ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BB+WG] Bad Boy’s Hunter

    ลำดับตอนที่ #15 : Chapter 15 พนักงานใหม่ / Kiss... again??

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ค. 55


    เฮีย โต๊ะสี่ คาปูชิโนสองแก้ว

     

    เสียงเรียบเฉยจากคนแก้มป่องทำให้แทยังที่กำลังชงกาแฟอยู่เหลือบมองนิดๆ อานโซฮีวางถาดลงบนเคาน์เตอร์แล้วเดินแยกไปเช็ดโต๊ะอีกมุมหนึ่งโดยไม่พูดไม่จา ซอนมีกับซึงรีมองหน้ากันงงๆ

     

    เอสเพรสโซ่โต๊ะหนึ่งเสร็จแล้ว ใครว่างก็เอาไปเสิร์ฟด้วย

     

    แทยังเอ่ยลอยๆ ก่อนจะวางแก้วกาแฟลงบนถาดของโซฮี คนแก้มป่องไม่เพียงแต่จะไม่หันมามอง แต่กลับหยิบเฮดโฟนมาสวมแล้วเก็บจานเดินไปหลังร้านหน้าตาเฉย ซอนมีกับซึงรีมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

     

    งั้นเดี๋ยวหนูไปเสิร์ฟเองแล้วกัน

     

    ลีซอนมีว่าพร้อมกับเดินไปหยิบถาด แทยังไม่พูดอะไรแต่มองตามหลังโซฮีไปแล้วหันมาชงกาแฟด้วยหน้าตาที่บ่งบอกว่าอารมณ์ไม่ดี ท่าทางแปลกๆนั้นทำให้ซึงรียิ่งประหลาดใจเข้าไปอีก

     

    โซฮีเป็นอะไรหรือเปล่าพี่ ทำไมดูเงียบๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจา...

     

    จะไปรู้มันเหรอ จะเป็นบ้าอะไรก็ช่าง ชั้นไม่สนใจหรอก

     

    แทยังตอบห้วนๆ แต่ใบหน้าขัดกับคำพูดโดยสิ้นเชิง ซึงรีเกาคิ้วตัวเองมึนๆ

     

    ตกลงผมผิดใช่มั้ยเนี่ย เฮ้อ วันนี้เป็นอะไรกันไปหมด...

     

    ลีซึงฮยอนบ่นอุบอิบก่อนจะเดินหนีไป แทยังชงกาแฟต่อหน้าเครียด รู้ดีว่าโซฮีโกรธเรื่องอะไร เขารู้ว่าเขาผิดที่พูดจารุนแรงออกไป แต่จะให้เขาเดินไปขอโทษดื้อๆ แบบนั้นก็คงไม่ใช่นิสัย....คงต้องรอให้หายโกรธไปเองนั่นแหละ....ที่จริงแล้วโซฮีใจอ่อนจะตาย เมื่อคืนนี้เขาจะกลับมานอนในร้านได้ยังไงถ้าไม่ใช่ฝีมือเธอ...

     

    แทยัง...

     

    เสียงติดห้าวที่คุ้นเคยทำให้แทยังหันขวับมาที่หน้าเคาน์เตอร์โดยอัตโนมัติ ใบหน้าสวยของคนผิวแทนที่ยืนอยู่ทำให้แทยังรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เพราะแค่เห็นหน้า....ก็คิดถึงเรื่องเมื่อคืนอย่างช่วยไม่ได้....

     

    ยูบิน....มีอะไรเหรอ...

     

    แทยังถามกลับตะกุกตะกัก...ในใจแอบลุ้นถึงปฏิกิริยาของเธอว่าจะเป็นแบบไหน ถ้ายังสนิทใจเหมือนเพื่อนกันอยู่เขาก็คงโล่งอก แต่ถ้ามันไม่ใช่...

     

    จะมาซื้อข้าวเย็นน่ะชั้นจำได้ว่านายเคยทำข้าวต้มอะไรสักอย่างให้กินแล้วบอกว่ามันเหมาะกับคนที่เป็นไข้อยู่

     

    อ๋อ....ตอนที่เธอไม่สบายน่ะเหรอ

     

    อื้ม...

     

    ยูบินตอบกลับยิ้มๆ ทำให้แทยังยิ้มออก...อย่างน้อยยูบินก็ไม่ได้หนีห่างเขาไปเลยเหมือนที่เคยกลัว....อย่างน้อยมันก็ยังมีคำว่าเพื่อนเหลืออยู่เหมือนเดิม ถึงเขาจะยังตัดใจไม่ได้ก็เถอะ...

     

    แทยังไม่รู้ว่าอานโซฮีเดินมาจากหลังร้าน....มองมาที่ทั้งสองคนแล้วรู้สึกปวดหนึบๆขึ้นมาที่ใจ...

     

    ใครว่าพี่ยูบินไม่รับรัก...

     

    ยังยิ้มให้กันอยู่เลย...เห็นไหมล่ะ...

     

    ว่าแต่เธอจะซื้อไปให้ใครเหรอ...ใครไม่สบาย??”

     

    อ่อ....พี่ท็อปน่ะ...

     

    คำตอบของยูบินทำให้แทยังนิ่งอึ้ง ชายหนุ่มเงียบไปนานก่อนจะส่งยิ้มให้เธอได้เหมือนเคย...

     

    งั้นรอแป๊บนึงนะ....เดี๋ยวไปทำมาให้

     

    ขอบใจจ้ะ ขอบใจมากๆ

     

    คนผิวแทนเอ่ยย้ำด้วยแววตาที่บ่งบอกเช่นนั้นจริงๆ แทยังยิ้มรับบางๆ ก่อนจะเดินใจลอยเข้าไปที่หลังร้าน...

     

    ทั้งๆที่สารภาพไปจนหมดแล้วแท้ๆ....

     

    แต่สุดท้ายก็ยัง...เจ็บอยู่ดี....

     

    เจ้าของร้านเบเกอรี่หนุ่มเดินเข้าไปในครัวก่อนจะลงมือทำข้าวต้มตามที่ยูบินสั่งมา....ซอนมีที่เดินมาเอาเค้กในครัวมองเจ้านายงงๆ ....

     

    เดี๋ยวนี้ร้านเราขายข้าวต้มตั้งแต่เมื่อไหร่วะ...ชักจะไปกันใหญ่แล้วนะเนี่ย...

     

    *

    *

    *

    *

     

    ครัวซองต์ตั้งหลายที่...จะทำทันมั้ยเนี่ย....เฮีย เนยอยู่ที่ไหน

     

    โซฮีส่งเสียงถามคนเดียวที่นั่งว่างงานอยู่เคาน์เตอร์ แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากคนที่นั่งอยู่ตรงนั้น อานโซฮีพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด...

     

    เฮีย ได้ยินที่ชั้นถามมั้ย ชั้นถามว่าเนยอยู่ไหน

     

    เสียงที่ดังขึ้นของคนแก้มป่องทำให้แทยังเงยหน้ามามองเธอ ก่อนจะหลุดคำถามที่ทำให้โซฮีถึงกับตบหน้าผากตัวเอง

     

    ว่าอะไรนะ?”

     

    ชั้นถามว่า...เนยอยู่ไหน....ชัดหรือยัง อกหักแล้วมานั่งเหม่อลอยอยู่ได้

     

    เธอว่าใครอกหัก??”

     

    แทยังถามสวนขึ้นทันที คนแก้มกลมทำหน้ามุ่ย

     

    ยังจะถามอีก...

     

    เหอะ....ถึงเฮียจะอกหัก อย่างน้อยก็ยังดีกว่าคนอย่างเธอ

     

    คนอย่างชั้นทำไม??”

     

    โซฮียืนจังก้าถามทันทีเมื่อได้ยินน้ำเสียงดูแคลนนั้น แทยังไม่ตอบในทันที แต่ใช้สายตามองเด็กสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าถึงอานโซฮีจะหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู แต่บุคลิกของเธอไม่เข้ากับหน้าตาเลยสักนิด ใส่แต่รองเท้าผ้าใบผู้ชาย กางเกงยีนส์สีทึมๆ เสื้อเชิ้ตแบบที่ผู้หญิงไม่ชอบใส่....ถึงผมจะยาวก็เถอะ แต่แทยังก็คิดว่าเธอเหมือนพระเอกหนังรักเลสเบี้ยนซะมากกว่า....  

     

    ก็ยังดีกว่าทอมที่ไม่มีผู้ชายมาสนใจ....แบบเธอ!!

     

    นี่เฮีย!!

     

    อานโซฮีแผดเสียงดังลั่น ปากคอสั่นแต่เถียงไม่ออก....ก็ตั้งแต่เกิดมา เธอยังไม่เคยมีแฟนจริงๆจังๆเลยสักคน...ผู้ชายที่เข้ามาจีบก็ไม่มี เพราะอยู่แค่ที่ร้านนี่กับโรงเรียนผู้หญิงล้วน....

     

    แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะเป็นทอมสักหน่อย

     

    เธอชอบผู้ชายนะที่สำคัญ ผู้ชายคนนั้นมันก็นั่งอยู่ตรงหน้าเธอนี่แหละ!!

     

    พี่ มีคนมาขอพบน่ะครับ

     

    ก่อนที่ศึกย่อยๆ จะปะทุขึ้น ลีซึงฮยอนก็เดินมาขัดทัพได้ทันเวลา ดงยองเบเมินหน้าหนีคนแก้มป่องแล้วหันมาถามน้องชายห้วนๆ

     

    ใครมา มีอะไร??”

     

    ซึงรียักไหล่ เบี่ยงตัวออกไปด้านข้างเผยให้เห็นคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา เด็กหนุ่มอายุท่าทางจะไล่เลี่ยกันกับซึงรี ร่างสูงและหน้าตาหวานๆ ของเขาช่างขัดกันอย่างสิ้นเชิงกับแว่นตาที่สวมอยู่....

     

    สวัสดีครับ ผมมาสมัครงานครับ...

     

    เราไม่ได้ประกาศรับสมัครงานนี่

     

    แต่รับไว้ก็ดีนะเฮีย ตอนนี้ลูกค้าเยอะมาก เราสี่คนจะเป็นบ้าตายกันอยู่แล้ว

     

    ซอนมีเดินมาเสนอ ทำให้เด็กหนุ่มผู้มาใหม่ยิ้มอย่างดีใจ เขาเงยหน้าขึ้นมามองแทยังแล้วอยู่ๆ ก็หยุดชะงัก เมื่อได้เห็นเด็กเสิร์ฟอีกคนยืนทำแก้มป่องอยู่ข้างๆ...

     

    นะ....

     

    น่ารัก....

     

    งั้นก็มาคุยกันก่อนแล้วกัน...ว่าแต่นายชื่ออะไรล่ะ

     

    อะ...เอ่อ...คือว่าผม...เอ่อ...

     

    อยู่ๆ เด็กหนุ่มก็ติดอ่างขึ้นมากะทันหันเมื่อโซฮีพูดกับเขา ทุกคนมองหน้ากันงงๆ แทยังขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถามซ้ำ

     

    ว่าไง นายชื่ออะไร

     

    ผะ....ผมชื่อ .... ชอนดุง...ครับ...

    *

    *

    *

    *

     

    ทำไมชั้นต้องมาอยู่ห้องเดียวกับเธอ...อีกแล้ว!!!

     

    จียงบ่นพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ซอนเยไม่สนใจเขา หญิงสาวเดินไปเปิดม่านดูทะเลที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักอย่างเพลิดเพลิน ไม่ได้รู้สึกรู้สาเลยสักนิดที่ถูกจัดให้มาอยู่ห้องเดียวกันแบบนี้

     

    เธอกับคุณแม่นี่แผนสูงจริงๆ ให้ตายเถอะ

     

    จียงบ่นขึ้นอีกเมื่อเหลือบไปเห็นเตียงที่มีแค่เตียงเดียวตามประสาห้องสวีท....ไม่ใช่แค่ห้องสวีทธรรมดา แม่เขายังจงใจเลือกให้อยู่ห่างจากห้องอื่นๆ ในรีสอร์ตอีกด้วย....เขารู้ว่าซอนเยไม่รู้สึกกลัวเท่าไหร่หรอก เธอคงคิดว่าเขาคงไม่กล้าทำอะไรอยู่แล้ว แต่นั่นก็เป็นเพราะเธอไม่รู้ต่างหากล่ะ ว่าคืนนั้นเขาเกือบจะ...

     

    ไม่ใช่แผนมินมินค่ะ พูดให้มันดีๆด้วย

     

    ซอนเยปรามพร้อมกับดึงประตูกระจกนั้นออกให้ลมเย็นๆพัดเข้ามาในห้อง หญิงสาวสูดลมหายใจด้วยท่าทางสดชื่น

     

    ที่เกาะพีพีนี่อากาศดีมากเลยนะคะ....เหมือนมาเที่ยวมากกว่ามาทำงานเลย...

     

    มันแปลกตั้งแต่ที่เลขากับเจ้านายนอนห้องเดียวกันแล้วล่ะ

     

    จียงพูดเซ็งๆ เดินไปหยุดอยู่หลังร่างเล็กเพื่อมองทิวทัศน์ข้างนอกบ้าง....ซอนเยหันหน้ามาหาเขา กลายเป็นว่าเธอยืนหันหลังพิงกระจก ส่วนจียงก็ยืนอยู่ตรงหน้าใกล้ๆเธอ.....ใกล้มาก....ใกล้เสียจนได้ยินเสียงลมหายใจที่ขาดหายไป....

     

    วันนี้ไม่มีตารางงานใช่ไหมคะ??”

     

    จะมีได้ยังไงล่ะ ก็นี่มันจะค่ำแล้ว...

     

    จียงพูดเก้อๆ เบือนหน้าหนีใบหน้าหวานที่อยู่ใกล้เขานิดเดียวออกไปที่วิวข้างนอก ซอนเยยิ้มกว้าง

     

    งั้นมินมินขอตัวไปเดินเล่นได้มั้ยคะ??”

     

    เชิญ....แต่อย่ากลับให้มันค่ำนักล่ะ

     

    ขอบคุณค่ะ พี่จีใจดีที่สุดในโลกกกก....เลย

     

    คนผมสั้นพูดพร้อมกับแกล้งเขย่งตัวจะไปหอมแก้มเขา จียงกระโดดหนีโดยอัตโนมัติ หญิงสาวหัวเราะเบาๆ ด้วยความขำที่เห็นเสือผู้หญิงอย่างเขาแสดงท่าทีแบบนี้ ร่างบางยักคิ้วให้เขาหนึ่งทีก่อนจะเดินแกมวิ่งออกไปอย่างร่าเริง ทิ้งให้จียงถอนใจเฮือกอย่างโล่งอก....ใบหน้าคมเริ่มมีแววกังวลขึ้นมาแล้ว...

     

    ทำไมพักหลังๆมา เขารู้สึกว่ายัยเด็กนี่....น่ารัก....??

     

    งานเข้าแล้วสิ....

     

    *

    *

    *

    *

     

    นาฬิกาที่ผนังบอกเวลาเกือบเที่ยงคืน....

     

    ร่างโปร่งที่นั่งจดจ่อกับโน้ตบุ๊กบนเตียงเหลือบมองไปที่ประตูอย่างเป็นกังวล....ทำไมยังไม่กลับสักทีเนี่ย ไปเดินเล่นอีท่าไหนหายไปทีละสองสามชั่วโมง....

     

    จียงลุกขึ้นไปเปิดผ้าม่าน แล้วชายหนุ่มก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นเม็ดฝนเกาะที่กระจก....คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันในทันที...

     

    ฝนตกตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย...

     

    จียงพึมพำเบาๆ ยืนละล้าละลังอยู่พักหนึ่งก็ตัดสินใจคว้าเสื้อคลุมของตัวเองเดินออกไปตามหาร่างบาง ในบริเวณรีสอร์ตนี้ค่อนข้างกว้างขวาง อีกทั้งฝนก็ยังตกไม่ยอมหยุด ทำให้การตามหาของจียงเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่เพราะเสียงฟ้าร้องที่ดังครืนครั่นอยู่เป็นระยะๆ ทำให้เขาไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจ...

     

    เพราะเขาจำได้ดีว่า....หนึ่งในจุดอ่อนของยัยเด็กแสบนั่นก็คือ กลัวเสียงฟ้าร้องเป็นที่สุด...

     

    จียงเดินตามหาจนเกือบทั่วบริเวณรีสอร์ตแต่ก็ไม่พบอะไร ซ้ำฝนยังตกหนักขึ้นเรื่อยๆ จนเสื้อคลุมที่เขากางบังฝนไว้เริ่มจะไร้ประโยชน์....จียงยกมือขึ้นเช็ดน้ำฝนที่ไหลลงมาบังตาก่อนจะมองไปรอบๆ อีกครั้ง แล้วเขาก็ได้เห็นร่างบางในสีเสื้อที่คุ้นตากำลังยืนโบกมืออยู่ที่ตู้โทรศัพท์นอกตัวรีสอร์ต

     

    พี่จี มินมินอยู่ทางนี้~~~”

     

    เออน่า รู้แล้ว จะไปเดี๋ยวนี้แหละ

     

    จียงตะโกนกลับแล้ววิ่งฝ่าฝนด้วยความเร็วสูงไปที่ตู้โทรศัพท์ ร่างโปร่งที่กระโดดเข้ามาทำให้คนที่ยืนอยู่ก่อนแล้วเซไปเล็กน้อย จียงคว้าตัวเธอไว้ได้ทัน ชายหนุ่มวางเสื้อลงพาดเครื่องโทรศัพท์แล้วหันมาเอาเรื่องเลขาตัวดีทันที

     

    มายืนทำบ้าอะไรอยู่นี่ รู้ว่าฝนตกทำไมไม่รีบกลับเข้าไป

     

    มินมินตกท่อค่ะ....ส้นสูงหัก แล้วก็เจ็บขาด้วย วิ่งไปคงไม่ถึงแน่ๆ

     

    กลัวหัวแตกตาย แต่ไม่กลัวเปียกว่างั้น...

     

    ร่างโปร่งเอ่ยปากแขวะอย่างหมั่นไส้ ซอนเยไม่เถียงกลับแต่ค่อยๆ กระเถิบเข้ามาใกล้เขาเมื่อเห็นฟ้าแลบ จียงเอื้อมมือมาปิดหูเธอได้ทันเวลาที่เสียงฟ้าร้องดังขึ้นพอดี แต่ร่างเล็กก็ยังไม่วายสะดุ้งจนสุดตัว

     

    รีบกลับเข้าไปข้างในดีกว่า ฝนคงไม่หยุดตกง่ายๆหรอก

     

    คนผมสั้นพยักหน้าหงึกๆอย่างเชื่อฟัง จียงส่งเสื้อคลุมที่เปียกจนหนักอึ้งไปให้เธอก่อนจะถอดเสื้อแขนยาวของตัวเองออกมาเป็นกำบังแทน ทั้งสองวิ่งฝ่าสายฝนมาจนถึงห้อง จียงสะบัดผมสีบลอนด์ที่เปียกน้ำของตัวเองอย่างเซ็งๆ

     

    ทำไมชั้นต้องใส่เสื้อกล้ามตัวเดียวเดินวิ่งเล่นกลางสายฝนด้วยเนี่ย....เธอนี่มันตัวซวยจริงๆ

     

    มินมินขอโทษค่ะ....แต่มินมินก็ไม่ได้ตั้งใจจะเอาขาไปติดท่อซักหน่อยนี่นา

     

    ร่างเล็กเอ่ยปากขอโทษแต่โดยดี แต่ก็ยังไม่วายหาเหตุผลมางัดกับเขาได้เหมือนเดิม จียงหันขวับมาจ้องหน้าเธอทันที

     

    นี่เธอยังไม่ยอมรับว่าตัวเองผิดอีกเหรอ??”

     

    ใจเย็นๆ สิคะ มินมินไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย มินมินยอมรับผิดจริงๆ ก็แค่บอกว่าไม่ได้ตั้งใจแค่นั้นเอง....พี่จีอย่าทำตัวขี้โมโหสิ

     

    คนผมสั้นแหย่พร้อมกับแกล้งเอานิ้วจิ้มแขนเขาเบาๆ จียงมองหน้าอ้อนๆ ของเธอแล้วสะบัดหนี เดินไปนั่งที่เตียงพร้อมกับขยี้ผมตัวเองด้วยผ้าขนหนู แต่ร่างเล็กก็ยังไม่วายตามไปป่วนด้วยการกระโดดไปนั่งข้างๆ แล้วแย่งผ้าขนหนูมาถือเอง

     

    เดี๋ยวมินมินเช็ดให้แล้วกัน ถือซะว่าไถ่โทษที่ทำให้พี่จีต้องเปียก....คนเดียว

     

    ซอนเยพูดแล้วอมยิ้มนิดๆ นึกขำที่เธอติดฝนนานกว่าแท้ๆ แต่ทั้งเนื้อทั้งตัวแทบจะไม่เปียกอะไรเลย เพราะหลบอยู่ในตู้โทรศัพท์เกือบตลอดเวลา ตอนวิ่งกลับมาที่นี่เสื้อของจียงก็ช่วยบังเธอไว้คนเดียว คนถือเสื้อกลับต้องมานั่งหน้าหงิกหัวเปียกโชกอยู่ตรงนี้....

     

    ไม่ต้องพูดมาก จะเช็ดก็รีบๆเช็ด ถ้าพรุ่งนี้ชั้นไปจามใส่หน้านักธุรกิจไทยล่ะน่าดู...

     

    ค่ะเจ้านาย~ เห็นว่าช่วยไว้หรอกนะ ช่วงนี้ช่วงโปรโมชั่น จะสั่งอะไรก็สั่งมา หมดโปรแล้วค่อยว่ากัน

     

    คนผมสั้นพูดยิ้มๆ ก่อนจะลงมือเช็ดผมให้คนตัวสูงกว่าอย่างตั้งใจ จียงมองใบหน้าสวยใกล้ๆเขาแล้วนิ่งไป...ค่อยๆ เบือนหน้าหนีไปทางอื่น ซอนเยขยับเข้ามาเช็ดผมด้านข้างของเขาโดยไม่ได้รู้เลยว่าเจ้าของเรือนผมจะต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนในการห้ามใจไปกับกลิ่นกายหอมอ่อนๆ ของเธอที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม...

     

    โอเค เสร็จแล้วค่ะ

     

    ร่างบางพูดยิ้มๆ ขยับจะลุกขึ้น แต่แล้วเธอก็ต้องหยุดกึกเพราะเหลือบเห็นฟ้าแลบจากกระจกด้านนอก จียงมองท่าทางแปลกๆของเธอแล้วขมวดคิ้ว

     

    เป็นอะไรของเธ...

     

    ครืน!!!

     

    กรี๊ดดดดดด!!!

     

    ขาดคำถามของจียง เสียงฟ้าร้องจากข้างนอกก็ดังสนั่นขึ้นมาเป็นคำตอบให้เขา มินซอนเยกระโดดทีเดียวถึงตักของคนตรงหน้า ใบหน้าหวานที่หลับตาปี๋ด้วยความกลัวซุกอยู่บนอกเขา....ปล่อยให้จียงอึ้งอยู่นาน กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น...

     

    พี่จี...ทำไมเสียงมันมาถึงข้างในได้ล่ะ??”

     

    ซอนเยเงยหน้าขึ้นร้องประท้วงคนผมบลอนด์ แต่สายตาแปลกๆของจียงที่มองเธออยู่กลับทำให้หญิงสาวนิ่งไป...เสียงฟ้าร้องเมื่อครู่จางหาย...เหลือเพียงแต่เสียงหัวใจหนักๆ กับลมหายใจของคนตรงหน้าที่สะกดเธอเอาไว้ได้ชะงัด..

     

    มินซอนเยมองลึกเข้าไปในดวงตาของจียง ที่ตอนนี้มันสะท้อนเงาเป็นภาพของหญิงสาวคนหนึ่ง....

     

    และภาพนั้น....ชัดเจนขึ้นทุกที...

     

    ริมฝีปากเย็นเฉียบของจียงเลื่อนมาหยุดที่เรียวปากนุ่มของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ได้....มันขยับเข้าครอบครองอย่างนุ่มนวลหากแต่ส่งผลให้ทั้งตัวของเธอร้อนผ่าวราวกับกำลังจะถูกเผา...ความเย็นชืดจากริมฝีปากนั้นค่อยๆ เปลี่ยนเป็นร้อนระอุ...หลอมละลายความยับยั้งชั่งใจจนมินซอนเยเผลอตอบสนองออกไป....

     

    จียงถอนจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่ง...ตาคมมองใบหน้าสวยที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองเขาแล้วถอนใจ...

     

    ชั้นใกล้จะบ้าอยู่แล้ว....

     

    อะไรนะ...

     

    ถ้อยคำแปลกๆจากร่างโปร่งทำให้ซอนเยหลุดคำถามออกไป แต่ไม่มีเสียงของคำตอบใดๆ นอกจากริมฝีปากหนักๆ ที่ประกบลงมาหลอมละลายเธออีกครั้ง สติของมินซอนเยแตกกระจายไปแสนไกล กว่าจะกลับมาได้ก็เมื่อหญิงสาวรู้สึกว่า หลังของเธอสัมผัสกับเนื้อผ้าของเตียงอุ่นๆ....

     

    เธอ...กำลังถูกดันให้นอนลงบนเตียง....โดยที่ริมฝีปากอุ่นนี้ ยังไม่ยอมถอนออกไปแม้สักวินาทีเดียว....

     

    เธอทำให้ชั้น...ใกล้จะบ้าอยู่แล้ว....

     

    *

    *

    *

    *

     

    จีเยมีเอ็นซีแน่

     

    แต่...

     

    ไม่รู้จะใช่ตอนหน้าหรือเปล่านะ -3- (พลัวะ!! โดนรีดเดอร์ถีบ = =)

    พรุ่งนี้ไรเตอร์จะส่งคอมไปเข้าอู่อีกครั้งค่ะ เนื่องจากไวรัสเหิมเกริมมาก แด๊กเรียบกระทั่ง Word จะอัพฟิคทั้งทีต้องใช้ Wordpad = = แต่ตอนที่แต่งเก็บไว้คิดว่าน่าจะพอนะ ยังไงก็อัพเหมือนเดิมค่ะ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×