คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 7 ผลักไส?
เช้าแล้ว....
แม้ว่าเมื่อคืนยูบินจะเข้านอนเกือบสว่าง เพราะหลังจากกลับงานเลี้ยงก็ต้องไปช่วยเพื่อนๆ เก็บของที่ร้านแทยังอีกนาน แต่เธอก็ยังคงดำเนินกิจวัตรประจำวันตามปกติ ตื่นแต่เช้า แต่งตัว และไปทำงาน...เพียงลำพัง...
ตึก...ตึก....
ร่างบางที่เดินลงบันไดมาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นใครบางคนนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะอาหาร บนโต๊ะด้านหน้าของเขามีกาแฟที่พร่องไปเล็กน้อยวางอยู่ คิมยูบินคลายยิ้มออกมาอย่างดีใจ...
“เมื่อคืนพี่ท็อปนอนที่ห้องรับแขกเหรอคะ”
คนผิวแทนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส....เป็นปกติอยู่แล้วที่ท็อปจะไม่ค่อยกลับบ้าน หรือไม่ก็กลับเสียดึกดื่น...และถ้าคืนไหนกลับดึกท็อปก็จะนอนที่ห้องรับแขกเสมอ เมื่อคืนนี้คงเป็นอีกคืนที่เขานอนที่นั่น....
“เมื่อคืนชั้นนอนที่คอนโดแทฮรา”
ร่างสูงพับหนังสือพิมพ์ลงพร้อมกับตอบเสียงเรียบสนิท...ยูบินนิ่งไป ใจที่มันด้านชาเจ็บขึ้นมาแวบหนึ่ง....ก่อนที่ใบหน้าสวยจะส่งยิ้มออกมาเหมือนเคย...
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวชั้นทำอาหารเช้าให้นะคะ”
ร่างบางเอ่ยแล้วทำท่าจะเข้าไปในห้องครัว ถ้าไม่ติดว่าเสียงทุ้มนั้นดังขึ้นเสียก่อน
“ไม่ต้อง....ชั้นไม่ได้อยากกิน ที่ชั้นมาเพราะมีข้อเสนอ”
“อะไรนะคะ?”
ยูบินถามซ้ำอย่างงงๆ เจ้าของร่างสูงตาคมไม่ตอบอะไร แต่เลื่อนซองสีน้ำตาลที่วางบนโต๊ะไปไว้ตรงหน้าเธอแทน
“เปิดดูสิ”
คนผิวแทนสบตาคมอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ยอมเปิดอ่านแต่โดยดี....ในซองสีน้ำตาลนั้นมีกระดาษสีขาวอยู่หนึ่งแผ่น และพอยูบินอ่านหัวกระดาษได้ชัดเจน ใจของเธอก็กระตุกวูบ
ใบหย่า....
“ชั้นเซ็นชื่อไว้แล้ว เหลือแต่ของเธอ”
ชเวซึงฮยอนพูดเสียงเรียบพร้อมกับยกกาแฟขึ้นจิบอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ในขณะที่คิมยูบินตอนนี้ รู้สึกเหมือนถูกเหยียบหัวใจแล้วขยี้...ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...
“ท...ทำไมคะ....ทำไมจู่ๆถึงได้...”
“ชั้นไม่ได้บังคับให้เธอเซ็น แต่ชั้นมีข้อเสนอที่เธออาจจะพอใจ”
ท็อปขัดขึ้นเรียบๆ สบตาคู่สวยของภรรยาด้วยแววตาเย็นชา...คิมยูบินรู้สึกร้อนผ่าวที่หัวตาขึ้นมากะทันหัน...
ข้อเสนอ...
หมายความว่าอะไร....
“คนที่ชื่อแทยัง...ชั้นรู้ว่าไม่ได้เป็นแค่เพื่อนเธอ บางทีถ้าเธออยากจะคบกับเค้าให้เป็นเรื่องเป็นราว ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ ชั้นก็พอจะช่วยได้ แค่เธอเซ็นแล้วออกไปจากชีวิตชั้นซะ ชั้นจะให้เงินเธอไปก้อนหนึ่ง.....จำนวนเท่าไหร่ก็ได้ตามที่เธอต้องการ”
คำพูดยาวผิดปกติจากร่างสูงทำให้ยูบินวางใบหย่าลงที่เดิม น้ำตาเริ่มคลอดวงตาของเธอ...แต่หญิงสาวก็พยายามอย่างหนักที่จะฝืนไม่ให้มันไหลออกมา...
“ชั้นไม่ได้ต้องการเงินหรอกค่ะ.....อีกอย่าง...ชั้นกับแทยังก็เป็นแค่เพื่อนกัน”
“สรุปว่าไม่หย่าสินะ”
ท็อปขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาเช่นเดิม ยูบินไม่ตอบอะไร แต่มองดวงตาว่างเปล่าของเขาอย่างพยายามทำความเข้าใจ....
อยากจะเข้าใจว่าทำไม...
ทำไมต้องผลักไสไล่ส่งเธอขนาดนี้ด้วย....
“ชั้นคิดแล้วว่าคนอย่างเธอคงไม่ยอมรับง่ายๆหรอก...เงินที่ชั้นจะให้คงน้อยไป เธอคงคิดไว้แล้วสินะว่าสมบัติของแม่ชั้นมันมากกว่านั้นเยอะ อีกอย่างชั้นก็ฟ้องหย่าเธอเรื่องชู้ไม่ได้ เพราะแม่ชั้นค้ำคออยู่ทั้งคน”
น้ำเสียงที่เคยราบเรียบตอนนี้เจืออาการเสียดสีประชดประชันมาอย่างเต็มที่..คนผิวแทนไม่ตอบอะไร ทำได้เพียงเมินหน้าหนีแววตาดูถูกของเขาอย่างทรมาน....
น้ำตาที่กลั้นไว้....มันไหลลงมาแล้ว.....
ชเวซึงฮยอนมองน้ำตานั้นอย่างไร้ความรู้สึก เพราะที่ผ่านมา ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีหรือถ้อยคำที่ร้ายกาจแค่ไหน ก็ได้คำตอบกลับมาแค่นี้อยู่ดี...
แค่น้ำตา....มารยาผู้หญิง....
เล่ห์กลเดิมๆ ที่หวังให้เขารู้ไม่เท่าทัน....
ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินออกไปโดยไม่สนใจจะเข้ามาปลอบโยนเธอ แต่แล้วร่างสูงก็หยุดยืนที่หน้าประตู ก่อนจะเอ่ยขึ้นสั้นๆ หากแต่บาดลึกเข้าไปในหัวใจของคนที่ได้ฟัง....
“ที่จริงชั้นพูดคำนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ชั้นก็หวังว่าครั้งนี้เธออาจจะเข้าใจ...ช่วยไปจากชีวิตชั้นสักทีเถอะ....ชั้นขอร้อง....อย่าทำให้ชั้นรังเกียจเธอไปมากกว่านี้เลย”
*
*
*
“หวัดดีจ้ะฮยอนซึง เจ้านายเรายังไม่มาอีกเหรอ จะเที่ยงแล้วนะเนี่ย”
เสียงสดใสที่ดังมาก่อนตัวนั้นทำให้จางฮยอนซึงเงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือนอย่างดีใจ คนผมสั้นในชุดทำงานสบายๆยืนส่งยิ้มให้เขาพลางวางกระเป๋าลงบนโต๊ะทำงานอีกตัวที่อยู่ติดกัน
“ยังเลยครับ สงสัยเมื่อคืนจะนอนดึกไปหน่อย วันนี้พนักงานก็ลากันหลายคน ผมก็นึกว่าคุณมินมินจะไม่มาซะแล้ว”
“ไม่มาไม่ได้หรอก เดี๋ยวเค้าตัดเงินเดือน”
ร่างเล็กทำท่ากระซิบกระซาบเหมือนพนักงานนินทาเจ้านาย ทำเอาฮยอนซึงอดหัวเราะไม่ได้ เขาเคยได้ยินจากเจ้านายมาบ่อยๆ ว่าผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจ แต่ที่เขาเห็นอยู่ทุกวันนี้มันไม่ใช่อย่างที่ว่าเลยสักนิด อันที่จริงเขาก็ยังไม่เคยเห็นเธอร้ายกาจกับใครนอกจากเจ้านายของเขาเอง....
แต่ก็ไม่เห็นแปลกอะไรเลยนี่นา ในเมื่อซอนเยเป็นคู่หมั้น แถมเจ้านายตัวดีของเขาก็ขึ้นชื่อเรื่องเจ้าชู้เป็นที่สุด...มันก็ต้องมีเล่นบทโหดกันบ้างแหละ....
“เมื่อวันก่อนนายบอกว่าจะสอนชั้นเข้าโปรแกรมของบริษัทไม่ใช่เหรอ สอนตอนนี้เลยก็ดีเหมือนกันนะ”
“อ๋อ ครับ งั้นเดี๋ยวผมเข้าให้ดูนะครับ”
เลขาหนุ่มพูดพร้อมกับกุลีกุจอเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา ซอนเยเลื่อนโต๊ะไปนั่งข้างเขาพร้อมกับดูการทำงานอย่างตั้งอกตั้งใจ ทั้งสองคนจับจ้องแต่จอคอมพิวเตอร์จนไม่รู้เลยว่า “เจ้านาย” เดินมาถึงหน้าห้องแล้ว...
จียงมองเลขาหนุ่มจอมซื่อกับคู่หมั้นของเขาอย่างแปลกใจ.....ทำอะไรกัน...ทำไมต้องนั่งชิดกันขนาดนั้น หัวจะชนกันอยู่แล้วมั้งเนี่ย...
“ฮยอนซึง”
“อ้าว...เจ้านาย มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
ฮยอนซึงทักทายเจ้านายด้วยรอยยิ้มเหมือนทุกวัน ในขณะที่ซอนเยส่งยิ้มเชือดเฉือนให้คู่หมั้น
“อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่จียง เมื่อคืนหลับฝันดีมั้ยคะ^O^”
“ชั้นหลับฝันดีหรือเปล่ามันเกี่ยวอะไรกับเธอ”
คุยกันได้เพียงไม่กี่ประโยค คนผมสีทองก็เริ่มเปิดศึกทันที ทว่าคู่กรณีไม่เดือดร้อนตามไปด้วยแม้แต่น้อย เธอยังคงส่งยิ้มหวานให้เขาได้เหมือนเคย
“มินมินก็แค่เป็นห่วงน่ะค่ะ กลัวว่าเมื่อคืนจะไม่ได้นอนเพราะต้องใช้แอลกอฮอล์ล้างปากทั้งคืน ถ้าขยะแขยงจนทนไม่ไหวจริงๆ ใช้น้ำยาล้างห้องน้ำเลยก็ดีเหมือนกันนะคะ ^O^”
“ยัยบ้า!”
จียงเน้นเสียงหนักจนฮยอนซึงสะดุ้ง ร่างสูงเดินฉับๆเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูดังปังให้เลขาหนุ่มสะดุ้งอีกรอบ ในขณะที่ตัวต้นเหตุกลับไม่สะทกสะท้านอะไรเลยแม้แต่น้อย
“สอนต่อเลยจ้ะฮยอนซึง กำลังสนุกเลย^^”
“ได้ครับ”
ฮยอนซึงยิ้มตอบรอยยิ้มน่ารักๆนั้นโดยอัตโนมัติ ร่างสูงขยับจะกลับมาประจำตำแหน่งที่หน้าคอม แต่เสียงดุๆ จากคนอารมณ์เสียในห้องลอยมาขัดเสียก่อน
“ฮยอนซึง มานี่หน่อยซิ!”
*
*
*
“เจ้านายเรียกผมมาทำไมครับ”
ฮยอนซึงถามซื่อๆ ในขณะที่นั่งเรียบร้อยอยู่ต่อหน้าเจ้านาย ร่างสูงที่นั่งพิงพนักเก้าอี้อยู่ไม่ตอบอะไร แต่ใช้สายตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำเอาฮยอนซึงต้องมองดูตัวเองบ้างอย่างไม่เข้าใจ
“จะว่าไปนายก็หล่อดีนะ...”
“ทำไมครับ...อย่าบอกนะว่าเจ้านาย...ชะ....ชอบผม....”
เลขาหนุ่มหน้าหวานถามด้วยสายตากลัวๆ ทำเอาจียงต้องโบกมือไปมา
“ไม่ใช่ ชั้นไม่นิยมไม้ป่าเดียวกันหรอกน่า....”
“แล้วทำไมจู่ๆถึงชมผมล่ะครับ”
ฮยอนซึงถามด้วยสายตาอยากรู้จริงๆ จียงมองหน้าเขานิ่งแล้วเอ่ยขึ้นหน้าตาเฉย
“นายชอบยัยนั่นใช่มั้ย”
“จ....เจ้านายว่าไงนะครับ”
“ชั้นถามว่านายชอบยัยเด็กนั่นใช่หรือเปล่า มินซอนเยน่ะ”
จียงถามย้ำพร้อมกับจ้องหน้าผู้เป็นเลขา ที่ตอนนี้แก้มป่องๆของเขาเริ่มจะขึ้นสีแดงระเรื่อ เหงื่อแตกพลั่กราวกับผ่านการวิ่งมาราธอนมาหลายกิโลเมตร
“จะบ้าเหรอครับ ผะ...ผมจะไปชอบคุณมินมินได้ไง เธอเป็นคู่หมั้นเจ้านายนะครับ ผะ..ผมจะไปคิดยังงั้นได้ไง ผะ...ผมแค่เห็นว่าเธอน่ารักแล้วก็อัธยาศัยดีเท่านั้นเองครับ”
พอเริ่มโกหก ฮยอนซึงก็เริ่มพูดติดอ่างทันที อาการปฏิเสธพัลวันแต่ไม่ยอมสบตาของเลขาผู้ใสซื่อทำให้จียงคลายยิ้มออกมาอย่างรู้ทัน
“ชั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรนายสักหน่อย แค่ถามไว้เฉยๆ แต่ถ้านายชอบจริงๆก็....จีบได้เลยนะ”
“ห๊ะ!! ว่าไงนะครับ??”
ฮยอนซึงเงยหน้าขึ้นจ้องหน้าคมอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง จียงยิ้มเจ้าเล่ห์..
“ถ้าเกิดนายชอบเค้าก็จีบได้เล้ย ตามสบาย เดี๋ยวชั้นช่วยเป็นพ่อสื่อให้ ^^”
“ทำไมล่ะครับ ก็คุณมินมินเป็นคู่หมั้น....”
“เอาเหอะน่า...”
จียงลุกขึ้นตบบ่าลูกน้องพร้อมกับเอ่ยต่อราวกับเจ้านายที่ใจดีเหลือเกิน
“ชั้นก็แค่เห็นว่าเหมาะสมกันดีก็เลยเชียร์ไง....อีกอย่างน้า ถ้าพวกนายรักกันจริงๆ ชั้นก็ไม่อยากไปขวางทางรักหรอก มันบาป~”
“ตะ...แต่ว่าผม...”
“ไม่ต้องแต่หรอก เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า มามะ”
จียงรวบรัดตัดความเสร็จก็ลากฮยอนซึงที่ตอนนี้เหงื่อกาฬแตกพลั่กออกมานอกห้องพร้อมกับเรียกชื่อคู่หมั้นอย่างอ่อนหวาน
“หนูมินมิน กินข้าวเที่ยงหรือยังจ๊ะ ^O^”
ซอนเยที่กำลังจดจ้องคอมพิวเตอร์อยู่หันมามองเขาอย่างแปลกใจ ตาคู่สวยมองรอยยิ้มที่หวานปานน้ำเชื่อมของเขาอย่างประเมินสถานการณ์ ก่อนจะยิ้มตอบเล็กน้อย
“ทำไมคะ พี่จีจะชวนมินมินไปกินข้าวเหรอ”
“ไม่ใช่พี่หรอก ฮยอนซึงต่างหากล่ะ^O^”
จียงพูดพร้อมกับผลักฮยอนซึงไปหาร่างบาง เลขาหนุ่มเบรกตัวเองหัวเกือบทิ่ม เขาเงยหน้าขึ้นยิ้มให้ซอนเยอย่างฝืดเฝื่อนเต็มที ในขณะที่หญิงสาวหรี่ตาลงเล็กน้อย มองร่างสูงของคู่หมั้นที่เดินมายัดนามบัตรใส่มือฮยอนซึงด้วยสายตาเคลือบแคลง
“นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว ไปกินข้าวกันดีกว่านะ นี่ที่อยู่ร้านประจำของชั้น บอกเค้าว่านายเป็นเลขาชั้นเค้าจะลดราคาให้นายเป็นพิเศษเลย รีบไปด้วยล่ะ เดี๋ยวร้านจะปิดซะก่อน”
จียงสั่งฮยอนซึงเสร็จสรรพก็หันมาที่คู่หมั้นที่ยังยืนนิ่งอย่างตั้งตัวไม่ทันกับการรุกของเขา ชายหนุ่มหยิบกระเป๋าสะพายสีฟ้าของเธอมายื่นให้ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อนหวาน
“นี่กระเป๋าจ้ะหนูมินมิน กินให้อร่อยนะ^^”
“
ค่ะ”
ซอนเยพยักหน้ารับเบาๆ หญิงสาวรับกระเป๋ามาก่อนจะเดินไปหาฮยอนซึงที่ยืนเอ๋ออยู่ คนผมสั้นยิ้มให้เขาบางๆ
“ไปเถอะฮยอนซึง ชั้นกำลังหิวอยู่พอดี”
“เอ่อ.....ครับ งั้นไปรถผมนะครับ”
ฮยอนซึงพูดเขินๆ เดินนำหญิงสาวไปที่ลิฟต์ ในขณะที่มินซอนเยยังหันมามองว่าที่คู่หมั้นด้วยแววตาสงสัย....เขายังยืนส่งยิ้มให้เธออยู่ที่เดิม จนกระทั่งลิฟต์ปิดลง มินซอนเยก็ยังอ่านเกมไม่ออกว่าเขาจะมาไม้ไหน
จียงกระตุกยิ้มมุมปากนิดๆ ชายหนุ่มมองประตูลิฟท์ที่ปิดลงไป ก่อนจะพึมพำด้วยรอยยิ้มมุมปากแบบเดียวกับที่ซอนเยเคยใช้ไม่มีผิด
“คราวนี้ตาชั้นบ้างล่ะนะ ยัยเด็กแสบ...”
*
*
*
“ทำไมวันนี้เธอพาพวกเรามาไกลจังเลยล่ะจีฮยอน”
หญิงวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานเอ่ยถามขึ้นมาอย่างสงสัย คนอื่นๆ เสริมอย่างเห็นด้วย
“นั่นสิ ปกติเธอไม่ชอบกินอาหารฝรั่งไม่ใช่เหรอ”
“พอดีเจ้าลูกชายตัวดีเพิ่งโทรมาบอกว่าได้ส่วนลดที่ร้านนี้น่ะ เห็นบอกว่าจะหมดเขตเร็วๆนี้ ชั้นก็เลยใช้สักหน่อย”
ควอนจีฮยอนพูดพร้อมกับยิ้มให้เพื่อนๆด้วยสีหน้าอารมณ์ดี....ก็นานๆทีจียงจะรู้ใจเธอแบบนี้นี่นา อยู่ดีๆก็สรรหาส่วนลดร้านอาหารมาให้แม่ สงสัยจะเอาใจเพราะกลัวยกมรดกให้หนูมินมินคนเดียว...
“ลูกชายเธอก็น่ารักดีนี่นา ไม่เห็นจะหัวแข็งแบบที่เธอว่าเลยนะ ขนาดลูกชายที่ว่าดื้อยังน่ารักขนาดนี้ แล้วว่าที่ลูกสะใภ้ที่เธอชมนักชมหนาจะดีขนาดไหนเนี่ย”
“สักวันชั้นจะพามาแนะนำให้รู้จัก รับรองว่าพวกเธอต้องชอบ ความน่ารักของตาจีมีเท่าไหร่ หนูมินมินมีมากกว่าแบบเอาคูณไปอีกร้อยเท่าเลยล่ะจ้ะ”
หญิงวัยกลางคนพูดด้วยแววตาปลาบปลื้ม แต่แล้วเธอก็ต้องหยุดชะงักเพราะมองไปเห็นโต๊ะหนึ่งที่อยู่กลางร้าน...
นั่นมันหนูมินมินนี่นา...ทำไมมากินข้าวกับตาเลขาฮยอนซึงได้ล่ะ...
“นั่งโต๊ะโน้นดีมั้ยจีฮยอน”
“โต๊ะนั้นก็ได้ งั้นเดี๋ยวพวกเธอสั่งอาหารกันไปก่อนแล้วกันนะ ชั้นมีธุระต้องไปทำนิดหน่อย”
จีฮยอนพูดพร้อมกับเดินไปที่โต๊ะนั้นอย่างร้อนใจ...ในหัวคิดฟุ้งซ่านไปกันใหญ่...ถ้าหนูมินมินเกิดชอบความใสซื่อของฮยอนซึงขึ้นมาล่ะ...ลูกชายตัวดีของเธอยิ่งทำตัวไม่ค่อยจะน่ารักอยู่ด้วย...
หากซอนเยกับฮยอนซึงเกิดชอบกันขึ้นมาจริงๆ...เธอต้องเสียลูกสะใภ้คนโปรดคนนี้ไปแน่ๆ.....
ไม่มีทาง
.เธอไม่มีวันยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเป็นอันขาด!!!
“หนูมินมิน”
คำทักทายจากสตรีท่าทางภูมิฐานที่เดินมาหยุดที่โต๊ะทำให้ฮยอนซึงเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะหน้าเจื่อนลงไปกะทันหัน....ต่างกันโดยสิ้นเชิงกับมินซอนเยที่ยิ้มกว้างให้จีฮยอนอย่างดีใจ
“อ้าว คุณแม่ มากินมื้อเที่ยงที่นี่เหมือนกันเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ....แล้วหนูมินมินล่ะจ๊ะ ทำไมถึงได้มากับ...”
“พี่จีบอกให้มากับฮยอนซึงน่ะค่ะ ทำไมเหรอคะคุณแม่”
ซอนเยถามด้วยแววตาสงสัย ในขณะที่จีฮยอนหันไปมองฮยอนซึงที่ส่งยิ้มฝืดเฝื่อนกลับมาให้เธอ หญิงวัยกลางคนหรี่ตาเล็กน้อยก่อนจะตอบเสียงต่ำผิดปกติ
“ตาจีเอาบัตรส่วนลดของร้านนี้มาให้แม่น่ะ....บอกว่าจะหมดเขตเร็วๆนี้....”
“พี่จีเนี่ยเหรอคะ?”
ซอนเยทวนคำอย่างแปลกใจ ร่างบางนิ่งไปพักหนึ่งอย่างเริ่มเข้าใจในสิ่งที่จีฮยอนพยายามบอก...
จียงกะจะจับคู่ให้เธอกับฮยอนซึง โดยให้แม่ของเขาเห็นกับตาอย่างนั้นสินะ....
“คุณเลขาจาง”
“คะ...ครับ”
ฮยอนซึงสะดุ้งเฮือกเมื่อเจ้าของบริษัทตัวจริงเรียกชื่อเขาเสียงเครียด ควอนจีฮยอนเอ่ยถามเสียงเรียบแต่แฝงไว้ด้วยความน่ากลัว
“เจ้านายเธอ...สั่งอะไรเธอมาหรือเปล่า”
“ปะ...เปล่าครับ ไม่ได้สั่งอะไรเลย แค่สั่งให้มาทานข้าวครับ”
เลขาจอมซื่อตอบตะกุกตะกักทั้งที่ไม่กล้าสบตา เพราะถ้าเขาเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับท่านประธานตัวจริงเมื่อไหร่ล่ะก็....เรื่องที่จียงบอกไว้ได้พรั่งพรูออกมาหมดแน่ๆ...
เรื่องที่บอกว่า ‘จีบคุณมินมินได้ตามสบาย’ นั่นแหละ....
“เฮอะ....คาดคั้นยังไงก็คงไม่บอกสินะ ช่างเถอะ งั้นแม่ไม่กวนแล้วนะจ๊ะหนูมินมิน เพื่อนแม่รอแม่อยู่โต๊ะโน้นแน่ะ”
จีฮยอนหัวเราะในคออย่างรู้ทันก่อนจะหันมาพูดกับซอนเยด้วยน้ำเสียงเอ็นดู มินซอนเยสบตาหญิงวัยกลางคนพร้อมกับพยักหน้ายิ้มๆ รู้กันแล้วว่าแผนนี้ของจียงล่มแบบไม่เป็นท่า....
“อ้อ...แล้วก็ฝากไปบอกเจ้านายเธอด้วยนะว่าจะหลอกตัวแม่อย่างชั้นต้องใช้แผนสูงกว่านี้หน่อย....อย่าเล่นมุกตื้นๆแบบนี้อีก”
“คะ....ครับ”
ฮยอนซึงรับคำแบบติดอ่างเพราะสายตาของจีฮยอนจ้องจิกเขาราวกับว่าเป็นจียงยังไงยังงั้น ซอนเยอมยิ้มอย่างขำๆ ในท่าทางหวั่นเกรงของเลขาหนุ่ม ในขณะที่จีฮยอนเดินกลับไปที่โต๊ะด้วยความคิดอะไรบางอย่างที่จุดประกายขึ้นมาในหัว
หาทางผลักไสหนูมินมินดีนักใช่ไหม....
ถ้างั้นก็ได้เลย....
“ต่อไปตาแม่ล่ะนะ....ไอ้ลูกชายตัวดี....”
*
*
*
“ฮะ ถึงแล้วฮะ แล้วนี่แม่จะไปกี่วันล่ะฮะ ไม่เห็นบอกผมล่วงหน้าเลย”
จียงกรอกเสียงใส่โทรศัพท์ทั้งที่ยังหนีบมันไว้ด้วยบ่ากับหูตัวเอง ในขณะที่มือทั้งสองข้างวุ่นวายกับการปิดประตูรถแล้วหยิบกระเป๋าในรถออกมาถือ เสียงปลายสายตอบกลับมาอย่างร่าเริง
(ไปวันเดียวเท่านั้นแหละจ้ะ เสร็จงานแล้วแม่ก็จะพักที่นี่สักคืนแล้วค่อยกลับพรุ่งนี้เช้า)
“งั้นแค่นี้ก่อนนะฮะ”
(จ้ะ ดูแลกาโฮดีๆนะลูกนะ)
จียงมองปลายสายที่ตัดไปอย่างสงสัยในความร่าเริงของแม่ ทั้งที่ได้เห็นซอนเยไปกินข้าวกับฮยอนซึงสองต่อสองแท้ๆ กลับไม่โวยวายอะไร แถมยังเดินทางไปงานแต่งญาติที่ต่างจังหวัดเสียอย่างนั้น
ที่สำคัญ อารมณ์ดีถึงขนาดเอากาโฮมาให้เขาถึงคอนโดอีกต่างหาก...
ปกติถ้าแม่เขาไม่อยู่ เขาต้องไปดูแลกาโฮที่บ้านเองนี่นา..
แต่มันก็คง...ไม่มีอะไรหรอกมั้ง...
ร่างโปร่งปัดความคิดไปจากสมองพร้อมกับเปิดประตูเข้าไปในห้อง ชายหนุ่มขมวดคิ้วทันทีที่เห็นทั้งห้องเปิดไฟไว้สว่างโร่ บนโซฟามีเจ้ากาโฮหมาหน้าย่นตัวโปรดของเขากำลังเล่นอยู่กับพุดเดิ้ลหูสีชมพูอีกตัวบนโซฟา ที่ร้ายไปกว่านั้นคือ เจ้าของพุดเดิ้ลตัวนั้นก็นั่งอยู่ด้วย...
“เธอเข้ามาที่นี่ได้ยังไง!!”
เสียงที่เข้มจนเกือบเป็นตะคอกทำให้คนผมสั้นที่กำลังหยอกล้อกับหมาทั้งสองตัวหันมามองเจ้าของเสียง และพอเห็นเจ้าของเรือนผมสีทองเกือบขาวกำลังทำหน้ายักษ์ใส่เธอมินซอนเยก็ขมวดคิ้วเข้าหากันโดยอัตโนมัติ
“พี่จี มาที่นี่ได้ไงคะ?”
“ทำไมจะมาไม่ได้ ก็นี่มันคอนโดชั้น เธอต่างหากกล้าดียังไงเข้ามาแบบไม่ขออนุญาตเจ้าของห้องแบบนี้”
“คุณแม่บอกว่าจะไปงานแต่งงาน ก็เลยฝากให้มินมินมาดูแลกาโฮให้วันนึงน่ะค่ะ ท่านให้คีย์การ์ดคอนโดนี้มา แต่มินมินไม่รู้หรอกนะว่าเป็นของพี่จี”
ซอนเยเล่าความจริงทุกอย่างในขณะที่เอื้อมมือไปลูบหัวกาโฮเล่น จียงแค่นหัวเราะเบาๆ ทำหน้าตาไม่เชื่อถือ
“ชั้นไม่เชื่อหรอกว่าคนอย่างเธอจะไม่รู้ เธอกับแม่ต้องวางแผนกันมาก่อนแน่ๆ คิดว่าจะให้ชั้นอยู่กับเธอสองต่อสองแล้วรวบหัวรวบหางชั้นล่ะสิ”
“เฮ่อ”
มินซอนเยถอนใจหนักๆ พร้อมมองชายหนุ่มรูปหล่อตรงหน้าตัวเองด้วยสายตาชนิดหนึ่งที่ทำให้เขาร้อนตัว
“ถอนใจแบบนั้นหมายความว่าไง”
“หมายความว่ามินมินเบื่อคนหลงตัวเองน่ะสิคะ”
หญิงสาวลุกขึ้นกระแทกเสียงใส่หน้าเขา จียงจ้องตาคู่สวยนั้นอย่างไม่ยอมแพ้
“จะไม่ให้ระแวงยังไงไหว ขนาดอยู่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังกล้าลวนลามชั้นเลย นี่อยู่กันสองต่อสอง ชั้นไม่ต้องอาบแอลกอฮอล์หมดทั้งตัวหรือไง”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ มินมินไม่ทำอะไรพี่หรอก เพราะถ้าไม่มีคนเห็นทำไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่เอ...อันที่จริงแล้วมินมินควรจะภูมิใจสิเนอะ เพราะผู้หญิงที่เข้ามาห้องนี้ได้น่าจะไม่รอดกลับไปสักคน สงสัยมินมินจะเป็นคนแรก ^^”
“เธอแน่ใจได้ยังไงว่าจะรอด...เป็นคนแรก”
จียงขู่สำทับพร้อมกับจ้องใบหน้าสวยอย่างมีเลศนัย ซอนเยจ้องตาคมแล้วยักไหล่หนึ่งที เธอไม่กลัวเรื่องที่เขาขู่สักนิด เพราะรู้ดีว่าถ้าเกิดจียงทำอะไรเกินเลยกับเธอ เขาจะต้องแต่งงานแบบไม่มีทางหลีกเลี่ยง ซึ่งคนอย่างจียงไม่ยอมปล่อยให้เป็นแบบนั้นแน่ๆ....
“มินมินมั่นใจก็แล้วกันค่ะ...พี่จีหุบปากไปก่อนก็ดีเหมือนกันนะคะ มินมินจะได้เอาเวลามาให้อาหารหมา ท่าทางจะไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน”
ร่างบางพูดพร้อมกับหันไปจัดอาหารที่เตรียมมา จียงเบ้ปากเล็กน้อยก่อนจะเดินไปถอดสูทกับเนกไท สักพักหนึ่งชายหนุ่มก็เดินกลับมาที่โซฟาอีกครั้ง เหลือบมองอาหารในชามที่กาโฮและมินโดริกำลังกินอยู่แล้วถามด้วยน้ำเสียงรังเกียจ
“อาหารอะไรของเธอน่ะ ทำไมสีมันน่ากลัวแบบนั้น ไม่ต้องเอามาให้กาโฮกินเลยนะ เอาให้ไอ้หูสีชมพูของเธอกินไปคนเดียวเถอะ”
“มันชื่อว่ามินโดริค่ะ เรียกให้ถูกด้วย พี่นี่หามารยาทไม่เคยมีเลยนะคะ ชื่อคนดีๆมีก็ไม่เรียก เรียกแต่เธอมั่งล่ะ ยัยนั่นมั่งล่ะ ยัยนี่มั่งล่ะ ขนาดหมามีชื่อของมันพี่ยังเรียกไม่ถูกเลย อายหมามันบ้างหรือเปล่าคะเนี่ย”
คนผมสั้นพูดเสียงปกติโดยไม่หันมามองหน้าคู่สนทนา แต่ประโยคนั้นกัดจียงเหวอะหวะทุกถ้อยคำ ชายหนุ่มหันรีหันขวางอย่างโมโหแต่ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายเลยได้แต่หาเหตุไล่เธอกลับ
“ให้หมากินเสร็จแล้วก็กลับไปซะสิ เอาไอ้หู...ไอ้มินโดริของเธอกลับไปด้วยนะ เห็นขนของมันแล้วชั้นขยะแขยง”
“กลับไม่ได้หรอกค่ะ วันนี้ชั้นจะนอนค้างที่นี่”
หญิงสาวหันมาพูดหน้าตาย แต่ทำเอาคาสโนว่าที่ยืนกอดอกอยู่ถึงกับหน้าเหวอ
“จะบ้าหรือไง!! นี่มันคอนโดชั้นนะ เธอมีสิทธิ์อะไรมานอนเหมือนบ้านตัวเอง ไม่กลัวคนอื่นเข้าใจผิดหรือไง”
“ไม่เป็นไรค่ะ มินมินไม่ถือ^^”
ซอนเยพูดยิ้มๆ แล้วหันไปเทอาหารให้มินโดริเพิ่ม จียงไม่ยอมง่ายๆ เขาดึงร่างบางให้ลุกขึ้นมาประจันหน้ากัน ตาคมมองใบหน้าไม่รู้สึกรู้สาของเธออย่างพยายามระงับอารมณ์โกรธ
“เธอไม่ถือ แต่-ชั้น-ถือ! จะให้คนอื่นรู้ว่าชั้นมีคู่หมั้นมาค้างที่คอนโดไม่ได้!!”
“แต่ผู้หญิงคนอื่นเข้าได้ใช่มั้ยคะ^^”
ร่างบางว่าพร้อมกับเอียงคอทำหน้าทะเล้น จียงเบือนหน้าหนี
“นั่นมันเรื่องของชั้น แต่ยังไงชั้นก็ไม่อนุญาตให้เธอนอนที่นี่แน่ๆ”
“ถึงพี่จีไม่อนุญาตมินมินก็ต้องค้างที่นี่อยู่ดีค่ะ เพราะที่บ้านไม่มีใครอยู่เลย คุณย่าไปงานแต่งกับคุณแม่พี่จีด้วย กุญแจบ้านมินมินก็ไม่ได้เอามาเพราะตอนแรกคิดว่าจะนอนที่นี่คนเดียว สรุปว่ายังไงๆวันนี้มินมินเข้าบ้านไม่ได้อยู่แล้ว ต้องนอนที่นี่สถานเดียวค่ะ”
เหตุผลของเด็กสาวทำให้จียงทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแรงๆ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองอย่างหงุดหงิดใจ
“งั้นก็ไปนอนโรงแรมซิ ใต้สะพานลอย ป้ายรถเมล์ อะไรก็ได้
”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวมินมินนอนเตียง พี่จีนอนโซฟาก็ได้^^”
คนผมสั้นพูดขณะที่เทอาหารให้มินโดริต่อ ร่างโปร่งที่นอนเอกเขนกบนโซฟาลุกพรวดขึ้นนั่งทันที
“ไม่มีทาง ชั้นเป็นเจ้าของห้องนะ!!!”
“งั้นมินมินนอนโซฟา แล้วพี่จีนอนเตียงก็ได้ค่ะ^^”
ใบหน้าหวานหันมายิ้มแป้นให้เขาก่อนจะกลับไปสนใจหมาทั้งสองตัว จียงเกาหัวแกรกๆอย่างหงุดหงิด....
ยัยเด็กแสบนี่คงรู้อยู่แล้วล่ะว่ายังไงเขาก็ต้องยกเตียงให้เจ้าหล่อนนอน ส่วนตัวเขาเองต้องระเห็จไปนอนปวดหลังที่โซฟา เพราะต่อให้เขาวีนแค่ไหนสุดท้ายก็ยังเป็นสุภาพบุรุษพอ....แต่คนที่พูดยิ้มๆ แต่แผนการเยอะแบบนี้นี่สิ...มันน่าหมั่นไส้ดีนัก....
จียงหันรีหันขวาง ก่อนจะคว้าได้หมอนใบหนึ่งที่โซฟามาถือไว้ในมือ เป็นเวลาเดียวกันกับที่ซอนเยเอ่ยขึ้นโดยไม่ได้หันมามองหน้าพอดี
“ตกลงว่าพี่จีจะนอนไหนคะ นอนเตียง หรือนอนโซ....โอ๊ย!!”
ประโยคนั้นยังไม่ทันจบร่างบางก็หลุดอุทานออกมาเพราะหมอนใบย่อมๆ ลอยมาตกที่หัวเธอพอดี แรงอัดของมันทำให้คนผมสั้นเกือบหน้าคะมำลงไปในชามอาหารหมา เธอหันขวับมาหาตัวการที่กำลังหัวเราะคิกคักอยู่ทันที
“พี่จีทำอะไรคะเนี่ย แกล้งมินมินทำไม?”
ควอนจียงหยุดหัวเราะ มองหน้าสวยแล้วย้ำทีละคำอย่างชัดเจน
“หมั่น-ไส้!”
พูดจบแล้วก็หัวเราะคิกออกมาอีกรอบเพราะอดขำสภาพผมฟูๆของเธอไม่ได้ ซอนเยตาวาววับ ลุกขึ้นยืนพร้อมกระชับหมอนในมือแน่น เสียงหัวเราะตามจากร่างบางทำให้จียงชะงัก มองยัยตัวแสบที่ยืนมาหยุดตรงหน้าเขาด้วยสายตาระแวง
“จะทำอะไร?”
มินซอนเยส่งยิ้มหวาน....
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่หมั่น-ไส้!!”
ขาดคำของร่างบาง หมอนใบเดิมก็ถูกระดมฟาดเข้าหาร่างโปร่งแบบไม่ยั้ง จียงยกแขนขึ้นมากันก็แล้ว ปัดป้องก็แล้ว โวยวายก็แล้ว มินซอนเยก็ยังไม่หยุดฟาด ชายหนุ่มกระโดดข้ามโซฟาแล้ววิ่งหนีไปรอบห้องแต่ก็เหมือนจะยังไม่พ้น
“ยัยบ้า ยัยตัวแสบ ยัยมหันตภัย หยุดเดี๋ยวนี้ ชั้นเจ็บนะ!!”
“เจ็บเป็นด้วยเหรอคะ นึกว่าหนังหนาจนไม่รู้สึกอะไรซะอีก!”
คนผมสั้นพูดโดยไม่ยอมหยุดฟาดเขาด้วยหมอน จียงหลบไปจนมุมที่เตียง ร่างโปร่งต้องหันมาคว้าแขนเธอยึดเอาไว้ เป็นจังหวะเดียวกันที่ซอนเยฟาดเขามาสุดแรง ทั้งสองคนจึงล้มลงไปบนเตียงพร้อมกันทั้งที่อีกคนยังไม่ยอมปล่อยหมอนออกจากมือ
“โหย....แน่จริงอย่าจับสิคะ”
ซอนเยบ่นพึมพำพร้อมกับพยายามยื้อแขนออกมาจากมือของอีกฝ่าย แต่จียงไม่ยอมปล่อยให้มือที่ถือหมอนข้างนั้นเป็นอิสระอีก ชายหนุ่มจ้องตาคู่สวยของคนที่อยู่ใต้ร่างของเขาแล้วออกคำสั่ง
“งั้นเธอก็ต้องโยนหมอนทิ้งก่อน”
“ถ้ามินมินโยนหมอนทิ้ง พี่จีก็จะเอาคืนน่ะสิคะ”
หญิงสาวสวนกลับอย่างรู้ทัน คิดเหรอว่าเธอดูไม่ออกว่าเขาจ้องจะแย่งหมอนคืนอยู่....เรื่องอะไรจะยอมให้ตีคืนง่ายๆ....
“ตอนนี้ชั้นไม่มีอารมณ์เอาคืนหรอกน่า ก็บอกแล้วไงว่าอยู่ใกล้เธอแล้วชั้นขยะแขยง ยิ่งเอาหน้ามาใกล้ๆแบบนี้ยิ่งน่ารังเกียจเข้าไปใหญ่”
คนผมทองพูดพร้อมกับเบือนหน้าหนี หารู้ไม่ว่าคำพูดของตัวเองทำให้คนที่ชอบเอาชนะชักจะหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว
“เหรอคะ งั้นดีเลย ถ้าชั้นใกล้พี่มากกว่านี้พี่อาจจะตายก็ได้เนอะ”
คนผมสั้นไม่พูดเปล่าแต่แกล้งโน้มคอเขาลงมาใกล้มากขึ้นอีก จียงที่เบือนหน้าหนีหันหน้ากลับมาพอดี จมูกรั้นได้รูปของหญิงสาวจึงสัมผัสแก้มของเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ หากแต่ทำให้ทั้งสองถึงกับอึ้ง....
จียงสบตาคู่สวยที่ตอนนี้เบิกกว้างเพราะตกใจกับผลของการกระทำตัวเอง ความเงียบเข้ามาปกคลุมทั้งห้องราวกับทั้งคู่กำลังหลุดไปสู่อีกโลกหนึ่ง....ตาคู่คมเลื่อนไปหยุดที่กลีบปากสีเชอร์รี่ที่อยู่ใกล้เขาเพียงแค่คืบ และกลิ่นหอมของมันก็ทำให้เขาเผลอตัว....
และแล้ว....ดวงตาคู่สวยของซอนเยก็เบิกกว้างมากขึ้นกว่าเดิม...
เมื่อสัมผัสได้ถึงริมฝีปากอุ่นๆ ที่แนบรสสัมผัสลงมาบนเรียวปากนุ่มของเธอ....และลิ้นร้อนชื้นนั่น ที่เข้ามาหาความหวานในริมฝีปากเธออย่างถือวิสาสะ...
จียง....
จูบเธอ???
*
*
*
ไรเตอร์เพิ่งกลับจากขอนแก่น มาถึงก็อัพเลย 555 ตามเวลา ^^
มีแฟนทูบินไปข่มขู่ไรเตอร์ที่เฟสด้วยว่าห่างเหินกันเกินไป 5555 มันมีเบื้องหน้าเบื้องหลังค่ะคู่นี้ ตอนหน้ารู้กัน ^^
ความคิดเห็น