คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Chapter 15 พนักงานใหม่ / Kiss... again??
“เฮีย โต๊ะสี่ คาปูชิโนสองแก้ว”
เสียงเรียบเฉยจากคนแก้มป่องทำให้แทยังที่กำลังชงกาแฟอยู่เหลือบมองนิดๆ อานโซฮีวางถาดลงบนเคาน์เตอร์แล้วเดินแยกไปเช็ดโต๊ะอีกมุมหนึ่งโดยไม่พูดไม่จา ซอนมีกับซึงรีมองหน้ากันงงๆ
“เอสเพรสโซ่โต๊ะหนึ่งเสร็จแล้ว ใครว่างก็เอาไปเสิร์ฟด้วย”
แทยังเอ่ยลอยๆ ก่อนจะวางแก้วกาแฟลงบนถาดของโซฮี คนแก้มป่องไม่เพียงแต่จะไม่หันมามอง แต่กลับหยิบเฮดโฟนมาสวมแล้วเก็บจานเดินไปหลังร้านหน้าตาเฉย ซอนมีกับซึงรีมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“งั้นเดี๋ยวหนูไปเสิร์ฟเองแล้วกัน”
ลีซอนมีว่าพร้อมกับเดินไปหยิบถาด แทยังไม่พูดอะไรแต่มองตามหลังโซฮีไปแล้วหันมาชงกาแฟด้วยหน้าตาที่บ่งบอกว่าอารมณ์ไม่ดี ท่าทางแปลกๆนั้นทำให้ซึงรียิ่งประหลาดใจเข้าไปอีก
“โซฮีเป็นอะไรหรือเปล่าพี่ ทำไมดูเงียบๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจา...”
“จะไปรู้มันเหรอ จะเป็นบ้าอะไรก็ช่าง ชั้นไม่สนใจหรอก”
แทยังตอบห้วนๆ แต่ใบหน้าขัดกับคำพูดโดยสิ้นเชิง ซึงรีเกาคิ้วตัวเองมึนๆ
“ตกลงผมผิดใช่มั้ยเนี่ย เฮ้อ วันนี้เป็นอะไรกันไปหมด...”
ลีซึงฮยอนบ่นอุบอิบก่อนจะเดินหนีไป แทยังชงกาแฟต่อหน้าเครียด รู้ดีว่าโซฮีโกรธเรื่องอะไร เขารู้ว่าเขาผิดที่พูดจารุนแรงออกไป แต่จะให้เขาเดินไปขอโทษดื้อๆ แบบนั้นก็คงไม่ใช่นิสัย....คงต้องรอให้หายโกรธไปเองนั่นแหละ....ที่จริงแล้วโซฮีใจอ่อนจะตาย เมื่อคืนนี้เขาจะกลับมานอนในร้านได้ยังไงถ้าไม่ใช่ฝีมือเธอ...
“แทยัง...”
เสียงติดห้าวที่คุ้นเคยทำให้แทยังหันขวับมาที่หน้าเคาน์เตอร์โดยอัตโนมัติ ใบหน้าสวยของคนผิวแทนที่ยืนอยู่ทำให้แทยังรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เพราะแค่เห็นหน้า....ก็คิดถึงเรื่องเมื่อคืนอย่างช่วยไม่ได้....
“ยูบิน....มีอะไรเหรอ...”
แทยังถามกลับตะกุกตะกัก...ในใจแอบลุ้นถึงปฏิกิริยาของเธอว่าจะเป็นแบบไหน ถ้ายังสนิทใจเหมือนเพื่อนกันอยู่เขาก็คงโล่งอก แต่ถ้ามันไม่ใช่...
“จะมาซื้อข้าวเย็นน่ะ
ชั้นจำได้ว่านายเคยทำข้าวต้มอะไรสักอย่างให้กินแล้วบอกว่ามันเหมาะกับคนที่เป็นไข้อยู่”
“อ๋อ....ตอนที่เธอไม่สบายน่ะเหรอ”
“อื้ม...”
ยูบินตอบกลับยิ้มๆ ทำให้แทยังยิ้มออก...อย่างน้อยยูบินก็ไม่ได้หนีห่างเขาไปเลยเหมือนที่เคยกลัว....อย่างน้อยมันก็ยังมีคำว่าเพื่อนเหลืออยู่เหมือนเดิม ถึงเขาจะยังตัดใจไม่ได้ก็เถอะ...
แทยังไม่รู้ว่าอานโซฮีเดินมาจากหลังร้าน....มองมาที่ทั้งสองคนแล้วรู้สึกปวดหนึบๆขึ้นมาที่ใจ...
ใครว่าพี่ยูบินไม่รับรัก...
ยังยิ้มให้กันอยู่เลย...เห็นไหมล่ะ...
“ว่าแต่เธอจะซื้อไปให้ใครเหรอ...ใครไม่สบาย??”
“อ่อ....พี่ท็อปน่ะ...”
คำตอบของยูบินทำให้แทยังนิ่งอึ้ง ชายหนุ่มเงียบไปนานก่อนจะส่งยิ้มให้เธอได้เหมือนเคย...
“งั้นรอแป๊บนึงนะ....เดี๋ยวไปทำมาให้”
“ขอบใจจ้ะ ขอบใจมากๆ”
คนผิวแทนเอ่ยย้ำด้วยแววตาที่บ่งบอกเช่นนั้นจริงๆ แทยังยิ้มรับบางๆ ก่อนจะเดินใจลอยเข้าไปที่หลังร้าน...
ทั้งๆที่สารภาพไปจนหมดแล้วแท้ๆ....
แต่สุดท้ายก็ยัง...เจ็บอยู่ดี....
เจ้าของร้านเบเกอรี่หนุ่มเดินเข้าไปในครัวก่อนจะลงมือทำข้าวต้มตามที่ยูบินสั่งมา....ซอนมีที่เดินมาเอาเค้กในครัวมองเจ้านายงงๆ ....
“เดี๋ยวนี้ร้านเราขายข้าวต้มตั้งแต่เมื่อไหร่วะ...ชักจะไปกันใหญ่แล้วนะเนี่ย...”
*
*
*
*
“ครัวซองต์ตั้งหลายที่...จะทำทันมั้ยเนี่ย....เฮีย เนยอยู่ที่ไหน”
โซฮีส่งเสียงถามคนเดียวที่นั่งว่างงานอยู่เคาน์เตอร์ แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากคนที่นั่งอยู่ตรงนั้น อานโซฮีพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด...
“เฮีย ได้ยินที่ชั้นถามมั้ย ชั้นถามว่าเนยอยู่ไหน”
เสียงที่ดังขึ้นของคนแก้มป่องทำให้แทยังเงยหน้ามามองเธอ ก่อนจะหลุดคำถามที่ทำให้โซฮีถึงกับตบหน้าผากตัวเอง
“ว่าอะไรนะ?”
“ชั้นถามว่า...เนยอยู่ไหน....ชัดหรือยัง อกหักแล้วมานั่งเหม่อลอยอยู่ได้”
“เธอว่าใครอกหัก??”
แทยังถามสวนขึ้นทันที คนแก้มกลมทำหน้ามุ่ย
“ยังจะถามอีก...”
“เหอะ....ถึงเฮียจะอกหัก อย่างน้อยก็ยังดีกว่าคนอย่างเธอ”
“คนอย่างชั้นทำไม??”
โซฮียืนจังก้าถามทันทีเมื่อได้ยินน้ำเสียงดูแคลนนั้น แทยังไม่ตอบในทันที แต่ใช้สายตามองเด็กสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า
ถึงอานโซฮีจะหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู แต่บุคลิกของเธอไม่เข้ากับหน้าตาเลยสักนิด ใส่แต่รองเท้าผ้าใบผู้ชาย กางเกงยีนส์สีทึมๆ เสื้อเชิ้ตแบบที่ผู้หญิงไม่ชอบใส่....ถึงผมจะยาวก็เถอะ แต่แทยังก็คิดว่าเธอเหมือนพระเอกหนังรักเลสเบี้ยนซะมากกว่า....
“ก็ยังดีกว่าทอมที่ไม่มีผู้ชายมาสนใจ....แบบเธอ!!”
“นี่เฮีย!!”
อานโซฮีแผดเสียงดังลั่น ปากคอสั่นแต่เถียงไม่ออก....ก็ตั้งแต่เกิดมา เธอยังไม่เคยมีแฟนจริงๆจังๆเลยสักคน...ผู้ชายที่เข้ามาจีบก็ไม่มี เพราะอยู่แค่ที่ร้านนี่กับโรงเรียนผู้หญิงล้วน....
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะเป็นทอมสักหน่อย
เธอชอบผู้ชายนะ
ที่สำคัญ ผู้ชายคนนั้นมันก็นั่งอยู่ตรงหน้าเธอนี่แหละ!!
“พี่ มีคนมาขอพบน่ะครับ”
ก่อนที่ศึกย่อยๆ จะปะทุขึ้น ลีซึงฮยอนก็เดินมาขัดทัพได้ทันเวลา ดงยองเบเมินหน้าหนีคนแก้มป่องแล้วหันมาถามน้องชายห้วนๆ
“ใครมา มีอะไร??”
ซึงรียักไหล่ เบี่ยงตัวออกไปด้านข้างเผยให้เห็นคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา เด็กหนุ่มอายุท่าทางจะไล่เลี่ยกันกับซึงรี ร่างสูงและหน้าตาหวานๆ ของเขาช่างขัดกันอย่างสิ้นเชิงกับแว่นตาที่สวมอยู่....
“สวัสดีครับ ผมมาสมัครงานครับ...”
“เราไม่ได้ประกาศรับสมัครงานนี่”
“แต่รับไว้ก็ดีนะเฮีย ตอนนี้ลูกค้าเยอะมาก เราสี่คนจะเป็นบ้าตายกันอยู่แล้ว”
ซอนมีเดินมาเสนอ ทำให้เด็กหนุ่มผู้มาใหม่ยิ้มอย่างดีใจ เขาเงยหน้าขึ้นมามองแทยังแล้วอยู่ๆ ก็หยุดชะงัก เมื่อได้เห็นเด็กเสิร์ฟอีกคนยืนทำแก้มป่องอยู่ข้างๆ...
นะ....
น่ารัก....
“งั้นก็มาคุยกันก่อนแล้วกัน...ว่าแต่นายชื่ออะไรล่ะ”
“อะ...เอ่อ...คือว่าผม...เอ่อ...”
อยู่ๆ เด็กหนุ่มก็ติดอ่างขึ้นมากะทันหันเมื่อโซฮีพูดกับเขา ทุกคนมองหน้ากันงงๆ แทยังขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถามซ้ำ
“ว่าไง นายชื่ออะไร”
“ผะ....ผมชื่อ .... ชอนดุง...ครับ...”
*
*
*
*
“ทำไมชั้นต้องมาอยู่ห้องเดียวกับเธอ...อีกแล้ว!!!”
จียงบ่นพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ซอนเยไม่สนใจเขา หญิงสาวเดินไปเปิดม่านดูทะเลที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักอย่างเพลิดเพลิน ไม่ได้รู้สึกรู้สาเลยสักนิดที่ถูกจัดให้มาอยู่ห้องเดียวกันแบบนี้
“เธอกับคุณแม่นี่แผนสูงจริงๆ ให้ตายเถอะ”
จียงบ่นขึ้นอีกเมื่อเหลือบไปเห็นเตียงที่มีแค่เตียงเดียวตามประสาห้องสวีท....ไม่ใช่แค่ห้องสวีทธรรมดา แม่เขายังจงใจเลือกให้อยู่ห่างจากห้องอื่นๆ ในรีสอร์ตอีกด้วย....เขารู้ว่าซอนเยไม่รู้สึกกลัวเท่าไหร่หรอก เธอคงคิดว่าเขาคงไม่กล้าทำอะไรอยู่แล้ว แต่นั่นก็เป็นเพราะเธอไม่รู้ต่างหากล่ะ ว่าคืนนั้นเขาเกือบจะ...
“ไม่ใช่แผนมินมินค่ะ พูดให้มันดีๆด้วย”
ซอนเยปรามพร้อมกับดึงประตูกระจกนั้นออกให้ลมเย็นๆพัดเข้ามาในห้อง หญิงสาวสูดลมหายใจด้วยท่าทางสดชื่น
“ที่เกาะพีพีนี่อากาศดีมากเลยนะคะ....เหมือนมาเที่ยวมากกว่ามาทำงานเลย...”
“มันแปลกตั้งแต่ที่เลขากับเจ้านายนอนห้องเดียวกันแล้วล่ะ”
จียงพูดเซ็งๆ เดินไปหยุดอยู่หลังร่างเล็กเพื่อมองทิวทัศน์ข้างนอกบ้าง....ซอนเยหันหน้ามาหาเขา กลายเป็นว่าเธอยืนหันหลังพิงกระจก ส่วนจียงก็ยืนอยู่ตรงหน้าใกล้ๆเธอ.....ใกล้มาก....ใกล้เสียจนได้ยินเสียงลมหายใจที่ขาดหายไป....
“วันนี้ไม่มีตารางงานใช่ไหมคะ??”
“จะมีได้ยังไงล่ะ ก็นี่มันจะค่ำแล้ว...”
จียงพูดเก้อๆ เบือนหน้าหนีใบหน้าหวานที่อยู่ใกล้เขานิดเดียวออกไปที่วิวข้างนอก ซอนเยยิ้มกว้าง
“งั้นมินมินขอตัวไปเดินเล่นได้มั้ยคะ??”
“เชิญ....แต่อย่ากลับให้มันค่ำนักล่ะ”
“ขอบคุณค่ะ พี่จีใจดีที่สุดในโลกกกก....เลย”
คนผมสั้นพูดพร้อมกับแกล้งเขย่งตัวจะไปหอมแก้มเขา จียงกระโดดหนีโดยอัตโนมัติ หญิงสาวหัวเราะเบาๆ ด้วยความขำที่เห็นเสือผู้หญิงอย่างเขาแสดงท่าทีแบบนี้ ร่างบางยักคิ้วให้เขาหนึ่งทีก่อนจะเดินแกมวิ่งออกไปอย่างร่าเริง ทิ้งให้จียงถอนใจเฮือกอย่างโล่งอก....ใบหน้าคมเริ่มมีแววกังวลขึ้นมาแล้ว...
ทำไมพักหลังๆมา เขารู้สึกว่ายัยเด็กนี่....น่ารัก....??
งานเข้าแล้วสิ....
*
*
*
*
นาฬิกาที่ผนังบอกเวลาเกือบเที่ยงคืน....
ร่างโปร่งที่นั่งจดจ่อกับโน้ตบุ๊กบนเตียงเหลือบมองไปที่ประตูอย่างเป็นกังวล....ทำไมยังไม่กลับสักทีเนี่ย ไปเดินเล่นอีท่าไหนหายไปทีละสองสามชั่วโมง....
จียงลุกขึ้นไปเปิดผ้าม่าน แล้วชายหนุ่มก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นเม็ดฝนเกาะที่กระจก....คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันในทันที...
“ฝนตกตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย...”
จียงพึมพำเบาๆ ยืนละล้าละลังอยู่พักหนึ่งก็ตัดสินใจคว้าเสื้อคลุมของตัวเองเดินออกไปตามหาร่างบาง ในบริเวณรีสอร์ตนี้ค่อนข้างกว้างขวาง อีกทั้งฝนก็ยังตกไม่ยอมหยุด ทำให้การตามหาของจียงเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่เพราะเสียงฟ้าร้องที่ดังครืนครั่นอยู่เป็นระยะๆ ทำให้เขาไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจ...
เพราะเขาจำได้ดีว่า....หนึ่งในจุดอ่อนของยัยเด็กแสบนั่นก็คือ กลัวเสียงฟ้าร้องเป็นที่สุด...
จียงเดินตามหาจนเกือบทั่วบริเวณรีสอร์ตแต่ก็ไม่พบอะไร ซ้ำฝนยังตกหนักขึ้นเรื่อยๆ จนเสื้อคลุมที่เขากางบังฝนไว้เริ่มจะไร้ประโยชน์....จียงยกมือขึ้นเช็ดน้ำฝนที่ไหลลงมาบังตาก่อนจะมองไปรอบๆ อีกครั้ง แล้วเขาก็ได้เห็นร่างบางในสีเสื้อที่คุ้นตากำลังยืนโบกมืออยู่ที่ตู้โทรศัพท์นอกตัวรีสอร์ต
“พี่จี มินมินอยู่ทางนี้~~~”
“เออน่า รู้แล้ว จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
จียงตะโกนกลับแล้ววิ่งฝ่าฝนด้วยความเร็วสูงไปที่ตู้โทรศัพท์ ร่างโปร่งที่กระโดดเข้ามาทำให้คนที่ยืนอยู่ก่อนแล้วเซไปเล็กน้อย จียงคว้าตัวเธอไว้ได้ทัน ชายหนุ่มวางเสื้อลงพาดเครื่องโทรศัพท์แล้วหันมาเอาเรื่องเลขาตัวดีทันที
“มายืนทำบ้าอะไรอยู่นี่ รู้ว่าฝนตกทำไมไม่รีบกลับเข้าไป”
“มินมินตกท่อค่ะ....ส้นสูงหัก แล้วก็เจ็บขาด้วย วิ่งไปคงไม่ถึงแน่ๆ”
“กลัวหัวแตกตาย แต่ไม่กลัวเปียกว่างั้น...”
ร่างโปร่งเอ่ยปากแขวะอย่างหมั่นไส้ ซอนเยไม่เถียงกลับแต่ค่อยๆ กระเถิบเข้ามาใกล้เขาเมื่อเห็นฟ้าแลบ จียงเอื้อมมือมาปิดหูเธอได้ทันเวลาที่เสียงฟ้าร้องดังขึ้นพอดี แต่ร่างเล็กก็ยังไม่วายสะดุ้งจนสุดตัว
“รีบกลับเข้าไปข้างในดีกว่า ฝนคงไม่หยุดตกง่ายๆหรอก”
คนผมสั้นพยักหน้าหงึกๆอย่างเชื่อฟัง จียงส่งเสื้อคลุมที่เปียกจนหนักอึ้งไปให้เธอก่อนจะถอดเสื้อแขนยาวของตัวเองออกมาเป็นกำบังแทน ทั้งสองวิ่งฝ่าสายฝนมาจนถึงห้อง จียงสะบัดผมสีบลอนด์ที่เปียกน้ำของตัวเองอย่างเซ็งๆ
“ทำไมชั้นต้องใส่เสื้อกล้ามตัวเดียวเดินวิ่งเล่นกลางสายฝนด้วยเนี่ย....เธอนี่มันตัวซวยจริงๆ”
“มินมินขอโทษค่ะ....แต่มินมินก็ไม่ได้ตั้งใจจะเอาขาไปติดท่อซักหน่อยนี่นา”
ร่างเล็กเอ่ยปากขอโทษแต่โดยดี แต่ก็ยังไม่วายหาเหตุผลมางัดกับเขาได้เหมือนเดิม จียงหันขวับมาจ้องหน้าเธอทันที
“นี่เธอยังไม่ยอมรับว่าตัวเองผิดอีกเหรอ??”
“ใจเย็นๆ สิคะ มินมินไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย มินมินยอมรับผิดจริงๆ ก็แค่บอกว่าไม่ได้ตั้งใจแค่นั้นเอง....พี่จีอย่าทำตัวขี้โมโหสิ”
คนผมสั้นแหย่พร้อมกับแกล้งเอานิ้วจิ้มแขนเขาเบาๆ จียงมองหน้าอ้อนๆ ของเธอแล้วสะบัดหนี เดินไปนั่งที่เตียงพร้อมกับขยี้ผมตัวเองด้วยผ้าขนหนู แต่ร่างเล็กก็ยังไม่วายตามไปป่วนด้วยการกระโดดไปนั่งข้างๆ แล้วแย่งผ้าขนหนูมาถือเอง
“เดี๋ยวมินมินเช็ดให้แล้วกัน ถือซะว่าไถ่โทษที่ทำให้พี่จีต้องเปียก....คนเดียว”
ซอนเยพูดแล้วอมยิ้มนิดๆ นึกขำที่เธอติดฝนนานกว่าแท้ๆ แต่ทั้งเนื้อทั้งตัวแทบจะไม่เปียกอะไรเลย เพราะหลบอยู่ในตู้โทรศัพท์เกือบตลอดเวลา ตอนวิ่งกลับมาที่นี่เสื้อของจียงก็ช่วยบังเธอไว้คนเดียว คนถือเสื้อกลับต้องมานั่งหน้าหงิกหัวเปียกโชกอยู่ตรงนี้....
“ไม่ต้องพูดมาก จะเช็ดก็รีบๆเช็ด ถ้าพรุ่งนี้ชั้นไปจามใส่หน้านักธุรกิจไทยล่ะน่าดู...”
“ค่ะเจ้านาย~ เห็นว่าช่วยไว้หรอกนะ ช่วงนี้ช่วงโปรโมชั่น จะสั่งอะไรก็สั่งมา หมดโปรแล้วค่อยว่ากัน”
คนผมสั้นพูดยิ้มๆ ก่อนจะลงมือเช็ดผมให้คนตัวสูงกว่าอย่างตั้งใจ จียงมองใบหน้าสวยใกล้ๆเขาแล้วนิ่งไป...ค่อยๆ เบือนหน้าหนีไปทางอื่น ซอนเยขยับเข้ามาเช็ดผมด้านข้างของเขาโดยไม่ได้รู้เลยว่าเจ้าของเรือนผมจะต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนในการห้ามใจไปกับกลิ่นกายหอมอ่อนๆ ของเธอที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม...
“โอเค เสร็จแล้วค่ะ”
ร่างบางพูดยิ้มๆ ขยับจะลุกขึ้น แต่แล้วเธอก็ต้องหยุดกึกเพราะเหลือบเห็นฟ้าแลบจากกระจกด้านนอก จียงมองท่าทางแปลกๆของเธอแล้วขมวดคิ้ว
“เป็นอะไรของเธ...”
“ครืน!!!”
“กรี๊ดดดดดด!!!”
ขาดคำถามของจียง เสียงฟ้าร้องจากข้างนอกก็ดังสนั่นขึ้นมาเป็นคำตอบให้เขา มินซอนเยกระโดดทีเดียวถึงตักของคนตรงหน้า ใบหน้าหวานที่หลับตาปี๋ด้วยความกลัวซุกอยู่บนอกเขา....ปล่อยให้จียงอึ้งอยู่นาน กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น...
“พี่จี...ทำไมเสียงมันมาถึงข้างในได้ล่ะ??”
ซอนเยเงยหน้าขึ้นร้องประท้วงคนผมบลอนด์ แต่สายตาแปลกๆของจียงที่มองเธออยู่กลับทำให้หญิงสาวนิ่งไป...เสียงฟ้าร้องเมื่อครู่จางหาย...เหลือเพียงแต่เสียงหัวใจหนักๆ กับลมหายใจของคนตรงหน้าที่สะกดเธอเอาไว้ได้ชะงัด..
มินซอนเยมองลึกเข้าไปในดวงตาของจียง ที่ตอนนี้มันสะท้อนเงาเป็นภาพของหญิงสาวคนหนึ่ง....
และภาพนั้น....ชัดเจนขึ้นทุกที...
ริมฝีปากเย็นเฉียบของจียงเลื่อนมาหยุดที่เรียวปากนุ่มของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ได้....มันขยับเข้าครอบครองอย่างนุ่มนวลหากแต่ส่งผลให้ทั้งตัวของเธอร้อนผ่าวราวกับกำลังจะถูกเผา...ความเย็นชืดจากริมฝีปากนั้นค่อยๆ เปลี่ยนเป็นร้อนระอุ...หลอมละลายความยับยั้งชั่งใจจนมินซอนเยเผลอตอบสนองออกไป....
จียงถอนจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่ง...ตาคมมองใบหน้าสวยที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองเขาแล้วถอนใจ...
“ชั้นใกล้จะบ้าอยู่แล้ว....”
“อะไรนะ...”
ถ้อยคำแปลกๆจากร่างโปร่งทำให้ซอนเยหลุดคำถามออกไป แต่ไม่มีเสียงของคำตอบใดๆ นอกจากริมฝีปากหนักๆ ที่ประกบลงมาหลอมละลายเธออีกครั้ง สติของมินซอนเยแตกกระจายไปแสนไกล กว่าจะกลับมาได้ก็เมื่อหญิงสาวรู้สึกว่า หลังของเธอสัมผัสกับเนื้อผ้าของเตียงอุ่นๆ....
เธอ...กำลังถูกดันให้นอนลงบนเตียง....โดยที่ริมฝีปากอุ่นนี้ ยังไม่ยอมถอนออกไปแม้สักวินาทีเดียว....
“เธอทำให้ชั้น...ใกล้จะบ้าอยู่แล้ว....”
*
*
*
*
จีเยมีเอ็นซีแน่
แต่...
ไม่รู้จะใช่ตอนหน้าหรือเปล่านะ -3- (พลัวะ!! โดนรีดเดอร์ถีบ = =)
พรุ่งนี้ไรเตอร์จะส่งคอมไปเข้าอู่อีกครั้งค่ะ เนื่องจากไวรัสเหิมเกริมมาก แด๊กเรียบกระทั่ง Word จะอัพฟิคทั้งทีต้องใช้ Wordpad = = แต่ตอนที่แต่งเก็บไว้คิดว่าน่าจะพอนะ ยังไงก็อัพเหมือนเดิมค่ะ ^^
ความคิดเห็น