คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 4 หักหน้า
วันต่อมา....
ประตูห้องทำงานที่ถูกเปิดออกทำให้จียงละสายตาจากกองเอกสารมามองผู้มาเยือน และพอเห็นว่าเป็นใครเขาก็เลิกคิ้วเล็กน้อย
“มีอะไรฮยอนซึง”
“แฟ้มรายงานงบประมาณของงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าอาทิตย์นี้ครับ”
เลขาหนุ่มพูดพร้อมกับวางแฟ้มกองใหญ่ลงบนโต๊ะ จียงหยิบมาพลิกดูพลางถามเสียงปกติ
“แล้วนี่ยัยเด็กนั่นหายไปไหนซะล่ะ”
“ยัยเด็กไหนครับ”
ฮยอนซึงถามหน้างง จียงเหลือบมองเลขาจอมซื่อแวบหนึ่งก่อนจะก้มลงสนใจเอกสารต่อ
“ยัยเด็กน้ำมูกยืดมินซอนเยนั่นไง”
“อ๋อ....ก็อยู่นี่แหละครับ”
“จริงเหรอ?”
จียงเงยหน้าขึ้นถามย้ำอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ยัยเด็กซอนเยเนี่ยนะจะมาทำงานเฉยๆโดยไม่เข้ามากวนประสาทเขา ฮยอนซึงพยักหน้าพร้อมกับยิ้มปลื้มๆ
“ใช่ครับ คุณมินมินมาทำงานตั้งแต่เมื่อเช้านี้แล้ว แต่งานผมยุ่งเธอก็เลยช่วยน่ะครับ ตอนนี้เธอก็ช่วยเคลียร์เรื่องประสานงานกับฝ่ายบุคคลอยู่ครับ คุณมินมินเรียนรู้งานได้เร็วมากเลย แถมยังเข้ากับพนักงานคนอื่นได้ดีมากด้วยนะครับ ตอนนี้ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าอิจฉาเจ้านายที่สุดที่ได้คู่หมั้นเพอร์เฟคท์แบบนี้.....”
“พอๆ หยุดชื่นชมยัยนั่นสักที ชั้นฟังแล้วคลื่นไส้”
จียงขัดขึ้นพลางวางปากกาลงอย่างหงุดหงิด ฮยอนซึงเลยจำเป็นต้องเงียบเสียง เลขาหนุ่มมองเจ้านายอย่างไม่เข้าใจ ในสายตาของเขาซอนเยก็น่ารักดีนี่นา ทั้งเก่งทั้งสวยขนาดนี้ ทำไมเจ้านายเขาถึงทำท่ารังเกียจเธอได้ลงคอนะ
“ตั้งใจทำงานเหรอ...ไม่มีทางหรอก”
จียงพึมพำอย่างครุ่นคิด หลังจากวันนั้นที่แม่เขาพาซอนเยมาป่วนถึงห้องทำงาน เขาก็ไม่ได้เจอยัยเด็กนั่นอีกเลย อันที่จริงต้องบอกว่าเขาเองแทบไม่ได้เจอใครเลยมากกว่า เพราะต้องเตรียมการเรื่องงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าที่จะมาถึงในสัปดาห์นี้ ทำให้เขางานยุ่งจนต้องสั่งอาหารมากินในห้อง.....ก็เลยไม่รู้เลยสักนิดว่าตอนนี้ยัยเด็กแสบนั่นกำลังครอบงำพนักงานของเขาอยู่อย่างเงียบๆ
“ฮยอนซึง”
“ครับ!”
เลขาหนุ่มที่ทำท่าจะหลับทั้งยืนอยู่แล้วสะดุ้งเฮือกขึ้นมาขานรับแทบไม่ทัน จียงไม่ได้สนใจอาการของลูกน้อง เพราะตอนนี้เขากำลังคิดอะไรบางอย่าง....
“ไปเรียกยัยนั่นมาหาชั้นหน่อยซิ”
*
*
*
หลายนาทีผ่านไป....
“แอ๊ด....”
เสียงประตูที่ถูกเปิดออกไม่ได้ทำให้จียงที่กำลังจดจ่อกับเอกสารเงยหน้าขึ้นมาสักนิด ร่างบางเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเขา แต่ก็ไม่สามารถทำให้เขาสนใจได้อยู่ดี มินซอนเยกระตุกยิ้มเล็กน้อยอย่างรู้ทัน ร่างบางทำท่าจะลุกขึ้นเดินออกไป คนฟอร์มจัดถึงยอมส่งเสียงออกมาได้
“จะไปไหน”
“ก็พี่จีไม่มีเรื่องคุย มินมินก็จะออกไปทำงานต่อสิคะ”
คนผมสั้นว่าพร้อมกับยิ้มหวานให้เขา จียงมองรอยยิ้มที่น่าจะกระชากหัวใจผู้ชายได้ไม่ยากอย่างครุ่นคิด ตาคมเลื่อนลงมามองการแต่งตัวแบบชุดสูทที่มีสไตล์ของเธอแล้วก็ต้องยอมรับว่า ยัยเด็กนี่เปลี่ยนแปลงตัวเองไปแบบสิ้นเชิงจริงๆ
“มองแบบนั้น ถ้าเป็นปลากัดคงท้องไปแล้วนะคะ”
มินซอนเยกระเซ้าพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามายิ้มยั่ว จียงเบ้ปาก
“ชั้นไม่ได้มองเพราะพิศวาสเธอสักนิด อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย ในสายตาชั้นเธอมันก็ยัยเด็กน้ำมูกยืดคนเดิมนั่นแหละ”
“มินมินไม่ได้พูดอะไรเลยนะคะ พี่จีร้อนตัวไปเองหรือเปล่า ^^”
ร่างบางพูดพร้อมกับยิ้มขำๆ แต่จียงมองแล้วรู้สึกเหมือนถูกกวนประสาท ชายหนุ่มหน้าบึ้งขึ้นมาทันที
“ใครอนุญาตให้เธอเรียกชั้นว่าพี่ ที่นี่ที่ทำงานนะ ชั้นเป็นเจ้านาย เธอเป็นลูกน้อง ไม่มีการนับญาติอะไรทั้งนั้น แล้วก็เลิกแทนตัวว่ามินมินสักที มันไม่ได้น่ารักอย่างที่เธอคิดเลยสักนิด!!”
จียงพูดรัวเป็นชุดแบบไม่สนใจความรู้สึกอีกฝ่ายแม้แต่น้อย ปกติเขาไม่เคยปากจัดแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนเลย แต่สำหรับยัยเด็กแสบนี่คงต้องยกเว้นกันสักหน่อยแล้วล่ะ....
เขาไม่ยอมให้ผู้หญิงคนนี้มาจองจำเขาไว้ด้วยทะเบียนสมรสแน่ เขาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อไล่เธอออกไปจากชีวิต....ให้เร็วที่สุด!!
“โอเคค่ะ เรียกอะไรก็ได้ มินมินไม่ซีเรียสหรอกค่ะพี่จี^^”
“มินซอนเย!!”
“ตกลงว่าเรียกมินมินมามีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าคะ”
หญิงสาวเปลี่ยนเรื่องกะทันหันแบบไม่ปล่อยโอกาสให้จียงได้โมโห ชายหนุ่มยักไหล่
“เปล๊า....ชั้นก็แค่อยากจะเช็กดูว่าเธอมาทำงานจริงอย่างที่ฮยอนซึงบอกหรือเปล่า”
“ทำจริงๆสิคะ เพียงแต่ไม่อยากมากวนพี่จีเท่านั้นเอง ได้ข่าวว่ากำลังมีงานเลี้ยงใหญ่^^”
มินซอนเยว่าพร้อมกับยิ้มมุมปากเล็กน้อย ทำเอาควอนจียงชะงักกึก....
ว่าแล้วไง....
ยัยเด็กนี่ทำตัวสงบได้ไม่นานหรอก มันต้องมาแผนใหญ่ตามมาอีกแน่ๆ
.
“นี่เธออย่าบอกนะว่า...”
“มินมินจะเข้าร่วมงานด้วยไงคะ^O^”
“ชั้นไม่อนุญาต!!!”
จียงค้านเสียงแข็งขึ้นมาทันควัน.....งานเลี้ยงใหญ่ต่อหน้าแขกเหรื่อระดับลูกค้าวีไอพีมากมาย แถมด้วยกองทัพนักข่าวอีกเป็นร้อยแบบนี้ จะปล่อยให้มินซอนเยเข้าร่วมงานพร้อมกับแม่ของเขาไม่ได้แน่
“พี่จีไม่ให้ก็ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวมินมินไปบอกคุณแม่ให้^O^”
“อย่าเอาคุณแม่มาขู่ชั้นนะ ยังไงชั้นก็ไม่ให้เธอเข้าร่วมงานนี้หรอก ชั้นจะสั่งให้การ์ดทุกคนโยนตัวเธอออกไปจากงานแน่ๆ ไม่เชื่อก็ลองดู!”
ควอนจียงงัดไม้แข็งมาขู่ทั้งที่รู้ว่าทำได้ยาก เพราะแบ็คอัพของซอนเยก็คือแม่แท้ๆของเขามีอำนาจสั่งมากกว่าเขาเสียอีก และก็ดูเหมือนว่าคนผมสั้นจะรู้ความจริงข้อนี้เป็นอย่างดี เธอถึงยิ้มให้เขาได้อย่างไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มินมินลองแน่^^!!”
*
*
*
ชเวซึงฮยอนเหลือบมองคนข้างกายที่ดื่มเอาๆ โดยไม่สนใจผู้หญิงที่คลอเคลียอยู่ข้างกายเลยแม้แต่น้อยด้วยความแปลกใจ การที่คนอย่างเขาไม่สนใจเด็กสาวๆที่มาออดอ้อนอยู่รอบตัวเวลาดื่มมันไม่แปลกเท่าไหร่หรอก แต่ถ้าเป็นจียงไม่สนใจนี่สิ.....ออกจะผิดปกติไปสักหน่อย
“แกเป็นอะไรหรือเปล่า”
ชายหนุ่มถามขึ้นด้วยแววตาสงสัย จียงสาดเหล้าเข้าลำคอวาบหนึ่งก่อนจะตอบห้วนๆ
“เครียดนิดหน่อยว่ะ”
“เรื่องคู่หมั้นล่ะสิ”
“อย่ามาเรียกยัยเด็กนั่นว่าคู่หมั้นนะ ชั้นไม่ชอบ ฟังแล้วขนลุกแปลกๆ”
จียงพูดพร้อมกับรินน้ำสีอำพันลงแก้วอีกรอบ ท็อปยิ้มน้อยๆ
“ได้ข่าวว่าสวยอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ใช่สวยอยู่หรอก แต่สวยมากเลยล่ะ เปลี่ยนไปเป็นคนละคนจนชั้นจำแทบไม่ได้”
จียงบอกด้วยสีหน้าครุ่นคิด
.ใช่.....ถ้าเขาเจอคนหน้าตาแบบนี้ บุคลิกแบบนี้....และไม่ได้ชื่อว่า ‘มินซอนเย’ เขาก็คงหลงเธอได้ไม่ยากเหมือนที่แม่ของเขาหรือพนักงานคนอื่นๆ เป็นอยู่ แต่สำหรับกรณีนี้ตัดหน้าตาทิ้งออกไปได้เลย เขาไม่อยากแต่งงานกับใคร ไม่ว่าจะสวยหยาดฟ้ามาดินแค่ไหนก็ตาม เขาไม่อยากให้ใครเข้ามาบงการชีวิต โดยเฉพาะกับยัยเด็กตัวแสบคนนี้....ไม่มีทาง....
“ชั้นนึกว่าแกชอบคนสวยทุกคนซะอีก”
ท็อปกระเซ้าพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อยอีกเช่นเคย จียงเบ้ปาก
“ชั้นไม่ชอบผูกมัดแกก็รู้ ยิ่งกับยัยคุณหนูมินมินนี่แล้วยิ่งไม่มีทาง”
“อย่าเผลอก็แล้วกัน”
“ชั้นไม่เผลอหรอกเว้ย ขนาดแกนอนเตียงเดียวกันมาเป็นปีแถมแสนดีขนาดนั้นยังไม่เผลอเลย ชั้นไม่หลวมตัวไปยุ่งกับยัยเด็กนั่นแน่นอน”
จียงพูดอย่างมั่นใจพร้อมกับยกแอลกอฮอล์เข้าปากอีกครั้ง ท็อปนิ่งไปนิดหนึ่งเมื่อคิดถึงคน ‘แสนดี’ ของจียงขึ้นมา ในขณะที่ชายหนุ่มอีกคนวางแก้วลงบนโต๊ะแล้วเอนตัวลงกึ่งนั่งกึ่งนอนกับโซฟา
“ท็อป....งานเลี้ยงพรุ่งนี้แกจะไปกับใคร”
“แทฮรา”
ชเวซึงฮยอนตอบเสียงเรียบเฉย ไร้ความรู้สึกใดๆทั้งในคำพูดและแววตานั้น แต่ทำให้จียงนิ่งอึ้งไปถนัดตา รู้สึกสงสารยูบินขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“แต่ชั้นส่งการ์ดเชิญเป็นชื่อแกกับยูบินนะ”
“แล้วไง แทฮราไปในฐานะแขกของชั้น หรือแกจะไม่อนุญาต”
ท็อปย้อนถามเสียงเรียบเช่นเคย จียงถอนใจเฮือก
“เออ...ชั้นไม่กล้าขัดพระทัยแกหรอก ก็แค่สงสารเมียแต่งของแกที่ต้องไปร่วมงานที่มีแต่คนซุบซิบนินทา แล้วนี่แกไม่กลัวแม่แกรู้หรือไงวะ”
“ชั้นสั่งคนทางนั้นปิดข่าวได้”
ร่างสูงตอบหน้านิ่งเฉย ตอนนี้แม่ของเขาไปเคลียร์งานที่ฝรั่งเศส และนั่นก็คือเหตุผลที่ช่วงนี้เขากล้าใช้แทฮราทำตัวเป็นข่าวให้ยูบินเห็นอยู่ทุกวัน เพราะลูกน้องของแม่ที่นั่นปิดข่าวจากเกาหลีได้แน่นอน และถ้าวันนึงยูบินทนไม่ไหวจนขอหย่าขึ้นมา แม่ก็ว่าอะไรเขาไม่ได้แล้ว เพราะมันเป็นความต้องการของลูกสะใภ้คนโปรดของแม่เอง
เขาอยากหย่าให้เร็วที่สุด ไม่อยากทนอยู่กับคนหน้าไหว้หลังหลอกแบบนี้ คนที่ต่อหน้าเขาทำเป็นแสนดี แต่ที่แท้ก็หวังแค่ทรัพย์สมบัติของครอบครัวเขาเท่านั้น
“ชั้นว่าแผนนี้แรงใช้ได้ว่ะ ยูบินอาจถึงขั้นถอดใจเลยก็ได้.....อืม....จะว่าไปแล้วแผนแกก็เวิร์คดีนะ”
จียงเกาคางตัวเองเบาๆ อย่างใช้ความคิด ท็อปสบตาเขาอย่างรู้ทัน
“ไม่สงสารซอนเยบ้างหรือไง”
“ยัยนั่นไม่ใช่เมียชั้นเหมือนแกกับยูบินนี่หว่า อีกอย่างนะ แผนเลวๆแบบนี้ไม่เหมาะกับยูบินหรอก เหมาะกับยัยตัวแสบนี่มากกว่า”
จียงอ้างพร้อมกับยิ้มแววตาแพรวพราว ท็อปส่ายหน้าเบาๆ
“แล้วใครจะไปกับแก”
ควอนจียงคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์
“แกถามผิดแล้วเทมป์ แกต้องถามว่า ‘ชั้นจะไปกับใคร’ มากกว่า”
*
*
*
*
วันต่อมา....
เงาในกระจกสะท้อนภาพของหญิงสาวผิวสีแทนในชุดราตรีสีดำสนิท ผมสีน้ำตาลเข้มถูกดัดเป็นลอนเบาๆ ปล่อยสยายไปถึงกลางหลัง น่าแปลกที่ชุดของเธอไม่ได้เซ็กซี่อะไรมากนัก แต่เมื่อมาอยู่บนเรือนร่างนี้แล้วกลับน่าดูอย่างบอกไม่ถูก คิมยูบินเอื้อมมือไปหยิบลิปสติกขึ้นมาเติมปาก....เป็นเวลาเดียวกันกับเสียงรถที่ดังขึ้นหน้าบ้าน
“พี่ท็อป....”
คนผิวแทนยิ้มกว้างด้วยความดีใจ....เธอไม่ได้หวังว่าเขาจะมารับไปงานเลี้ยง แต่ตอนนี้เขากลับมารับอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงมันจะเป็นไปตามหน้าที่ทางสังคม แต่ยูบินก็ยังอดดีใจไม่ได้อยู่ดี
ร่างบางพาตัวเองไปที่รถอย่างรวดเร็ว หญิงสาวเปิดประตูรถออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม...แต่เมื่อเห็นคนที่อยู่ในรถนั้น รอยยิ้มของเธอก็จางหายไป...
นอกจากท็อปแล้ว...ยังมีคนอยู่ในรถอีกคน
...แทฮรา...
“สวัสดีค่ะคุณยูบิน ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”
หญิงสาวในชุดแสคสีแดงสดคลายยิ้มหวานให้เธอ แต่กลับทำให้ยูบินหนาวเยือกไปถึงขั้วหัวใจ หญิงสาวค่อยๆหันไปมองร่างสูงที่นั่งหน้าเรียบเฉยอยู่หลังพวงมาลัย เขาเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง
“ขึ้นรถสิ”
“ค่ะ...”
ยูบินตอบรับเสียงแผ่ว ร่างบางก้าวขึ้นไปนั่งข้างหลังเงียบๆ ในขณะที่แทฮราเอนหัวลงมาซบไหล่ท็อปอย่างออดอ้อน
“รีบไปกันเถอะค่ะ ชั้นหิวจะแย่อยู่แล้ว”
“อืม....”
ท็อปยิ้มให้เธอบางๆ ก่อนจะขับรถออกไป ยูบินได้แต่นั่งเงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไร...อีกอย่างก็คือไม่อยากพูด....กลัวน้ำตามันจะไหลออกมา....
“วันนี้คุณยูบินสวยจังเลยนะคะ”
คำทักทายของหญิงสาวที่นั่งด้านหน้าทำให้ยูบินเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เธอเศร้าๆ
“ขอบคุณค่ะ
.”
“ชั้นพูดจากใจจริงเลยนะคะเนี่ย....ดูเรียบร้อยแต่ก็เซ็กซี่ในเวลาเดียวกัน คุณเห็นด้วยมั้ยคะท็อป”
คราวนี้แทฮราหันไปถามความเห็นจากคนข้างๆ ชายหนุ่มเหลือบมองกระจกส่องหลัง เห็นคนผิวแทนกำลังมองมาที่เขาด้วยแววตาที่เศร้าจับใจ.....
เสแสร้ง...ก็แค่นั้น.....
“ก็ดี...ถนัดเรื่องสร้างภาพอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
คำพูดเรียบเฉยนั้นทำให้ยูบินสะอึกอึ้ง.....รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของแทฮราแวบหนึ่ง
“แหม....คุณก็พูดเกินไป คนเรามันก็สร้างภาพทั้งนั้นแหละค่ะ และถ้าคุณยูบินสร้างภาพจริงๆ อย่างที่เค้าว่า ชั้นนับถือเลยนะคะเนี่ย.....ตอแหลได้เก่งสุดๆ....”
หญิงสาวพูดไปหัวเราะไปเหมือนเป็นเรื่องที่ขำเสียเต็มประดา ท็อปเหลือบมองยูบินทางกระจกส่องหลังอีกครั้ง....
และเขาก็ได้เห็นเพียงแต่ร่างบางที่นั่งนิ่ง....ไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำ...
เธอรู้ดีว่าการยอมแต่งงานของเธอมันเลวร้ายในสายตาของท็อป....เขาคงจะมองเธอเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกกับเงิน...
แต่เขาจะรู้ไหม....ว่าเธอไม่ได้แต่งงานกับเขาเพราะเงิน....
“ท็อปคะ เลิกงานนี้อย่าลืมไปส่งด้วยนะ”
แทฮราอ้อนขึ้นเบาๆ เมื่อเห็นว่ารถกำลังติดไฟแดง หญิงสาวเอนหัวไปซบไหล่เขาอีกครั้ง ท็อปยิ้มน้อยๆ
“คุณมากับผม จะให้ผมไปส่งใครล่ะ”
“คุณนี่น่ารักที่สุดเลย”
แทฮราทำเสียงร่าเริงพร้อมกับประทับจูบลงบนริมฝีปากของชายหนุ่มอย่างหนักหน่วง คิมยูบินสะดุ้งเฮือก....เมินหน้าหนีภาพตรงหน้าออกไปนอกกระจก....ขอบตาร้อนผ่าวได้เพียงไม่นาน น้ำตาก็หยดลงมา....
ท็อปสนองตอบคนตรงหน้าเบาๆ ตาคมตวัดไปมองคนข้างหลังอีกครั้งก่อนจะหันไปขับรถต่อตามเดิม แทฮราเหลือบมองยูบินอย่างสะใจ แน่นอนว่าร่างบางที่เงียบงันอยู่ตรงนั้นร้องไห้ออกมาแล้ว....ถึงจะไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมา แต่จิตใจก็คงบอบช้ำแสนสาหัส....
เจ็บให้พอนะ คิมยูบิน ....
เจ็บให้พอ เจ็บให้สำนึก แล้วก็ยอมหย่ากับท็อปสักที!
*
*
*
รถคันหรูของท็อปจอดลงที่หน้าโรงแรมระดับห้าดาวอันเป็นสถานที่จัดงาน ร่างสูงก้าวลงจากรถพร้อมกับแสงแฟลชวูบวาบของนักข่าว ใบหน้าคมไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาสักนิด เขาเดินอ้อมไปเปิดประตูรถด้านหน้า...ที่นั่งข้างคนขับของเขา.....
แทฮราโปรยยิ้มหวานก่อนจะก้าวลงมาท่ามกลางเสียงฮือฮาของนักข่าว หลายคนหันไปถ่ายรูปยูบินที่เปิดประตูรถลงมาเองด้วยใบหน้าเศร้าๆ
“ไปกันเถอะ”
ท็อปก้มลงกระซิบข้างหูของคู่ควง หญิงสาวยิ้มรับก่อนจะคล้องแขนเขาเดินเข้าไปในงานอย่างหน้าชื่นตาบาน ไม่ได้แคร์แสงแฟลชที่สว่างขึ้นวูบแล้ววูบเล่าเลยแม้แต่น้อย ยูบินเดินตามไปเงียบๆ รู้สึกได้ถึงสายตาของนักข่าวและแขกเหรื่อในงานที่มองมาที่เธอเป็นตาเดียวกัน
“โต๊ะเราอยู่นั่นใช่ไหมคะ ไปกันเลยดีกว่าค่ะ ชั้นหิวจะแย่อยู่แล้ว”
แทฮราพูดพร้อมกับแนบแก้มลงกับไหล่ชายหนุ่มอย่างอ้อนๆ ยูบินมองตามทั้งสองคนที่เดินไปนั่งร่วมโต๊ะกับผู้ใหญ่แล้วถอนใจออกมา ตัดสินใจเดินเลี่ยงไปอีกมุมหนึ่งของงาน.... ที่มุมค็อกเทล แทยัง ซอนมี โซฮี และซึงรีกำลังวุ่นวายอยู่กับการเตรียมของว่างให้แขกเหรื่อ ยูบินเดินมาหยุดที่หน้าโต๊ะ แทยังเงยหน้าขึ้นมองเธอแล้วยิ้มให้
“ว่าไง เพิ่งมาเหรอ”
“ใช่....ท่าทางจะยุ่งกันน่าดูเลยนะ”
หญิงสาวพูดพร้อมกับยิ้มตอบเขา....แทยังมองรอยยิ้มตรงหน้า รู้สึกได้ถึงความเศร้าที่แฝงอยู่ในนั้น
“ก็ไม่เท่าไหร่หรอก มีซึงมาช่วยก็เลยพอไหว”
แทยังว่าพร้อมกับมองไปที่ซึงรีและซอนมีที่กำลังเปิดศึกวิวาทกันอยู่ระหว่างทำขนม ยูบินคลายยิ้มกว้างขึ้น
“ซึงรีน้องนายน่ะเหรอ โตเป็นหนุ่มแล้วหน้ายังไม่เปลี่ยนเลยนะเนี่ย”
แทยังยิ้มออกมานิดหนึ่งเมื่อเห็นคนผิวแทนอารมณ์ดีขึ้น โซฮีหอบถาดขนมมาวางที่โต๊ะด้วยใบหน้าเหนื่อยจัด คนแก้มป่องยิ้มกว้างให้ยูบินทั้งที่แก้มยังเปื้อนแป้ง แทยังเอื้อมมือไปเช็ดออกให้พร้อมกับเอ็ด
“วางเบาๆหน่อยสิ เดี๋ยวขนมหกหมดชั้นตัดเงินเดือนนะ”
โซฮีทำหน้าหงิกใส่กับคำขู่ของเจ้านาย แต่แก้มกลมกลับเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นมา ทว่าแทยังก็ไม่ได้สังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย
.
สายตาของเขามองแค่คนผิวแทน
ด้วยความเป็นห่วงจับใจ
“ท่าทางจะยุ่งจริงๆ ให้ชั้นช่วยมั้ย”
ยูบินเสนอตัวขึ้นมาหน้าตาเฉย....แทยังกับโซฮีมองเธอหัวจรดเท้าแล้วถามขึ้นเกือบจะพร้อมกัน
“ชุดนี้เนี่ยนะ?”
“ชุดไหนก็ทำได้หมดแหละ อย่าลืมสิว่าชั้นกินเค้กร้านนี้บ่อยจนทำได้หมดแล้ว นี่ถ้าไม่ติดว่านายไม่มีเงินจ่ายชั้นสมัครทำงานที่ร้านไปแล้วนะเนี่ย”
คำพูดของยูบินทำให้คนตาตี่ทั้งสองหัวเราะออกมา หญิงสาวระบายยิ้ม รับถุงมือจากโซฮีมาใส่ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็มีเสียงของใครบางคนดังขึ้นเสียก่อน
“คิมยูบิน”
น้ำเสียงทุ้มที่เอ่ยชื่อเธออย่างห่างเหินนั้นทำให้ยูบินชะงักกึก หันไปมองเจ้าของเสียงด้วยความหวั่นใจ ชเวซึงฮยอนยืนหน้าเรียบเฉยอยู่หน้าโต๊ะค็อกเทล เขากวาดตามองทั้งหมดก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ
“คุณฮยองมินอยากเจอเธอ”
“ค่ะ....เดี๋ยวชั้นจะไป...”
“อย่านานนักล่ะ ให้ผู้ใหญ่รอมันเสียมารยาท”
คำพูดนั้นเหมือนจะเหน็บเธออยู่ในที ยูบินนิ่งสนิท....หญิงสาวถอดถุงมือออกก่อนจะเดินตามเขาไปเงียบๆ โซฮีหันมามองแทยัง เห็นสายตาที่มองตามไปแล้วก็นึกรู้ได้ทันที
“คนนี้เหรอเฮีย....”
“มันนั่นแหละ”
แทยังตอบเรียบๆ ก่อนจะหันไปทำขนมต่อ ทำให้อานโซฮีได้แต่เงียบงัน.....คนแก้มป่องหันไปมองยูบินอีกครั้ง เห็นนั่งลงที่โต๊ะวีไอพีที่มีผู้ใหญ่อีกหลายคนนั่งอยู่ แต่ถึงแม้เธอจะนั่งข้างชเวซึงฮยอนผู้เป็นสามี แต่ทั้งคู่กลับดูห่างเหินกันเหลือเกิน คนที่คุยกับท็อปบ่อยกว่ากลับกลายเป็นผู้หญิงในชุดแสคสีแดงที่นั่งขนาบข้างอีกคน....คนที่โซฮีเดาได้ไม่ยากเลย...
แทฮราแน่ๆ....
ในโต๊ะนั้นนอกจากจะมีท็อป ยูบิน และแทฮราแล้ว จียงก็นั่งอยู่ด้วย ข้างกายของเขาคือสาวสวยไฮโซคนหนึ่งซึ่งเป็นคนที่เขา “เลือก” มาประชันซอนเยในคืนนี้ ส่วนอีกข้างก็คือควอนจีฮยอนผู้เป็นแม่ที่นั่งหน้างอเป็นม้าหมากรุกด้วยความไม่พอใจลูกชาย หญิงวัยกลางคนมองท็อปกับแทฮรา หันมามองจียงกับกยูริอีกต่อหนึ่ง.... ก่อนจะถอนใจออกมาอย่างหงุดหงิด
ไอ้เด็กพวกนี้มันอะไรกัน อีกคนนึงก็แต่งงานแล้ว อีกคนนึงก็มีคู่หมั้นอยู่แล้ว ยังจะกล้าควงผู้หญิงคนอื่นเข้ามาในงานต่อหน้านักข่าวอีกเหรอ
นี่ถ้าไม่ติดว่านี่เป็นงานของบริษัทล่ะก็....หล่อนจะอาละวาดให้พังกันไปข้างเลยคอยดู....
“นักข่าวเค้าฮือฮาอะไรกันคะนั่น...”
คุณหญิงคนหนึ่งในโต๊ะทักขึ้นเมื่อเห็นแสงแฟลชวูบวาบผิดปกติที่หน้างาน ทั้งหมดหันไปมองเป็นตาเดียวกัน ในขณะที่ควอนจีฮยอนคลายยิ้มมุมปากเล็กน้อย...
มาแล้วสินะ....
ควอนจียงเหลือบมองรอยยิ้มมีเลศนัยของมารดาอย่างสงสัย
เขาไม่อยากเดาเลยว่าคนที่เข้ามาใหม่เป็นใคร เพราะคำตอบมักจะเป็น...
“มินซอนเย...?”
*
*
*
ทูบินปวดตับพอหรือยัง??
ถ้ายังไม่พอ เรามีต่อ 555555
ความคิดเห็น