คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : [S Fic] Just Me. [ -1- ]
-1-
ถ้าไม่ติดว่าชื่อของ ชเว ซีวอน คือทายาทผู้มีสิทธิในมรดกมากกว่าครึ่ง...หรือบิดาผู้เย็นชาจากไปด้วยโรคประจำตัว ชายหนุ่มที่มีการงานมั่นคงและไปตั้งหลักปักฐานไกลถึงประเทศเยอรมนี จะไม่มีทางกลับมาเหยียบแผ่นดินเกิดอย่างที่ลั่นวาจาไว้กับผู้เป็นใหญ่ในตระกูลชเวเป็นอันเด็ดขาด
งานศพจัดขึ้นตามธรรมเนียมเรียบง่าย...แน่นอนว่าตระกูลใหญ่เช่น ชเว ภายในงานย่อมเต็มไปด้วยลูกหลานจากหลายๆ แขนง ทั้งเชื้อสายตรง หรือเชื้อสายทางสะใภ้ ชายหนุ่มนิ่งเงียบและนั่งฟังบทสนทนาระหว่างทนายประจำตระกูลและพี่ชายคนโตผู้ถือสิทธิในการจัดการมรดกกว่าหลายพันล้านวอน... หึ เขาเหยียดยิ้มออกมาตามนิสัย อะไรกัน...งานศพยังไม่ทันเสร็จสิ้น ก็วุ่นวายกันเรื่องมรดกเสียแล้ว...
อีกครั้งที่เขาจำต้องเผยยิ้มอย่างรักษามารยาทให้กับแขกในงาน ก่อนจะปลีกตัวออกมาจากฉากหน้าที่มีเพียงแค่เสียงร้องไห้จอมปลอม... ตาแก่ของตระกูลชเวน่ะหรือ จะมีใครมาเสียใจที่จากไป... คนเห็นแก่ตัวพรรค์นั้น คงจะมีแต่คนหัวเราะเยาะมากกว่ากระมังที่ตายไปทั้งๆ ที่ทิ้งมรดกมหาศาลให้ลูกหลานได้แย่งชิงกัน... อ้อ...นี่ยังไม่นับรวมพวกอีแร้งหรืออีกาที่จ้องสมบัติตาเป็นมัน
รสบุหรี่ขมปร่าไม่ได้ช่วยให้ความคิดของเขาสงบนิ่ง...ชเว ซีวอน เพียงแค่สงสัยว่าการที่ถูกเรียกตัวกลับมาแบบนี้...จะมีเหตุผลอะไรมากกว่าการมาทำหน้าที่ของลูกบังเกิดเกล้าต่อบิดาเป็นครั้งสุดท้าย...ในเมื่อย้อนกลับไปประมาณเกือบห้าปีก่อนที่เขาถูกตัดชื่อออกจากกองมรดกเพียงเพราะทำอะไรไม่ได้ดั่งใจบิดาเข้า...แล้วจู่ๆ ทำไมใครอื่นถึงได้จ้องมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ ราวกับเกิดเรื่องไม่ยุติธรรม และนั่นก็เหมือนกับเขาเป็นต้นเหตุ
“คุณอามาทำอะไรอยู่คนเดียวหรือครับ...” นิ้วที่กำลังจะทิ้งมวนบุหรี่ลงกับพื้นอิฐภายในสวนหลังบ้านเป็นอันต้องนิ่งชะงักนั่นเพียงเสียงของใครบางที่คนเอ่ยทักเขาให้เบนความสนใจไปยังเด็กหนุ่มภายใต้ชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนชื่อดัง... เด็กชายคนเดียวในตระกูลที่ไม่มีสายเลือดชเวเลยแม้แต่น้อย ผู้เดียวที่ใช้นามสกุลอื่นในขณะที่อยู่ร่วมกับคนของชเว...
โจ คยูฮยอน
“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน...” เขากล่าวน้ำเสียงเรียบ ชเว ซีวอนเป็นประเภทไม่สนิทชิดเชื้อกับคนในตระกูล ฉะนั้นก็คงไม่แปลกที่เขาจะทักทายหลานคนนี้กลับด้วยประโยคสั้นห้วน
“นึกว่าจะไม่ได้เจอคุณอาแล้วซะอีก...”
“ฉันก็แค่กลับมาตามคำสั่งก็เท่านั้น...” ครั้นเขาตอบออกไปเช่นนั้น ใบหน้าอ่อนเยาว์กลับหุบยิ้มลงเหลือเพียงรอยยิ้มเกร็งฝืนราวกับไม่พอใจกับคำพูดที่ได้รับ เขายังจำวันที่พี่ชายและพี่สะใภ้พาเด็กคนนี้เข้ามาสู่สังคมของตระกูลชเว ในวันนั้นชเว ซีวอนเป็นเพียงนักเรียนที่เพิ่งขึ้นชั้นมัธยมปลาย เขารับรู้เพียงว่า โจ คยูฮยอน คือลูกชายของน้องสาวพี่สะใภ้ที่บังเอิญเกิดท้องไม่มีพ่อขึ้นมา...ด้วยความที่ยังอยู่ในวัยเรียนถึงได้ยกลูกให้กับพี่สาวของหล่อน ทั้งพี่ชายและพี่สะใภ้ต่างก็มีลูกไม่ได้ ถึงได้มองว่าเด็กคนนี้เป็นเหมือนพรวิเศษและรับมาเลี้ยงดูเหมือนเลือดในอก...
แต่ก็ใช่ว่าเด็กคนนี้จะไม่รู้ชาติกำเนิดที่แท้จริง... โจ คยูฮยอนเป็นเด็กฉลาด ไหวพริบดีซ้ำยังมีมุมมองที่แปลกไปจากเด็กในวัยเดียวกัน...ไม่แปลกอะไรที่เขาสามารถพูดคุยกับเด็กในวัยเพียงสิบเจ็ดได้โดยไม่มีปัญหา
“คุณอากลับมาก็เพราะมรดกสินะ...” น้ำเสียงตัดพ้อที่ว่าคงไม่สู้ดวงตาคู่กลมนั่นหรอก...ดวงตาที่มักทำให้เขาใจอ่อนได้เสมอ... “...อาไม่เคยคิดถึงผมเลย ใช่ไหมครับ”
ชเว ซีวอนถอนหายใจ...ลมหายใจที่ยังคงเจือไปด้วยกลิ่นบุหรี่ไล้เกลี่ยไปตามแก้มขาว...
“ก็ไม่เชิงหรอก...” เด็กคนนี้น่ะ...
ร้ายกาจเช่นไร...ก็เป็นเช่นนั้นเสมอ
หลังจากงานศพ...เขาก็ยังคงต้องอยู่ที่เกาหลีต่อด้วยเหตุผลมากมายหลายประการ มันน่าปวดหัวเอาการสำหรับเขาที่มีภาระหน้าที่ต้องกลับไปสะสางงานที่ยังคงคั่งค้าง อาชีพวิศวกรที่ต้องคุมงานอยู่เรื่อยๆ การที่ต้องพลัดเปลี่ยนหน้าที่งานของตัวเองไปให้ใครอื่น...เขามองว่ามันไม่ใช่มืออาชีพ แน่นอนว่าปัญหาที่เขากำลังเผชิญอยู่จะต้องแก้ไขให้เสร็จสิ้นภายในหนึ่งเดือนนี้เท่านั้น...
“ทำไมถึงหาพินัยกรรมไม่เจอ...จริงๆ แล้วพินัยกรรมที่ว่าจะต้องอยู่ทนายคิม มินยงไม่ใช่หรือครับ” เขาเอ่ยถามพี่ชายคนโต ชเว ชีคยอง ที่บัดนี้มีสีหน้าเคร่งเครียดไม่ต่างจากพี่สาวคนรอง ชเว จีอึน สักเท่าไหร่ ทุกคนส่ายหน้าราวกับหมดหนทาง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อยามที่กวาดสายตาไปยังใบหน้าของใครก็พบเพียงความฉงนใจไร้ซึ่งคำตอบ... จนเมื่อพี่สะใภ้ โจ อินยองเอ่ยขึ้น
“คยูฮยอนน่ะ คือคนสุดท้ายที่อยู่กับคุณพ่อก่อนสิ้นลม...”
“แปลว่าพินัยกรรมอยู่กับคยูฮยอน?”
“แต่คยูฮยอนกลับไม่ยอมปริปากพูดถึงเรื่องพินัยกรรมเลย...”
“ผมคิดว่า...ผมสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ พวกพี่ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกครับ...”
ชเว ซีวอน คิดว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่ปริศนาที่แก้ยากอะไร ถึงได้รับปากว่าจะเป็นคนตามหาพินัยกรรมนั่น ไม่ว่าพินัยกรรมเจ้าปัญหาจะอยู่กับคยูฮยอนหรือไม่ก็ตาม...
เขาไม่ได้มองว่าพินัยกรรมคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต แต่เขาเพียงแค่ติดว่าอยากจบเรื่องยุ่งๆ และกลับไปเยอรมันให้เร็วที่สุด... แต่ที่ยากยิ่งกว่าคือการรับมือกับเด็กคนนั้น เด็กที่ว่าง่ายกับทุกคนแต่กลับพยศกับเขาเพียงคนเดียวได้อย่างน่าประหลาด
หัวค่ำวันนั้นเขาถือวิสาสะเข้าไปหาเด็กหนุ่มถึงภายในห้องนอนส่วนตัว...เขาแค่คิดว่าการที่ได้อยู่กันเพียงลำพังจะสามารถทำให้ โจ คยูฮยอนคายความลับบางสิ่งบางอย่างที่ซ่อนเอาไว้ได้ เจ้าของร่างโปร่งบางดูเหมือนกำลังง่วนอยู่กับหนังสือเรียนในมือถึงได้ไม่รู้ตัวจนเมื่อเขานั่งลงที่ปลายเตียงที่เด็กหนุ่มเหยียดกายนอนอ่านหนังสืออยู่ ดวงตาคู่กลมกระพริบปริบเมื่อฝ่ามือหนาเอื้อมมาดึงหนังสือที่ว่าให้พ้นกรอบสายตา
“ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้อ่านหนังสืออยู่หรอกคยูฮยอน” เขางับปิดหนังสือเรียนที่ว่าพลางวางไว้มันไว้ข้างตัว เด็กหนุ่มหยัดตัวลุกขึ้นนั่งในท่าขัดสมาธิ ไม่วายจะปั้นหน้าหงิกให้เขาได้นึกหมั่นไส้ แต่ก็อย่างที่บอก... เด็กคนนี้น่ะ ร้ายกาจเฉพาะกับเขาคนเดียวเท่านั้น...
“คุณอามีอะไรหรือเปล่าครับ” ใบหน้าขาวจัดว่าเช่นนั้น แต่กลับเบนสายตาไปสนใจสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ ชเว ซีวอน ดวงตาสีดำขลับจับจ้องออกไปนอกหน้าต่างห้อง สองแขนยกขึ้นกอดอกตนเองไว้หลวมๆ เขารู้เชียวล่ะว่าท่าทางเช่นนี้ คยูฮยอนกำลังตัดพ้อเขาในทางอ้อม... ไม่มีครั้งไหนที่คยูฮยอนไม่พอใจแล้วมองหน้าเขาตรงๆ ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือก่อนที่เขาจะออกไปหาความมั่นคงถึงเยอรมัน
“เธอกำลังมีความลับกับอา...” เขาเปลี่ยนสรรพนามคำเรียกเสียใหม่เพื่อทำให้รู้ว่าเวลานี้เขากำลังจริงจังกับเรื่องที่จะพูด...การยกเอาศักดิ์ของความเป็นอาขึ้นมาอ้างสามารถทำให้เด็กตรงหน้ายอมอ่อนข้อได้เสมอ และก็เป็นดังที่คาด คยูฮยอนละสายตาจากท้องฟ้าสีเข้มนอกหน้าต่างกลับมาสนใจเขาอีกครั้ง ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจเล็กน้อยเมื่อยามที่ร่างของหลานบุญธรรมขยับเข้ามาใกล้ทีละนิด
“เขาลือกันให้หนาหูว่าอามีสิทธิในทรัพย์สมบัติของคุณปู่...”
“มีสิทธิหรือไม่ อาก็ต้องกลับเยอรมัน”
“แต่ผมไม่อยากให้อากลับไปนี่นา...” ใบหน้าน่ารักซุกลงที่อกของเขาโดยที่แขนเรียวก็ยกขึ้นโอบร่างของเขาไว้แน่น น้ำเสียงกระเง้ากระงอดยังคงบ่นงึมงำไม่ขาดสาย “อาไม่รักผมแล้วหรอ? อาจะกลับไปทำไม อาก็รู้ว่าผมรักอา คุณอาซีวอน...”
“อารู้...”
“อารู้แล้ว ทำไมอาไม่รักผมบ้าง...” เขาคิดเสมอว่าการรับมือกับ โจ คยูฮยอน มันเป็นเรื่องยาก... อย่างเช่นตอนนี้... เขาคงคิดผิดมหันต์ที่เข้าหาเด็กคนนี้ถึงในห้องนอน และที่ๆ เขาอยู่ตรงนี้ก็คือเตียงของเด็กหนุ่ม หนังสือเรียนที่ว่าหล่นลงไปกระแทกกับพื้นห้อง ริมฝีปากนุ่มนิ่มคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ เสียงลมหายใจแผ่วเบารินรดกันไม่ห่าง เขาเย็นชากับเด็กคนนี้ แต่ทุกครั้ง โจ คยูฮยอนก็มักใช้ไหวพริบหรือบางทีมันอาจเป็นเล่ห์เหลี่ยมหลอกล่อให้ชายหนุ่มในวัยสามสิบสองอย่างเขาตายใจทุกครั้งไป เมื่อได้แนบปากลงลิ้มชิมรสกลีบปากอิ่มแดงความคิดในหัวก็ชักว้าวุ่นเสียยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ครั้งแรกที่เผลอใจทำอะไรกับเด็กคนนี้ก็ตอนครั้งสุดท้ายที่คยูฮยอนเรียกร้องไม่ให้เขาไปเยอรมัน...
เด็กอายุสิบสองที่เรียกร้องให้เขารักน่ะ...ธรรมดาซะที่ไหน...
“อาใจร้าย...ทำไมต้องกลับไป ถ้าคุณปู่ให้ทุกอย่างอาแล้ว อาจะอยู่ที่นี่ไหม อยู่กับผมไหม?” เอ่ยถามทั้งๆ ที่ตัวเองกำลังหอบหายใจถี่หนัก มือเรียวยกขึ้นกำปกคอเสื้อของเขาเสียจนยับยู่ยี่ ชเว ซีวอนยกยิ้มบางเบาให้กับเจ้าของหน้ากลมขาว...ถ้าใครอื่นมารู้ว่าเขามีความสัมพันธ์กับหลานของตัวเอง เรื่องคงฉาวไปถึงไหนต่อไหน...
แต่สำหรับเขาแล้ว คยูฮยอนน่ะ ไม่ใช่หลาน...เลือดในตัวโจ คยูฮยอนไม่มีความเป็นชเวเลยแม้แต่น้อย...
“เด็กโง่...”
“คุณอา...แล้วถ้าคุณอาต้องเลือกระหว่างพินัยกรรมกับผมล่ะ คุณอาจะเลือกอะไร”
แน่นอนว่าคำตอบที่ว่า...คือสัมผัสนุ่มลึกที่ต้องการตอกย้ำให้เด็กหัวรั้นเข้าใจเสียที...รสจูบคุ้นเคยที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ความทรงจำเมื่อครั้นให้ความบริสุทธิ์แก่ผู้เป็นอา แม้ไม่ใช่สายเลือดที่แท้จริง ดวงตาคู่คมที่ทอดลงมาอย่างสื่อความหมาย...ความจริงที่ว่า พินัยกรรมนั้นไม่ได้มีความหมายกับชเว ซีวอนเลยสักนิด
แต่โจ คยูฮยอนต่างหาก...ที่สำคัญยิ่งกว่า...
Talk*
ฮึก มาลงเรื่องใหม่แบบสั้นๆ ไว้ก่อน..
การแต่งฟิคดาร์กๆ มันยากจริงอะไรจริง T^T
คูยอนแรดเนอะ ฮ่าาาาาาาาาาาาา เอาเถอะ ออกจะน่ารัก -//-
#ดิทคำผิด ถ้าเจออีกเตือนเราด้วยนะ ฮิ____ฮิ
ความคิดเห็น