คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 ไม่รัก
*
*
*
ฝนเพิ่งหยุดตกไม่นานนัก....
นาฬิกาสีดำสนิทที่หัวเตียงบอกเวลาแปดโมงเศษๆ....ร่างสูงของชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนอยู่หน้ากระจกเงาบานเล็กที่เป็นโทนสีเดียวกันกับนาฬิกา...มือเรียวคู่นั้นค่อยๆ กลัดกระดุมเสื้อของตัวเองทีละเม็ด จนเมื่อมาถึงกลางอกเขาก็ต้องหยุดมือ เพราะรู้สึกได้ถึงร่างบางของคนที่เข้ามากอดจากข้างหลัง...
“ทำไมรีบแต่งตัวจังล่ะคะ....ไม่อยู่ต่ออีกสักหน่อยเหรอ”
สุ้มเสียงออดอ้อนเต็มทีของหญิงสาวที่อยู่ในชุดผ้าขนหนูผืนเดียวหุ้มกายไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มเกิดความรู้สึกอะไรมากนัก เขายิ้มให้เธอในกระจกแต่เริ่มกลัดกระดุมต่ออย่างไม่รีบร้อน
“มีธุระต้องรีบไปทำน่ะ วันหลังค่อยเจอกันนะ”
“วันหลังน่ะวันไหนล่ะคะ....พี่น่ะหาตัวยากจะตาย ชั้นรู้นะว่าพี่ไม่ได้มีชั้นคนเดียวหรอก”
หญิงสาวพูดเสียงกระเง้ากระงอด.....เธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่าที่ใครก็ได้มาง่ายๆ ฐานะทางสังคมของเธอก็สูงไม่น้อย เรียกได้ว่าพ่อแม่เป็นผู้มีอันจะกินเลยล่ะ แต่ดูเหมือนคนระดับสูงอย่างเธอจะเป็นได้แค่ของเล่นชั่วครั้งชั่วคราวของเขาเท่านั้นเอง เพราะเท่าที่รู้มา....ผู้หญิงคนอื่นๆของเขาก็ระดับลูกคุณหญิงคุณนายกันทั้งนั้น...
ทั้งที่รู้ว่ายาก แต่ดูเหมือนว่าผู้หญิงทุกคนพร้อมที่จะเสี่ยงกับหัวใจของผู้ชายคนนี้
ควอน จียง....
เจ้าของธุรกิจส่งออกอาหารอันดับหนึ่งของเกาหลี และแน่นอนที่สุด....หนุ่มโสดอันดับต้นๆ ที่สาวๆ วาดฝันอยากจะได้มาไว้ในครอบครอง
แต่หนทางของพวกเธอดูจะไม่ง่ายเลย....เพราะว่า...
“เธอรู้แล้วก็ดี...เพราะชั้นก็ไม่ได้มีเธอแค่คนเดียวจริงๆนี่นา”
ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับหันมายิ้ม แต่ทำให้คนที่ได้เห็นหน้าเสีย....หญิงสาวขยับเข้าไปกอดเขาไว้อย่างออดอ้อน
“อย่าเพิ่งไปเลยนะคะ....อยู่กับชั้นอีกสักหน่อยเถอะนะ”
ควอนจียงเหลือบมองนาฬิกาในมือแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย
“เลทจากเวลานัดไปนิดหน่อยนะเนี่ย...”
“ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่คะ เจ้าของธุรกิจไปสายหน่อยก็ไม่แปลก”
สาวเจ้ารีบหาช่องสนับสนุนพร้อมกับสอดมือเข้าไปในสาบเสื้อของเขาอย่างยั่วยวน จียงไม่ได้สนใจสัมผัสของเธอสักนิด เพราะตอนนี้เขากำลังวางแผนบางอย่างไว้ในใจ....
“นั่นสิเนอะ....”
ร่างสูงเอ่ยพลางยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
“ไปสายหน่อย....ก็ไม่แปลกอะไรนี่นา.....”
*
*
*
“ครืด....”
“ฮัลโหล....”
(ไอ้ลูกชายตัวดี แกมัวทำอะไรอยู่ถึงไม่รับโทรศัพท์แม่ หา!!!)
จียงบิดขี้เกียจหนึ่งทีก่อนจะตอบแม่เสียงเนือยๆ
“ออกกำลังกายอยู่มั้งฮะ”
ตาคมตวัดไปมองข้างเตียงที่ร่างเปลือยเปล่าของคู่ขากำลังหลับสนิทอย่างอ่อนเพลียอยู่ใต้ผ้าห่ม เสียงปลายสายแว้ดมาทันที
(นี่อย่าบอกนะว่าที่แกไปรับหนูมินมินสายเป็นชั่วโมงน่ะ เป็นเพราะแกกำลังทำกิจกรรมอย่างว่าอยู่กับผู้หญิงของแก !!)
“ก็คง....ประมาณนั้นมั้งฮะ...”
จียงตอบเสียงเนือยๆเช่นเคย ปลายสายแทบจะเต้นเร่าๆด้วยความขัดใจ
(นี่แกจะบ้าหรือไง !! ไอ้...ไอ้...ไอ้ลูกบ้า ไอ้ลูกไม่ได้ดั่งใจ ลุกจากเตียงนั่นเดี๋ยวนี้นะ รีบแต่งตัวแล้วไปรับหนูมินมินที่สนามบินเดี๋ยวนี้ ถ้าภายในสิบห้านาทีแกยังหาหนูมินมินไม่เจอ ชั้นจะตัดแกออกจากกองมรดก!!!)
“เฮ่อ...”
คำขู่ของมารดาทำให้จียงถอนใจอีกเฮือก ขู่ได้ขู่ดี ขู่แต่เรื่องมรดกนี่แหละ ถ้าไม่ยกให้เขาแล้วจะไปยกให้หมาแมวที่ไหนได้อีกล่ะเนี่ย....
(ถอนใจทำไม ใครอนุญาตให้แกถอนหายใจ หา!!! ลุกเดี๋ยวนี้ ชั้นพูดจริงทำจริงนะจะบอกให้!!!)
ตื๊ด!!!
จียงถอนใจรอบที่สามอย่างเหนื่อยใจ ชายหนุ่มโยนโทรศัพท์ลงบนเตียง มองหน้าจอที่ผู้เป็นมารดาบังคับให้เอาขึ้นเป็นวอลเปเปอร์อย่างเซ็งๆ
รูปคู่ของเขาในวัยเด็ก....กับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง สภาพของเขามันก็หล่อพอๆกับตอนนี้แหละ แต่เด็กข้างๆนี่สิ ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ....
หัวเถิกๆ แก้มบวมๆ ใส่แว่นตาอันเบ้อเริ่ม แถมยังน้ำมูกย้อยอยู่ตลอดเวลาอีกต่างหาก...
นี่แหละคู่หมั้นที่เขาต้องไปรับในวันนี้....
มิน ซอนเย ลูกสาวคนเดียวของตระกูลมิน พันธมิตรเก่าแก่ตั้งแต่รุ่นคุณปู่ของคุณปู่ของตระกูลควอน...
หรืออีกชื่อที่เขาเคยเรียกเป็นประจำสมัยก่อน....
ยัยเด็กน้ำมูกยืด!!!!
*
*
*
ณ ท่าอากาศยานใจกลางกรุงโซล
หนุ่มชาวต่างชาติคนหนึ่งกำลังนั่งฟังเพลงเพื่อฆ่าเวลา สายตาของเขามองไปรอบสนามบินอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก แต่แล้วเขาก็ต้องสะดุดกับร่างบางของหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่กลางสนามบิน...
ร่างเล็กนั้นอยู่ในชุดลายทางสีดำขาวที่สั้นเหนือเข่าขึ้นมาเกือบคืบ เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับเสื้อนอกสีดำสนิทกับเลกกิ้งลายเสือที่ดูเปรี้ยวจี๊ดพอๆ กับใบหน้าเรียวสวยภายใต้ทรงผมบ๊อบเทนั่น หญิงสาวตวัดสายตามองไปทั่วสนามบิน และเพียงวูบเดียวที่ดวงตาคมเฉี่ยวคู่นั้นผ่านตัวเขาไป ฝรั่งคนนั้นก็ถึงกับตะลึงงัน หูฟังที่สวมอยู่ไหลลงมากองที่คอในชั่วพริบตาเดียว
ให้ตายเถอะ....
คนบ้าอะไรวะ...สวยชะมัด.....
ร่างบางยกนาฬิกาในมือขึ้นมาดูแล้วขมวดคิ้วเข้าหากัน เรียวปากบางขยับพึมพำเบาๆ
“สายไปเกือบสองชั่วโมง....นิสัยยังแย่เหมือนเดิมเลยนะคะ พี่จียง”
มินซอนเยกระตุกยิ้มเล็กน้อยเมื่อเอ่ยชื่อนั้นขึ้นมา...ชื่อคู่หมั้นของเธอตั้งแต่วัยเด็ก ผู้ที่ไม่เคยจะเห็นว่าเธอเป็นคู่หมั้นเลยสักนิด อย่าว่าแต่คู่หมั้นเลยเถอะ เคยเห็นเธอเป็นมนุษย์บ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ เอะอะก็เอาแต่ล้อเลียน ผลักไส แถมยังหาเรื่องแกล้งเธอสารพัด ขนาดเธอไปอยู่เมืองนอกแล้วก็ยังไม่วายทำให้เธอเสียชื่อด้วยการควงหญิงไม่ซ้ำหน้าเหมือนตัวเองไม่มีคู่หมั้นยังไงยังงั้น....
กลับมาคราวนี้เธอไม่เหมือนเดิมแน่...เดี๋ยวก็รู้ว่าใครจะแกล้งใคร!!
*
*
*
“ตอนนี้ผมอยู่สนามบินแล้วฮะแม่ เลิกบ่นสักทีเถอะ ผมฟังแม่บ่นตั้งแต่อยู่ในรถแล้วนะ”
จียงพูดพร้อมกับมองไปรอบสนามบินเพื่อหาผู้หญิงสักคนที่น่าจะอ้วนๆ สิวเขรอะ หัวเถิก พูดง่ายๆว่าตอนนี้เขากำลังมองหาผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ตามภาพฝังใจของซอนเยในอดีตเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว
(งั้นก็รีบหาน้องให้เจอซะ พยายามชูเค้กให้เด่นๆด้วยล่ะ น้องเห็นเค้กก็คงรู้เองว่าเป็นแก ไวๆเข้านะ ชั้นใจร้อน !!)
ผู้เป็นแม่พูดแค่นั้นก็ตัดสายไปหน้าตาเฉย จียงถอนใจเฮือก....
“โถ...วัยรุ่นใจร้อน”
ชายหนุ่มพึมพำพร้อมกับมองเค้กปอนด์ใหญ่ในมืออย่างเซ็งๆ ปกติเวลามารับคนที่แอร์พอร์ตจะต้องมีป้ายชื่อของคนนั้นเพื่อจะได้หากันง่ายขึ้น แต่ด้วยความที่แม่เขาหลงใหลได้ปลื้มว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้เหลือเกิน ก็เลยทำให้เว่อร์เข้าไปอีกโดยการทำเค้กมาให้เขาถือ....
เค้กนมสด.....ที่ข้างหน้ามีชื่อของซอนเยตัวเบ้อเริ่ม แถมด้วยตุ๊กตาน้ำตาลรูปคู่บ่าวสาวอีกต่างหาก....
นี่กะจะใช้วันแต่งเลยว่างั้น....
“โครม!!”
“อุ๊ย!!!”
ในระหว่างที่จียงกำลังคิดอย่างเบื่อๆอยู่นั้นเอง ก็มีร่างของใครคนหนึ่งชนเขาจนเค้กนั้นหล่นลงไปกองกับพื้น ชายหนุ่มอ้าปากค้างมองเค้กที่คว่ำหน้าเละเทะอยู่กลางสนามบิน ก่อนจะหันไปมองตัวการโดยอัตโนมัติ
“ขอโทษค่ะ ขอโทษ ชั้นขอโทษจริงๆ”
หญิงสาวพร่ำขอโทษอย่างรู้สึกผิด ร่างบางย่อตัวลงเก็บเค้กขึ้นมาคืนให้เขา แต่ตายังมองเค้กอย่างเสียดาย...เละไปหมดแล้ว ปอนด์ใหญ่ซะด้วยสิเนี่ย...
“ไม่เป็นไรครับ”
จียงเอ่ยอย่างเซ็งๆ ชายหนุ่มถอดแว่นตาดำออกมาเหน็บไว้ที่คอเสื้อแล้วยื่นมือมารับเค้กมาจากมือของเธอ ซอนเยมองหน้าเขาอย่างคุ้นตา....
ตาแบบนี้...จมูกแบบนี้...ริมฝีปากแบบนี้....กับน้ำเสียงคุ้นๆ แบบนี้....
หญิงสาวก้มลงมองเค้กในมือตัวเอง ถึงมันจะเละไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีบางส่วนที่คงสภาพดีอยู่ และทำให้เธออ่านตัวอักษรหน้าเค้กออกได้หนึ่งคำ...
คำว่า “เย”....
“แต่คราวหน้าเดินระวังหน่อยนะครับ อย่าไปชนใครเข้าล่ะ”
จียงว่าพร้อมกับเอื้อมมือไปเอาเค้กในมือเธอ แต่คราวนี้ซอนเยไม่ให้...หญิงสาวชักมือกลับไปนิดหนึ่ง มองใบหน้าไม่พอใจของเขาแล้วยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย จียงชักสีหน้านิดหน่อย
“คุณครับ...ขอเค้กผมคืนด้วย”
“ก็มาเอาคืนไปสิคะ”
จียงเลิกคิ้วกับคำพูดแปลกๆนั้น แต่เขาก็รีบเกินกว่าจะใส่ใจ ชายหนุ่มเอื้อมมือไปคว้าเค้กมาอีก ครั้งนี้ซอนเยยื่นให้แต่โดยดี แต่แทนที่จะส่งให้ดีๆ หญิงสาวกลับดันมันขึ้นมาข้างบน และผลักมันให้ปะทะเข้ากับใบหน้าของจียงแบบเต็มๆ
“เฮ้ย!!!!”
จียงร้องลั่นเมื่อเค้กทั้งก้อนพุ่งเข้ามาใส่หน้าเขา ซอนเยแกล้งยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ แต่ที่จริงแล้วกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นเขาดึงเค้กออกมาจากหน้าตัวเอง แต่คราบครีมและเนยยังเลอะเต็มหน้าเขาไปหมด ขาวโพลนตั้งแต่เรือนผมสีทองนั่น....ลามมาจนถึงคอเสื้อ....
“นี่คุณทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย เลอะหมดแล้ว!!!”
ชายหนุ่มโวยวายพลางพยายามเช็ดคราบเค้กออกจากหน้า แต่ยิ่งเช็ดก็ยิ่งเลอะ และยิ่งมันเลอะก็ยิ่งทำให้เขาโมโห ซอนเยกลั้นหัวเราะไม่อยู่ หญิงสาวก้มตัวลงโค้งให้เขา
“ขอโทษนะคะ พอดีว่าชั้นน่ะ...”
ร่างบางหยุดนิดนึงก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ไม่ได้ตั้งใจ”
จียงเลิกคิ้ว มองร่างบางที่เดินเฉิดฉายจากไปแล้วพึมพำอย่างหงุดหงิด
“ขอโทษแต่ยิ้มเยาะเย้ยเนี่ยนะ....บ้าหรือเปล่าเนี่ย สวยซะเปล่าไม่ช่วยอะไรเลย”
ชายหนุ่มบ่นแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดครีมออกอย่างยากลำบาก สายตาของคนที่มองมาทำให้เขารู้สึกว่าคงอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว ชายหนุ่มหันหลังจะกลับไปที่รถ แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักเพราะฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา
“พี่จีแกล้งมินมินทำไม มินมินเปียกหมดแล้ว”
“ขอโทษที พอดีว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจน่ะ ฮ่าๆๆๆๆ”
จียงกะพริบตาถี่ๆ สะบัดหัวไปมาไล่ความคิดไร้สาระนี้ออกไป เป็นไปไม่ได้หรอก ยัยเด็กซอนเยไม่มีทางหน้าตาแบบนั้นแน่ มันคงเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น
จียงหารู้ไม่ว่า “ยัยเด็กซอนเย” ของเขานั้น ตอนนี้กำลังโทรศัพท์อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก
“ค่ะคุณแม่....ตอนนี้มินมินเรียกแท็กซี่แล้วนะคะ ใช่ค่ะ หนูไม่เห็นพี่จีเลยกลับเองดีกว่า ไม่เป็นไรหรอกค่ะ.... ค่ะ ค่ะ.... งั้นเดี๋ยวเจอกันนะคะคุณแม่”
เด็กสาวส่งยิ้มก่อนจะกดตัดสาย ตาสวยคู่นั้นมองไปที่รถสปอร์ตสีเหลืองบาดตาที่กำลังเคลื่อนตัวออกไป มินซอนเยมองคนขับที่หน้ายังขาวโพลนไปด้วยคราบเค้กแล้วยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
“เดี๋ยวเจอกันนะคะ....ไอ้พี่จียง....”
*
*
*
อาหารซึ่งถูกตกแต่งอย่างสวยงามถูกวางลงบนโต๊ะไม้สักขัดมันตัวใหญ่อย่างทะนุถนอม ตามมาด้วยแก้วคริสตัลทรงสูงที่ถูกจัดวางลงข้างๆ กัน ละอองไอน้ำพวยพุ่งออกมาเมื่อขวดไวน์ถูกเปิดจุกออกด้วยมือของใครบางคน ก่อนที่ไวน์สีม่วงเข้มจะถูกรินลงไปในแก้วจนเกือบครึ่ง และในที่สุด เทียนหอมสีชมพูที่ตั้งรวมกันอยู่ตรงกลางโต๊ะก็ถูกจุดประกายไฟขึ้นมาจนสว่างไสว...
“เฮ้อ..เสร็จสักทีนะ”
หญิงสาวผิวสีแทนพูดพลางถอดถุงมือออก ยกมือขึ้นปาดเหงื่อออกจากใบหน้าด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่ใบหน้าสวยคมนั้นกลับอมยิ้มด้วยความภูมิใจ เธอกวาดตามองทั้งโต๊ะอาหารอย่างชื่นชมในฝีมือของตัวเอง ที่ทำอาหารมากมายขนาดนี้ในเวลาเพียงไม่นานได้สำเร็จ อุตส่าห์กลับจากที่ทำงานเร็วเพื่องานนี้โดยเฉพาะเลยนี่นา...
เมื่อความคิดมาถึงตรงนี้ ดวงตาคมก็หันไปมองปฏิทินที่ผนังด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม.. วันนี้.. วันครบรอบงานแต่งงานของเธอกับผู้เป็นสามี ชเวซึงฮยอน ไม่น่าเชื่อเลยว่าวันนั้นจะผ่านมาได้เป็นปีแล้ว.. ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ...
‘อย่าลืมทำอาหารเยอะๆ ไว้นะลูก วันนี้แม่จะไปกินด้วย’
คำพูดของชเวอึนจองที่คุยโทรศัพท์กันเมื่อกลางวันดังขึ้นอีกครั้ง คิมยูบินยิ้มบางๆ ไม่รู้นานเท่าไหร่แล้วเหมือนกันที่เธอเคยลงมือทำอาหารมากมายขนาดนี้ ถึงฝีมือเธอจะไม่ดีนัก แต่แม่สามีก็ชมเสมอว่ารสชาติใช้ได้ ชมบ่อยครั้งเสียจนเธอชินไปเสียแล้ว
อยากได้ยินคำชมจากคนอื่นบ้าง...
แล้วนี่...เมื่อไหร่จะกลับนะ...
“บรืนนน”
เสียงเครื่องยนต์แรงสูงที่ดังกระหึ่มเข้ามาทำให้ยูบินที่กำลังเหม่ออยู่กับการล้างมือสะดุ้งเฮือก หญิงสาวมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นรถสปอร์ตคันหรูกำลังแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอทันที คิมยูบินรีบเช็ดมือแล้วก้าวออกไปที่ห้องอาหารอย่างรวดเร็ว
“พี่ท็อป กลับมาแล้วเหรอคะ”
ประโยคที่ดูสดใสนั้นถูกตอบกลับมาด้วยแววตานิ่งเฉยของอีกคนทันที ท็อปกวาดตามองโต๊ะอาหารก่อนจะตอบเสียงเรียบเฉย
“อืม...”
“งั้นไปอาบน้ำก่อนนะคะ ชั้นเตรียมอาหารไว้เยอะเลย วันนี้คุณแม่...”
“แม่ชั้นจะมาบ้านสินะ”
ท็อปขัดขึ้นอย่างรู้ทัน ยูบินพยักหน้ายิ้มๆ ชายหนุ่มมองเธอแวบหนึ่งแล้วเดินก้าวยาวๆ ขึ้นบันไดไปโดยไม่พูดอะไร ยูบินมองตามร่างนั้นไปแล้วยิ้มออกมาบางๆ นั่งลงที่โต๊ะอาหารเพื่อรออย่างอดทน..
เทียนพร่องลงไปไม่มากนัก เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นมาจากชั้นบน ยูบินละสายตาจากเทียนไปที่บันไดด้วยรอยยิ้มดีใจ แต่เมื่อได้เห็นท็อป รอยยิ้มก็ค่อยๆ หายไป...
เขาใส่ชุดออกไปเที่ยว...
“บอกแม่ด้วยว่าชั้นไม่ว่าง กินกันไปก่อนละกัน”
ท็อปพูดเสียงเรียบพลางกลัดกระดุมที่เหลืออย่างรวดเร็ว ร่างสูงก้าวยาวๆ จนจวนจะพ้นประตูบ้าน หากว่าไม่มีเสียงหนึ่งขัดขึ้นเสียก่อน..
“แต่คุณแม่กำลังมาถึงนะคะ”
“ก็บอกให้กินกันไปสองคนไง”
ท็อปหันไปเน้นเสียงคำว่าสองคนอย่างไม่พอใจ ยูบินนิ่งงัน มองเขาอย่างตัดพ้อ
“คิดว่าชั้นรู้ไม่ทันเหรอว่าแม่มาเพราะจะใช้ตัวเองเป็นข้ออ้างให้ชั้นอยู่กินข้าวกับเธอ..หึ..ฝันไปเถอะ ”
“พี่จำไม่ได้เหรอคะ ว่าวันนี้วันอะไร...”
น้ำเสียงที่ถามนั้นสั่นพร่าขึ้นทุกทีตามแรงสะอื้นเบาๆ ในอกของคนพูด ท็อปยิ้มเยาะ
“จะวันอะไรก็ไม่มีความหมายอะไรกับชั้น เพราะชั้นไม่ได้อยากจะแต่งกับเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จะครบรอบหนึ่งปี สองปี หรือร้อยปี ชั้นก็ไม่สนใจ”
“พี่ท็อป...”
“จำคำที่ชั้นพูดกับเธอวันแต่งงานได้ไหมยูบิน.. ท่าทางเธอคงจะจำอะไรไม่ได้สินะ ถึงได้เรียกร้องอะไรอย่างนี้กับชั้น”
ท็อปพูดด้วยแววตาเย็นชา ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่แยแสสักนิด ทิ้งคนข้างหลังให้ยืนตัวสั่นเทาอยู่กับแสงเทียนที่ร่อยหรอลงทุกที..
คิมยูบินเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง หยาดน้ำสีใสหยดลงจากขอบตาที่ร้อนผ่าว...
คำพูดของท็อปในวันแต่งงานก้องสะท้อนไปทั้งโสตประสาท...
“งานนี้มันเกิดขึ้นเพราะธุรกิจทั้งนั้น เธอเป็นเจ้าของชั้นได้แค่ในทะเบียนสมรส แต่อย่าหวังเลยว่าเธอจะได้หัวใจของชั้น ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหนๆ ชั้นก็ไม่มีวันรักเธอ !”
*
*
*
เสียงกริ่งหน้าห้องทำให้หญิงสาวที่กำลังจิบเบียร์อยู่เดินนวยนาดไปส่องดูที่ช่องตาแมว เมื่อเห็นว่าใครมาหาถึงห้องเธอก็เปิดประตูรับด้วยรอยยิ้มหวานทันที
“นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว”
แทฮราพูดแล้วเขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มผู้มาเยือนเบาๆ ท็อปสีหน้าเรียบเฉย เดินเข้ามาทิ้งตัวนั่งบนโซฟาอย่างเซ็งๆ
“ไม่ฉลองวันแต่งงานหน่อยหรือคะ”
แทฮราเอ่ยถามขณะที่ส่งแก้วเบียร์ให้เขาแล้วเบียดตัวลงนั่งข้างๆ ท็อปยกเบียร์ขึ้นจิบแล้วตอบห้วนๆ
“ไม่ล่ะ..รำคาญ”
นางแบบสาวฮอตแค่นหัวเราะเบาๆ ยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบบ้าง แต่แววตายังจ้องเขาอยู่อย่างไม่ยอมลดละ
“น่าแปลกนะ...เมียคุณก็สวยออก ทำไมคุณถึงไม่ชอบเธอล่ะ”
“อยากให้ผมชอบหรือไง”
ท็อปย้อนถามนิ่งๆ แทฮราหัวเราะคิก
“ไม่ค่ะ...ชั้นอยากให้คุณชอบชั้นมากกว่า”
ตอบเสียงนิ่งเฉยแต่แววตาซ่อนเร้นเลศนัยอย่างปิดไม่มิด ท็อปถอนใจเบาๆ วางแก้วเบียร์ลงแล้วหันมาเชยคางหญิงสาวขึ้นจูบ ปลายลิ้นทั้งสองเกี่ยวกระหวัดกันอย่างร้อนแรงอยู่ครู่หนึ่ง แทฮราก็ขืนตัวออก
“จะดีเหรอคะ..นัดเพื่อนมาที่นี่ไม่ใช่เหรอ”
“กว่ามันจะมา...ก็ทันเวลาพอดีแหละ”
ท็อปตอบใบหน้าเรียบเฉย ดึงแทฮราเข้ามาจูบอีกแล้วโน้มตัวเธอลงไปบนโซฟาอย่างง่ายดาย เพราะอีกฝ่ายไม่ได้คิดจะขัดขืนแม้แต่น้อย...
*
*
*
*
คิดชื่อเรื่องภาษาไทยไม่ออกจริงๆ 55555
จนปัญญากับการตั้งชื่อฟิคมาก เรื่องต่อไปจะให้รีดเดอร์ตั้งกันเองละ ^^
ความคิดเห็น