คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : [S Fic] Just Me. [ -3- ]
-3-
ทุกคนต่างแปลกใจกับบุตรชายคนเล็กของตระกูลชเวอยู่ไม่น้อย ชเว ชีคยองละสายตาจากหน้าหนังสือพิมพ์ธุรกิจพลางถอนลมหายใจพรูใหญ่เมื่อยามเห็นร่างสูงใหญ่ของน้องชายก้าวเดินลงมาทิ้งกาย ณ ตำแหน่งโต๊ะอาหารด้วยเครื่องแต่งกายชุดลำลองสบายๆ เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนพับแขน ดูท่าแล้วเหมือนกำลังจะออกไปเที่ยวพักผ่อน?
“จะไปเที่ยวหรือ?” คนเป็นพี่เอ่ยปาก ชเว ซีวอนเพียงแค่พยักหน้ารับ ยังผลให้พี่สาวคนรองนึกข้องใจ น้องชายของหล่อนไม่ใช่พวกชอบเที่ยวเตร่มากนัก จุดประสงค์ของซีวอนกลับมาก็เพื่อทำตามคำสั่งของพินัยกรรมที่บุตรทั้งหมดต้องกลับมาอย่างพร้อมหน้าจึงจะเปิดพินัยกรรมได้ ติดก็ตรงที่พินัยกรรมที่ว่ายังหาไม่พบ...เรื่องกลับเยอรมันภายหลังจากงานศพจึงต้องพับเก็บไปอย่างไม่มีกำหนด
“นัดสาวไว้หรือไง?” จีอึนว่าอย่างรักษาท่า หล่อนปรายตามองปฏิกิริยาจากใบหน้าคมคาย แน่นอนว่าพบเพียงรูปหน้าสลักเฉยชาเป็นคำตอบ... อดไม่ได้ที่จะค่อนขอดไปอีกประโยค“สาวเกาหลีคงไม่ถูกใจเธอเท่าพวกแหม่มหัวทองหัวแดงแล้วสินะ”
ไม่มีคำตอบใดๆ อีกเช่นเคย...หล่อนส่ายหน้า หากจู่ๆ ทุกคนก็เบนสายตาไปยังหลานชายคนเล็กนอกตระกูลที่ก้าวเดินเอื่อยเฉื่อยมาทิ้งกายยังโต๊ะอาหารอีกคน...
“คุณอาจะพาผมไปเที่ยวต่างหากครับคุณพ่อ”
นี่คงยิ่งสร้างความแปลกให้กับคนบนโต๊ะอาหารได้มากโข...สองสามีภรรยาผู้เป็นบุพการีบุญธรรมของ โจ คยูฮยอน อดไม่ได้ที่บังเอิญหันมาสบตากันเป็นเครื่องหมายคำถาม พวกเขาไม่ได้แปลกใจอะไรนัก หากคยูฮยอนจะออกไปเที่ยว...แต่การที่ ชเว ซีวอนคือผู้รับปากที่จะพาหลานคนเล็กของตระกูลไปเปิดหูเปิดตา มันน่าประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก...
“แล้วไปเที่ยวที่ไหนหรือลูก” คุณนายอินยองเอ่ยถามบุตรชายบุญธรรมเมื่อครั้งมองจ้องใบหน้ากลมขาวที่ค่อนข้างจะมีประกายความสุขอย่างเห็นได้ชัด ภาพทับซ้อนของน้องสาวของหล่อนเบียดแทรกความคิดในใจบางอย่าง...คยูฮยอนมีนิสัยที่ไม่ได้ต่างจากน้องสาวของหล่อนเลยสักนิด อย่างว่า...แม่ลูกย่อมเหมือนกันทั้งหน้าตาและนิสัย... อินยองรักและชื่นชอบในรอยยิ้มของคยูฮยอนเสมอ รอยยิ้มที่มองเท่าใดก็ไม่เคยรู้สึกว่าจะเบื่อหน่าย...รักเสมือนลูกที่แท้จริง บางสิ่งที่เธอกำลังสงสัยกำลังชัดเจนมากขึ้น...คนเป็นแม่น่ะจะปิดหูปิดตาไปได้อีกสักกี่น้ำ ในเมื่อเลี้ยงมากับมือจะไม่รู้ความคิดความอ่านของเด็กคนนี้ได้อย่างไร...
“คุณอายังไม่บอกผมเลยว่าจะไปเที่ยวที่ไหน” คยูฮยอนไม่วายจะหันไปทำเสียงเหอะผ่านจมูกเมื่อครั้นได้สบตากับคนอายุมากกว่า...แท้จริงแล้ว ถึงจะเป็นเขาเองที่เอ่ยปากชวน แต่บางครั้งคยูฮยอนก็อยากให้ชเว ซีวอนได้เอ่ยปากพูดหรือกระทำในสิ่งที่ไม่เรียกว่า เย็นชา บ้าง...
คนคนนี้อย่างไรก็เหมือนกับไฟที่ยิ่งใกล้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้ว่าตัวเองเสี่ยงที่จะต้องบาดเจ็บ แต่คนอย่าง โจ คยูฮยอนกลับพร้อมจะเอื้อมมือไปไขว่คว้าไออุ่นจากกองไฟนั้นได้เสมอ...
“รีบทานข้าวเถอะ อาคิดว่าที่ๆ เธออยากไปคงเยอะน่าดู” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น สบตากันเพียงเล็กน้อยพลางหันกลับไปสนใจอาหารเช้าในจาน คยูฮยอนไม่ได้มองว่าการกระทำเมื่อครู่มันดูน่าน้อยใจ ตรงข้ามกัน...เขากลับเผยยิ้มออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว...
ก็คุณอาซีวอนเป็นแบบนี้เสมอ...สุดท้ายก็ตามใจเขาอยู่ดี
คยูฮยอนรู้ดีอยู่หรอกว่า ชเว ซีวอนไม่ชอบฟังเพลงแนวป๊อปใสๆ อะไรเทือกนั้น แต่จนแล้วจนรอด ก็เหมือนเด็กตัวแสบจะแกล้งเขาน่ะสิ ถึงได้จงใจเปิดเพลงของพวกไอดอลกรุ๊ปทั้งชายและหญิงวนไปเวียนมาให้เขาได้ขมวดคิ้วเป็นปม เสียงหัวเราะคิกคักอดไม่ได้ที่ชายหนุ่มจะถอนหายใจหนักๆ ให้สักที ดวงตาคู่คมยังคงจ้องตรงไปยังถนนที่มีรถราไม่มาก กระนั้นก็ยังไม่อยากจะไปขัดอารมณ์สุนทรีของเด็กตัวขาวแถวนี้เข้า...
“ฟังเพลงวัยรุ่นๆ หน่อยก็ดีนะครับ คุณอาน่ะจะได้ไม่แก่...อืม...แต่อันที่จริง อาน่ะไม่ยักจะแก่เลยสักนิด...” เด็กหนุ่มเอ่ยปากขึ้นเป็นประโยคแรกหลังจากกระโดดมานั่งบนรถยนต์ส่วนตัวของเขาได้อย่างสวัสดิภาพโดยไม่โดนพ่อบุญธรรมอย่าง ชเว ชีคยองที่ขึ้นชื่อว่าหวงลูกนักหวงลูกหนาขัดคอ ชเว ซีวอนไม่รู้หรอกว่าดวงตาคู่โตจะเปล่งประกายมีความสุขมากขนาดไหน เพราะจากน้ำเสียงแล้ว...ทุกอย่างมันชัดเจน... การได้หลุดจากครอบครัวที่บางครั้งก็กักขังกันจนน่าอึดอัดมันคงทำให้คยูฮยอนได้เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น
ปฏิเสธไม่ได้เชียวว่าเขาก็รู้สึกเช่นนั้น...
“ฉันก็แค่สามสิบสอง” อยู่กับสองคนแบบนี้ บางทีคำว่า อา อาจไม่จำเป็น
“แต่ผมสิบเจ็ด”
“แต่เธอน่ะแก่แดด”
“คุณอาก็ดื้อไม่ยอมโต หัวรั้นไม่ยอมฟังใคร...แย่จังเลยเนอะ”
“นี่...ชักจะมากไปแล้วนะคยูฮยอน”
“ใครสนล่ะ! แบร่!!” เด็กหนุ่มหันมาแลบลิ้นใส่เขาพลางยกแขนขึ้นกอดอกฉับ เรียวหน้าขาวสะบัดหน้าไปอีกทาง ได้ยินเสียงบ่นงึมงำจับไม่ได้ศัพท์อยู่หลายต่อคำ น่าแปลกพิกลที่เขากลับยกยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเขาเหลือบตามองเสี้ยวหน้าด้านข้างที่ดูท่าคงจะรอให้เขาง้อกระมัง ทั้งที่มือยังคงต้องบังคับพวงมาลัย แต่ชเว ซีวอนก็เลือกที่จะยื่นฝ่ามือไปลูบกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้ม การกระทำแบบนี้...มันยากนักที่จะแสดงออกเมื่ออยู่ต่อหน้าคนตระกูลชเว แต่เมื่อได้อยู่กับเพียงแค่สองคน... ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่า การแสดงออกที่ดูเย็นชาต่อคยูฮยอน มันคงร้ายกาจสำหรับเด็กคนนี้ไม่ใช่น้อย
โจ คยูฮยอนน่ะบางครั้งก็น่าอัศจรรย์นะ ชอบทำให้ชเว ซีวอนเปลี่ยนเป็นอีกคนได้เสมอ ตัวตนอีกคนที่เก็บตัวเงียบมานานแสนนาน...
ความเงียบปกคลุมคนสองคนในยานพาหนะสีขาวได้ไม่นาน เสียงของเด็กที่กำลังตั้งท่าว่าจะงอนเขานั่นแหละที่เป็นคนพูดจ้อขึ้นมาเอง...เจ้าตัวเอาแต่เล่าเรื่องที่โรงเรียนบ้างล่ะ เรื่องพ่อแม่ที่หวงเจ้าตัวจนเกินเหตุ หรือแม้แต่เรื่องจิปาถะทั่วไปอย่างออกรส ชเว ซีวอนอมยิ้มออกมาเพียงนิด และก็อีกนั่นแหละ โจ คยูฮยอนมักไม่ค่อยพอใจกับการยกยิ้มพอเป็นพิธีของเขามากนัก ถึงได้จงใจยื่นมือมามาหยิกมุมแก้มเขาเต็มแรง
“อาไม่ตั้งใจฟังเลย”
“ฉันฟังนะ คยูฮยอน”
“หัวเราะกว้างๆ ยิ้มให้มันเข้ากับเรื่องที่ผมเล่าหน่อยสิ ทำอย่างกะฟังพอผ่านๆ หู” ชายหนุ่มถอนหายใจ ปล่อยให้ความเงียบกล่อมอารมณ์หงุดหงิดของเด็กข้างๆ ให้เย็นลง...เงียบเสียจนบางทีเขาอาจต้องเป็นคนเริ่มบทสนทนาเสียเอง
“คยูฮยอน...”
“ครับ?”
“...พินัยกรรมอยู่กับเธอใช่ไหม” บางทีเพราะเรื่องที่กวนใจมาตลอดจึงทำให้เขาเอ่ยปากหลุดออกไปโดยลืมไปว่า การออกมาเที่ยวในครั้งนี้ คยูฮยอนคงไม่ต้องการจะนำเรื่องนี้มาใส่ใจ...เขาได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ บังเอิญที่เขาจอดรถติดสัญญาณไฟสีแดง...ดวงตาคู่คมจึงตรึงมองอยู่เพียงที่เจ้าของใบหน้าอ่อนเยาว์และแน่นอนว่าคยูฮยอนก็ไม่ได้นึกจะหลบสายตา
“ถ้าผมบอกว่ามันอยู่กับผมจริงๆ ล่ะ อาจะรีบเอามันไปให้ทุกคนให้ทนายคิมจัดการเรื่อง แล้วอาก็จะได้กลับเยอรมันอย่างนั้นสินะ”
“ฉันไม่ได้มองว่าพินัยกรรมนั่นมันสำคัญ ฉันเพียงแค่อยากให้ทุกคนไม่ต้องวุ่นวายเพราะกระดาษเพียงใบเดียว...”
“อย่างไหนที่มันสำคัญกับอากันแน่” น้ำเสียงนั่นฟังดูสั่นเครือชอบกล คยูฮยอนตวัดสายตาเพื่อหาคำตอบจากดวงตาของเขาอย่างไม่ลดละ และนั่นก็ทำให้ ชเว ซีวอนใจอ่อนได้เสมอ...
“ฉันบอกได้เลยว่า เธอ...สำคัญต่อฉันที่สุด และเมื่อทุกอย่างลงตัว...ฉันจะทำตามใจเธอทุกอย่าง แต่เพียงตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา” คยูฮยอนเม้มริมฝีปาก เรียวมือกำแน่นอยู่บนหน้าตัก นานเป็นครู่จนเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวเจ้าตัวถึงได้ยอมเอ่ยปาก
“คุณปู่บอกกับผมว่าอาน่ะ เป็นลูกที่ดี ท่านรักอามากนะครับ ถึงได้มอบมรดกให้เกือบครึ่ง ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว คุณปู่ควรจะให้คุณพ่อมากที่สุด ตอนนั้นคุณปู่บอกเพียงว่า คุณพ่อน่ะเป็นประธานบริษัทแล้ว ฉะนั้นนั่นก็เหมือนกับมรดกชิ้นที่ใหญ่ที่สุด มรดกอีกชิ้นที่คุณปู่มอบให้คุณอาเป็นพิเศษคือบ้านพักตากอากาศส่วนตัวที่นามิ...ทรัพย์สิน หุ้นอีกหลายจุดที่เมื่ออารับไปแล้ว อาจะเป็นชเวอย่างสมบูรณ์”
“ฉันไม่ได้ต้องการอะไรที่ฉันไม่ได้สร้างขึ้นมาเอง”
“คุณปู่บอกก่อนจะสิ้นลมที่ว่า พินัยกรรมน่ะให้เก็บไว้กับผมและมอบให้ทุกคนหลังจากงานศพเสร็จสิ้น แต่คุณอาก็ทำเหมือนจะกลับเยอรมันให้เร็วที่สุด ไม่ไยดี...เย็นชา มันน่าให้ผมเอามันไปฉีกทิ้งไหม?”
“ฉีก?”
“อาไม่ต้องตกใจไปหรอกครับ พินัยกรรมนั่นยังอยู่ดี...ผมเก็บไว้ที่บ้านพักตากอากาศที่นั่นแหละ ถ้าอาอยากได้ก็เดินทางไปวันนี้เลยก็ได้นะครับ เรื่องทุกอย่างจะได้จบ” แววตาของคยูฮยอนฉายชัดว่ากำลังประชดประชันเขาผ่านคำพูดไม่ยี่หระ ซีวอนตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าข้างทางเพื่อหวังจะได้พูดคุยกับเด็กหนุ่มได้สะดวกขึ้น เพียงชั่วครู่เท่านั้นที่คยูฮยอนส่งสายตาเจ็บปวดมาให้เขาก่อนจะแทนที่ด้วยรอยยิ้มฝืนเกร็ง
“คยูฮยอน...ฉันคิดว่าเราควรทำความเข้าใจกัน...หนึ่ง ฉันกลับมาเพราะงานศพพ่อ สอง ฉันไม่ได้ต้องการสมบัติ สาม ที่ฉันต้องกลับเยอรมันในทันทีเพราะฉันยังมีงานและหน้าที่ สี่ การอยู่ใกล้เธอมันทำให้ฉันไม่อยากทำลายเธอไปมากกว่านี้ และห้า เธอสำคัญกับฉันมากที่สุด”
“แต่อาก็ยังจะกลับเยอรมัน...แล้วผมสำคัญกับอามากที่สุดตรงไหน ในเมื่อสิ่งที่อาเลือกมันคืองาน ไม่ใช่ผม!” เขานิ่งไปกับคำพูดของคยูฮยอน น้ำเสียงสั่นๆ รวมไปถึงดวงตาที่มีน้ำคลออยู่เต็มหน่อย มันน่าโมโหอยู่เหมือนกันที่เด็กตรงหน้าอย่างไรเสียก็มักเอาความคิดของตนเองเป็นที่ตั้ง กระนั้นก็เถอะ โลกของเด็กและผู้ใหญ่ย่อมแตกต่างกันเสมอ...ชเว ซีวอนถอนหายใจนับครั้งไม่ถ้วน เรียวมือเอื้อมไปประคองแก้มขาวที่บังเอิญว่ามีหยดน้ำไหลผ่านลงมาพอดิบพอดี
“ฉันเคยบอกแล้วไง ว่าฉันไม่ชอบให้เธอร้องไห้ เธอยังเด็ก...และเมื่อถึงเวลา เธอจะเข้าใจเอง...แต่ขอให้จำไว้ว่าเธอสำคัญกับฉันจริงๆ โจ คยูฮยอน”
ก็ถ้าชเว ซีวอนลองยิ้มให้โจ คยูฮยอนในแบบที่ ‘คนรักกัน’ เขาทำกันบ้าง มันคงดีไม่น้อยเลย...ยิ้มของชเว ซีวอน อย่างไรเสียก็ไม่เคยน่าประทับใจ...สำหรับคยูฮยอน รอยยิ้มแบบนั้น รอยยิ้มจริงใจ เขาต้องการให้คนคนนี้มอบให้แก่เขาคนเดียวเท่านั้น หากสุดท้าย เขากลับมาได้เพียงรอยยิ้มที่มองเท่าใดก็ดูเหมือนเป็นรอยยิ้มที่ปิดซ่อนอะไรบางอย่างไว้เสียมากกว่า
ก็แค่พูดว่า รักและยิ้มให้เขาสักนิด...ทำไม ชเว ซีวอนถึงทำไม่ได้!
“หน้าบูด...ไม่น่ารักเลย” หึ ก็ยังอุตส่าห์จะพูดกับเขาล่ะนะ... คยูฮยอนวางส้อมและมีดที่เขี่ยเนื้อสเต็กมากว่าสิบนาทีลงอย่างไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก...คนมีศักดิ์เป็นอาผ่อนลมหายใจอีกครั้ง และนั่นก็ทำให้เด็กหนุ่มตวัดสายตามองกลับอย่างไม่เกรงกลัว
“อารมณ์ไม่ดี”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจ...” โอ้ย!! จะง้อสักนิดไม่ได้หรือไงคนเรา!!
“คุณอา~”
“ก็เธออารมณ์ไม่ดี ขืนฉันพูดด้วย เธอจะได้พาลโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงน่ะสิ” เดี๋ยวนี้ก็เอาโน่นเอานี่มาต่อล้อต่อเถียงกับเขาได้หนิ... คยูฮยอนพ่นเสียงเหอะผ่านเรียวปากอย่างขัดใจ ออกมาเที่ยวทั้งที่ สุดท้าย ชเว ซีวอนกลับทำให้เขาประสาทรับประทานขึ้นมาเสียได้...เขาน่ะลองคิดๆ ดู การที่เขาแสดงออกอยู่ตอนนี้ ก็แค่เรียกร้องให้ชายหนุ่มตรงหน้าง้อเขาอย่างที่เห็นเพื่อนๆ ในกลุ่มง้อแฟนตัวเองบ้าง...แล้วยังไงล่ะ เขาก็แค่เด็ก ส่วนอีกคนก็อายุสามสิบสองเข้าให้ จะมีอารมณ์มางุ้งงิ้งตามที่เขาต้องการ มันคงเป็นไปไม่ได้สินะ!
“เป็นคนขี้งอนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“ไม่รู้สิครับ...” ดูคนตรงหน้าทำสีหน้าเขาสิ เลิกคิ้วเล็กน้อย พยักหน้ารับคำจากเขาแล้วก้มหน้าสนใจเจ้าเนื้อสเต็กในจานต่อ! หมั่นไส้ๆๆๆๆ!!
“คุณอาซีวอน!!”
“มีอะไรครับคนดี...”
“....”
ทีแบบนี้ล่ะทำมาเป็นยิ้ม...กะจะให้เขาสติหลุดสินะ ก็ทำสำเร็จได้แค่ 98% เท่านั้นแหละ!!
Talk*
แฮ่ะๆ ตอน 3 มันอิจูลิมากอ่ะค่ะ #อิจูลิ = เล็กๆ น้อยๆ ก็บอกแล้วว่า just me จะตอนสั้น แต่มีเยอะตอน - - อ่าฮะ ตอนนี้ไม่ค่อยมืดเท่าไหร่ #คนแต่งเหนื่อยดาร์ก เอาน่ารักๆ ไปก่อนเนอะ =3=
เรื่องนี้ไม่ดราม่าหรอก เชื่อเรา -^- ใครสนใจฟิคอีวิลล็อต ๒ ก็ติดต่อมาได้นะคะ ^^
ความคิดเห็น