คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 9 ภาพลวงตา / มอมเหล้า
เช้าวันต่อมา....
ร่างสูงที่นอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟารู้สึกตัวตื่นแล้ว ชเวซึงฮยอนลุกขึ้นนั่งด้วยความอ่อนเพลียไม่หายจากการทำงานเมื่อคืนนี้....เขาคว้าแก้วน้ำส้มที่ตั้งอยู่ตรงหน้าตัวเองขึ้นมาดื่มเพราะกระหายน้ำเต็มทน จนกระทั่งเมื่อดื่มไปจนเกือบหมดแก้ว ตาคมถึงเหลือบเห็นโน้ตที่แปะอยู่ข้างแก้ว....
มันมีข้อความเขียนกำกับไว้ด้วยลายมือขยุกขยิกของใครบางคน....
“ชั้นเห็นว่าพี่คงจะเหนื่อยก็เลยคั้นน้ำส้มไว้ให้ค่ะ อาหารเช้าอยู่ที่โต๊ะแล้ว ชั้นคงต้องรีบไปทำงานก่อน ยังไงก็อย่าลืมกินข้าวเช้าด้วยนะคะ ^^”
ท็อปนิ่งไปครู่หนึ่ง ชายหนุ่มกวาดตามองโต๊ะทำงานที่จัดไว้อย่างเป็นระเบียบ ก่อนจะวางแก้วน้ำส้มลงบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นเดินไปที่ห้อง บนเตียงกว้างที่พับไว้อย่างเรียบร้อยนั้นมีชุดสูทที่รีดแล้ววางพาดอยู่ ชเวซึงฮยอนนิ่งไปอีกครั้ง หันไปมองรูปถ่ายของภรรยาที่หัวเตียงด้วยสายตาที่ยากจะหยั่งถึง.....
“ทำไมเธอถึงขยันสร้างภาพนัก....”
เจ้าของร่างสูงตาคมพึมพำเบาๆ ปากเรียวบางเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง ไม่เข้าใจว่าเหตุใดคิมยูบินถึงได้พยายามนักหนาที่จะทำตัวเป็นคนแสนดี ตลอดเวลานับปีที่ผ่านมานี่ ไม่รู้สึกอึดอัดบ้างหรืออย่างไรที่ต้องใส่หน้ากากอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ในยามหลับก็ไม่เว้น.... เธอสร้างภาพได้เนียนเหลือเกินจนมารดาของเขาหลงเชื่อสนิทใจ และเขาก็คงจะเชื่อไปด้วยเหมือนกัน ถ้าไม่เคยรู้นิสัยของเธอมาก่อน....
“แจ....นี่แกซื้อของให้ยูบินอีกแล้วเหรอวะ”
ชเวซึงฮยอนโพล่งถามขึ้นอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นเพื่อนมองสร้อยเพชรในมืออย่างชื่นชม
เขารู้ว่าเพื่อนคนนี้ฐานะทางบ้านร่ำรวยแค่ไหน ทว่าตั้งแต่คบกันมา เขาไม่เคยเห็นแจจุงลงทุนซื้อของมากมายขนาดนี้ให้ใครมาก่อน สร้อยเพชรบ้างล่ะ กระเป๋าบ้างล่ะ เสื้อผ้าบ้างล่ะ.....ทั้งๆที่เขาลือกันไปทั่วว่าพ่อแม่คิมยูบินกำลังถูกฟ้องล้มละลาย แต่แจจุงก็ไม่เคยจะแคร์....ยังคงซื้อของราคาแพงๆ ไปประเคนให้ไม่หยุดไม่หย่อน
เขาไม่ว่าหรอกถ้าเพื่อนจะจีบใคร แต่นี่มันเกินไป.....เด็กคนนั้นยังไม่คบกับแจจุงด้วยซ้ำ.....
ถ้าเกิดคิมยูบินหวังแค่จะ....ปอกลอก....เพื่อนเขาไม่แย่หรือ....
“ก็วันนั้นที่เราไปเดินห้างกัน ชั้นเห็นยูบินมองสองสามครั้งนี่”
คิมแจจุงพูดหน้าตาเฉย....แน่นอนว่าเขาไม่สนใจหรอกว่าใครจะพูดยังไง สำหรับเขามันยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำ สำหรับการซื้อของให้ใครบางคนที่เราชอบมากๆ โดยเฉพาะกรณียูบิน....มากกว่าสร้อยเพชรก็ซื้อให้ได้ ถึงเวลาเอาไปให้แต่ละครั้งต้องเกลี้ยกล่อมอยู่นานกว่าจะยอมรับก็เถอะ....
“ชั้นว่า....แกหลงเด็กคนนี้มากไปแล้วนะ วันไหนโดนหักอกขึ้นมา....”
“เฮ้ย....อย่าพูดแบบนั้นสิวะ ไม่มีวันนั้นหรอกน่า น้องยูบินจะหักอกชั้นทำไม ในเมื่อตอนนี้ก็มีแค่ชั้นที่จีบเค้าคนเดียว อีกอย่าง....เค้าก็ไม่น่าจะมีใครในใจหรอก”
แจจุงพูดพร้อมกับมองสร้อยเพชรด้วยรอยยิ้ม ท่าทางมีความสุขของเพื่อนทำให้ท็อปไม่รู้จะพูดอะไรต่อไป ได้แต่มองเขาด้วยความเป็นห่วง....
และหลังจากนั้นไม่นานนัก....สิ่งที่เขากังวลก็เป็นเรื่องจริงจนได้....
ยูบินไม่มากินข้าวกับพวกเขาอีกเลย....
ภาพของแจจุงที่กลับมาที่หอคืนนั้นเป็นอะไรที่ท็อปจำได้แม่นยำ....เพื่อนเขาร้องไห้...มันเป็นอะไรที่ท็อปไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ... เขาพยายามซักไซ้อยู่หลายครั้งว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แจจุงก็ไม่ยอมพูดอะไรสักคำ เขายังซึมเศร้าเหม่อลอยไปอีกเกือบเดือน กว่าจะกลับมาร่าเริงได้เหมือนปกติ....
ทั้งหมดนี้คงเป็นเพราะใครไปไม่ได้.....
นอกจากผู้หญิงที่สร้างภาพเป็นคนดีคนนี้ ทำเหมือนว่ารักเขาเสียเต็มประดา ทั้งที่จริงไม่เคยมีความรักให้ใครนอกจากตัวเอง....เขาเคยเห็นเธอปอกลอกแจจุงไปมากมาย และรู้ดีว่าตอนนี้เป้าหมายต่อไปก็คือเขาและแม่
เธอไม่ใช่เพชรอย่างที่ซอนเยบอกหรอก.... เขารู้ว่าจริงๆแล้วเธอก็แค่กรวดดีๆนี่เอง
และเขา....จะไม่มีวันหลงใหลไปกับภาพที่เธอสร้างขึ้นมา....เป็นอันขาด....
*
*
*
*
ภายในผับที่มีเพียงแสงสลัวๆของไฟหลากสีวูบวาบไปมา ที่โต๊ะหนึ่งซึ่งค่อนข้างจะเป็นส่วนตัว จียงและเลขาคนสวยของเขากำลังเจรจาธุรกิจอยู่กับผู้ชายท่าทางภูมิฐานอีกคน ซึ่งกำลังอ่านรายละเอียดของเอกสารอยู่ด้วยท่าทางละเอียดถี่ถ้วนราวกับจะไม่ให้ตกไปแม้แต่ตัวอักษรเดียว
มินซอนเยมองไปด้านนอกที่เสียงเพลงดังกระหึ่มเข้ามาถึงข้างในแล้วแอบถอนใจเบาๆ จียงเหลือบมองหญิงสาวแวบหนึ่ง เห็นใบหน้าเป็นกังวลของเธอแล้วก็อดไม่ได้ที่จะกัดด้วยคำพูด
“ทำหน้าเหมือนถูกรถสิบล้อทับมาเลยนะ อย่าบอกเชียวว่าไม่เคยเข้าผับ เพราะถ้าบอก ชั้นจะไม่เชื่อเธอเด็ดขาด”
“ไม่ได้บอกสักหน่อยนี่คะว่าไม่เคยเข้า แค่ไม่อยากกลับดึกเท่านั้นเอง”
มินซอนเยตอบเรียบๆ ไม่แสดงอาการให้จียงรู้ว่าเธอกังวลเรื่องอะไรอยู่ แต่เหมือนอีกคนจะจับพิรุธของเธอได้โดยง่ายดาย....
เขาสู้รบปรบมือกับเธอมาหลายปี ทำไมจะไม่รู้ล่ะว่ายัยเด็กน้ำมูกยืดคนนี้ เวลาโกหกท่าทางจะเป็นอย่างไร....
หน้าเรียบเฉย ไม่ยียวนกวนเบื้องล่างเหมือนเคย....แค่นี้เขาก็รู้ทันเธอแล้ว....
“กลัวต้องกินเหล้าล่ะซี”
คำดักคอของจียงทำให้คนผมสั้นเงียบไป แต่ก็ไม่หลุดคำปฏิเสธออกมาสักคำ....เธอเพิ่งรู้ตัวว่าเป็นคนคออ่อนแค่ไหนก็ตอนไปเรียนเมืองนอกแล้วต้องเลี้ยงสังสรรค์กัน คนอื่นดื่มกันได้ทั้งคืน แต่เธอกินเข้าไปแก้วเดียวเป็นอันว่าจอด....
แต่นี่...จู่ๆไอ้พี่จียงดันพามาเจรจาธุรกิจที่ผับตอนเวลาแบบนี้ซะงั้น.....มีหวังเธอคงหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ไม่ได้แน่ๆ
“แล้วทำไมพี่จียงต้องมาคุยกับลูกค้าในสถานที่แบบนี้ด้วยล่ะคะ เสียงดังแบบนี้มันคงคุยกันรู้เรื่องหรอก”
ร่างบางจิกเขาด้วยคำพูดคืนบ้าง จียงยักคิ้วกวนๆ แบบที่เธอเคยทำ ก่อนจะเปิดฉากสั่งสอนแบบไม่มีเว้นวรรค
“อย่าแสดงความโง่ออกมาให้เห็นบ่อยนักได้มั้ย จะบอกอะไรให้นะ การเจรจาธุรกิจที่ได้ผลดีน่ะ ต้องคุยกันในที่ที่ลูกค้าชอบมากที่สุด อีกอย่างคุณฮัมมิงวานก็เป็นเจ้าของผับหลายสาขาทั้งในและนอกประเทศ ถ้าเราทำให้เค้าพอใจได้ยอดขายของบริษัทเราก็จะพุ่ง”
จียงพูดพร้อมกับยืดตัวนิดๆ ซอนเยเบ้ปากอย่างหมั่นไส้เต็มทน
“ค่ะ คุณนักการตลาดใหญ่....สักวันถ้ามีเจ้าของกิจการดูดส้วมมาติดต่อ พี่จีก็คงต้องไปนั่งช่วยเค้าสูบส้วมก่อนยังงั้นสิเนอะ”
“ยัย....”
จียงตั้งท่าจะด่ากลับ ในขณะที่ซอนเยลอยหน้าลอยตาอย่างท้าทาย แต่ยกสองยังไม่ทันได้เริ่ม ระฆังหมดเวลาก็ดังขึ้นเสียก่อน....
“ขอโทษนะครับ พวกคุณมีรายละเอียดเรื่องการจัดส่งมากกว่านี้มั้ย”
ฮัมมิงวานถามขึ้นด้วยสีหน้าแปลกๆ เมื่อเห็นคู่เจรจาของเขากำลังเงื้อง่าทำท่าจะออกอาวุธใส่กัน มินซอนเยหัวเราะฝืดๆ ก่อนจะจัดแจงส่งเอกสารให้เขาอย่างสุภาพ เป็นเวลาเดียวกันกับที่พนักงานเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟพอดี คนผมสั้นมองน้ำสีอำพันเข้มในขวดแล้วหน้าเสีย...แค่พั้นช์ก็เมาข้ามคืนแล้ว นี่เสิร์ฟเหล้าดีกรีแรงขนาดนี้เลยเหรอ....
“เครื่องดื่มมาพอดีเลย งั้นระหว่างรอพวกคุณก็ดื่มกันไปก่อนแล้วกันนะครับ....คุณผู้หญิงดื่มได้ไหมครับ”
เจ้าของผับวัยกลางคนหันมาถามคุณเลขาคนสวย มินซอนเยยิ้มเฝื่อนๆ มองจียงที่รินเหล้าใส่แก้วให้เธอเสร็จสรรพแล้วหันไปจ้องเขาด้วยสายตาดุเดือด ร่างโปร่งทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ แถมยังหันไปตอบแทนเธอหน้าตาเฉย
“คุณฮัมนี่ไม่รู้ซะแล้วล่ะครับ เลขาของผมเนี่ยคอแข็งยังกับอะไร....เนอะมินมินเน้อ....”
จียงว่าพร้อมกับยกแก้วขึ้นชูด้วยใบหน้ายียวน มินซอนเยขบฟันลงบนริมฝีปาก หันมาฝืนยิ้มให้ลูกค้าก่อนจะหยิบแก้วมาชนกับจียงอย่างเสียมิได้ ชายหนุ่มค่อยๆยกขอบแก้วขึ้นจรดปากแล้วกรอกแอลกอฮอล์เข้าไปราวกับน้ำเปล่า แต่คนที่จำเป็นต้องทำตามถึงกับหลับตาปี๋เมื่อรสขมของมันแล่นผ่านลำคอ จียงไม่รอให้แก้วของซอนเยว่างได้นาน เขารีบเติมน้ำสีอำพันนั้นลงไปในแก้วอีกโดยไม่สนสายตาอาฆาตของเธอเลยสักนิด
ร่างโปร่งรินเหล้าให้ตัวเองบ้างก่อนจะหันมาชูแก้วเข้าหาเธออีกครั้ง ซอนเยเม้มปากแน่น ตอนนี้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่เพิ่งผ่านเข้าร่างกายไปมันยังไม่แสดงออก ทำให้เธอคิดว่าน่าจะกินต่อได้ไหว.....อย่างน้อยจะได้ไม่ต้องทนกับสายตายั่วโมโหแบบนี้ก็แล้วกัน
ร่างบางแข็งใจสาดมันลงลำคอไปอีกแก้ว แต่ทันทีที่วางแก้วลง มันก็กลับมาเติมเต็มด้วยน้ำสีเดิมอย่างว่องไว....จียงอมยิ้มเล็กน้อย ดื่มส่วนของตัวเองอย่างสบายๆ ก่อนจะมองคนผมสั้นที่ตอนนี้กว่าจะละเลียดลงไปได้แต่ละอึกนั้นช่างยากเย็นเหลือเกิน....เป็นเวลาเดียวกันกับที่ลูกค้าคนสำคัญของพวกเขาตัดสินใจได้พอดี
“โอเคครับคุณจียง เป็นอันว่าผมยอมรับข้อตกลงของคุณ งั้นผมจะส่งผู้จัดการไปที่บริษัทของคุณพรุ่งนี้นะครับ”
ชายวัยกลางคนบอกรายละเอียดก่อนจะเซ็นรับรองในเอกสารแล้วยื่นให้ซอนเย หญิงสาวรับมาเก็บไว้ทั้งที่หน้าเริ่มแดงระเรื่อ.... คุณฮัมมิงวานเอื้อมมือไปเช็กแฮนด์กับจียงพร้อมกับเอ่ยคำที่ทำเอาซอนเยแทบทรุด
“งั้นก็เชิญดื่มกันตามสบายเลยนะครับ ทั้งคุณจียงแล้วก็คุณซอนเยด้วย....ผมขอตัวก่อนล่ะครับ”
ซอนเยลุกขึ้นโค้งให้ลูกค้าคนสำคัญ หญิงสาวยิ้มให้เขาจนกระทั่งร่างนั้นลับตาไป ร่างบางก็เซลงไปนั่งอยู่บนโซฟาตามเดิม จียงมองอาการของเธออย่างแปลกใจ
“อย่าบอกนะว่าเมาแล้วน่ะ....เร็วกว่าที่คิดเยอะเลยแฮะ”
ประโยคท้ายจียงพึมพำกับตัวเองเบาๆ มองหญิงสาวเงยหน้าขึ้นยิ้มหวานให้เขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ตอนนี้นอกจากหน้าของซอนเยจะแดงก่ำแล้ว ตาของเธอก็ยังหวานเยิ้มผิดปกติอีกด้วย เรียวปากบางขยับส่งเสียงอ้อแอ้ออกมา
“เปล่าค่ะ...ไม่ได้เมา....ยังมีสติ....ดี....”
ขาดคำยืนยันของซอนเย ร่างของเธอก็ฟุบลงไปนอนบนโซฟาทันที จียงคลายยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ก็นั่นแหละที่เค้าเรียกว่าเมา....หึหึ....ยัยเด็กแสบ....คราวนี้เธอเสร็จชั้นแน่”
*
*
*
ไฟในห้องที่ถูกเปิดขึ้นมาเผยให้เห็นร่างกึ่งผอมกึ่งแข็งแรงของจียงที่ประคองร่างบางของมินซอนเยเข้ามาในห้องอย่างทุลักทุเล เพราะนอกจากหญิงสาวจะไม่ยอมเดินแล้ว ยัยตัวแสบดันแหกปากร้องเพลงลั่นห้องเสียด้วย
“อยู่กันปาย~ ไม่ตายก็ต๊ก....ลงนรกในใจ อึก... เรียกร้องอะไรสักคำไม่ได้....จริงม๊ายยยยย~”
“เออ....แหกปากเข้าไปสิ หอนเข้าไปสิ เอาให้คนแห่มาทั้งคอนโดเลยดีมั้ย...ยัยบ้าเอ๊ย!!”
ควอนจียงบ่นกระปอดกระแปดขณะที่ค่อยๆ วางร่างบางลงบนเตียงอย่างยากลำบาก แต่ในที่สุดมินซอนเยก็ลงไปนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงจนได้ จียงถอนใจเฮือกประหนึ่งยกภูเขาออกจากอก....กว่าจะลากยัยเด็กบ้านี่มาถึงคอนโดได้....เกือบตายแล้วไหมล่ะ
“พี่จีรีบพามินมินกลับทำไมคะ....มินมินยังกินไม่เสร็จเลย...”
เสียงอ้อแอ้จากร่างเล็กทำให้จียงหมั่นไส้....ยังจะถามมาได้นะ ขืนปล่อยให้กินต่อคงไม่ได้เซ็นสัญญาอะไรกันพอดีน่ะสิ แค่สามแก้วเบาะๆยังเมาเละซะขนาดนี้
“กินต่อที่นี่ก็ได้ พี่มีอีกเยอะ”
คนเจ้าเล่ห์เอ่ยล่อใจ มินซอนเยปรือตาขึ้นมองหน้าเขาแล้วยิ้มหวานหยด
“จริงนะ....งั้นก็เอามาเลยค่ะ มินมินยังไม่เมา มินมินกินด๊าย....”
จียงยิ้มมุมปากเล็กน้อย เดินไปหยิบขวดแชมเปญที่หัวเตียง แต่ไม่ได้หยิบมาแค่แชมเปญ เพราะเขาหยิบกระดาษใบหนึ่งติดมือมาด้วย....
ใบทะเบียนสมรสที่เขาสั่งแกมบังคับให้ฮยอนซึงเซ็นมาแล้ว และถ้ายัยเด็กนี่เซ็นลงไปอีกคนก็เป็นอันว่าจบ....เกมส์โอเวอร์!!
“โหย....สุดยอด....พี่จีใจดี๊ใจดีอ่ะ....”
ร่างเล็กชื่นชมเมื่อเห็นจียงเปิดแชมเปญแล้วรินใส่แก้วให้เธอ มินซอนเยลุกขึ้นนั่งแล้วเอื้อมมือจะคว้าแก้ว ทว่าจียงกลับเบี่ยงตัวหนีมือเธอเสียดื้อๆ
“เปลี่ยนใจแล้ว....พี่จีไม่ใจดีแล้ว ทำไมใจร้ายงี้อ่ะ เอาแก้วคืนมินมินมานะ เอาแก้วคืนมา!!!”
คนผมสั้นโวยวายพร้อมตั้งท่าจะงอแง จียงยิ้มมุมปากเล็กน้อย...แหม....นานๆจะเอาชนะยัยเด็กบ้านี่ได้สักที รู้สึกดีชะมัดเลย...
“พี่จะให้หมดขวดนี่เลย ถ้าหนูมินมินเซ็นชื่อตัวเองลงตรงนี้”
ร่างโปร่งพูดพร้อมกับวางกระดาษลงบนมือเธอแล้วส่งปากกาให้ มินซอนเยยิ้มหวาน
“ให้หมดขวดจริงๆนะ.... ”
“แน่น๊อน....พี่ไม่เคยโกงเธออยู่แล้ว”
ควอนจียงพูดหน้าตาเฉย คนผมสั้นยกนิ้วก้อยขึ้นสะบัดๆ
“สัญญา...”
“โอเค สัญญา”
จียงส่งนิ้วก้อยไปเกี่ยวกับเธอทันที มินซอนเยเอียงคอแล้วยิ้มแป้น ก่อนจะหันไปจับปากกาขึ้นมาถือในสภาพที่ยังนั่งไม่ตรงเท่าใดนัก จียงรีบจับมือของเธอให้ตรงตำแหน่งเซ็น เด็กสาวกดปากกาลงไปในกระดาษแล้วเริ่มเซ็น ในขณะที่จียงลุ้นจนตัวโก่ง
“เสร็จแล้วค่า^O^”
น้ำเสียงสดใสของเด็กสาวทำให้จียงยิ้มออก เขารีบรับกระดาษใบนั้นมาดูด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า ในขณะที่ซอนเยเริ่มงอแงขอแชมเปญต่อ จียงมองลายเซ็นของซอนเยแล้วสะดุดกึก....
“แก้วมินมินล่ะ เอาแก้วมินมินมานะ....”
“ยัยเด็กแสบ นี่เธอเซ็นอะไรของเธอ หา!!!”
ร่างโปร่งออกอาการวีนแตก ในขณะที่คนเมายังคงไม่รู้เรื่อง
“ก็ลายเซ็นไงคะ จะให้เซ็นอะไรอีกเล่า~”
“ลายเซ็นบ้าอะไรของเธอถึงมีหู มีตา มีจมูก แถมยังผูกโบว์!! นี่มันมินนี่เม้าส์ชัดๆ!!”
“ก็นั่นแหละลายเซ็นมินมินแหละ เอาแก้วมินมินมาสิ เอาแก้วมินมินมา TOT”
คนผมสั้นยังคงอ้อนวอนขอแต่เรื่องเดิม แต่ตอนนี้พี่จีของเธออารมณ์บูดไปเรียบร้อยแล้ว
“ไม่ให้แล้ว ไม่ต้องกิน!!”
“ถ้ามินมินไม่กินมินมินจะกินอะไรล่า มินมินนอนไม่หลับบบบ TOT”
“เรื่องของเธอสิ ตอนนี้ชั้นอยากนอนหลับมากกกก ชั้นง่วงมากกกก ชั้นเบื่อที่จะอยู่กับเด็กแสบอย่างเธอเต็มทนแล้ว นอนไปเลยนะ แล้วก็เลิกโวยวายสักที ชั้นรำคาญ!!”
จียงพูดรัวเป็นชุดแล้วเดินหนีไปทันที แต่คนเมาตัวแสบยังไม่ยอมเลิกราง่ายๆ เด็กสาวดึงร่างโปร่งสุดแรงจนเขาถลาล้มลงบนเตียง แล้วร่างบางก็พลิกตัวขึ้นมาคร่อมเขาทันที
“พี่จีง่วง....งั้นเรามาทำอะไรแก้ง่วงกันดีมั้ยคะ....ฮิๆ”
“ทะ....ทำอะไรของเธอ ลุกออกไปเดี๋ยวนี้นะ มันหนัก!!!”
จียงวีนใส่อีกรอบพร้อมกับเบือนหน้าหนีรอยยิ้มแสนหวานนั้น ซอนเยประคองหน้าเขาให้กลับมาสบตาเธอเหมือนเดิม จียงจำใจต้องมองดวงตาคู่สวยที่ตอนนี้ไม่เป็นตัวของตัวเองเลย มันจ้องมาที่เขาอย่างหวานเชื่อมจนชายหนุ่มใจเต้นแรงแทบจะระเบิดออกมานอกอก
“ยัยบ้า...นี่อย่าบอกนะว่าเธอ....”
“ฮิๆ”
มินซอนเยหัวเราะคิกคักอีกรอบ จียงมองใบหน้าหวานที่โน้มลงมาใกล้เขาทุกทีแล้วตัวแข็งทื่อ....ริมฝีปากนุ่มๆที่คุ้นชินแนบลงมาอีกครั้ง เรียวลิ้นอุ่นแทรกเข้ามาหาความหวานจากปากของเขาอย่างซุกซน ถ้าความยับยั้งชั่งใจของจียงเป็นเชือกเส้นหนึ่ง ตอนนี้มินซอนเยก็ทำให้มันใกล้จะขาดผึงลงเต็มทนแล้ว....
ร่างบางถอนริมฝีปากออกช้าๆ เอียงคอยิ้มหวานหยดให้เขาอีกครั้ง ในขณะที่ตอนนี้จียงเริ่มจะเบลอเพราะรสจูบแบบเด็กๆนี้เสียแล้ว....
ถึงเขาจะชำนาญเรื่องพรรค์นี้ก็เถอะนะ...
แต่พูดจริงๆเถอะ....ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้เขาหูอื้อตาลายได้เท่ายัยบ้านี่เลย...
“พี่จีนี่น่ารักชะมัดเลย...”
คนผมสั้นงึมงำเบาๆ ก่อนจะโน้มหน้าลงมาจูบเขาต่อ....ในขณะเดียวกันมือเรียวเล็กก็เริ่มจะอยู่ไม่สุข มันเลื้อยลงไปปลดกระดุมเสื้อของจียงทีละเม็ดโดยที่เขาแทบไม่รู้สึกตัวเพราะกำลังถูกริมฝีปากนุ่มเล่นงาน กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อมือเย็นเฉียบข้างนั้นไล้ผ่านหน้าท้องของเขาขึ้นมาจนขนลุกซู่
พอกันที....
ถ้าทนต่อไปได้อีกก็ไม่ใช่ควอนจียงแล้วล่ะ....
มินซอนเยละจูบออกจากริมฝีปากร้อนอย่างอ้อยอิ่ง แต่ร่างโปร่งกลับพลิกตัวขึ้นมาประกบจูบเธอซ้ำอย่างหนักหน่วง จียงกดร่างเล็กให้นอนราบไปกับเตียงก่อนจะเริ่มสอนให้รู้จักว่าจูบที่แท้จริงเป็นอย่างไร ริมฝีปากร้อนละจากเรียวปากของเธอก่อนจะลงมาวนเวียนอยู่ที่ซอกคอขาว...แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรมากไปกว่านั้นร่างเล็กก็นิ่งไปเสียก่อน จียงกะพริบตาถี่ๆ อย่างได้สติ ดีดตัวออกจากคนผมสั้นในทันที
เกือบไป...เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ!!
จียงสูดลมหายใจลึกอย่างตั้งสติ ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจอยู่หลายเฮือกก่อนจะหันไปมองร่างเล็กที่ตอนนี้หลับเป็นตายด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ทว่าริมฝีปากยังแดงจัดเพราะการบดขยี้เมื่อครู่นี้ เสื้อสูทสีครีมกระดุมหลุดลุ่ยจนเห็นบราสีดำรำไร....จียงสะดุ้งเฮือก หันหน้าหนีร่างบางที่อาจจะทำให้เขาตบะแตกได้ทุกเมื่ออย่างรวดเร็ว
“เย็นไว้จี.....เย็นไว้...ห้ามมองอีกเด็ดขาดเลยนะ”
ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมาเหมือนเป็นคำสั่ง ร่างโปร่งเอื้อมมือไปดึงผ้าห่มมาคลุมตัวหญิงสาวไว้โดยไม่หันไปมอง ก่อนจะผ่อนลมหายใจเบาๆด้วยความโล่งอก....ค่อยๆหันไปมองใบทะเบียนสมรสที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยความเซ็งสุดขีด....
นอกจากแผนจะไม่สำเร็จแล้ว เขายังเกือบจะเลื่อนงานแต่งให้เร็วขึ้นซะอีก....
จียงส่ายหัวไปมา หันไปมองร่างเล็กที่ยังหลับไม่รู้เรื่องด้วยความหงุดหงิด
“เพราะเธอคนเดียวยัยเด็กแสบ
.ใครจะไปรู้ว่าเมาแล้วจะหื่นได้ขนาดนี้เนี่ย....”
*
*
*
*
แสงแดดที่ทอผ่านม่านเนื้อหนาเข้ามากระทบเปลือกตาทำให้ร่างบางรู้สึกตัว มินซอนเยบิดกายไปมาด้วยความเมื่อยล้าแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คนตัวเล็กนอนมองเพดานอยู่นานกว่าจะคิดได้ว่าเมื่อคืนไปทำอะไรมาถึงได้ปวดไปทั้งตัวแบบนี้....
เป็นเพราะเหล้านั่นแน่ๆ....
หญิงสาวพยายามลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล ร่างบางเซเล็กน้อยกว่าจะตั้งตัวได้ สายตาคู่สวยพุ่งตรงไปที่โซฟามุมห้องทันที...ผู้ชายผมบลอนด์ในชุดเสื้อกล้ามสีขาวตัวเดียวกำลังหลับสนิทอยู่ที่นั่น.....มินซอนเยทำหน้าตาตื่น หันกลับมาสำรวจตัวเองอย่างรวดเร็ว....
โอเค...โอเค...
แค่กระดุมเสื้อหลุดไปสองสามเม็ดแค่นั้น....ไม่มีอะไรใช่มั้ย....
คนผมสั้นยืนวิตกกังวลอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเดินไปคุกเข่าลงข้างๆโซฟาเพื่อสำรวจร่างโปร่งบ้าง....กางเกงตัวเดิมของเมื่อคืนนี้นี่นา สงสัยเมื่อคืนคงจะมีมึนๆเหมือนกันสินะ แต่ก็ไม่น่าเชื่อเลยว่าคาสโนว่าอย่างเขาจะไม่ล่วงเกินเธอทั้งที่มีโอกาส...จะบอกว่าเป็นเพราะไม่ชอบเธอมันก็จริงอยู่ แต่อย่างน้อยเขาก็ยังเป็นสุภาพบุรุษอยู่เหมือนกัน ถึงจะวีนๆเหวี่ยงๆแบบนี้ก็เถอะ....
มินซอนเยมองใบหน้าคมที่ตอนนี้หลับสนิทแถมเผยอปากนิดๆ ด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้น จะว่าไปแล้วนอนนิ่งๆแบบนี้ก็ดูดีเหมือนกันนะ....มันทำให้เธอคิดถึงสมัยเด็กที่เธอเห็นรูปของเขาแล้ววาดฝันว่าคู่หมั้นของเธอคนนี้ต้องน่ารักมากแน่ๆ แต่พอได้เจอตัวจริงความประทับใจมันก็หายวับไปกับตาเสียอย่างนั้น.....
อาจเป็นเพราะในสายตาของเขาเธอไม่เคยมีค่าด้วยล่ะมั้ง...เธอถึงอยากเอาชนะมากขนาดนี้.....
ร่างบางลุกขึ้นยืนแล้วก้าวขาจะตรงไปที่ห้องน้ำ แต่แล้วสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกขยำทิ้งอยู่บนพื้น มินซอนเยคว้ากระดาษใบนั้นมาคลี่อ่าน ก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะค่อยๆเบิกกว้างขึ้นทีละน้อย
ใบทะเบียนสมรส!!!
เซ็นชื่อจางฮยอนซึงไว้เรียบร้อย แต่อีกช่องหนึ่งกลับกลายเป็นรูปวาดมินนี่เม้าส์ขยุกขยิก....นี่อาจจะเป็นลายมือเธอก็ได้....แล้วเธอจะไปเซ็นตอนไหนได้ล่ะ ถ้าไม่ใช่เมื่อคืนนี้ ตอนที่เธอเมา!!
อย่าบอกนะว่า....วางแผนเอาไว้อีกแล้ว....
มินซอนเยขยำกระดาษทิ้งแล้วปาลงมุมห้องด้วยความหงุดหงิด ตาคู่สวยหันขวับไปมองร่างโปร่งบนโซฟาด้วยความขุ่นมัวในอารมณ์.....
“ทำให้รู้สึกดีๆได้ไม่นานอีกแล้วนะคะ ไอ้พี่จียง!”
*
*
*
*
ความคิดเห็น