คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2 สาเหตุของการแต่งงาน / รักข้างเดียว
“ก๊อกๆๆ”
จียงกระแทกมือลงไปบนประตูไม้บานใหญ่แล้วยืนพิงผนังอย่างเซ็งๆ รอจนกระทั่งประตูเปิด แทฮราชะโงกหน้ามายิ้มให้เขา
“เข้ามาเลยค่ะคุณจียง ตอนนี้ท็อปอาบน้ำอยู่”
จียงขมวดคิ้วนิดหนึ่งเมื่อได้ยินคำบอกเล่านั้น ชายหนุ่มมองแทฮราที่ยังอยู่ในชุดเสื้อคลุม รู้ทันทีว่าสองคนนี้ทำอะไรตอนที่เขายังมาไม่ถึง ร่างสูงเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาพร้อมกับก้มลงมองนาฬิกา
“วันนี้จะไปไหนกันเหรอคะ”
หญิงสาวถามพร้อมกับนั่งลงบนโซฟาอีกตัว ยกขาขึ้นไขว่ห้างอย่างจงใจ จียงมองเพียงแวบเดียวก็ไม่ได้ใส่ใจอีก เพราะคาสโนว่าอย่างเขาย่อมรู้มารยาของผู้หญิงพวกนี้ดี
ที่จริงแล้วเขาสามารถทำอะไรแทฮราก็ได้ถ้าเขาต้องการ เพราะเธอเปิดทางให้เขาอยู่ตลอดเวลา และท็อปก็ไม่ได้แคร์เธอเท่าใดนัก ที่ลงทุนซื้อคอนโดนี้ให้ก็เพราะต้องการใช้เธอเป็นเครื่องมือเร่งเวลาหย่าก็เท่านั้น แต่จียงก็ไม่มีทางยุ่งกับผู้หญิงของเพื่อนเด็ดขาด โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีเล่ห์เหลี่ยมแบบแทฮรา
ท็อปรู้ดีว่าแทฮราเป็นนางแบบดัง และเรื่องของเธอเป็นที่สนใจของนักข่าว เพราะฉะนั้นตั้งแต่แต่งงานกับยูบิน เขาจึงมาหาเธอบ่อยๆ เพื่อให้มีข่าวออกไป....และแน่นอน...เพื่อให้ยูบินรับรู้ จะได้ตัดสินใจหย่าขาดกับเขาเสียที
แต่ยูบินก็ทำให้จียงทึ่ง เพราะเธอทนอยู่ได้เป็นปี โดยไม่โวยวายด่าทออะไรท็อปเลยสักคำ...
ผู้หญิงอะไร....ความอดทนสูงชะมัด...
“แกมาช้านะจียง”
ท็อปทักเสียงเรียบขณะที่เดินมานั่งข้างๆ เพื่อน จียงยิ้มเล็กน้อย
“ถ้าชั้นมาเร็ว แกก็คงไม่ได้ ‘อาบน้ำ’ หรอก”
“แล้ววันนี้จะไปไหนกันดีล่ะ”
ท็อปถามพลางกลัดกระดุมเสื้อที่เหลือจนเรียบร้อย แทฮรารีบเสนอขึ้นทันที
“ทำไมไม่ดื่มกันที่นี่เลยล่ะคะ”
“ไม่ดีกว่าครับ วันนี้ผมมีเรื่องปรึกษาท็อปเป็นการส่วนตัว”
จียงพูดเสียงเรียบแล้วหันมาสบตาท็อป หน้าคมยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน
“งั้นไปที่เดิมแล้วกัน”
*
*
*
“ว่าไงนะ คู่หมั้นเหรอ?”
ท็อปทวนคำอย่างตกใจเมื่อได้ยินคำบอกเล่าของเพื่อน จียงพยักหน้าอย่างหงุดหงิด ท็อปยกแก้วขึ้นดื่มด้วยใบหน้าครุ่นคิด
“แล้วแกเห็นหน้าเค้าหรือยัง”
“ยังไม่เห็น ชั้นไปรับที่สนามบินแล้วเกิดเรื่องนิดหน่อยก็เลยไม่ได้เจอกัน แต่พรุ่งนี้ยังไงแม่ชั้นก็ต้องบังคับให้เจอกันแน่ และที่สำคัญนะ ชั้นพนันไว้ตรงนี้เลยว่าอีกไม่นานแม่ชั้นต้องบังคับให้แต่งงานกับยัยนั่นแน่ๆ”
จียงพูดเสียงดังขึ้นทุกทีตามอารมณ์ แต่ท็อปไม่ได้เดือดร้อนตามไปด้วย เขายังคงนิ่งเฉยเช่นเคย
“ถ้าแกไม่ยอมแม่แกจะทำอะไรได้”
“แกพูดเหมือนไม่รู้จักแม่ชั้นเลยนะเทมป์”
จียงพูดพร้อมกับกระดกน้ำสีอำพันในแก้วเข้าปากอีกรอบ ท็อปมองเพื่อนด้วยแววตาเห็นใจขึ้นมานิดๆ
“แล้วแกจะทำยังไงต่อ”
“ชั้นก็จะทำทุกวิถีทางให้ยัยนั่นถอดใจน่ะสิ แกก็รู้ว่าคนอย่างชั้นไม่มีทางแต่งงานกับใคร โดยเฉพาะกับยัยเด็กซอนเยน้ำมูกยืดนั่น”
ชายหนุ่มร่างเล็กกว่าพูดด้วยดวงตาหมายมาด ท็อปมองน้ำสีอำพันในแก้วที่สะท้อนแสงไฟวูบวาบของผับแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเช่นเดิม
“จริงของแก....การแต่งงานแบบไม่เต็มใจก็เหมือนการตกนรกทั้งเป็น”
เงาในแก้วคริสตัลเรียกภาพในอดีตให้ย้อนกลับมาในหัวของชเวซึงฮยอนอีกครั้ง ย้อนกลับไปวันนั้น...วันที่เขาได้รู้ข่าวบางอย่างจากผู้เป็นแม่...
“แกต้องแต่งงานกับหนูยูบิน นี่เป็นคำสั่งของแม่”
“แต่งเพื่อให้เค้ามาสูบเลือดสูบเนื้อจากครอบครัวเราน่ะเหรอครับ แม่ก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าตระกูลคิมกำลังจะล้มละลาย”
“ก็เพราะตระกูลคิมจะล้มละลายนี่แหละแม่ถึงต้องบังคับให้แกแต่ง เหลืออีกปีเดียวหนูยูบินก็จะเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว ถ้าไม่แต่งกับแก น้องก็ต้องติดร่างแหไปกับพ่อแม่เค้าด้วย แม่ไม่ได้บังคับให้แกอยู่กับน้องไปตลอดชีวิตนะท็อป แค่แต่งรอเวลาจนกว่าตระกูลคิมเค้าจะกอบกู้กิจการได้แล้วค่อยหย่าก็ยังไม่สาย แต่ตอนนี้เราต้องช่วยเค้าก่อน แม่ไม่มีวันยอมทิ้งเพื่อนรักของแม่เด็ดขาด”
“แต่คุณแม่ครับ....”
“แกขัดใจแม่ไม่ได้หรอกท็อป แกก็น่าจะรู้นะว่าเป็นเพราะอะไร”
ท็อปเม้มปากแน่นเมื่อคิดถึงประโยคนี้ขึ้นมา....ใช่.....เขาขัดใจแม่ไม่ได้ เพราะแม่เขาเป็นโรคหัวใจที่พร้อมจะกำเริบขึ้นมาได้ทุกเมื่อ อีกอย่างแม่ของยูบินก็เป็นเพื่อนรักกับแม่ของเขามาตั้งแต่สมัยยังสาว
แต่ก็นั่นแหละ....มันยุติธรรมตรงไหนกันที่จะต้องให้เขาถูกจองจำด้วยใบทะเบียนสมรสตั้งหลายปี เพื่อช่วยตระกูลที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยสักนิด
“อย่างน้อยเมียแกก็สวยนะ แต่ยัยเด็กซอนเยนี่...ฮึ้ยยย ไม่อยากจะคิด โตขึ้นมาจะสยองแค่ไหนกัน”
“สวยแต่หิวเงินแบบนั้นน่ะเหรอ”
ท็อปพูดเยาะๆ เมื่อคิดถึงคนผิวแทนที่บ้าน...คนที่พยายามทำดีกับเขาตลอดเวลา ตีหน้าเศร้า ทำตัวให้น่าสงสาร... ทำราวกับว่าเขาไม่รู้จุดประสงค์ของเธอ
คิดว่าเขาหลอกง่ายหรือยังไงกัน....
“ยังไงก็เถอะ แกต้องช่วยชั้น ชั้นรู้ว่าเรื่องทำตัวเลวให้หญิงเห็นเนี่ยแกถนัด”
จียงเอ่ยพลางตบบ่าเพื่อนแรงๆ แววตาเป็นประกายมุ่งมั่น...ใช่แล้ว...วิธีการของท็อปมันอาจจะไม่ได้ผลกับผู้หญิงที่มีความอดทนสูงอย่างยูบิน แต่สำหรับยัยเด็กซอนเยนี่....
“ชั้นเชื่อขนมกินได้เลยว่าอีกไม่นานยัยนั่นจะต้องยอมแพ้ ขอให้คุณแม่ถอนหมั้นกับชั้น ชัวร์!!! ”
*
*
*
ดึกมากแล้ว...
ร่างเล็กบางของเด็กสาวที่กำลังง่วนกับการเก็บโต๊ะชะงักกึกเมื่อเห็นรถสีคุ้นตาแล่นมาแต่ไกล อานโซฮีทำตาโตก่อนจะวิ่งหน้าตั้งเข้าไปในร้านพร้อมกับตะโกนเสียงดัง
“เฮีย! เฮีย! ”
เสียงเรียกที่เน้นสูงไปหน่อยทำให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในร้านสะดุ้งเฮือกอย่างตกใจ เจ้าของทรงผมอันเป็นเอกลักษณ์นั้นเงยหน้าจากการคิดบัญชีขึ้นมาโวยลูกน้องทันที
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าเวลาเรียกเฮียอย่าขึ้นเสียงสูง ขนลุกทุกทีเลยเนี่ย โหวกเหวกโวยวายทำไม มีอะไรฮะ”
เจ้าของร้านเบเกอรี่รูปหล่อว่าพลางลุกขึ้นถอดผ้ากันเปื้อน โซฮีชี้มือไปที่หน้าร้าน
“พี่ยูบินมาน่ะเฮีย!!”
“หา!!!”
แทยังร้องออกมาดังลั่นด้วยความตกใจ ตาคมมองไปที่นาฬิกาแล้วโกยแน่บไปที่หน้าร้านทันที มาดึกๆ แบบนี้ ทะเลาะกับไอ้นั่นมาอีกแหงๆ..
โซฮีมองตามหลังเจ้านายไปแล้วถอนใจเบาๆ
“ทีงี้ล่ะวิ่งเร็วจังนะ..แอบรักเค้าข้างเดียวมันก็เจ็บแบบนี้แหละเฮีย...”
แทยังวิ่งมาถึงหน้าร้านพร้อมกับที่ยูบินก้าวลงจากรถพอดี ตาคมสวยมองไปรอบร้านอย่างแปลกใจ แต่กระนั้นแทยังก็ไม่วายสังเกตเห็น...รอยแดงช้ำที่ตานั่น...
ร้องไห้มาอีกแล้วสินะ...
“ยังไม่ปิดร้านอีกเหรอแทยัง”
“ยังเลย วันนี้คนเยอะน่ะ...แล้วนี่เธอ...”
“เหนื่อย...นอนไม่หลับ...ขอนมปั่นสักแก้วได้มั้ย...”
*
*
*
ดงยองเบกลับมานั่งคิดบัญชีอยู่ที่เคาน์เตอร์ แต่สายตาก็ยังไม่วายชำเลืองมองไปทางโต๊ะที่ยูบินกับซอนมีพนักงานอีกคนของร้านกำลังนั่งคุยกันอยู่ นมปั่นในแก้วที่ยูบินถืออยู่หมดไปแล้ว แต่ดูเหมือนสองสาวจะยังไม่หมดเรื่องคุยกันสักที ซอนมีน่ะไม่แปลกหรอกที่จะโม้เก่ง แต่ยูบินนี่สิ..ทำไมไม่กลับบ้านซะที...
“พี่ยูบิน จะเที่ยงคืนแล้วนะ กลับบ้านไปนอนเหอะ”
ซอนมีเตือนขึ้นมาเมื่อเห็นว่ารุ่นพี่สาวยังอิดออดไม่ยอมกลับเสียที ยูบินทำหน้ามุ่ย
“อยู่ต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอ ทำไมวันนี้เก็บร้านเร็วจังล่ะ”
“พรุ่งนี้ชั้นกับซอนมีต้องสอบน่ะค่ะ เฮียเลยปิดร้านเร็วหน่อย”
โซฮีพูดพร้อมกับวางเค้กรสส้มลงตรงหน้ายูบิน เด็กสาวนั่งลงข้างรุ่นพี่คนสวย ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แม้ว่าจะถูกสายตาดุๆ ของแทยังมองมาอย่างไม่พอใจที่เรียกเขาว่าเฮียแถมยังขึ้นเสียงสูงอีกต่างหาก
ยูบินยิ้มบางๆ กับบรรยากาศภายในร้านที่ดูเหมือนเด็กเสิร์ฟทั้งสองคนจะไม่เกรงใจเจ้าของร้านเอาเสียเลย เรียกชื่อล้อเลียนเหมือนว่าแทยังอายุมาก ทั้งที่จริงอายุก็ไม่ได้ห่างจากพวกเธอเท่าไหร่นัก
“ฝีมือโซฮีนี่สุดยอดเหมือนเดิมเลยนะ”
คนผิวแทนพูดพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้ โซฮียิ้มแก้มป่องได้ไม่นานก็มีเสียงจิกกัดลอยมาจากเคาน์เตอร์
“ถ้าชั้นไม่สอนก็ทำไม่ได้ร้อก...”
คนหน้ากลมหันไปจ้องเจ้านายตาเขียว แทยังถลึงตาสู้อย่างไม่ยอมแพ้ ในขณะที่ซอนมีที่นั่งคั่นกลางพอดีได้แต่มองทั้งสองไปมาด้วยใบหน้าเอ๋อๆ ยูบินหัวเราะ
“ก็เพราะแบบนี้ไงชั้นถึงชอบมานั่งร้านนาย สบายใจดี^^”
แทยังยิ้มตอบคนผิวแทนแบบอัตโนมัติ อานโซฮีแลบลิ้นใส่เขาอย่างรู้ทันระคนหมั่นไส้ ชายหนุ่มเดินมาวางกาแฟร้อนลงข้างๆเค้ก แล้วพูดกับเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“กินแก้วนี้แล้วก็กลับไปได้แล้ว จะได้ไม่ง่วงตอนขับรถ”
“ขอบใจจ้ะ ^^”
คิมยูบินเอ่ยพร้อมกับยิ้มให้ ซอนมีเห็นคนผิวแทนหันไปกินกาแฟ เลยหยิบช้อนขึ้นมาตักเค้กส้มกินอย่างเอร็ดอร่อย ในขณะที่โซฮีพูดขึ้นลอยๆ
“จะนอนไม่หลับมากกว่าน่ะซี คิดยังไงเอากาแฟให้กินตอนดึกๆ”
“เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ามายุ่ง ทำแก้มบวมไปวันๆอย่างเธอจะไปรู้อะไร”
“รู้สิ!! รู้แบบที่เฮียคิดไม่ถึงก็แล้วกัน”
คนแก้มป่องพูดพร้อมกับยืดตัวนิดๆ มองไปที่ยูบินอย่างมีเลศนัย แทยังเห็นท่าไม่ดีเอื้อมมือไปผลักหัวเธอเบาๆ แต่ทำเอาร่างบางแทบหัวทิ่ม
“อย่ามาทำตัวแก่แดด ไปเก็บจานช่วยซอนมีได้แล้ว ยูบิน เดี๋ยวชั้นไปส่งที่รถนะ”
“โอเคๆ”
คนผิวแทนพยักหน้ายิ้มๆ ในขณะที่แทยังหันไปขยี้หัวโซฮีผลักออกไปอีกรอบ คนแก้มป่องจับผมตัวเองแล้วทำหน้ามุ่ย หันมามองซอนมีรายนั้นก็มองกลับงงๆด้วยสภาพที่เค้กยังเลอะปาก เด็กสาวจึงหันไปมองคนทั้งสองที่เดินออกไปคุยกันนอกร้านอย่างสนใจ
“ทะเลาะกันอีกหรือเปล่า”
แทยังถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ยูบินหันมายิ้มบางๆให้เขา
“ก็นิดหน่อยน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
“วันนี้วันครบรอบแต่งงานไม่ใช่เหรอ”
แทยังถามเสียงแปร่งๆ ในขณะที่ยูบินทำตาโต
“ว้าว....จำได้ด้วยเหรอ ใช่แล้วล่ะ...วันนี้วันครบรอบ...ก็เลยมีปัญหานิดหน่อย”
คนผิวแทนสลดลงไปอีกครั้ง แทยังมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกอึดอัดใจ อยากจะกอดปลอบ อยากจะทำให้คนตรงหน้ามีความสุขมากกว่านี้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง....แม้แต่พูดออกไปว่ารัก เขาก็ยังไม่มีสิทธิ์จะทำได้เลย....
ทำได้แค่ยืนดูอยู่ใกล้ๆ.....แบบนี้...
“มีปัญหาอะไรก็บอกได้นะ...”
“ชั้นต้องบอกอยู่แล้ว นายเป็นเพื่อนชั้นนี่.....งั้นชั้นกลับก่อนนะ...อย่ารังแกโซฮีมากนักล่ะ”
คนผิวแทนกระเซ้าเพื่อนยิ้มๆ แทยังยิ้มตอบอย่างอบอุ่น มองตามร่างบางที่ก้าวขึ้นไปประจำที่นั่งคนขับ ยูบินยิ้มให้เขาอีกครั้งก่อนจะขับรถออกไป ชายหนุ่มถอนใจออกมาเฮือกใหญ่
“น่าสงสารเนอะ....เค้าให้ได้แค่เพื่อนอ่ะ”
เสียงเล็กๆข้างตัวทำให้แทยังหันขวับมาที่ต้นเสียงทันที....นึกว่าใครที่ไหน ที่แท้ก็ไอ้ซาละเปาจอมกวนประสาทนี่เอง....
“แล้วยุ่งอะไรกับเรื่องของเจ้านายฮะ เดี๋ยวปั๊ดไล่ออกซะเลยนี่”
ดงยองเบว่าพลางใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากแคบของเธอแรงๆ จนร่างบางเซไปนิดหน่อย อานโซฮีทำแก้มป่องสู้
“เห็นพูดว่าจะไล่ออกมาเป็นปีละ ไม่เห็นไล่จริงๆ สักที ไม่กล้าล่ะเซ่ กลัวไม่มีคนทำงานให้ใช่มั้ยล่า ~”
“ถ้าไล่จริงๆ เดี๋ยวจะหนาว...ลองดูสักทีมั้ยฮึ??”
เจ้าของร้านว่าพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอก โซฮีกระตุกคิ้วนิดหนึ่ง
“เฮีย ถามไรหน่อยดิ”
“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง...”
“แอบรักเค้าข้างเดียวนี่มันเจ็บมากป่ะ”
เด็กสาวถามอย่างแก่แดดเกินตัว แทยังอึ้งไปครู่ใหญ่ก่อนจะทำหน้าดุกลบเกลื่อน
“ถามทำไม ไปแอบรักใครที่ไหนล่ะ”
“ก็ถามดูเฉยๆ เห็นมองตามพี่ยูบินแบบนี้มาเป็นปีละ”
อานโซฮีว่าพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอกรอคำตอบบ้าง แทยังสบตาตี่ๆคู่นั้นที่มีแววอยากรู้เต็มทนแล้วยื่นมือไปโยกหัวเธอแรงๆ
“ลองแอบรักดูบ้างสิ เดี๋ยวก็รู้เองแหละ”
คนแก้มป่องเงียบไป มองตามแผ่นหลังกว้างนั้นจนสุดสายตาจึงค่อยระบายลมหายใจออกมาเบาๆ
“ถ้าเป็นยังงั้น....ตอนนี้ชั้นก็คงรู้แล้วล่ะ....”
*
*
*
ความคิดเห็น