คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : sf. Found You
Title ::: [SF] Found You
Rate ::: PG
Paring ::: Siwon...X...Kyuhyun
||||||| Found You|||||||
“หยุดนะ!!!”
มือใหญ่ที่กำลังกำแน่นเพราะแรงโทสะหวังจะซัดใบหน้าของคู่อริให้ล้มคว่ำเป็นต้องหยุดชะงักไว้กลางอากาศ ไม่เพียงเพราะเสียงร้องที่หยุดทุกการกระทำ แต่เป็นเพราะเจ้าของเสียงนั้นเอาตัวเข้ามาขวางแถมหมัดของชายหนุ่มยังอยู่ห่างจากแก้มขาวเพียงไม่กี่นิ้ว ดวงตากลมโตตวัดมองหน้าเขาเอาเรื่องเล่นเอาคนที่ไม่ค่อยจะยอมใครนึกหงุดหงิดขึ้นเสียง่ายๆ
“ออกไปซะ อย่ามายุ่ง!” ตวาดเสียงใส่หน้าคนตัวบางด้วยใบหน้าถมึงทึง หากแต่อีกคนกลับใจกล้าแทนที่จะถอยหนีกลับเชิดหน้ามองเขาราวกลับไม่เกรงกลัว
“ไม่ยุ่งได้ยังไง ในเมื่อคนที่นายกำลังจะชกคือพี่ชายของฉัน”
...อ้อ ที่แท้ก็น้องชาย
“คยูฮยอนหลบไป” คนเป็นพี่กล่าวน้ำเสียงนิ่ง แน่นอนว่าคยูฮยอนมีสีหน้าไม่พอใจอยู่หน่อยๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนน้องชายคนนี้คงเชื่อฟังอย่างไม่มีข้อแม้ แต่สถานการณ์ในตอนนี้มันมีความจำเป็นอะไรที่น้องชายอย่างเขาจะต้องทนเห็นพี่ตัวเองต้องโดนชกจนหน้าแหกไปต่อหน้าต่อตา
“ไม่หลบ...” เสียงหวานบอกชัดถ้อยชัดคำ คนออกคำสั่งส่ายหน้ากับตัวเองก่อนจะยกมือปาดคราบเลือดบริเวณข้างมุมปาก ถึงไอ้น้องตัวดีจะโผล่มาช่วยชีวิตหรือไม่ ตัวเขาก็ถูกซัดไปหลายต่อหลายหมัดแล้วล่ะ คู่อริตั้งแต่มัธยมอย่าง ชเว ซีวอน ไม่ว่าจะเจอกันกี่ครั้ง การแลกหมัดแบบนี้ นับว่าเป็นเรื่องปกติ
“ท่าทางคนแถวนี้จะขี้ขลาด ถึงได้มีน้องชายมาคอยปกป้อง ไอ้หมาจนตรอก” แทบจะฉับพลัน คยูฮยอนที่ในทีแรกจ้องหน้าพี่ชายด้วยท่าทางดื้อรั้น เวลานี้ดวงตาฉายแววไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด นึกกำหมัดแน่นจนรู้สึกเจ็บ มองผู้ชายตัวสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีอ่อนที่ดูเหมือนมอมแมมราวกับลงไปขลุกฝุ่น สภาพไปได้จากไปจากพี่ชายของเขาเลยสักนิด
“นี่นาย! ก่อนจะมาฟาดงวงฟาดงาใส่คนอื่น หัดดูตัวเองซะบ้างว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำไม่ได้ต่างอะไรไปจากพวกนักเลงข้างถนน!” คนตัวเล็กกว่าตะโกนลั่นใส่เจ้าของใบหน้าคมคาย ชายหนุ่มเพียงแค่กระตุกยิ้มมุมปาก เงยหน้ามองท้องฟ้าราวกับรู้สึกรำคาญใจก่อนจะก้มลงมองใบหน้าขาวจัดอีกครั้ง
...ปากเก่งนักนะ!
“ตัวแค่เนี่ย คิดว่าจะทำอะไรได้ เรื่องของผู้ใหญ่เขา...เลิกยุ่งเหอะ” ชเว ซีวอนว่าน้ำเสียงกลั้นยิ้ม ยกมือขึ้นขยี้กลุ่มผมสีน้ำตาลเข้ม เด็กหนุ่มไฮสคูลปั้นหน้ายิ้มเหยียดก่อนจะใช้สองมือผลักอกคนตัวใหญ่กว่า แม้จะไม่แรงมาก แต่ก็พอที่จะทำให้อีกฝ่ายเซถอยหลังไปได้ไม่มากก็น้อย
“ผู้ใหญ่ก็ควรจะมีหัวคิดซะบ้าง โตๆ กันแล้วก็ควรจะตัดสินกันที่สมองไม่ใช่การใช้กำลัง พี่ก็ด้วย พี่ยงฮวา” ร้องแว้ดๆ ใส่หน้าฝ่ายตรงข้ามได้ไม่เท่าไหร่ เจ้าตัวก็หันกลับมาแผดเสียงใส่พี่ชายที่กำลังนึกกุมขมับอยู่พอดิบพอดี
“โอเคๆ พี่เข้าใจแล้ว ทีนี้จะกลับบ้านได้ยัง” ชอง ยงฮวา เอ่ยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย ถึงแม้ว่าพ่อแม่ของพวกเขาจะหย่ากันมาได้ก็เกือบ 7 ปี แต่น้องชายหัวดื้อของเขาก็ยังคงคงเส้นคงวาความรั้นไว้เต็มเปี่ยม ขนาดที่ว่าแยกกันอยู่หากแต่ คยูฮยอนก็ยังคงวางตัวเป็นน้องชายตามติดหนึบชีวิตเขาชนิดสะบัดแทบไม่หลุด
“ไม่กลับ! จนกว่าพี่จะเคลียร์กับไอ้บ้านี้จบ!!!”
…ไอ้บ้า???
ซีวอนเผลอขมวดคิ้วตึงทันทีที่ได้ยินเด็กตัวกะเปี๊ยกเรียกเขาด้วยสรรพนามเกือบข้ามเส้นคำว่า ‘หยาบคาย’ ตั้งใจยืนเท้าสะเอวมองภาพสองพี่น้องตรงหน้าอย่างนึกจนใจ
“บ้านก็อยู่คนละหลัง เรานี่ก็นะ! กลับบ้านไปก่อนซะ ถ้าแม่ดุนายจะแย่เอา” ถึงจะบอกไปอย่างนั้น น้องชายคนดีก็ยังคงดื้อมองหน้าพี่ชายอย่างเขาราวกับกำลังออกคำสั่ง ยงฮวานึกส่ายหน้ากับตนเอง ถึงว่าล่ะทำไมแม่ถึงได้เอาคยูฮยอนไปอยู่ด้วย ก็เล่นเอาแต่ใจเหมือนกันขนาดนี้
...เอาแต่ใจกระทั่งถือสิทธิของความเป็นแม่เปลี่ยนนามสกุลคยูฮยอนให้เป็นนามสกุลเดียวกันกับตัวเองอีกต่างหาก! ไม่รู้จะอะไรนักหนา!
“วันนี้แม่ไม่อยู่...ผมจะไปนอนกับพี่ จะไปหาพ่อด้วย ผิดไหม?” คนเป็นน้องว่าพลางกระตุกคิ้วใส่พี่ชายด้วยท่าทางเหนือกว่า จะว่าไปแล้ว...ยงฮวายังจำได้นะว่ามีใครอีกคนมองอยู่...
แล้วจะมาถือต่อปากต่อคำกับน้องตัวเองให้มันมากเรื่องทำไมก็ไม่รู้น่ะสิ!
“เอ่อๆ เข้าใจแล้ว แล้วใครดูแลน้อง”
“แม่เอาน้องไปทำงานต่างจังหวัดกับคุณอาด้วย ทิ้งผมไว้บ้านคนเดียว คราวนี้เข้าใจแล้วนะ ว่าทำไมวันนี้ผมถึงต้องเข้ามายุ่งย่ามกับพี่ เพราะถ้าขืนพี่กลับบ้านไปไม่ครบ 32 พ่อเอาตายแน่!!!” ยงฮวาพยักหน้าอย่างนึกเสียไม่ได้ แต่กระนั้นก็ยังหงุดหงิดนิดหน่อยที่แม่หิ้วน้องคนเล็กที่เกิดกับสามีใหม่ไปต่างจังหวัด แล้วเหตุใดถึงได้ทิ้งไอ้น้องจอมยุ่งไว้บ้านคนเดียวก็ไม่รู้
หรือจะรู้ว่า โจ คยูฮยอน ลูกแม่จะมาเกาะหลังเขาหนึบ
“วันหลังค่อยชกกันต่อล่ะกัน” เสียงทุ้มกล่าวหน่ายๆ พลางหยิบเป้ที่ตกอยู่กับพื้นพาดบ่า ยกมือโบกลาสองพี่น้องที่ไม่ค่อยอยากจะรับไมตรีนี้สักเท่าไหร่
“กวนประสาท!” ปากอิ่มบ่นพึมพำ แม้อีกคนจะได้ยินแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่กดยิ้มเล่ห์ พลางเดินหายไปจากมุมตึกเรียนในมหาลัยฯ
ครั้นปลอดคน คยูฮยอนหันกลับไปมองภาพพี่ชายคนโตที่เอาแต่ปัดฝุ่นที่เปรอะเปื้อนตามเนื้อตัว ในหัวเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่อยากจะพ่นใส่หน้าหล่อๆ เสียเหลือเกิน
“พี่ยงฮวา...ไปทำอีท่าไหน ถึงได้มากัดกับไอ้บ้านั่นได้”
“พูดดีๆ ชกไม่ใช่กัด” ว่าพลางเดินมาจูงมือนิ่มของผู้เป็นน้องให้เดินผ่านพ้นมุมตึก ตรงไปยังรถมินิที่จอดอยู่ไม่ใกล้จากที่นี้นัก คยูฮยอนเผลอชักสีหน้าใส่พี่ชายหน่อยๆ ตั้งท่าจะเถียงลูกเดียว สุดท้ายพอเจอะสายตานิ่งๆ ของยงฮวาเข้าให้ เด็กหนุ่มถึงได้พูดประโยคต่อมาดังชัดแค่ในลำคอ
“ก็มันไม่ค่อยต่าง”
“เรื่องของผู้ชายเค้า อย่ายุ่งเลย” ยงฮวาพูดตัดบทชัดถ้อยชัดคำ ไม่มีจิตใจจะตอบคำถามมากความของน้องตัวดีอีกต่อไป หากแต่...แทนที่อีกคนจะเงียบปาก ใบหน้าขาวกับตีสีหน้ายุ่งเหยิงกระตุกแขนเสื้อเขาเต็มแรง
“แล้วผมไม่ใช่ผู้ชายหรือไง?”
...เออว่ะ!
“เอาเหอะ เดี๋ยวกลับบ้านจะเล่าให้ฟัง โอเคนะ!”
ว่าแล้วยงฮวาก็สามารถจับร่างขาวจัดให้เข้าไปนั่งในรถมินิจนได้ กว่าจะทำให้เจ้าตัวเงียบเสียงหุบปากได้ หรือไม่ก็เบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่น ก็ทำเอาเลือดตาแทบกระเด็น คยูฮยอนเอาแต่บ่นอุบว่าคิดถึงบ้านหลังเดิมใจแทบขาด คิดถึงห้องนอน คิดถึงทุกอย่างที่เจ้าตัวเคยใช้ชีวิตอยู่ในที่แห่งนี้ เพียงแค่ก้าวเท้าลงรถ คยูฮยอนก็แทบจะกระโจนตัวเข้าบ้าน กระโดดกอดร่างท้วมๆ ของพ่อเสียเต็มตัว งานนี้ถ้าพ่อไม่ได้ออกกำลังกายในยิมคงได้ลงไปนอนหงายหลังกับพื้นอย่างไม่ต้องสงสัย
ยงฮวาคงไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องยอมเป็นหมอนข้างให้น้องกอดก่ายตามใจชอบเหมือนกับทุกครั้งที่เจ้าตัวโดดมานอนกับเขา คยูฮยอนขยับตัวมาใกล้ ทำเอาคนเป็นพี่รู้สึกจั๊กกะจี้ไม่น้อย ได้แต่แกล้งเอามือดันหัวขาวๆ เหม่งๆ ของน้องเล่นไปพลางๆ
“เล่ามา เดี๋ยวนี้!!!”
“เรื่อง?”
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่อง ไม่งั้นฟ้องพ่อ” ยงฮวาถอยหายใจยาว เมื่อคยูฮยอนหยิบยกเรื่องพ่อมาขู่ตามเคย อันที่จริงก็เกรงใจอยู่หรอก...แต่คยูฮยอนอาจจะไม่รู้ว่าที่จริงแล้ว พ่อใจดียิ่งกว่าแม่ซะอีก
“เล่าจากตรงไหนดีล่ะ พี่กับหมอนั่นน่ะมีเรื่องกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว มันเป็นเพราะตอนยังเด็กทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องมั้ง พอโตมาก็เลยยังมีทิฐิต่อกันอยู่ เจอหน้ากันหน่อย หรือแค่พูดไม่เข้าหูกัน ผลมันก็เป็นอย่างที่นายเห็นนั่นแหละ”
“เอาจริงๆ นะ พวกพี่ไร้สาระมาก”
“พี่ถึงบอก...ว่านายไม่จำเป็นต้องรู้ อย่างเดียวที่นายต้องรู้คือ ชเว ซีวอน น่ะไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอก ไอ้บ้านั่นมันฟอร์มเยอะไปหน่อยเท่านั้นแหละ” คยูฮยอนมุ่ยหน้ากับประโยคที่พี่ชายเอ่ยออกมา เขายังจำเมื่อตอนเย็นได้นะ สายตาที่ชเว ซีวอน กับพี่ยงฮวามองกันนะ ยังกะจะฆ่าจะแกงกันยังไงยังงั้น
...แล้วจะชกกันเพื่ออะไรเล่า ??? โธ่เอ้ยยย!
“พวกพี่เข้าใจยากอ่ะ รู้ไหม”
“งั้นก็อย่าเพิ่งเข้าใจ โตกว่านี้เมื่อไรเดี๋ยวก็เข้าใจเอง” ว่าพลางเขกกำปั้นใส่หน้าผากมนไปสักที คยูฮยอนยู่หน้าไม่พอใจแต่ก็แค่ยิ้มจิกพี่ชายไปอย่างนั้น สุดท้ายแล้วเจ้าตัวก็หลับตาหนีความว้าวุ่นของจิตใจไปพร้อมๆ กับมืออุ่นๆ ของพี่ชายคนโตคนเดียวที่คอยแต่ลูบหัวเขาไปพลางเอื้อมมือไปปิดโคมไฟบนหัวเตียงไปพลาง
...ลืมไปเลย ว่าเมื่อ 7 ปีที่แล้ว คยูฮยอนอายุ 10 ขวบ ตอนนี้คยูฮยอนอายุ 17 แล้วหนิ...
โตแล้วนี่หว่า หรือยังล่ะ???
ตากลมตวัดมองไปยังมุมตึก ตึกเดิมที่เมื่อวานเขาเพิ่งไปห้ามศึกระหว่างพี่ชายตัวเองกับใครอีกคน คยูฮยอนก้มลงมองนาฬิกาข้อมือสีขาวของตัวเองก็จำต้องจิ๊ปากไม่สบอารมณ์
...พี่ยงฮวายังไม่โผล่หัวมาอีก ไปไหน?
มองตรงไปยังมุมตึกพลางตัดสินใจเดินมุ่งไปยังมุมตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์จุดมุ่งหมายที่คยูฮยอนคิดว่า บางทีพี่ชายเขาอาจไปชกกับไอ้บ้านั่นต่อจริงๆ ยิ่งได้เข้าไปใกล้เท่าไหร่ เขาก็ได้ยินเสียงผิดปกติดังใกล้หูขึ้นเรื่อยๆ จะว่าไป...
...เสียงเหมือนกับมีศึกตะลุมบอน!!
“พี่ยงฮวา!” เสียงเรียกของคยูฮยอนทำเอา กลุ่มนักศึกษาชายตรงหน้าถึงกับหันขวับจ้องมาที่เขาเป็นตาเดียว สอดส่ายสายตามองหาร่างพี่ชายของตัวเอง คยูฮยอนก็ได้แต่มึนตึ้บ
ไม่มีพี่ยงฮวาอยู่ในนั่นนี่หว่า จะมีก็แต่…
“เด็กบ้าเอ้ย!” ชเว ซีวอนนึกสบถเสียงไม่ดังมาก แต่กลับอีกคนแล้วเสียงบ่นเมื่อครู่ มันออกจะน่าหงุดหงิดไม่ใช่น้อย คยูฮยอนตั้งท่าจะแยกเขี้ยวกลับเหมือนเมื่อครั้งก่อน แต่ก็คงไม่ไวเท่าคนตัวสูงกว่า ชายหนุ่มสาวเท้ามาใกล้ ยื่นมือใหญ่มาคว้าข้อมือเขาพลางออกตัววิ่งเต็มกำลัง ครั้นจะยึดตัวไว้ก็สุดจะใช่เหตุ
...ก็เล่นมีกลุ่มคนวิ่งตามมาน่ะสิ! จะอยู่ทนทำไมล่ะ?
“นาย! พี่ยงฮวาล่ะ” กระนั้นคยูฮยอนก็ยังมีจิตใจจะถามถึงพี่ชายตัวเอง ซีวอนไม่ได้หันหน้ามามองเขา เพียงแค่พรูลมหายใจหนักๆ ไม่ลืมเพิ่มความเร็วของฝีเท้า
“พี่ชายเธอเอง เกี่ยวอะไรกับฉัน”
“ถ้าฉันรู้ ฉันจะถามนายงั้นหรอฮะ!!!!” ตะโกนตอบผู้ชายปากเสียได้ไม่ถึงสองประโยค คยูฮยอนก็แทบสำลักเอาปอดออกมานอกร่างกาย สาบานได้ว่าเขาไม่เคยวิ่งเร็วจี๋ขั้นเสือชีต้าร์เรียกพี่มาก่อน นี่ถ้าลองหยุดสักก้าวคงได้ล้มกลิ้งหน้าคะมำแน่ๆ
อาจเพราะเสียงหายใจหอบแฮ่กที่ดังถี่จนน่าตกใจ คงไปสะกิดต่อมรับความรู้สึกนึกคิดของ ชเว ซีวอนได้บ้าง หมอนั่นถึงได้เหลียวหลังมาปรายตามองใบหน้าขาวที่เริ่มผุดประกายเม็ดเหงื่อ ดูเหมือนชายหนุ่มจะใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตั้งใจชะลอความเร็วก่อนจะเลี้ยวเข้าไปหลบไปห้องเก็บอุปกรณ์ของคณะนิเทศน์เมื่อแน่ใจว่ากลุ่มนักศึกษามากกว่า 5 คน เริ่มทิ้งห่างไปมากจนอาจตามไม่ทัน
ตากลมเบิกโพลงอีกครั้งเมื่อถูกร่างสูงใหญ่ดึงตัวเข้ามากอดไว้แนบอก แผ่นหลังกว้างแนบชิดอยู่กับบานประตูของห้องเก็บอุปกรณ์แคบๆ ซีวอนอาจจะไม่ได้ตั้งใจจะมาคิดอะไรกับเขา ก็แค่ตัวเขานั่นหอบเสียงดังจนตัวโยนต่างหาก ถ้าขืนวิ่งเข้ามาหลบได้แต่ดันส่งเสียงให้ถูกตามตัวเจอง่ายๆ ไอ้ที่วิ่งหนีมาเกือบกิโลฯก็คงศูนย์เปล่า
“พวกนั้นไปยังอ่ะ” กล่าวเสียงอู้อี้เพราะใบหน้าขาวแนบอยู่กับอกกว้าง รับรู้ถึงเสียงหัวใจที่อาจเต้นแรงเพราะต้องวิ่งมาราธอนทรหดหนีกลุ่มคนพวกนั้น ซีวอนก้มลงมาสบกับดวงตาวาวสีดำขลับพลางเผยยิ้มกริ่ม
“ไปตั้งนานแล้ว...ทีนี่ก็ปล่อยมือออกจากตัวฉันได้สักทีนะ ไอ้เด็กตัวกะเปี๊ยก!” แทบจะทันที คยูฮยอนชักสีหน้าใส่อีกฝ่าย ตกใจว่าตัวเองกำลังกอดซีวอนเสียแทนในเวลานี้ จะโทษก็โทษสถานการณ์ที่มันฉุกเฉินจนน่ารำคาญนี้เห็นจะสมควรเป็นที่สุด
...แล้วก็โทษ ชอง ยงฮวา ที่ชอบทำแบบนนี้เวลาเกิดเรื่องสมัยเด็กๆ จนเขาติดเป็นนิสัยด้วยก็แล้วกัน...!
“ฉันอายุ 17 ปีเป็นเยาวชนที่กำลังจะโตเป็นผู้ใหญ่ในอีกไม่ช้า...ไม่ใช่เด็ก!”
“โอเค...ฉันไม่เถียงหรอกว่าเธอเป็นเด็กหรือไม่...เพราะฉันไม่ใช่พี่ชายเธอ เข้าใจนะ?” ซีวอนเอ่ยน้ำเสียงทะเล้น จะพูดให้ถูกคือ...ซีวอนไม่ใช่จำพวกชอบตามใจใครเหมือนกับที่ยงฮวาปฏิบัติกับน้องชายตัวยุ่ง เอาแต่ใจกับเขาไปก็เท่านั้น...สิ่งเดียวที่เขาจะแสดงออกหรือโต้ตอบก็คือ เมิน
ตั้งท่าจะเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตูห้องเก็บอุปกรณ์หากแต่เด็กหัวดื้อข้างหลังท่าทางจะไม่ยอมอ่อนข้อง่ายๆ ถึงได้เริ่มรั้นใส่เขาด้วยวิธีการดึงแขนเสื้อยืดไม่ยอมปล่อย หันหลังกลับไปมองก็พบกับใบหน้าขาวจัดแลดูมาดมั่นจนน่าหมั่นไส้
“นายเป็นผู้ใหญ่แล้วหนิ...ฉะนั้นการที่นายยังมีเรื่องชกต่อยอยู่ก็เท่ากับนายโยนความเป็นผู้ใหญ่ทิ้งลงพื้นไปแล้วล่ะ ชเว ซีวอน!” ว่าพลางกระตุกยิ้มมุมปากราวกับตนเป็นฝ่ายประกาศชัย ผลักอีกฝ่ายให้พ้นทางประตูไม่สนว่า ซีวอนจะมีอายุมากกว่าตนขนาดไหน
...ก็ถ้าเป็น พี่ชายอย่างยงฮวาคงยอมอ่อนข้อให้น้องง่ายๆ แต่...ซีวอนไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิ
“เหวอ~ ปล่อยดิ!” ร่างโปร่งบางถูกจับพาดไว้กับบ่า ตอนนี้แล้วคยูฮยอนจะโวยวายอะไรก็ร้องไม่ค่อยออกเท่าไร เพราะหัวห้อยลงมาจนมองทุกอย่างกลับหัวกลับหางไปเสียหมด ส่วนคนกระทำก็ไม่ได้พูดอะไร นอกจากเดินจ้ำอ้าวผ่านกลุ่มนักศึกษาหญิงสองสามคนที่เอาแต่จ้องมองภาพตรงหน้าจนแอบหัวเราะปนอึ้งไปเล็กน้อย
“ชเว ซีวอน ปล่อย!!!” รวบรวมพลังแหกปากสุดเสียง ผลสุดท้ายก็คือ ฝ่ามือหนาที่ตีก้นเข้าให้ราวกับเขาเป็นเด็กๆ
“ต้องถูกจับปล้ำก่อนหรือไง ถึงจะหายดื้อน่ะ!”
“ถ้ากล้าก็ลองดิ!! ไอ้บ้าเอ้ยยย!”
…เก่งอย่างที่พูดเถอะ ปล้ำขึ้นมาจริงๆ แล้วจะรู้สึก!
พลั่ก!!!
“เจ็บนะ!” คยูฮยอนถูกส่งให้ลงไปนั่งกุมสะโพกอยู่กับพื้นห้องชมรมบาสฯด้วยวิธีการโยน ชเว ซีวอนกำลังยืนกอดอกมองสภาพคนตัวบางที่เอาแต่ช้อนสายตามองเขาอย่างเคืองๆ
ฉับพลันคยูฮยอนก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าที่ยงฮวามาช้า ก็เพราะมีซ้อมบาสฯตอนเย็นของทุกๆ วัน คยูฮยอนรู้สึกว่าตัวงี่เง่าก็วันนี้เอง...ถ้าหากเขาไม่วิ่งเข้าไปกลางฝูงชนตะลุมบอน คงไม่ถูกผู้ชายตัวใหญ่จับแบกขึ้นบ่าอ้อมมหาลัยฯหรอก!
“คยูฮยอน!” ยงฮวาที่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรก ร้องเรียกชื่อน้องชายตัวเองเสียงดังลั่นพลางประคองร่างบางปานกระดูกจะหักของน้องชายหัวดื้อให้ลุกขึ้นยืนซะ พลันสายตาก็หันไปเจอะกับแววตาขี้เล่นของคู่อริเข้า บอกตามตรงว่าเขาไม่เคยเห็นสายตาแบบนี้ของซีวอนบ่อยนัก...
เป็นเรื่องน่ายินดีหรือเปล่าล่ะ?
“พาน้องชายสุดที่รักนายมาส่ง ฉันไปล่ะ” ว่าพลางส่งยิ้มกรีดเต็มแก้มไปยังเจ้าของใบหน้าหวานที่ตอนนี้ยับยู่ยี่จนไม่น่ามอง คยูฮยอนก้มลงมองกระเป๋าเป้ของยงฮวาที่วางไว้ข้างๆ เก้าอี้ใกล้มือ นึกภาพในจินตนาการราวกับรางไว้ก่อนจะหยิบกระเป๋าใบไม่ใหญ่ไม่เล็กไว้กระชับมือ ขว้างส่งไปยังเป้าหมายนั่นคือคนที่ทำให้เขาต้องอับอายแทบมุดแผ่นดินหนีต่อหน้าที่สาธารณะ
“โอ้ยยยย!”
โดนเข้าให้เต็มๆเลยสิงานนี้!
แล้วทำไมกรรมต้องมาตามสนองคนที่เป็นฝ่ายถูกกระทำก่อนอย่าง โจ คยูฮยอน ด้วยล่ะ?
ชเว ซีวอนหัวแตกเพราะกระเป๋าที่เขาขว้างไป คนเป็นพี่อย่างชอง ยงฮวาจึงออกคำสั่งให้เขารีบไปขอโทษซีวอนซะ เพราะในฐานะที่คยูฮยอนเป็นน้อง อายุน้อยกว่าฉะนั้นการที่ไปขว้างกระเป๋าใส่ซีวอนจนถึงขั้นหัวแตก เลยกลายเป็นเรื่องน่าซีเรียสสำหรับยงฮวาขึ้นมาในทันใด
“แลกกับการที่พี่จะไม่บอกพ่อกับแม่ นายต้องไปขอโทษซีวอนซะ”
“พี่ยงฮวา แต่ไอ้บ้านั่นมันกวนผมก่อนนะ”
“คยูฮยอน!!!” ตั้งใจมองหน้าพี่ชายเพราะนึกตัดพ้อ หากเพราะจนใจเนื่องด้วยเสียงคำรามที่นานๆ ที่จะได้ยินจากปากพี่ชาย คยูฮยอนจึงจำต้องงับปากปิดสนิท ไม่แม้แต่จะกล้าเอ่ยโต้เถียง ค่อยๆ พยักหน้าหงึกหงักรับข้อเสนออย่างไม่รู้จะนึกผลักมันให้ออกจากความรับผิดชอบไปได้อย่างไร
“ครับ”
ชอง ยงฮวาปล่อยให้เด็กหัวดื้อเดินเข้าไปหาซีวอนในห้องซ้อมดนตรีภายในมหาลัยฯ ตามลำพัง ตอนนี้ร่างสูงใหญ่กำลังตีหน้านิ่ง นั่งเคร่งขรึมดีดสายเบสไม่แม้แต่จะสนใจกับสิ่งมีชีวิตนามว่า คยูฮยอน ที่ได้แต่ยืนจ้องใบหน้าคมคายด้วยความรู้สึกสับสนว้าวุ่น แอบเห็นผ้าก๊อตปิดแผลบริเวณกลางศีรษะพอดิบพอดี ก็ได้แต่แอบสำนึกผิดในใจอยู่หน่อยๆ
“ขอโทษ” เอ่ยน้ำเสียงเบาจนซีวอนที่ภายนอกเหมือนไม่ได้ตั้งใจฟังถึงกับแอบลอบยิ้มกับตัวเอง วางมือจากการเล่นเบสหันไปจ้องเรียวหน้าขาวให้เต็มตา ตาคมตั้งใจสบเข้ากับหน่อยตากลมโตพลางเผยยิ้มเล่ห์อย่างไม่ปกปิด
“ดูแลฉันที่บ้านหนึ่งวัน แล้วฉันจะยกโทษให้”
…ว่ายังไงนะ ?
“ตามใจนะ ซีวอน...เอาเด็กโตแต่ตัวไปอบรมที” เป็นยงฮวาเองที่พูดแทรกขึ้นท่ามกลางความไม่เข้าใจที่ตีกันมัวอยู่ในหัวคนถูกเรียกร้อง คยูฮยอนไม่เข้าใจว่าทำไมยงฮวาถึงต้องยอมรับข้อเสนอของซีวอนง่ายๆ แบบนี้ด้วยก็ไม่รู้ ส่งสายตาจิกกัดไปยังพี่ชายตัวดี หากผลที่ได้รับคือใบหน้ายิ้มทะเล้นบวกกับอาการยักไหล่ไม่ใยดี
“พี่ยงฮวา!!! ผมไม่..”
“อย่าเถียง เข้าใจไหม ไม่งั้นเรื่องถึงพ่อกับแม่แน่!”
…มันไม่ยุติธรรมเลย!!!
คยูฮยอนได้แต่นั่งหน้าหงิกอยู่บนโซฟาภายในห้องรับแขกของบ้านตระกูลชเว ส่วนตัวต้นเรื่องเห็นว่าไปอาบน้ำ ออกคำสั่งให้เขาขึ้นไปเก็บของที่ห้องนอนของเจ้าตัวเอง หากแต่คยูฮยอนก็ยังคงนั่งเฉย ไม่คิดจะขยับตัวไปไหน...
...ห้องนอนหมอนั่นเนี่ยนะ
เรื่องอะไรล่ะ?
ตั้งแต่เกิดมาคนที่เขาสามารถนอนร่วมเตียงด้วยก็เห็นจะมีพ่อ แม่ พี่ชายคนโต แล้วก็น้องชายคนเล็กเท่านั้น เพื่อนสนิทที่สุดอย่าง คิม คิบอม เขาก็ไม่เคยจะไปนอนเบียดบนเตียงเดียวกันเลยสักครั้ง แล้วไอ้การที่จะให้เขาที่เพิ่งรู้จักกับอริของพี่ชายตัวเองเพียงแค่ไม่กี่วัน ไปไว้ใจนอนร่วมเตียงร่วมหมอนเนี่ย ถึงเขาจะเป็นผู้ชาย แต่ก็ขอมีจริตเรื่องนี้บ้างเถอะ
ในเมื่อคนมันไม่ชอบหนิ!
“จะนั่งหน้างอไปถึงไหน ขึ้นไปเก็บของซะสิ” ถึงจะส่งมาแค่เสียง แต่ก็เรียกความหงุดหงิดได้ไม่น้อย ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้จะออกคำสั่งกับเขาไปถึงไหน พี่ก็ไม่ใช่พ่อนี้ก็เปล่า!
“ไว้ค่อยเก็บ”
“ไปเก็บซะ ไปงั้นฉันจะแบกไปส่งถึงเตียง” คยูฮยอนเผลอเบิกตาโพลง นึกคิดตรึกตรองอยู่ในใจถึงผลที่กำลังจะตามมาหากเขาต่อปากต่อคำกลับไปอีก รีบคว้าเอากระเป๋าเป้ที่ใส่ข้าวของจำเป็นมาไม่มาก วิ่งขึ้นบันไดวนพลางส่งเสียงร้องถามว่าห้องนอนที่ว่านั้นอยู่ที่ไหน เปิดประตูพลางวางเป้ลงบนเก้าอี้ของโต๊ะคอมพิวเตอร์
“ห้ามดื้อแค่นี้ทำได้ไหม?”
“ได้...อะ อะ อยู่แล้ว อึก! อึก!” อาจเพราะจู่ๆ เจ้าของใบหน้าหล่อจัดก็โผล่มาเงียบๆ พร้อมกับระยะห่างที่มันใกล้เสียจนเวียนท้อง คยูฮยอนเผลอสะอึกเพราะรู้สึกแปลกๆ ในอก
เพียงเพราะรีบหันหลังกลับไปตามต้นเสียง ในเวลานี้ใบหน้าของเขาถึงได้อยู่ใกล้กับซีวอนจนน่าปวดหัว รีบยกมือขึ้นทุกอกตัวเองหวังจะให้อาการบ้าๆ นี้หายไปแต่มันกลับไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด
“สะอึก?” ซีวอนมองภาพเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ทำสีหน้าเลิกลั่กก็นึกขำในใจ ดูเหมือนคนหัวดื้อจะไม่หายจากอาการสะอึกง่ายๆ เสียด้วยสิ
ทำยังไงดี?
…การจะหยุดการสะอึกได้นั้น ต้องทำให้ผู้ที่สะอึกหยุดหายใจเพื่อปรับสภาพของภาวะการหายใจชั่วครู่...
คนสะอึกเป็นบ้าเป็นหลังถึงกับตกใจจนต้องหยุดกั้นหายใจ เพราะใบหน้าคมคายที่โน้มลงมาใกล้ก่อนจะจรดริมฝีปากลงบนปลายจมูกรั้นของตัวเขาเอง คยูฮยอนไม่กล้าพอที่จะสบกับสายตาแปลกๆ ของเจ้าของเรียวตาคมถึงได้หลับตาปี๋หนีสถานการณ์บ้าบอนี้ไปซะ ก็คิดว่าจะหยุดแค่นั้นแต่ที่ไหนได้ ชเว ซีวอน กลับไล้เรียวปากลงมาแตะที่กลีบปากนิ่ม ละเมียดแต้มสัมผัสราวกับไม่อยากให้คนถูกจูบต้องตื่นตกใจ
อาการสะอึกท่าทางจะหายไปแล้ว เหลือก็แต่อาการใจเต้นไม่เป็นจังหวะเสียมากกว่า จมูกโด่งเป็นสันของคนอายุมากกว่าแนบชิดรับรู้ถึงลมหายใจที่รินรดผิวแก้ม ถึงจะไม่นานมากนักที่ริมฝีปากถูกบดเบียด แต่ก็ทำเอาหน้าของคนตัวบางร้อนฉ่าจนอาจทอดบูลโกกิได้สักกระทะ
กับชเว ซีวอน เขาไม่ได้เกลียด ก็แค่ไม่ชอบที่มาชกหน้าพี่ชายเขา
แต่ถ้าตัดเรื่องพี่ชายออก ลืมว่าคนๆ นี้เป็นอริกับพี่ยงฮวา บางทีคำพูดของพี่ยงฮวาก็คงไม่ได้เหลวไหลอะไร ใช่ไหมล่ะ
...ชเว ซีวอนไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร
อย่างน้อยก็ช่วยให้เขาหายสะอึกล่ะนะ!
“หายสะอึกแล้วใช่ไหม?”
...ยังมีหน้ามาถามเนอะคนเรา!
แล้ว...ถ้าอย่างนั้น ชเว ซีวอน คงเป็นหมอนข้างมีชีวิตแทนพี่ยงฮวาได้ ใช่ไหมล่ะ?
END*
ความคิดเห็น