ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [S FIC] WONKYU's story

    ลำดับตอนที่ #2 : sf. ma boy. #Yours

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ค. 54


    Story : ma boy.

    Theme song : ma boy - Sistar19

     

     

     

    좋아질수록
    มันจะดีที่สุด

    아픈 맘을 아니
    อย่าทำให้หัวใจฉันเจ็บปวด

    맘에 작은 속삭임
    กระซิบเบาๆที่หัวใจของฉัน

    때론 나를 보는 따뜻한 눈길
    แล้วมองฉันด้วยสายตาที่อบอุ่น

    그거 하나면 오직 너만 원해
    คุณเป็นที่หนึ่ง ฉันต้องการแค่คุณเท่านั้น

    아직도 너만 모르잖아
    แต่คุณก็ยังไม่รู้หัวใจของฉัน

    Oh Ma Boy Oh Ma Boy Baby

    네가 무슨 사랑을 알아 맘만 아파
    ฉันรู้ว่าคุณรักอะไร หัวใจฉันแสนเจ็บปวด

    Oh Ma Boy Oh Ma Boy Baby

    네가 어떻게 맘을 알아
    คุณจะรู้หัวใจฉันได้อย่างไร?

     

     

     

     

     

     

    *..Yours..*

    ของคุณ

     

     

    “ผมจะเป็นของพี่คนเดียวเท่านั้น... ของพี่คนเดียว... คนเดียวเท่านั้น!

     

     

               

                กลิ่นหอมอ่อนละมุนลอยอวลผ่านอากาศเย็นชื้นจากไอฝน ร่างขาวจัดหากเนื้อตัวกลับประดับไปด้วยรอยฟกช้ำ รอบคอระเรื่อสีแดงเป็นจ้ำ เจ้าของเรียวหน้าหวานยังคงหลับสนิทไม่รู้สึกตัว เนื้อตัวสั่นเทิ้มทุกๆ ครั้งที่มีใครย่างกายเข้าไปใกล้ เรียวขาขยับชิดเข้าหากันราวกับหวาดกลัวการข่มเหง

               

                “แล้วแกจะทำยังไงกับเด็กคนนี้น่ะ”

     

    พี่สาวที่อุตส่าห์เข้ามาในโซลเพื่อมาเยี่ยมเขาถึงมหาลัยฯ เอ่ยถามขึ้นพลางทอดสายตามองร่างของเด็กหนุ่มที่ยังคงนอนตัวสั่นอยู่บนเตียง เธอถอนหายใจยาวพลางนึกถึงเมื่อกลางดึกวันก่อนที่น้องชายแฝดคนละฝาแบกเด็กคนนี้เข้ามาในบ้านด้วยท่าทีร้อนรน เนื้อตัวน้องชายเธอราวกับไปกลิ้งคลุกฝุ่น มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากเล็กน้อย เหงื่อกาฬโทรมตัว ส่วนเด็กที่ว่า...ถึงเสื้อผ้าจะยังอยู่ครบดีแต่ก็ไม่ได้เข้าที่เข้าทางนัก อาการขวัญหนีดีฝ่อฉายชัดเจนผ่านดวงตาคู่กลมที่ฉาบไปด้วยความตื่นกลัว ถึงตอนนี้แล้วเจ้าตัวก็ยังนอนนิ่งไม่ยอมตื่นไม่ต่างอะไรไปจากการปิดกั้นตัวเองออกจากโลกภายนอก

     

                “ก็คงต้องดูแลเขาไปก่อนน่ะ ทำยังไงได้...เพิ่งเกือบโดนไอ้พวกเลวนั่นทำเรื่องทรามๆ คงตกใจจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วล่ะครับ” ชายหนุ่มตอบพลางเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ หย่อนกายนั่งลงบนเตียง ก้มลงมองเสี้ยวหน้าละไมที่แลดูซีดขาวจนน่าตกใจ

     

                “ให้ฉันช่วยอยู่ดูแลไหม? ท่าทางเขาคงไม่กล้าเข้าใกล้ใครง่ายๆ”

     

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ...พี่จียุนกลับพูซานเถอะ เดี๋ยวเรื่องนี้ผมจัดการเอง” หญิงสาวระบายยิ้มอย่างที่เธอไม่เคยทำมาก่อน พลางจ้องมองใบหน้าคมคายที่นิ่งสนิทจนผิดวิสัย

     

                “เอางั้นก็ได้ ฉันตามใจแก...ก็เพิ่งจะรู้นะ ว่าน้องชายที่ห่างกับฉันแค่สามนาทีจะดูแลใครเขาเป็นด้วย ชเว ซีวอน”

     

     

                ครื้น!!!

     

                เสียงฟ้าร้องดังสนั่นสลับกับแสงฟ้าแลบดูน่ากลัวจนชายหนุ่มจำต้องตื่นขึ้นมากลางดึกเข้ามาดูอาการคนตัวบางที่พักอยู่ที่ห้องนอนพี่สาว เขาเดาไม่ผิดว่าเด็กตัวซีดคงต้องนอนตัวสั่น ร้องไห้น้ำตาเม็ดเป้งร่วงเผาะผ่านผิวแก้ม ริมฝีปากเม้นแน่นจนปากอิ่มช้ำแดงมากกว่าเก่า

     

    ...น่าสงสาร

    อยากดูแลให้มากกว่านี้

    อะไรบางอย่างสั่งให้เขาต้องปกป้องคนๆ นี้

     

                “นิ่งนะครับ หยุดร้องไห้ได้แล้ว...” สองแขนโอบปลอบประโลมร่างบางที่ร้องไห้ไร้ซึ่งเสียงสะอื้น แม้จะมีแรงขัดขืนอยู่บ้างแต่ก็เพียงเล็กน้อย ผิดจากที่ซีวอนคิดไว้ในหัวว่าเด็กคนนี้อาจต่อต้านเขา ฝ่ามือลูบแผ่นหลังสั่นเทิ้มให้ค่อยๆ สงบลง

     

                “นอนเถอะ จะได้หายไวๆ” ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ ซีวอนย่นคิ้วไม่เข้าใจ พลางคลายกอดออก ดวงตากลมใสจ้องมองเขาราวกับเรียกร้องอะไรบางอย่าง หากอีกคนกลับไม่ยอมเอ่ยปาก มือเรียวกำชายเสื้อของเขาไว้จนยับยู่ยี่

     

                “กลัวหรอ?” ถามเสียงนุ่ม คำตอบที่ได้รับคือแรงพยักหน้า ซีวอนยกยิ้มบางเบาพลางเอนตัวลงบนเตียงของพี่สาว สองแขนกระชับกอดร่างอุ่นนิ่ม ปล่อยให้คนที่กำลังต้องการความอบอุ่นซุกหน้าลงบนอกแกร่ง หลับตาเข้าสู่ห้วงนิทราโดยมีเขาเป็นเสมือนเกราะกำบังภัยอันตราย

     

    ถึงพระเจ้าจะใจร้ายกับเด็กคนนี้มากไปหน่อย

    แต่ถ้าเป็นเขาแล้ว... แม้แต่ความเจ็บปวดก็จะไม่มีให้แก่กัน

     

               

                ชเว ซีวอน แทบจะงัดเอาความสามารถทั้งหมดเท่าที่พึงมีออกมากองตรงหน้าเด็กหนุ่มตัวบาง ดวงตาโตใสยังคงฉายแววตื่นตระหนัก ซ้ำยังไม่ยอมพูดจาทั้งที่ผ่านมาก็เกือบอาทิตย์ แม้แต่เสียงซีวอนก็ยังไม่ได้ยินมันถูกเอื้อนเอ่ยออกมาจากกลีบปากสีแดงระเรื่อ เด็กคนนี้ไม่ได้กลัวเขาแต่เมื่อกลัวการสร้างมิตรกับฝ่ายตรงข้ามมากกว่าถึงได้ไม่ยอมพูดท่าเดียว

     

                “จะบอกพี่ได้หรือยังว่าเราชื่ออะไร” ชายหนุ่มเอ่ยถามน้ำเสียงนาบเนิบ วางสายตาลงบนใบหน้าขาวจัดที่ดูมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าเก่า

     

    สิ่งที่ได้รับคือความเงียบงัน อย่างทุกๆ ครั้งที่ได้รับ

     

                คนตรงหน้าเหมือนจะอ้าปากพูดแต่ก็กลับถอยตัวหนี ก้มหน้างุดปิดกั้นการทำความรู้จักครั้งนี้

     

                “เขียนบอกก็ได้ ถ้าไม่อยากพูด” ยื่นสมุดโน้ตเล่มเล็กกับปากกาอีกหนึ่งด้าม มือขาวค่อยๆ เอื้อมมารับ พลางชั่งใจอยู่นาน ก่อนจะจรดปลายปากกาลงบนหน้ากระดาษขาวแต่โดยดี

     

                คยูฮยอน

     

                “ชื่อ คยูฮยอน ใช่ไหม?” ถามซ้ำพลางระบายยิ้มอ่อน ใบหน้ากลมขาวพยักหน้าหงึกหงักเป็นคำตอบ พลางเจ้าตัวก็เขียนข้อความในกระดาษต่อ

     

                ขอบคุณที่ช่วยผมไว้

     

                “ไม่เป็นไรหรอก ปลอดภัยก็ดีแล้ว...ว่าแต่ พูดไม่ได้หรอ? หรือไม่อยากพูด” ไม่มีคำตอบทั้งที่เจ้าตัวยังคงกำปากกาไว้ในมือ ร่างบางส่งสมุดโน้ตและปากกาคืนแก่เจ้าของ ก่อนจะล้มตัวลงนอนดังเดิม ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองพลางระบายยิ้มขำ แอบเห็นสายตาดื้อรั้นเล็กๆ ที่ถูกส่งมาให้แก่เขา

     

                คยูฮยอนคงกำลังคิดว่า ตัวเขายุ่งย่ามไปมั้ง?

     

                “งั้นพี่ออกไปเรียนแล้วนะ พักผ่อนให้เยอะๆ ล่ะ”

     

                มองภาพเด็กหนุ่มนอนขดตัวในภาพห่ม ก็ได้แต่นึกกลั้นเสียงหัวเราะไว้ในลำคอเพียงเพราะภาพทับซ้อน แมวตัวกลมของผู้เป็นแม่เมื่อครั้งกลับไปที่พูซาน ท่านอนช่างละม้ายคล้ายกันเสียเหลือเกิน

     

    น่ารักดีเหมือนกัน แต่แมวที่บ้าน มันขี้หวงนี่สิ

    แล้วคนที่นอนอุตุอยู่ตอนนี้ จะเป็นแบบนั้นหรือเปล่า?

     

               

                “คยูฮยอน...”

     

                เจ้าของชื่อเหมือนจะตกใจ ถึงได้สะดุ้งตัวโหยง หันขวับมามองใบหน้าหล่อเหลาอย่างตื่นๆ วันนี้ก็คงเป็นเหมือนเดิมที่คยูฮยอนไม่ยอมพูด แถมยังเอาแต่ขลุกตัวอยู่ในห้อง เห็นอย่างนี้แล้ว ซีวอนก็ชักจะจนใจ ไม่อยากจะให้คนตัวบางต้องจมอยู่กับความทรงจำร้ายกาจในหัวสมอง

     

                “ไปเดินเล่นกันไหม?” ซีวอนรู้ว่าถึงจะพูดช่วยยังไง อีกฝ่ายก็ต้องต้องส่ายหน้าเป็นระบบอัตโนมัติ ฉะนั้นแล้ว ชายหนุ่มถึงได้ก้าวเข้าใกล้ พลางรั้งข้อมือบางมากอบกุม

     

                “เปิดหูเปิดตาน่ะ วันนี้อากาศดีออก”

     

                อากาศยามเย็นกำลังสบาย ไม่หนาวไม่ร้อนจนเกินไป สามารถเดินเล่นสูดอากาศได้อย่างไม่มีที่ติ ฝ่ามือใหญ่เกี่ยวมือขาวให้ความอบอุ่น ดวงตาคมเหลือบมองคนข้างหายเป็นระยะๆ ตาโตใสดูเปล่งประกายยามต้องแสง เรียวปากสีอ่อนเหมือนจะค่อยๆ แย้มยิ้มขึ้นเล็กน้อย ดูดีดว่าที่คุ้นเคย

     

                “ยิ้มได้แล้วหนิ” ได้ยินดังนั้นคนตัวบางก็หันมาจดจ้องใบหน้าหล่อจัด พลางคลี่ยิ้มเต็มสองแก้ม

     

                “พี่ซีวอน”

     

                อะไรนะ... เมื่อครู่คยูฮยอนเรียกชื่อเขางั้นหรอ?

     

                “หืม?”

     

                “พี่ซีวอน”

     

    เสียงเอ่ยย้ำ ใบหน้าละมุนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม คนมองเองก็แทบอยากจะร้องตะโกน คว้าคนตรงหน้ามากอดไม่สนใจสายตานับสิบของเหล่าเด็กๆ ตัวเล็กในสนามเด็กเล่นแม้แต่น้อย

     

    “พี่ช่วยดูแลผมอย่างนี้ต่อไปได้ไหม? ผมไม่ไว้ใจใครอีกแล้วนอกจากพี่คนเดียว”

     

    ซีวอนประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน รับรู้ถึงสัมผัสชื้นที่ไหล่ คยูฮยอนกำลังร้องไห้ ไม่รู้ด้วยเพราะสาเหตุอะไร กระนั้นชายหนุ่มก็ไม่นึกจะปฏิเสธ พยักหน้ารับพลางไล้มือลูบกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มเป็นการตอบรับ

     

    เขาไม่เคยต้องดูแลใคร หากตอนนี้ ชเว ซีวอน กำลังแบกรับชีวิตของใครอีกคน

    ไม่ปฏิเสธว่าทุกอย่างมันเกิดจากความสงสาร แต่ตอนนี้แล้ว อะไรๆ มันก็เริ่มเปลี่ยนไป...

     

    “ได้สิ... พี่จะดูแลเราเอง ด้วยเกียรติของลูกผู้ชายเลยครับ”

     

    “ผมจะเป็นของพี่คนเดียวเท่านั้น... ของพี่คนเดียว... คนเดียวเท่านั้น!

     

     

     

     

     

                End of ep. Yours*

                 

               

     

     

     

     

    มาเป็นฟิคสั้น มาตามอารมณ์ไรเตอร์

    ฉะนั้น มันก็จะมาแบบมึนๆ งงๆ ล่ะกัน ๕๕๕


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×