็กประถม พอหนีไปนอนเล่นบ้านไอ้พี่ขี้เก็ก คุณนายชเวก็มักหว่านล้อมให้เขาไปอาบน้ำกับคนๆ นั้นทุกทีไป

    ตอนเด็กๆ น่ารักๆ แบ็วๆ เขาก็ไม่แคร์หรอก

    แบบว่า...ตอนอายุประมาณ 3-4 ขวบ พี่ซีวอนอาบน้ำให้มันก็ไม่ค่อยน่าอายเท่าไหร่ นึกออกไหม? ว่า ณ เวลานั้นมันเด็กมาก! ไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำ...อีกคนก็ยังไม่โตเป็นหนุ่ม...แต่ตอนที่กำลังจะขึ้นเกรด 6 ...ทำไมกันนะทำไม....แม่งเกิดหน้าไม่อายขึ้นมา!

    โอ้ย! คยูฮยอน มึงพลาดแล้ว!

               

                พี่ซีวอน...!!!”

    ไม่ว่าเปล่า...เด็กชายวัยกำลังโตกระโดดขึ้นไปบนเตียงที่มีร่างของเด็กมัธยมปลายปีหนึ่งนอนหลับสนิททั้งที่ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมื้อเช้ามามากแล้ว คยูฮยอนเองก็รับคำสั่งจากคุณแม่ชเวให้ขึ้นมาปลุกพี่ชายตัวโตที่ตื่นสายเป็นกิจวัตร เด็กชายให้เท้าเขี่ยๆ ร่างที่ถูกปกคลุมด้วยผ้าห่มก่อนจะสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าเนื้อหนา ดวงตากลมโตกระพริบมองเสี้ยวหน้าคมคายที่เอาแต่หลับพริ้มไม่รู้เรื่องรู้ราว มือเล็กๆ ยกขึ้นบีบจมูกโด่งเป็นสันของอีกฝ่ายด้วยเพราะนึกหมั่นไส้พลางหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว

    คยูฮยอนนา... วงแขนวาดขึ้นโอบร่างผ่ายผอมกอดกระชับชนิดไม่ยอมให้หายใจ แม้จะดิ้นขลุกขลักพอเป็นพิธีแต่เด็กชายก็เลือกที่จะไม่รบกวนการพักผ่อนของอีกฝ่าย ทั้งที่ถูกสั่งให้มาปลุกแท้ๆ แต่กลับเผลอหลับโดยที่ไม่รู้ตัว ครั้นตื่นขึ้นมาอีก... ก็เพราะคุณแม่ชเวที่ถ่อสังขารขึ้นมาปลุกจอมจุ้นทั้งสองคนถึงห้อง

    ซีวอน...พาน้องยอนไปอาบน้ำด้วยนะ คุณแม่เค้าฝากบอกมา... คุณนายชเวกล่าวน้ำเสียงค่อนไปทางคำสั่ง ร่างสูงเหลียวหลังกลับมามองน้องชายข้างบ้านที่กำลังนอนกลิ้งอยู่บนเตียง ชุดนอนสีฟ้าอ่อนเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ดีว่าเด็กตัวขาวขี้เกียจอาบน้ำอีกจนได้...

    ไปอาบน้ำเลยเราน่ะ... พี่ชายแท้ๆ ก็ไม่ใช่...ทำไมต้องมาค่อยดูแลขนาดนี้ ไอ้เขาก็ไม่เข้าใจ... ชเว ซีวอน ก้าวอาดๆ ไปดึงร่างไร้น้ำหนักที่แกล้งขืนตัวอยู่บนเตียงให้ลุกขึ้น หากเด็กก็คือเด็กอยู่วันยังค่ำ คยูฮยอนแสร้งมุดหน้าลงบนหมอนใบโตพลางยกมือคู่เล็กๆ ขึ้นปิดหูทั้งสองข้าง พอเขาขยับเข้าไปใกล้หน่อย ก็กลิ้งหนีไปอีกฝั่งของเตียง

    น่าจับมาตีสักที...ดื้อจริงๆ

    ไม่อาบๆๆๆๆๆๆๆๆ

    ...พี่ไม่เข้าใกล้เรานะ...ไอ้เด็กตัวเหม็น แค่ขู่กันนิดหน่อยไม่เห็นจะน่ากลัว... แต่ โจ คยูฮยอนกลับยอมเชื่อฟังแต่โดยดี...

    แค่ห่วงว่าพี่ซีวอนจะเหม็นแล้วไม่กล้าเข้าใกล้ไง...

    อาบด้วยกันนะ พี่ซีวอนไม่อาบ ผมก็ไม่อาบ...

     

    TT^TT กูมันหน้าไม่อาย ชวนผู้ชายอาบน้ำด้วยกัน!

     

    ทำหน้าดุทำไมว่ะ ทำหน้าดุหาบิดาพี่หรอ?

    คยูฮยอนเกิดอาการอึดอัดใจขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อยามที่ถูกพี่ชายข้างบ้านติวหนังสือด้วยใบหน้าเคร่งเครียด คิ้วหนาเอาแต่ขมวดเข้าหากัน คลายบ้างผูกปมบ้างเป็นพักๆ อีกคนก็น่าจะรู้ดีว่า โจ คยูฮยอน หัวช้า...ทำไมถึงได้จี้สอนกันขนาดนี้ ตัวเลขสมการมากมายลอยละล่องอยู่ในหัวอย่างไร้คำตอบ เด็กหนุ่มรู้สึกมึนหัวจนคล้ายจะอาเจียนออกมายังไงยังงั้น

    ...เซตเอย...ล็อคการิทึ่มเอย...ตรีโกณมิติเอย...ตรรกศาสตร์เอย...

    นี่กะจะยัดใส่หัวสมองน่ารักๆ ของเขาภายในวันเดียวเลยหรือไง ! =[]=

    จะอ้วก... บ่นงึมงำพลางเขาก็รู้สึกราวกับข้าวเช้าที่ทานเข้าไปจะไหลย้อนออกมาจริงๆ ชเว ซีวอน เงยหน้าขึ้นจากหนังสือเรียนพลางสบตาเขานิ่ง

    ตอบพี่ก่อนว่า sin30° เท่ากับเท่าไหร่? ยังจะให้ตอบ! หรืออยากจะได้อ้วกเป็นคำตอบว่ะ!

    ไม่รู้!!!!”

    ตอบก่อน

    ก็บอกว่าไม่รู้ไง

    พี่เพิ่งสอนไปเมื่อ กะ...

    แหวะ!!!” แท่น แท๊นนนนน ! คำตอบชัดเจนแล้วหรือยัง -..-

    ชายหนุ่มก้มมองเสื้อโปโลสีน้ำเงินเข้มที่เปรอะไปด้วยคราบขาวลักษณะราวกับเมล็ดขาวที่ยังไม่ถูกย่อยดี ซ้ำคราบนั้นยังไหลลงมาเปื้อนเต็มหน้าตัก ตอนนี้แล้ว ชเว ซีวอนไม่ได้สนหรอกว่าตัวเองจะโดยอาบด้วยคราบอาเจียน แต่เขาห่วงเจ้าของใบหน้าขาวจัดที่บัดนี้หน้ามึนไม่รู้เรื่องไปเสียแล้ว ร่างโปร่งดิ่งลุกตรงไปยังห้องน้ำใกล้ๆ พลางโก่งคออาเจียนของเก่าออกมาจนแทบจะหมดกระเพาะ หนำซ้ำเจ้าตัวยังรู้สึกปวดท้องแบบหน่วงๆ...

    บอกแล้วไง ว่าหนังสือกับโจ คยูฮยอน เป็นสิ่งต้องห้ามที่ไม่ควรก้าวก่ายซึ่งกันและกัน!

    คยูฮยอนเป็นยังไงบ้าง... เสียงทุ้มต่ำพร้อมกับฝ่ามือที่ยกขึ้นลูบแผ่นหลังแสดงถึงความห่วงใยที่อีกฝ่ายส่งมาให้ แต่ถึงยังไง...ถ้าไอ้พี่ขี้เก็กไม่รั้งให้เขาตอบคำถามบ้าบอ...เขาคงไม่รู้สึกเครียดจนปวดกระเพาะจนตัวงอแบบนี้ คยูฮยอนหันกลับมาจ้องใบหน้าคมคายที่ดูเหมือนจะคลายความเคร่งขรึมจากชั่วโมงติวลงนิดหน่อย...

    ตีหน้าหล่อหาอะไร!!! เขาขยับตัวเบี่ยงหนีเพื่อเดินออกจากห้องน้ำพลางพ่นลมหายใจฮึดฮัด จนแล้วจนรอดก็ไม่พ้นฝ่ามือหนาที่รั้งไว้ พร้อมกับประกายดวงตาแปลกๆ ดูเหมือนกำลังยิ้ม...ยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ๆ ที่นานๆ ทีเขาจะได้เห็นมันสักครั้ง

    เลอะหมดแล้ว...สงสัยคงต้องอาบน้ำใหม่... O.O

    อะ อะไรนะ...

    ชเว ซีวอน ไม่พูดอะไร...เพียงแค่ขยับกายเข้ามาใกล้พลางดึงเสื้อยืดสีเขียวอ่อนจนหลุดออกจากศีรษะ คนโดนกระทำนิ่งเป็นรูปปั้นหิน...คิดอะไรไม่ออก สมองประมวลผลไม่ทันจนดูเหมือนจะแฮงค์ไปเสียแล้ว ดวงตาคู่กลมเบิกโพลงเมื่อเสื้อโปโลสีน้ำเงินเข้มอันตรธานหายไปจากเจ้าของร่างสูงใหญ่...ท่าทางแบบนี้ ชักจะไม่น่าไว้ใจแล้วนะ... (O.O;)(o,o;)

    ไม่ได้อาบน้ำด้วยกันมานานแค่ไหนแล้วนะ คยูฮยอน...

    อย่าทำเสียงเหมือนสบายใจมากขนาดนั้นได้ไหม? อกอิคิยูจะระเบิด!!!!

    ......................................พ่อมึง!!!!

    ประสาทหูทั้งสองข้างได้ยินเพียงเสียงน้ำกระทบพื้นกระเบื้อง...สายน้ำไหลผ่านร่างที่ไม่รู้ว่าโดยจับถอดเสื้อผ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกที...ฝ่ามือหนาก็เอื้อมมาขยี้กลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มพร้อมด้วยแชมพูกลิ่นคุ้นเคย รอยยิ้มเดิมๆ อย่างที่เคยได้เห็นเมื่อย้อนกลับไปตอนยังวัยเด็กเด่นชัดขึ้นมายามที่เขาช้อนสายตามองด้วยความรู้สึกปนเปอยู่ในอก...

    อายุก็เท่านี้แล้วนะ...เขาอายุ 18 พี่ชายข้างบ้านอายุ...23

    แล้ว... อาบน้ำแบบนี้...

    Oh my God !!! พี่ซีวอน.......อาบ.......น้ำ.......ให้.......กู !!!!

     

     

    อี ทงเฮ หรี่ตามองเพื่อนตัวขาวที่เดินเปิดประตูรั้วเข้ามายังบริเวณบ้านด้วยท่าทางเหมือนคนไร้วิญญาณ เขาที่กำลังนั่งกอดคอน้องหมาดาตาญังเลิกคิ้วให้คนหัวดื้อไปหนึ่งที หากปราศจากซึ่งปฏิกิริยาโต้ตอบ...ดูท่าคยูฮยอนจะไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าเพื่อนเฮคนนี้นั่งหัวโด่อยู่กลางสวน...ฉะนั้นเขาจึงจำต้องวิ่งไปดักหน้าร่างโปร่งที่กำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูบ้าน สภาพแบบนี้ราวกับไปเจอเรื่อง Super SHOCK มายังไงยังงั้น

    คยูฮยอน...ฮัลโหล๊วววววววว!!!!” ทงเฮว่าพลางโบกมือผ่านเรียวหน้าสวยไปมาอยู่หลายตลบ...หนักเข้าเขาจึงเลือกที่จะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ สองมือยกขึ้นทาบทับแก้มขาวก่อนจะออกแรง(นิดหน่อย)ตบให้อีกคนรู้สึกตัว...ท่าทางจะได้ผล...จ้องกันตาถลนเชียว -3-

    เชี่ยเฮ!!! ตบหน้ากูทำไม!!!”

    เอ้า...ก็เรียกมึง แต่มึงไม่สนใจกู ทำตัวอย่างกับโดนดูดวิญญาณออกจากร่าง มึงเป็นไรมากรึเปล่าว่ะ? คยูฮยอนชะงักเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อราวๆ ชั่วโมงก่อน...

    นั่นมันยิ่งกว่าโดนดูดวิญญาณอีกเหอะ!!!

    ไม่มีอะไรหรอก...ว่าแต่มึงมาทำไม บอกปัดกันเสียดื้อๆ นั่นยิ่งทำให้ทงเฮไม่อยากจะปักใจเชื่อกับคำว่า ไม่มีอะไรของคยูฮยอนสักจะเท่าไหร่ สายตาล่อกแล่กแบบนั้น เขาจับได้และอ่านความคิดของคยูฮยอนออกเสมอ...แน่นอนว่าตัวแปรคงไม่ใช่ใครที่ไหน...

    พี่ซีวอนปล้ำมึงหรือไง? ก็ไม่ได้ปล้ำ แต่แบบว่า... เอ่อ นั่นแหละ -/////////////-

    มึงบ้าป่ะ เชี่ยเฮ!!!” ขึ้นเสียงสูงๆ แบบนี้ พิรุธยิ่งนักในสายตา อี ทงเฮ...เขาก็ไม่ได้อยากจะคิดอกุศลหรอก แต่ก็ห้ามดวงตาตัวเองไม่ได้ อยากจะสำรวจว่าคยูฮยอนไม่ได้รอยอะไรกลับมา เขาจึงถือวิสาสะเอื้อมมือไปปัดเส้นผมที่ปรกคอของเพื่อนสนิทออก...คยูฮยอนมีท่าทางตกใจยกมือปัดมือเขาออก กระนั้นเขาก็ยังดื้อดึงไล่สายตาสำรวจผิวกายขาวๆ ราวกับเก็บรายละเอียดไม่ให้พลาดสักจุด...อย่างน้อย...ก็ไม่ได้มีรอยแดง...ปากคยูฮยอนก็ไม่ได้แดงผิดปกติ...

    ปลอดภัย...............(?)

    กูชอบมึงเขาพูดมันออกไปเหมือนประโยคดังกล่าวเป็นประโยคบอกเล่าทั่วไป...แน่นอนว่ามันไม่มีความต่อเนื่องกับบทสนทนาเมื่อครู่เลยสักนิด...คยูฮยอนยกมือขึ้นผลักอกเขาให้ถอยห่าง หากทงเฮกลับขืนตัวพลางรั้งร่างโปร่งของเพื่อนสนิทไม่ให้เดินหนีกันไปเฉยๆ ถ้าเขายังไม่ได้รับการตอบรับ...

    พ่อมึงสิ!!!” ...แทบหน้าหงาย...

    "กูก็แค่ซื่อสัตย์ต่อจิตใจ หัวใจกูคิดยังไงกูก็พูดอย่างนั้น... นี่ คยูฮยอน กูพร้อมเป็นเมะให้มึงนะ กูเห็นมึงมาทุกสัดส่วนตั้งแต่เด็กแหละ มึงอย่าเที่ยววิ่งไปซบอกพี่ซีวอนได้ป่ะ กูหึง!!!"

    อย่าย้ำเรื่องเห็นทุกสัดส่วนได้ไหม อี ทงเฮ!!!

    คยูฮยอนเลือกที่จะไม่โต้ตอบกลับ บิดข้อมือหนีฝ่ามือที่ออกแรงรั้งเขาไว้ ร่างโปร่งถอนลมหายใจเหนื่อยหน่ายพลางตวัดตามองเพื่อนที่เอาแต่ตื๊อกันไม่เลิกรา ตอนนี้แล้วเขาแค่อยากไปสงบจิตสงบใจที่มันเตลิดไปก่อนหน้า หากเวลานี้ทงเฮกำลังทำให้เขาหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่ที่ถูกบอกชอบ...แต่...แค่น้อยใจที่ทงเฮพูดเหมือนเขาวิ่งไล่ตามใครอีกคน ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว...ไอ้คนที่ออกปากให้เขาไปขอร้องให้ ชเว ซีวอน ติวหนังสือ ก็เป็น อี ทงเฮไม่ใช่หรือไง?

    ก็เพราะมึง เพราะเชี่ยจองโม เพราะเชี่ยมินฮยอกไม่ใช่หรอ? ที่ทำให้กูต้องไปตามง้อพี่ซีวอนขนาดนั้น...มึงช่วยเงียบและกลับไปซะ...พรุ่งนี้กูถึงจะอารมณ์ดีอยากคุยกับมึง...กลับไปได้แล้ว...ก่อนที่กูจะบอกว่า กูเบื่อมึง...

    ยังไงเสีย โจ คยูฮยอน ก็คือคนที่ถูกทุกอย่าง...สำหรับ อี ทงเฮ ก็แค่เพื่อนที่คอยช่วยเหลือคยูฮยอนเท่าที่ความสามารถของเพื่อนคนหนึ่งจะพึงมี...

    ก็ใช่สิ...เขามันไม่ได้หล่อ ไม่ได้สูง ไม่ได้ฉลาด ไม่ได้อายุมากกว่า ไม่ตรงสเป็กคยูฮยอนหนิ!!!

     

     

    แม่ยืดเวลาให้น้องใช้เวลาในการสอบเข้ามหาลัยฯ ครั้งนี้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแม่จะไม่ส่งน้องไปลอนดอนนะอินซอง...

    แม่ใจร้ายกับน้องไปรึเปล่าครับ...แม่ส่งน้องไปทั้งๆ ที่น้องติดพ่อกับแม่ขนาดนี้นี่นะ

    น้องต้องเจอกับสังคมใหม่ๆ บ้าง...อนาคตต่อไปเกิดไม่มีแม่ไม่มีพ่อไม่มีอินซองหรือไม่มีคนอื่นๆ น้องเค้าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ยังไง...แม่คิดว่าแม่ตัดสินใจแล้วล่ะ...

    แล้วข้อต่อรองของน้องล่ะครับ

    แม่ทำตามคำขอร้องของน้องแน่...ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก อินซอง...

     

    บทสนทนาระหว่างผู้เป็นแม่กับพี่ชายคือสิ่งที่คยูฮยอนบังเอิญได้ยินในช่วงข้อความสำคัญๆ พอดิบพอดี...เขาคิดมาเสมอว่าพี่ชายไม่ไยดีที่เขาจะถูกส่งไปลอนดอน แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว พี่ชายคนเดียวก็คอยพูดกล่อมมารดาอยู่ตลอดเวลา หากคำพูดของบุพการีทั้งสองคือขั้นเด็ดขาด แน่นอนว่าถ้าไม่สามารถทำตามที่สัญญาหรือต่อรองไว้ได้...ทุกอย่างก็เท่ากับศูนย์เปล่า

    เด็กหนุ่มย้ายตัวเองจากหลังบานประตูเข้าห้องนั่งเล่นพลางพาร่างกายเดินขึ้นบันไดไปด้วยความสับสนที่วิ่งวุ่นไม่มีจุดสิ้นสุด พ่อกับแม่ของเขาก็ทำถูกแล้วหนิ...ที่เป็นอยู่ตอนนี้ ชีวิตของโจ คยูฮยอน ล้วนแล้วแต่ขาดใครไม่ได้เลยสักคน...จะมีสักกี่เรื่องที่เขาสามารถทำมันได้สำเร็จโดยไม่ต้องพึงพาใคร...ถ้าลองได้ไปอยู่ลอนดอนจริงๆ...บางทีเขาอาจโตเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้สินะ...

    ตุ้บ!

    ดวงตาคู่โตที่กำลังเหม่อลอยเบิกโพลงเมื่อยามได้ยินเสียงแปลกประหลาดดังลอดออกมาจากห้องนอนส่วนตัว...ในหัวคิดจินตนาการเป็นเรื่องเป็นราวเมื่อเสียงนั้นเงียบไปก่อนจะแทนที่ด้วยเสียงดีดกีต้าร์คอร์ดง่ายๆ ก่อนมันจะแปรเปลี่ยนเป็นคอร์ดเริ่มเพลงที่เขาชอบเพลงมากที่สุดในช่วงนี้...

     

    Too many voices

    Too many noises

    Invisible wires keeping us apart

    So many choices

    but they all disappointments

    And they only steal me away from you

    Climb into our private bubble

    Let's get into all kinds of trouble

     

    Slide over here let your hands feel the way

    There's no better method to communicate

    So KYU stop your talking

    Words just get in the way

    I'll be your man

     

    So baby come over

    From the end of the sofa

    I'll be your man

    I'll be your man

     

    ........ หมดซึ่งคำพูดใดๆ เมื่อยามที่เขาเปิดประตูห้องนอนของตัวเองเข้าไปก็พบกับเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่บนขอบบานหน้าต่าง ในอ้อมแขนโอบกีต้าร์โปร่งสีขาวพลางใช้เรียวนิ้วดีดเส้นสายบรรเลงเพลงคอร์ดง่ายๆ หากแต่ฟังดูนุ่มนวลไม่มีสะดุด ทุกอย่างรอบกายราวกับดึงดูดให้เขาขยับกายเข้าไปใกล้โดยไม่สามารถต้านทานความรู้สึกแปลกๆ ที่กำลังก่อตัวขึ้นได้เลย

    ไม่ได้เล่นกีต้าร์ให้เราฟังนานแค่ไหนแล้วเนี่ย...

    ...คงตั้งแต่พี่ไปมหาลัยฯ อันที่จริง...การที่ซีวอนไปอยู่มหาลัยฯ มันไม่ใช่อุปสรรคที่ทำให้เขาต้องเก็บมาคิดในน้อยใจ พี่ชายข้างบ้านคนนี้น่ะกลับบ้านทุกครั้งที่มีโอกาส...ออกจะบ่อยเสียด้วยซ้ำ แต่มันเพราะอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาไม่อยากจะวิ่งไล่ตามใครอีก...โดยเฉพาะกับพี่ชายคนนี้

    โกรธอะไรหรือเปล่า? ทำไมทำหน้าแบบนั้น... น้ำเสียงฟังดูเป็นห่วงรวมไปถึงท่าทีสบายใจอดไม่ได้ที่คยูฮยอนจะเบือนหน้าหนีสายตานั้น...

    เอ่อ...ถ้าจะบอกให้ถูก เขาโกรธที่ซีวอนไม่ยอมบอกเรื่องที่จะย้ายไปอยู่หอ...ปล่อยให้เขาต้องมานั่งซึมในวันนี้อีกคนจะไป...ก็เท่านั้น เหตุผลงี่เง่าเนอะ เหมือนเด็กหวงของไม่อยากจะเสียไปให้ใครง่ายๆ อะไรประมาณนั้น...

    เปล่าหนิ...ว่าแต่พี่เข้ามาในห้องผมได้ไง? เด็กหนุ่มไม่คิดจะต่อบทสนทนาเมื่อครู่ หากเขาเลือกที่จะตัดบทเบี่ยงประเด็นเสียดื้อๆ คงไม่ต้องบอกว่าอีกฝ่ายทำหน้าตาเช่นไร ชเว ซีวอน เลิกคิ้วมองนิดหน่อยพลางเผยยิ้มบางเบา

    ปีนขึ้นมาน่ะสิ...ลำบากมากเลยนะกับการต้องแบกกีต้าร์ขึ้นมาเป็นเพื่อน

    สม!”

    งอน?

    เปล่า

    เราทำหน้าเหมือนงอนพี่ รู้ตัวรึเปล่า?

    ก็บอกว่าเปล่าไง!!!”

    ก็นึกว่าอาบน้ำให้เมื่อกี้แล้วจะหายงอนกันซะอีก... โว๊ะ!!! ไปเอาความคิดนี้มาจากไหนว่ะครับ!!! อิพี่ซีวอนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!

    อุตส่าห์จะใจอ่อนซึ้งแล้วนะ เจอแบบนี้เข้าไป...แม่งมันน่ากระโดดถีบให้ตกขอบหน้าต่าง

    กลับไปเลย -///////////////////////-“ คยูฮยอนคิดว่าเขาตะโกนเสียงดังแล้วนะ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเสียงที่เปล่งออกมากลับดังแต่เพียงลำคอ ซ้ำเขายังหน้าร้อนผ่าวๆ ขึ้นมาชนิดตั้งรับไม่ทัน โสตประสาทได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ลอยมากระทบหูให้ปวดขมับเล่น

    โอ้ยยยย! กวนตีน!!!

    พี่ขอถามอะไรอย่างสิ... ลอยหน้าลอยตาเข้าไป... - -*

    ไม่ให้ถาม...

    จะถาม... ...เล่นกวนกันแบบนี้ คิดว่าโจ คยูฮยอนจะทนได้อีกสักกี่น้ำล่ะ!

    “=..= จะถามก็ถาม...

    ทำไมถึงอยากเป็นร็อคเกอร์ถามมาได้...นี่มันคำถามเบสิคๆ ที่โจ คยูฮยอน สามารถตอบได้อย่างน้ำไหลไฟดับ...ก็คนมันชอบ...เกิดมาก็คิดว่าพระเจ้าประทานพรสวรรค์มาให้ ถึงได้มุ่งมั่นอยู่อย่างนี้...บลาๆๆๆๆๆ อีกร้อยแปดเหตุผล แต่ถ้าจะให้ตอบคนตรงหน้า...เอาแค่สั้นๆ เข้าใจง่ายๆ ก็พอ ป่วยการจะพูดด้วยเต็มทน

    อยากเป็น...

    แค่อยากเป็น แค่นั้นหรือไง... อั๊ยหย๊า!!! ทำไมชอบซักอย่างนี้นะ!

    "ผมหลุดออกมาจากท้องแม่ ผมก็เห็นสัจธรรมแล้วล่ะ ว่าผมน่ะ ควรจะเป็นร็อคเกอร์สตาร์!!!"

    ไม่คิดจะทำอย่างอื่น?

    “- -‘’ ถามมาก!!! ไม่ตอบ!!!”

    งั้นก็พี่ก็จะรอให้เราตอบ...ถ้าเราไม่ตอบ พี่ก็ไม่กลับบ้าน

    ..........................Fuck!!!!!

    ขอโทษเถอะ ผมอยากเป็นร็อคเกอร์ แล้วมันไปหนักหัวลุงหรือไง? ไอ้ลุงซีวอน!!! ไม่ว่าเปล่า คยูฮยอนเองรู้สึกว่าเลือดในกายมันเดือดพล่านพิกล...คล้ายว่าคำพูดของซีวอนมันแสกกลางหน้าเขา ไม่ต่างอะไรไปจากการโดนหยามหน้า(?) ร่างโปร่งถลันตัวเข้าไปหาคนตัวโตที่นั่งทำหน้ากวนประสาทอยู่ขอบหน้าต่าง สองมือยกขึ้นหวังจะผลักอกไอ้พี่ชายปากมากให้หล่นลงจากหน้าต่างโทษฐานทำให้อารมณ์หงุดหงิดของเขาจนกู่ไม่กลับ...

    แต่ก็ใช่ว่าเขาจะเอาคืน ชเว ซีวอน ได้ดั่งใจคิด...พระเจ้าดูเหมือนจะไม่เข้าข้างเขาเอาเสียเลย!!!

    พ่อ

    มึง

    เสีย

    !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    จุก!! T^T” โจ คยูฮยอนกุมหน้าท้องน้อยที่บังเอิญไปกระแทกกับข้อศอกของคนตัวโตกว่าเข้าอย่างจังในช่วงจังหวะที่เขาตั้งใจก้าวอาดๆ เข้าไปผลักอกพี่ชายข้างบ้าน แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตรเมื่อชเว ซีวอนรวบมือเขาไว้ได้ทัน....ไอ้เขามันก็เอาแต่ดิ้น ผลสุดท้ายถึงได้ล้มโครมลงกับพื้นเพราะทรงตัวไม่อยู่ นี่ยังไม่รับรวมน้ำหนักของร่างสูงใหญ่ที่กดทับลงมาทำเอาเขาแทบจะหายใจไม่ทั่วท้อง

    ...กดทับ...อะไรนะ กดทับ!!! O..O

    คยูฮยอนตวัดดวงตาที่เอาแต่มองมือที่กุมหน้าท้องน้อยขึ้นสบกับใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ใกล้กับเพียงคืบ! ขอย้ำอีกครั้ง...ว่านี่ไม่ใช่ละครโรแมนติกที่พระนางล้มทับนอนกองอยู่กับพื้นแล้วต้องจ้องหน้าให้อีกฝ่ายละลายไปข้าง เวลาแบบนี้...โจ คยูฮยอน ซึ้งไม่ลงโว้ย!!!!

    อั่ก!!!

    ใบหน้าของชเว ซีวอน บิดเบี้ยวไปเล็กน้อยเพราะลูกเตะที่เฉียดศูนย์กลางชายชาตรีไปเพียงนิด...ชายหนุ่มรับรู้ถึงสายตาวาวโรจน์ของเด็กตรงหน้าถึงได้เอี้ยวตัวหลบทัน แต่เท้าคู่ไม่เล็กไม่ใหญ่ก็กระแทกเข้าให้กับช่วงเอวอย่างจัง ซีวอนหยัดตัวลุกขึ้นจากพื้น เขายื่นมือไปตรงหน้าหวังจะรั้งเด็กหน้างอให้ลุกขึ้นจากพื้น ทว่าร่างโปร่งยังเอาแต่นอนกุมท้องอยู่กับพื้น...ท่าทางที่เห็นบอกได้เลยว่าคยูฮยอนยังคงไม่หายเจ็บแน่ๆ ชายหนุ่มลอบถอนหายใจเล็กน้อยพลางนั่งลงบนพื้นอีกครั้ง หากครานี้เขาเลือกที่จะออกแรงดึงให้คยูฮยอนลุกขึ้นในทีเดียวแม้จะมีแรงขืนอยู่บ้าง แต่เด็กหัวดื้อก็ยอมลุกขึ้นนั่งแต่โดยดี...ซีวอนแย้มยิ้มขำเมื่อท่าทางของคยูฮยอนช่างน่าขันในสายตาของเขานัก...ใบหน้าขาวที่ก้มงุดแทบมุดอกตัวเอง มือทั้งมองข้างยังคงกุมหน้าท้องไว้ไม่ยอมปล่อย

    เจ็บไหม?

    ก็เจ็บสิ...ถามได้...

    ไหน...พี่ดูสิ... ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายปฏิเสธ...มือใหญ่ก็เอื้อมไปเลิกเสื้อยืดสีเขียวอ่อนจนเผยให้เห็นเนื้อผิวหน้าท้องขาวจัด...กับอีกคนแล้วแทบหยุดหายใจ คยูฮยอนไม่ต่างอะไรไปจากรูปปั้นหินในเวลานี้...แค่ซีวอนเลิกเสื้อเขาขึ้น รวมไปถึงฝ่ามือที่แตะลงบนผิวหน้าท้องที่ยังคงเจ็บหน่วงจากการกระแทก ดวงหน้าขาวจัดก็ร้อนผ่าวขึ้นมาเสียอย่างนั้น...อะไรก็ทำไม่ได้ดั่งใจ อยากจะปัดมือนั้นหนี แต่การเคลื่อนไหวของเขามันเกิดช้าขึ้นมากะทันหัน กับสมองแล้วยิ่งไปกันใหญ่ ไม่ยักจะประมวลผลเลยแม้แต่น้อย!

    ผมหายเจ็บแล้ว...พอเหอะฝ่ามือที่คลึงหน้าท้องของเขาหยุดชะงักพร้อมๆ กับดวงตาสีชาที่บังเอิญสบเข้ากับเขาพอดิบพอดี อะไรวะ...อย่ามามีเคมีตอนนี้นะโว้ย!!!

    ปากแข็งว่าด้วยน้ำเสียงกลั้นยิ้มไม่พอ...ชเว ซีวอน ยังทำท่าเหมือนอยากจะเปล่งเสียงหัวเราะ...แต่เพราะเขาเอาแต่จ้องตาถลนอีกฝ่ายถึงได้เอาแต่กวนบาทากันอยู่แบบนี้ โว้ยๆๆๆ อยากกระโดดถีบยอดหน้าให้หายหล่อจริงๆ เลย!

    ปากแข็งอะไร?

    ก็เราน่ะปากแข็ง

    แข็งตรงไหนเล่า!!”

    นี่ไง... มือใหญ่ที่นวดคลึงหน้าท้องขาวเลื่อนขึ้นมาจับกลีบปากอิ่ม ดึงให้ยืดออกยังผลให้เจ้าของเรียวปากที่ว่านึกหงุดหงิดกำลังสอง...โจ คยูฮยอนเป็นคนนะ ไม่ใช่ตุ๊กตาจะได้นึกอยากจะหยิกแก้มก็หยิก หรือดึงปากเขาเล่นอะไรเทือกนั้น เสียงหัวเราะต่ำๆ ในลำคอของชายหนุ่มบอกได้เลยว่ายั่วน้ำโหคยูฮยอนได้มากโข...เด็กหนุ่มสะบัดหน้าหนีมือใหญ่ที่ได้ใจดึงปากเขาเล่นก่อนจะตะปบมือเข้าให้ที่ข้างแก้มไอ้พี่ชายข้างบ้านเต็มแรง

    คยูฮยอน! พี่เจ็บนะ

    อะไร...แล้วคิดว่าที่พี่ดึงปากผมเล่น ผมไม่เจ็บหรือไง

    แต่พี่เป็นพี่เรานะ!! ตบหน้าพี่แบบนี้ไม่น่ารักเลย...

    โมโหแล้วนะ...ดู ชเว ซีวอนทำหน้าเข้าสิ...ทำหน้าเหมือนเขาทำผิดมากขนาดนั้น...ใครแกล้งใครก่อนกัน!!!

    ว่ากันว่า...โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า... แหงล่ะ ตอนนี้ โจ คยูฮยอน คงโคตรบ้าเลย!!!

    ท่าทางวิญญาณแมวบ้าจะเข้าสิงห์ เขาถึงได้จงใจอ้าปากกัดกลีบปากล่างของไอ้พี่ชายปากมากมันซะเลย...โทษฐานใส่ความกันดื้อๆ แถมยั่วโมโหไม่หยุดหย่อน คยูฮยอนไม่สนแล้วล่ะว่าที่ทำอยู่มันจะเหมือนเขาน่ะใจกล้าหน้าด้านจูบใครอีกคนก่อน แต่ใครจะสนใจล่ะ...ปากสุนัขๆ แบบนี้ ถ้าไม่เจอกัดคืน...คงได้ค่อนแคะกวนประสาทเขาไม่ยอมหยุดแน่ๆ

    ต๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย คยูฮยอน!!!!!”

    แม่!!!!!”

    โอ้ยยยยยยยยยยยยยย อิพี่ซีวอน โชคเข้าข้างมึงตลอดอ่ะ TT^TT

     

     

     

    อ้อนไปเห๊อะ~ กูไม่ฟินโว้ยยยยย

    ทงเฮ... เวลาแบบนี้ เมื่อก่อน อี ทงเฮ คงไม่ต้องรอให้เพื่อนรัก(มาก)อย่างคยูฮยอนร้องแง้วๆ ออดอ้อนหรอก...เขาสิที่จะวิ่งใส่คนน่ารัก แต่วีรกรรมของคยูฮยอนที่เขาเพิ่งได้รับรู้เมื่อครู่ มันกวนอารมณ์ขุ่นๆ ของเขาให้ยิ่งขุ่นเคืองไปกันใหญ่ มีอย่างที่ไหนไปกัดปากพี่ซีวอน...โอ๊ะ พ่อมึงว่ะ โจ คยูฮยอน มึงทำแบบนี้...แม่งโคตรหยามหน้ากูเลย...

    มึงหยุดอ้อนกูได้ล่ะ...ใครวะบอกกูว่าเบื่อกู...แล้วนี่อะไร...มึงไปหาพี่ซีวอนของมึงเหอะ ไปกัดปากพี่เขาต่อเลยไป!!!”

    ทงเฮ!!! มึงซ้ำเติมกูทำไม ไอ้เชี่ยหนิ...กูโมโห มึงเข้าใจไหม...ว่ากูแม่งโมโหเลยกัดปากไอ้พี่บ้านั่นไปน่ะ

    โมโหแล้วทำไมต้องกัดปาก...โมโหมากก็ต่อยไปเลยดิ๊

    ก็ตอนนั้นมันคิดไม่ออกอ่ะ - -*”

    ไอ้หัวช้าเอ้ย!!!”

    กูบอกให้มึงเลิกด่ากู...มึงรู้ไหม แค่เมื่อคืนแม่ก็ด่าหูชาแล้ว... คยูฮยอนหน้าหงิก...เมื่อคืนน่ะแม่ของเขาบังเอิญเข้ามาเห็นตอนที่เขากำลังบ้าคลั่งกัดปากไอ้พี่ข้างบ้าน...สุดท้ายก็เป็นเรื่อง เขาสิโดนบ่นว่าทำไมถึงได้ไปทำแบบนั้น...ไปกัดปากพี่เขาได้ยังไง เราเป็นน้องทำไมทำตัวไม่น่ารัก บลาๆๆ สารพัดที่แม่สามารถจะบ่นเขาได้...แน่นอนว่าวกกลับเรื่องไปลอนดอน...เล่นง่ายๆ ว่าถ้าสอบไม่ติด...ก็เตรียมเก็บของไปลอนดอนได้เลย

    อันตราย...อิพี่ซีวอนแม่งตัวอันตราย =..=”

    อันตรายแต่มึงก็ต้องให้เขาติวหนังสือให้ไม่ใช่หรือไง ทงเฮย้อนถามเสียงเรียบ แทบจะทันที...ใบหน้าขาวยับยุ่งเสียจนไม่น่ามอง สำหรับทงเฮแล้ว...เขาน่ะไม่ได้หวังกับการสอบครั้งนี้มากเท่าใดนัก เพราะยังไงพ่อแม่ก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้ มหาลัยฯเอกชนคือแผนสำรองที่พ่อแม่ตระเตรียมไว้ให้ แต่กับคยูฮยอนแล้ว...การสอบครั้งนี้...ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย...

    ยิ่งไปกว่านั้นความฝันของคยูฮยอนล่ะ...

    กูไม่สนแม่งแล้วหะ...ห๊า... (`O´*)

    อะไรของมึง

    ไม่ว่ากูจะสอบติดหรือไม่...กูก็ต้องแข่งวงดนตรีให้ได้...ได้ไม่ได้มันก็อีกเรื่องกูคิดว่าถึงกูไปเรียนเมืองนอกก็ใช่ว่ากูจะเป็นร็อคเกอร์ไม่ได้สักหน่อย แต่ขอแค่ให้กูได้เจอไอดอลกูก็พอ...

    “(;_) “ ที่ทงเฮทำหน้าแบบนั้น...ไม่ใช่เพราะงงที่คยูฮยอนเปลี่ยนความตั้งใจในวินาทีนี้ แต่เพราะเข้าใจถึงเจตนาที่คยูฮยอนต้องการจะสื่อต่างหาก...ไอดอลที่คยูฮยอนว่าน่ะ จะบอกให้ว่าหมายถึงใคร...

    คิม จองฮุน โปรดิวเซอร์ชื่อดังที่จะมาเป็นกรรมการตัดสินต่างหากล่ะ!!

     

    หลังจากที่ลั่นวาจาออกไปแบบนั้น...คยูฮยอนก็ไม่เข้าไปย่างกายเฉียดบ้าน ชเว เลยถ้าไม่จำเป็น เรื่องสอบเข้ามหาลัยฯโซลกลายเป็นเรื่องจิ๊บๆ ที่คยูฮยอนมองว่าเป็นแค่สิ่งที่ต้องทำตามหน้าที่...ในเมื่อวงร็อคที่เขาชื่นชอบส่วนใหญ่ก็อยู่อังกฤษกันทั้งนั้น...การบินไปลอนดอนนับเป็นโชคที่เขาไม่ควรปล่อยไปนี่นา...

    จะว่าไป...เขาเปลี่ยนใจง่ายไปหรือเปล่า?

    ถ้ากลับมาลองคิดว่าเขาควรจะยืนด้วยลำแข้งตัวเอง...มันเป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว พ่อแม่เป็นคนยังไงเขารู้จักดี...แม้ว่าเขาจะดื้อดึงยังไง คำสั่งของท่านคือขั้นเด็ดขาด...ถ้าเขาต้องไปลอนดอน...นั่นแหละคือทางเลือกที่พ่อแม่เห็นว่าดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว

    ดูเหมือนความคิดของเขามันเปลี่ยนไปจนไม่น่าเชื่อเลยล่ะ

    คยูฮยอน... เด็กหนุ่มที่นั่งกำลังนั่งอ่านหนังสือโดยมีน้องหมาดาตาญังซุกตัวอยู่ข้างๆ เงยหน้าขึ้นสบกับเจ้าของดวงตาสีชา...ร่างสูงใหญ่ยืนเด่นตระหง่านอยู่ตรงหน้า...ฉับพลันที่คยูฮยอนค้อนสายตามองหน้า ชเว ซีวอน ก่อนจะหันกลับมาสนใจกับหน้าหนังสือต่อ...ทั้งที่แท้จริงแล้วสมาธิของเขาไม่ได้จับจ้องอยู่ที่ตัวอักษรเลยแม้แต่น้อย

    ร่างสูงทิ้งกายนั่งลงบนพื้นหญ้า...ดวงตาคมลอบมองเสี้ยวหน้าหวานที่เอาแต่จ้องหนังสืออยู่ ณ ตำแหน่งเดิม ตั้งแต่วันที่คยูฮยอนกัดปากเขา ดูเหมือนคยูฮยอนก็ไม่ค่อยพึงใจจะเข้าใกล้เขาสักเท่าไหร่...จะมีก็แต่เขาที่มาติวหนังสือให้เจ้าตัวถึงบ้านตามคำสั่งของคุณนายโจและผู้เป็นแม่ เขาเองก็ยุ่งๆ กับงาน...พรุ่งนี้แล้วที่จะถึงวันสอบ ส่วนตัวเขาก็ต้องไปต่างจังหวัด...

    คยูฮยอนน่ะไม่ยอมพูดหรอกว่าตัวเองโกรธ...เขาเองที่ต้องเป็นคนพยายามเข้าหา

    พรุ่งนี้สอบแล้วหนิ

    ครับ...

    ให้พี่ติวให้ไหม?

    ไม่ต้องครับ...คำพูดของคยูฮยอนกึ่งๆ จะไล่เขาให้กลับบ้านไปเสีย...

    ตั้งใจสอบนะ...วันแข่งดนตรีพี่จะไปดู...ตั้งใจนะครับ คนเก่ง ถ้าแค่คำพูดก็คงทำได้แค่ปลอบไปงั้นๆ แต่การกระทำของชเว ซีวอน อดไม่ได้ที่คยูฮยอนต้องนึกหัวเสีย...หัวเสียที่จู่ๆ ใจมันก็เต้นแรงจนน่ากลัว...เรียวปากที่แนบลงกับหน้าผากมนรวมไปถึงฝ่ามืออุ่นที่ลูบศีรษะปฏิเสธไม่ได้ว่ามันทำให้คยูฮยอนมีกำลังใจอย่างบอกไม่ถูกทั้งๆ ที่ไม่ได้อยากรับคำปลอบโยนนั้นเลยสักนิด

    ไอ้พี่บ้า...-//////////////////-“

    ...เชื่อไหม?

    ว่ากำลังใจที่ไม่ค่อยอยากจะรับไว้ ทำให้เขามีสมาธิสอบแทบจะทุกวิชาเลยล่ะ!

     

    มึง...คิม จองฮุน...หน้าแม่งโหดว่ะครับ โหดมาก!!! โหดจนกูเล่นไม่ออก!!!!” คิม จองโมบ่นไม่ขาดสายทั้งๆ ที่ยังไม่ทันได้ขึ้นเวที...สมาชิกในวงคนอื่นๆ ก็ไม่ต่างอะไรไปจากจองโมสักเท่าไหร่...แม้แต่ทงเฮผู้ไม่เคยกลัวใครยังรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ อย่างบอกไม่ถูก...แค่พวกเขายืนรออยู่ข้างเวทีเฝ้ารอเวลาแห่งการแข่งขัน การทอดสายตามองสีหน้าของกรรมการแต่ละคน...หัวสมองก็เกิดอาการแรมต่ำขึ้นมาเสียอย่างนั้น

    คงจะมีคนที่ลั้ลลาอยู่คนเดียว...คนที่ชื่นชมผลงานของ คิม จองฮุนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร

    แม่งเท่ห์ออกหน้าโหดตรงไหน พวกมึงหนิ -..-“ คยูฮยอนว่าพลางจัดแต่งเส้นผมที่เซตซอยมาอย่างดี...ดวงตาคู่โตบัดนี้ถูกแต่งแต้มในแบบสโมกกี้อาย เครื่องแต่งกายที่นานๆ ทีจะได้สวมใส่ นับว่าเหมือนวันปลดปล่อยอิสรภาพยังไงยังงั้น คยูฮยอนส่งยิ้มให้กับพี่ชายแท้ๆ และพ่อกับแม่ที่นั่งอยู่เกือบหน้าสุดของเวที...ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเขาสอบติดมหาลัยฯโซลจริงๆ งานนี้...พ่อกับแม่ถึงได้ยิ้มหน้าบานไม่หุบ ใจปล้ำมานั่งดูเขาแข่งวงดนตรีอีกต่างหาก...

    เหมือนฝันเลยเนอะ~ ><

    คยูฮยอน...ขอจูบหน่อยดิ

    เชี่ยเฮ...ตลอดอ่ะมึง!!!” ครั้งนี้คยูฮยอนไม่ได้ยอมให้ทงเฮฉวยโอกาสจูบเขาต่อหน้าใครหลายๆ คนได้หรอก...ทงเฮถึงได้ทำหน้าเซ็งแต่กระนั้นก็ยังแอบกดจมูกลงบนแก้มนิ่มๆ อยู่ดี...

    ไม่ได้จูบหอมก็ได้วะครับ เพื่อนคิยู~”

    ใช่เวลาเล่นไหมมึง!!!!!” ไม่ทันที่คยูฮยอนจะได้กระโดดขย้ำคอเพื่อนตัวดี คัง มินฮยอกก็ดึงตัวเขาไว้ได้ทันท่วงทีก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงตื่น

    คยูฮยอน...พระเอกมา...!!!”

    พระเอกห่าอะไร!!!!!” คู่หูดูโอ้อย่างจองโมและมินฮยอกพร้อมใจกันพยักพเยิดสายตาไปยังเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้าใกล้เพื่อนตัวขาว ใบหน้าหล่อเหลาเผยยิ้มบางเบา ก่อนที่ฝ่ามือใหญ่จะยกขึ้นลูบกลุ่มผมสีน้ำตาลสว่าง เอาเป็นว่า...จากไอ้แมวที่กำลังขู่คนอื่นฟ่อๆ เป็นอันต้องหูลูบหางตก พูดเสียงอ้อมแอ้มไม่ลำคอไม่โหวกเหวกโวยวายอย่างเมื่อครู่

    พะ พี่ซีวอน...

    ไงคนเก่ง...

    มึงจะยืนทำหน้าสล่อนอยู่ทำไมเชี่ยเฮ...ปล่อยให้คนเขาคุยกันดิ จองโมคว้าเข้าให้ที่คอเสื้อกล้ามสีดำสนิทของทงเฮก่อนร่างสันทัดจะถูกลากให้ออกไปจากบริเวณเสียเฉยๆ คนโดนขัดใจทำได้แค่เพียงชูนิ้วกลางใส่ไอ้ดูโอ้ ทิ้งสายตาเหนื่อยหน่ายมองตามเพื่อนแสนรักที่ยืนคุยกับศัตรูหัวใจตัวฉกาจ

    ...อันที่จริง อี ทงเฮก็แค่ต่อให้...เอาจริงเมื่อไหร่ พี่ซีวอนก็พี่ซีวอนเถอะ ความหล่อแม่งก็สูสีกันล่ะวะ!!!

    เฮ้ยพวกมึงรอกูก่อน!!”

    เดี๋ยวสิ... ยังกะในเอ็มวี...ยื่นมือมารั้งแขนอะไรเทือกนั้น... =_______=

    คยูฮยอนเผลอสะบัดแขนเต็มแรง...ต้องบอกว่าไม่ได้ตั้งใจเลยนะ...ก็จู่ๆ หน้ามันดันร้อน คนมันดันเขิน จะให้อยู่นิ่งๆ เฉยๆ ทำไม่ได้จริงๆ อีกคนก็เล่นแผ่ออร่าความดูดีกระแทกตาเสียจนคยูฮยอนเองยังนึกหายใจไม่ทั่วท้อง...โตด้วยกันมาตั้งแต่เด็กก็จริง แต่พอมาเห็นพี่ชายคนนี้ในอีกมุมๆ หนึ่ง มุมของผู้ชายวัยทำงานนิสัยติสต์ๆ ไม่ค่อยสนใจโลก...(ถ้าเข้าใจแบบเข้าข้างตัวเองต้องบอกว่า พี่ซีวอนสนใจแต่เรื่องของโจ คยูฮยอน -///////- ) เอ่อะ ก็เขินสุดๆ ไปเลย ~

    โอ้ยยยย โจ คยูฮยอน ทำไมมึงถึงได้แรดขนาดนี้ !!!! ลืมไปเลยว่าแอบงอนพี่ซีวอนอยู่ !

    สอบติดแล้วหนิ...แสดงว่าก็ไม่ต้องไปลอนดอนสินะ

    กะ ก็ติดแล้ว...แล้วก็ไม่ต้องไปลอนดอนแล้ว ประสาทการพูดที่เคยทำงานคล่องปร๋อ...เกิดอาการช็อตกะทันหัน! กะอีแค่พูดยังต้องทวนประโยคของพี่ซีวอนเลย...ให้ตายเถอะ!!!

    คยูฮยอนลุคส์นี้ก็น่ารักดีเนอะ

    อะไร...น่ารักอะไร... {{{(>_<)}}}

    อะเออ...ต้องขึ้นเวทีแล้วคยูฮยอนเลือกที่จะหาข้ออ้างเรื่อยเปื่อยทั้งที่แท้จริงแล้ว...อีกหลายวงเชียวล่ะกว่าพวกเขาจะได้ขึ้นไปโชว์ แต่สถานการณ์แบบนี้...ทนอยู่ให้โดนจ้องนานๆ ไม่ได้แล้วจริงๆ หัวสมองน้อยๆ จะแตกตาย!!!

    คยูฮยอน...

    ห๊ะ คะครับ...

    จับมือ...

    จับมือทำไม!!!!!

    ลูบหัว...

    ลูบหัวทำไม!!!!

    มองหน้าทำตาซึ้ง...

    เฮ้ยยยยยยยย อย่านะ TTT^TTT

     


     

    ไม่อยากเป็นพี่ชายคยูฮยอนแล้ว...เป็นอย่างอื่นได้ไหม?

     



    The End




    Talk*
    เป็นการจบที่ร้ายกาจมาก ๕๕๕๕ ปล่อยตัวละครมาเพิ่มทั้งๆ ที่ไม่มีบทพูด

    อินี่แม่งร้ายกาจ (ด่าตัวเอง ><) อย่าเพิ่งโวยวายใส่เรานะ
    เด๋วเราจะปล่อยของเอง ขอบคุณที่อ่านเรื่องนี้ เจอกันใน Evil's Story ตอนหน้านะค่ะ ><

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×