คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ไอ้หัวแดง
บทที่6
ไอ้หัวแดง
“ปราสาทสวยๆแบบนี้ทำไมถึงมาอยู่กลางป่า” ไลท์คิดในใจก่อนจะมองสำรวจไปรอบๆปราสาทเพื่อหาใครบางคนที่พาเธอมาแล้วหายไปโดยไม่บอกไม่กล่าว
“เลือดฉันต้องการเลือดๆเลือดๆ”เสียงคางๆเบาๆที่ชวนขนหัวลุกดังขึ้น ทำเอาไลท์สะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ
“ไอ้บ้าตัวไหนมันมาคางบ้าอะไรอยู่ตรงนี้วะ”หญิงสาวสบถกับตัวเองเบาๆก่อนจะมองไปรอบๆอีกครั้งเพื่อหาต้นเสียง แต่เสียงนั่นก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ”เลือดๆเลือดๆ”
ในที่สุดเธอก็หาต้นเสียงเจอ ในขณะที่มองมาทางโซฟาที่มีร่างของชายหนุ่มผมแดงนอนอยู่”ไอ้นี่เองซินะ”
“เลือดเอาเลือดให้ฉันที”ชายหนุ่มคางต่อไปเรื่อยๆพร้อมทั้งยื่นมือออกมากวักอะไรบางอย่าง ใบหน้าของชายหนุ่มตอนนี้นั้นเป็นสีขาวซีดริมฝีปากดำคล้ำทางท่าอิดโรย ไลท์เห็นดังนั้นจึงตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อดูว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นอะไรมากหรือเปล่ารวมไปถึงการป้องกันตัวไว้ก่อนถ้าไอ้คนที่นอนอยู่เป็นอย่างที่เธอคิดไว้มันชั่งหน้ากลัว
“นายเป็นอะไรรึเปล่า” ไลท์ถามขึ้นแต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับจากชายหนุ่มผู้นั้นจะมีก็แต่เสียงคาง พร่ำเพ้อถึงเลือด
“นี่นายฉันถามว่าเป็นอะไรรึเปล่า” ไลท์ถามซ้ำอีกรอบพร้อมทั้งเขย่าร่างขงชายหนุ่มแต่ทันทีที่แตะร่างของเขาความเย็นก็แผ่ซ่านเข้ามาที่ฝ่ามือทั้งที่ไม่ได้โดนผิวโดยตรงแท้ๆกลับเย็นขนาดนี้หญิงสาวรีบชักมือออกมาโดยเร็วแล้วรีบถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็วเป็นการป้องกันไว้ก่อนเพราะชายหนุ่มผู้นี้มีคุณสมบัติครบเลยเหมือนกับสิ่งที่เธอกลัวมากที่สุดและไม่อยากจะเจอมากที่สุดเช่นเดียวกันหน้าซีดตัวเย็นริมฝีปากคล้ำ นี่ถ้าถอดหัวได้หละใช่เลย
“เป็นตัวอะไรกันวะนี่” ไลท์เริ่มมีอาการตัวเย็นขนเริ่มลุกสติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแต่มองซ้ายมองขวาอย่างหวาดหวั่นแล้วรีบตั้งท่าที่จะออกไปจากที่นี่แต่
“ยัยบื้อเธอตั้งท่าจะไปไหนนะ” เสียงของชายหนุ่มผมเงินที่หายไปนานดังขึ้น
“ฉันก็จะออกไปข้างนอกนะซิถามได้”หญิงสาวผมสีน้ำตาลแดงตอบอย่างไม่รู้ตัวแล้วเหลือบไปมองร่างของชายหนุ่มผมแดงหรือไม่งั้นก็อาจจะเป็นวิญญาณ
“ออกไปไม่ได้ฉันยังไม่อนุญาต”แอลริคออกคำสั่งเสียงเข้ม
“แต่ว่านั่นนะ”หญิงสาวชี้ไปที่โซฟาโดยที่ไม่ได้หันมามอง
“นี่เธอกลัวมันรึไง”แอลริคพูดแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ
“ หันกลับมานี่ฉันจะทำอะไรให้ดู”
ไลท์ค่อยๆหันกลับมาก็จ้องพบกลับแก้วน้ำที่มีของเหลวสีแดงขุ่นบรรจุอยู่ซึ่งตอนนี้มัน อยู่ในมือแอลริค
“ดูให้ดีนะคอยดู”ชายหนุ่มชุแก้วนั้นขึ้นแล้วเดินเข้าไปใกล้ชายหนุ่มผมแดงที่นออยู่ เขาง้างปากของชายหนุ่มที่นอนอยู่บนโซฟาแล้วหลังจากนั้นก็เทน้ำสีแดงที่ อยู่ในแก้วใส่ปากไปจนหมดแก้ว
“นี่นายทำอะไร” ไลท์ถามขึ้นเพราะตกใจในการกระทำของแอลริคแต่มันก็ทำให้ชายหนุ่มผมแดงค่อยๆลืมตาขึ้นเผยให้เห็นดวงตาสีดำทมิฬผิวที่เคยขาวซีดกลับเป็นสีขาวเปล่งปลั่ง ริมฝีปากที่เคยดำคล้ำก็กลับกลายเป็นสีเปล่งปลั่งอย่างคนมีสุขภาพดีแล้วยิ่งไปว่านั้นผมสีแดงเพลิงที่เป็นประกาอยู่แล้วกลับเจิดจ้าเป็นประกายยิ่งกว่าเก่า
“โอ้ยแกทำอะไรของแกฉันเกือบสำลักตายอยู่แล้ว”ชายหนุ่มพูดเบาๆพลางจับคอตัวเองแล้วไอ้คอกๆแคกๆ
“นั่นนายทำอะไรกัน แล้วนายเป็นตัวอะไร”ไลท์ถามขึ้นอย่างสงสัย
“ ขอโทษทีนะฉันแค่อยากแกล้งเธอไม่มีอะไรหรอก”ชายหนุ่มผมแดงตอบแล้วยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“แกล้งงั้นเหรอ”หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้น
“เธอต้องขอบคุณฉันนะถ้าฉันไม่เอาเลือดไปกอกปากมัน มันคงแกล้งเธอจนหัวโกร๋น เอ๋แต่จะว่าไปชักอยากเห็นคนหัวโกร๋นวะแล้วซิเฮ้อคิดผิดๆ”แอลริคยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วหัวเราะลั่นแต่ในขณะที่หญิงสาวผมสีน้ำตาลแดงตรงหน้าเริ่มมีอารมณ์โกรธนิดๆแล้ว
มาหลอกกันได้
“สนุกมากเลยใช่ไหมพวกนายที่ทำให้คนอื่นเค้ากะกลัวนะ”
“ เอาน่าสนุกๆไป เธอชื่ออะไร ฉันชื่อ เรสนะ อ่าอย่าเครียดนะนานทีจะมีเพื่อน แล้วอีกอย่างอย่าโทษแอลริคนะ”เรสพูดเรียบๆอย่างอารมณ์ดีและเป็นมิตรกว่าใครบางคนที่เจอตั้งแต่ทีแรกก็ตะโกนด่าซะแล้ว
“ฉันชื่อไลท์อาเทียเรียกไลท์เฉยๆก็ได้ยินดีที่ได้รู้จักนะเรส”ไลท์ยิ้มเจื่อนๆแล้วหันไปมองแอลริคด้วยหางตา
“งั้นยินดีที่ได้รู้จักนะไลท์จัง” เรสยิ้มกว้าง
“ทำความรู้จักไว้ก็ดีงั้นรีบๆไปกันเถอะ เอ๊าเอาไป” แอลริคพูดขึ้นแล้วโยนกระเป๋าสะพายสีดำที่วางอยู่ใกล้ให้เรส ก่อนจะหยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นมาสะพายแล้วเดินออกไปจากปราสาทโดยไม่สนใจใคร เรสหันไปมองแอลริคแล้วเบ้ปาก
“ นิสัยไม่เคยเปลี่ยนอย่างไปถือสามันเลยนะถ้าเป็นแบบนี้บ่อยๆถ้ามันไม่เป็นแบบนะซิแปลก”เรสลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินเข้ามาหาไลท์ใกล้ๆเป็นเชิงว่าไปกันเถอะ
แล้วทั้งสองก็เริ่มเดินเพื่อจะออกไปนอกปราสาททันทีที่ออกมาพ้นประตูมันก็เลื่อนปิดและล็อคอย่างอัตโนมัติ
“ทิกซี่ดูแลบ้านให้ดีนะ” เรสพูดขึ้น
“ นายพูดกับใครนะ”ไลท์ถามขึ้นด้วยความสงสัย
“พูดกับบ้านะซิให้ช่วยดูแลความเรียบร้อย”เรสพูดยิ้มๆอย่างสบายใจแต่ไลท์กับงงเหลือเกินแต่ก็ไม่อยากถามเท่าไหร่เพราะดีไม่ดีจะงงยิ่งไปกว่าเดิม
“ไลท์จังฉันต้องขอโทษอีกทีนะที่ฉันแกล้งเธอนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกว่าแต่นายลงทุนทำขนาดให้ตัวเย็นผิวซีด ปากคล้ำได้ไงนะบอกหน่อยซิ”
“เหอๆไอ้แบบนั้นนะฉันไม่ได้ทำอะไรเลยต่างหากมันเป็นอาการตอนที่ฉันหิวนะ แต่พอได้กินเลือดก็จะกลับมาเป็นปกติ”เรสพูดเรียบๆอย่างปกติแล้วยิ้มให้ไลท์แต่เธอกับประหลาดใจและเริ่มระแวงแล้วว่ามนุษย์ที่ไหนเค้ากินเลือดกันหรือว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะเป็นอย่างที่คิดไว้ตอนแรก
“ หา!กินเลือดนายเป็นตัวอะไรกันเนี่ย” ไลท์ตะโกนออกไปโดยไม่รู้ตัวทำเอาเรสตกใจเล็กน้อยส่วนแอลริคที่ถึงแม้จะเดินนำหน้าไปเยอะแล้วก็ยังแอบได้ยินเพราะเสียงไม่ใช่เบาๆชายหนุ่มผมเงินหันกลับมามองแวบนึงแล้วหันกลับไปแอบหัวเราะแล้วพึมพำในใจ”สมกับเป็นยัยบื้อจริงๆ”
“ ฉันก็เป็นแวมไพร์นะซิไลท์จัง”เรสตอบพร้อมกับอ้าปากโชว์เคี้ยวทั้งสองข้างให้ไลท์ดู
“ เฮ้ยยย” หญิงสาวตะโกนลั่นแล้วกระโดดหนีไปอย่างรวดเร็ว
“ อย่ากลัวซิไลท์จังอย่างน้อยฉันก็ไม่กินเลือดมนุษย์นะ”
“จะจะให้มะไม่กลัวได้ไงเล่นโชว์ซะขนาดนี้” คนขี้กลัวพูดตะกุกตะกักพลางทำหน้าขยาดแวมไพร์หัวแดงตรงหน้า
“ ขอโทษนะอย่ากลัวฉันเลย” แวมไพร์หัวแดงเดินเข้ามาใกล้ๆแล้วยิ้มกว้างให้อีกรอบ
“ กะก็ได้” ไลท์พยามเรียกสติกลับมาแล้วทำตัวเป็นปกติ
“ดีมากแล้วไลท์จังมีอะไรสงสัยอีกไหมถามมาได้เลย”
“ จริงซินายเป็นแวมไพร์แล้วมาเดินกลางแดดเปรี้ยงๆแบบนี้ได้หละเนี่ย”คนขี้สงสัยถามขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ อ๋อฉันเป็นแวมไพร์รุ่นพิเศษนะไม่กลัวแดดไม่กลัวกระเทียม”เรสตอบแล้วกระโดดเหยงๆไปมา
ทั้งสองกันมาเรื่อยๆเดินไปคุยไปมาตลอดทางโดยที่ไลท์ก็ถามปัญญาคาใจที่มีมากเหลือเกินส่วนเรสก็ตอบอย่าสบายๆและถามกลับเป็นบางครั้งจนตอนนี้เพื่อนที่เรียกได้ว่ารู้จักกันยังไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำกลับรู้เรื่องของอีกฝ่ายจนแทบจะหมดแล้ว จนมาถึงน้ำตกและทุ่งดอกไม้ที่ไลท์ผ่านมาตอนแรกเธอหยุดอยุ่ตรงหน้าน้ำตกเพื่อมองหาเพื่อนสามคนที่แอบหนีไปเล่นน้ำกัน
“มองหาอะไรอยุ่ไลท์จัง”
“เพื่อนนะ”
“นั่นรึเปล่าเพื่อนของไลท์จัง” เรสพูดพลางชี้ไปที่ชั้นสูงสุดของน้ำตกที่มีคนสามคนกำลังเล่นน้ำกันอย่างเมามันซึ่งทั้งสามคนนั้นก็คือ ฟาเรส บาเรีย เจฟ
“ ใช่จริงๆด้วยไอ้พวกนี้ยังไม่เลิกเล่นกันรึไงเนี่ย” ไลท์บ่นพึมพำ
“เฮ้พวกนั้นนะเลิกเล่นกันได้แล้วเราต้องรีบไปนะเราพึ่งถึงทาคารัสเองนะอีกตั้งเกือบสามชั่วโมงนะ”ไลท์ตะโกนเรียก
“ อ่าไลท์ไปไหนมา มาเล่นน้ำด้วยกันซิ”ฟาเรสตะโกนตอบพลางกวักน้ำใส่บาเรียกับเจฟ
“ไม่เล่นเว้ย ลงมาเดี๋ยวนี้ท่าไม่รีบมาจะไปบอกให้โรเซนมาตามเองนะ”ไลท์ตะโกนขึ้นอีกรอบอย่างเริ่มหัวเสียเล็กน้อย
“ ก็ได้เดี๋ยวแปปนึง” ฟาเรสตะโกนตอบอีกครั้ง
“ ไลท์จังเราไปกันก่อนก็ได้นะเฮ้อน่าสนุกจังนะแต่ต้องรีบไปแล้วซิ” เรสพูดขึ้นแล้วมองขึ้นไปทาง ฟาเรส บาเรีย เจฟกำลังเล่นน้ำอยู่ สายตาของเขานั้นมองทั้งสามคนอย่างอาลัยอาวรณ์
“ ไปก็ดีเรสจัง”
บนยาน E 21 ห้องนั่งเล่น
โรเซนกับฟาริสนั่งคุยกันอยู่บนโซฟาในหัวข้อเรื่องระบบของยานที่พึ่งแก้เสร็จอย่างยากลำบาก ทำเอาฟาริสเหงื่อตก โรเซนก็วิ่งวุ่นอยู่ในห้องเครื่อง
“ เฮ้อกว่าจะแก้ได้โรเซนว่าไหม” ชายหนุ่มผมสีดำแกมน้ำเงินถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะนอนแผ่ราบไปกับโซฟา
“แก้ยากพอสมควรเลยหละ กว่าจะหาต้นเหตุเจอ”ชายหนุ่มผมสีทองผู้เป็นหัวหน้าหน่วยพุดเรียบๆ
“ ไม่นึกว่าจะเป็นฝีมือของ
” ฟาริสพูดอีกขึ้นอีกรอบแต่ยังพูดไม่จบประโยคก็ต้องหยุดชะงักซะแล้ว
“ ของฉันหละซินะรู้กันแล้วก็ดีอุตส่าห์รีบกลับมา” เสียงที่เข้ามาขัดฟาริสก็คือเสียงของแอลริคที่พึ่งเดินเข้ามาในยานแล้วได้ยินพอดี
“ อะเอ๋อ” ฟาริสอ้ำอึ้ง
ซวยแล้วเราไม่น่าพูดมากเลย
“ต้องขอโทษพวกนายด้วยนะที่ทำให้ยุ่งยากนะ ฉันมันขี้เกียจเองหละที่ไม่ไปบอกพวกนายให้เอายานลงจอดก็เลยเจาะระบบนะคงไม่ว่ากันนะ” แอลริคพูดเรียบๆ
“ ไม่เป็นไรหรอกครับแค่นี้เอง” ฟาริสพูดแล้วยิ้มให้แอลริคก่อนจะก้มหน้าลง
พูดไปได้แค่นี้เองเกือบตาย
“ แล้วนายหละคุณหัวหน้าหน่วย นายชื่อโรเซนหละซินะ”
“ ผมก็เหมือนกับ ฟาริสหละครับองค์รัชทายาท” โรเซนพูดเสียงเย็นซึ่งเป็นปกติพลางลุกขึ้นจากโซฟาแล้วโค้งคำนับแอลริค
แอลริคยิ้มมุมปากก่อนที่จะพูดขึ้นว่า” นึกว่าจะไม่มีใครรู้ซะอีก เพราะไอ้สีผมนี่ซินะ”
“ หะหาองค์รัชทายาท” ทันทีที่แอลริคพูดจบฟาริสก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วโค้งคำนับแอลริคอย่างรวดเร็ว
“ ท่าทางจะมีแต่นายซินะที่รู้โรเซน อ่าส่วนนายคงจะเป็นฟาริส”
“ ใช่ครับ” ฟาริสตอบในขณะที่ก้มหน้าอยู่
“ อืมงั้นฉันขอตัวไปก่อนนะแล้วอย่าไปบอกใครนะเรื่องฐานะฉันไม่อยากให้ทุกคนวางตัวลำบากนะ”แอลริคยิ้มมุมปากก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง
“ อ๊ากจะบ้าตาย “ ฟาริสกุมศีรษะตัวเองแล้วเขย่าไปเขย่ามา
“ ใจเย็นซิดูท่าทางท่านแอลริคจะไม่โกรธอะไรนะ” โรเซนพูดเรียบๆก่อนจะหยิบหนังสือที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมาอ่าน
“ นี่ฉันไม่รู้เลยนะว่าท่านแอลริคนะเป็นองค์รัชทายาทนะฉันรุ้แค่ว่าเป็นน้องชายของเพื่อนท่านเวนอสนายรู้ได้ยังไงกัน”ชายหนุ่มผู้กำลังทุกข์หนักพูดเสียงอ่อย
“ จากสีผมแล้วก็ลักษณะทั่วไปไงหละ” โรเซนตอบใน ขณะที่นั่งก้มอ่านหนังสือ
“ ฉันก็รู้แค่ว่าคนที่อยู่ในราชวงศ์ซานฟอเรสจะมีผมสีเงิน”
“ มันเป็นข้อมูลที่คนทั่วๆไปรู้นะความจริงแล้วมีแค่สองคนเท่านั้นหละในตระกูลที่เหลืออยู่ คนแรกก็ก็องค์จักพรรดิแล้วก็ท่านแอลริค”โรเซนอธิบายพร้อมกับโชว์รูปในหนังสือซึ่งเป็นรูปของชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบปลายๆผมสีเงินยาวมัดรวบไว้ข้างหลังจากเรียบร้อย ดวงตาสีดำ ผิวขาว ใบหน้าหล่อเหลา บนศีรษะมีมงกุฎสีทองมีเพชรประดับประดาสวยงามพร้อมใส่ชุดเสื้อคลุมสีเทาของราชวงศ์ชั้นสูง
“ นี่ไงหละองค์จักพรรดิ” หลังจากโชว์รูปเสร็จชายหนุ่มก็ปิดหนังสือลงหน้าปกหนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า” ซานฟอเรส”
“ สงสัยฉันต้องหาหนังสือประวัติมาอ่านซะแล้วหละมัวแต่อ่านหนังสือเครื่องกล เฮ้อ”ฟาริสถอนหายใจเอือกใหญ่ก่อนจะนอนราบลงไปกับโซฟาอีกรอบส่วนโรเซนก็ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อไป
ในขณะเดียวกันไลท์กับเรสก็เดินขึ้นมาพอดี
“ อ่าวโรเซนฟาริสแก้ได้แล้วรึ” ไลท์ถามขึ้น
“ อืม” โรเซนพูดเบาๆ
“มากันแล้วรึไปไหนกันมานะ” ฟาริสดีดตัวขึ้นมาจากโซฟาอีกรอบแล้วมองสำรวจไลท์รวมไปถึงเรสที่กำลังยิ้มกว้างให้เขา ชายหนุ่มตกใจเล็กน้อยที่ใครก็ไม่รู้ยิ้มให้แต่จะทำไงได้ก็คงต้องยิ้มตอบอย่างสงสัย
“ สวัสดีเพื่อนของไลท์จังซินะครับ” เรสพูดพลางยิ้มกว้างแล้วหันไปรอบๆเพื่อให้ทั้งสองคนเห็นก่อนจะวางกระเป๋าที่สะพายอยู่ลง
“ โรเซน ฟาริสนี่เรสเค้าเป็นเพื่อนของนายคนนั้นเอ้ยท่านแอลริคนะ” ไลท์ชี้ไปที่เรสเพื่อนเป็นการแนะนำตามมารยาทให้โรเซนกับฟาริสรู้จัก
“ สวัสดีครับยินดีที่ได้รู้จักผมฟาริส”ฟาริสยืนขึ้นแล้วยิ้มกว้างให้เรสอย่างเป็นมิตร
“ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับผมโรเซน เชิญนั่งก่อนนะครับ” ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าหน่วยลุกขึ้นแล้วผายมือไปยังโซฟาที่ว่างอยู่
“ ขอบคุณครับ” เรสยิ้มอีกรอบก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาส่วนไลท์ก็นั่งลงข้างๆฟาริส ในขณะเดียวกันโรเซนก็สังเกตเห็นสีผมของเรสที่เด่นหรา ผมสีแดงเพลิงเจิดจ้า ซึ่งมันก็ทำให้ชายหนุ่มรู้เลยว่าเป็นคนของราชวงศ์ทาคารัสหรือราชวงศ์จ้าวแห่งแวมไพร์
“ โรเซนคงจะเป็นหัวหน้าหน่วยฮาเลมหละซินะครับไลท์เล่าให้ฟังนะ”ชายนหุ่มผมแดงถามขึ้นทันทีนั่งลงบนโซฟา
“ ครับ ใช่แล้ว”โรเซนตอบเรียบๆแล้วก้มหัวเล้กน้อย
“ แล้วก็ฟาริสช่างประจำหน่วย” เรสหันไปมองฟาริสแล้วพูด
ฟาริสมีท่าทีแปลกๆเล้กน้อยที่ว่าใครกันเป็นช่างประจำหน่วย ไอ้เพื่อนตัวแสบมันเล่าอะไรไปบ้างเนี่ย
“ เหอๆจะว่าอย่างนั้นก็ได้” ฟาริสตอบแล้วลูบผมเบาๆ
“ว่าแต่เรสอยู่ที่นี่งั้นเหรอแล้วเป็นเพื่อนของท่านแอลริคด้วยงั้นเหรอ” ฟาริสได้ทีก็เริ่มถามในเรื่องที่ตนสงสัย
“ ใช่แล้วที่นี่นะเป็นบ้านพักของผมกับแอลจังนะครับเวลาเครียดๆหรืออยากจะหนีคนที่บ้านก็มาที่นี่หละ บ้านสวนนะที่มีอะไรเยอะแยะน้ำตกทุ่งดอกไม้สวนผลไม้เยอะแยะเลย” เรสร่ายยาวอย่างอารมณ์ดีและสีหน้าแฝงไปด้วยความสุข
“ โอ้ยยัยบ้าบาเรียเธอกวักน้ำใส่ผมฉันทำไมกันเนี่ยรู้ไหมฉันขี้เกียจสระ” เสียงโวยวายของฟาเรสดังขึ้นซึ่งเป็นสัญญาณว่าสามนั้นมากันแล้ว ทั้งสามคนที่สี่คนที่นั่งคุยกันอยู่หันควับไปมองอย่างรวดเร็วก็พบกลับ ร่างของหญิงสาวสองคนและชายหนุ่มอีกหนึ่งคนที่เปียกโชกน้ำกำลังขึ้นมาบนยาน
“ ก็คุณฟาเรสกวักใส่บาเรียก่อนนี่” หญิงสาวผมสีน้ำตาลโต้กับ
“ ฉันไม่ได้กวักใส่ผมเธอซะหน่อย”ชายหนุ่มผมดำกอดอกแล้วถลุงตาใส่
“ คุณฟาเรสงี่เง่า” หญิงสาวถลุงตาใส่กลับ
“ พอได้แล้วสองคนนี้ไปอาบน้ำ” เจฟเข้ามาขัดเวทีโต้ฝีปากของฟาเรสและบาเรียแล้วลากไปหลังยานโดยปล่อยหั้งสี่คนที่อยู่ในเหตุการณ์งงว่าทำไมสามคนนี้ไปทำอะไรกันมาแล้วไม่คิดจะสนใจคนที่นั่งอยู่เลยแม่แต่น้อย
“ พวกนั้นไปทำอะไรกันมานะ” โรซนถามขึ้น
“เล่นน้ำนะ” ไลท์ตอบเสียง
“หา! เล่นน้ำ” ฟาริสตะโกนออกมาดังลั่นต่างกับคนที่ถามกับพยักหน้าเบาๆ
“ ไปเล่นที่น้ำตกบ้านสวนนะเล่นกันน่าสนุกมากเลย”เรสเสริม
“ คนอื่นเค้าเครียดไอ้พวกบ้านี่กลับแอบไปเล่นน้ำ” ฟาริสบ่นพึมพำ
ในขณะเดียวกันกลิ่นอะไรบางอย่างก็ลอยมาเข้าจมูกไลท์ เธอดมฟุตฟิตไปมาเพื่อจะได้รู้ว่ามันเป็นกลิ่นของอะไรกันแน่แต่กลิ่นนี่มันคุ้นๆเหมือนกับกลิ่นของ
“ บะหมี่สูตรเด็ดมาแล้ว”เสียงของแดนนิสดังขึ้นพร้อมกับร่างของเขา ผมสีดำที่เคยยาวร่วงลงมาเกะกะก็ถูกมัดไว้เรียบร้อย พร้อมทั้งใส่ผ้ากันเปื้อนสีขาวสะอาดตา มือทั้งสองข้างถือหม้อขนาดกลางซึ่งมีอะไรบางอย่าอยู่ในนั้นมันส่งกลิ่นหอมไปทั่วห้องนั่งเล่น จนทำให้ทั้งสี่คนที่นั่งอยู่ในห้องท้องเล่นกันไปตามๆกันเมื่อได้กลิ่นอาหารที่คาดว่าต้องรสเลิศแน่นอน
“ บะหมี่งั้นเหรอนายทำใช่ไหมแดนนิสหิวๆ” ไลท์พูดขึ้นแล้วพยายามยืดคอเพื่อที่จะดูบะหมี่ที่อยู่ในหม้อพร้อมทั้งเลียริมฝีปากไปมา
“ หิวหละซิงั้นก็ไปช่วยกันยกชามไป” ชายหนุ่มผู้เป็นรองหัวหน้าหน่วยที่ตอนนี้สวมวิญญาณพ่อครัวพูดก่อนจะวางหม้อลงบนโต๊ะ ทำเอาเรสที่นั่งอยู่ใกล้ต้องชำเลืองไปมองแล้วสูดกลิ่นอันหอมหวนน่ารับประทานพลางยิ้มอย่างร่าเริง
“ น่ากินจังนะบะหมี่งั้นเหรอ”ชายหนุ่มผมแดงพูดขึ้น
“ ใช่แล้วฝีมือแดนนิสอร่อยมากเลยหละ “ฟาริสพูดก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปช่วยไลท์กับแดนนิสยกชามที่ห้องครัว
ซักพักทั้งสามคนก็มาพร้อมกับชามประมาณเก้าใบพร้อมทั้งตะเกียบและช้อนครบชุด หลังจากนั้นก็เริ่มแจกชามให้แต่ละคน ไลท์ที่รอมานานถือโอกาสตักกินก่อนใครเพื่อน
“ กินหละนะครับ” เรดส์มองไปยังชามที่มีบะหมี่เส้นสีชมพูหยักๆน้ำใสมีผักหลายสีอยู่ส่งกลิ่นหอมน่ารับประทานที่แดนนิสพึ่งตักให้ แล้วก็เริ่มคีบบะหมี่เข้าปากพร้อมทั้งตักน้ำมาซด
“ อร่อยมากๆเลยไม่เคยกินอะไรอร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย” เรสพูดขึ้นก่อนจะซดบะหมี่ต่อ
“ อ่าลืมไปเลยแดนนิสนี่เรสนะ” ไลท์ที่กำลังซดบะหมี่อย่างเมามันผายมือแนะนำเรสให้แดนนิสรู้จัก
“ ยินดีที่ได้รุ้จัก เรดส์ “ แดนนิสก้มหัวเล็กน้อย
“ เช่นกันแดนนิสคุง อร่อยมากเลยนะพึ่งจะเคยกินบะหมี่เป็นครั้งแรกนี่หละไม่นึกว่าจะอร่อยขนาดนี้”
“ หา!พึ่งจะเคยกินงั้นรึ”ไลท์ตะโกนออกมาด้วยความแปลกใจจนเกือบทำให้เส้นบะหมี่ร่วงออกมาจากปาก
โรเซนที่นั่งกินบะหมี่อยู่อย่างเงียบและเรียบร้อยถึงกับหันมามองไลท์
“ จริงๆเหรอเนี่ยนายไม่เคยกินจริงๆเหรอเรดส์” แดนนิสเสริมด้วยความแปลกใจเช่นกันโรเซนก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินหายไป ไลท์เงยหน้าขึ้นมองว่าจะถามแต่ก้ไม่ถสมดีกว่าเพราะมัวแต่สนใจเรื่องของเรส
“ ก็ใช่นะซิที่วังไม่มีเลยพ่อครัวทำแต่อาหารพวกเนื้อนะรสชาติก็งั้นๆบะหมี่ที่แดนนิสทำยังอร่อยกว่าซะอีก” เรสพลางว่าพลางซดน้ำบะหมี่ แต่เรื่องที่เรสไม่เคยบะหมี่มันกลายเป็นเรื่องที่ไม่น่าตกใจของทุกคนเท่ากับเรื่องที่วังที่ไม่รู้ว่าหลุดปากออกมาหรือตั้งใจกันแน่
“วัง” แดนนิสกับฟาริสหันไปมองหน้ากันแล้วตะโกนออกมาพร้อมกันส่วนโรเซนที่พึ่งเดินมานั่งใกล้ๆไม่มีสีหน้าตกใจอะไรเลยเพราะน่าจะรู้อยู่แล้วเพราะวันๆนึงเขาอ่านหนังสือตั้งมากมายยิ่งความรู้ราชวงศ์แบบนี้ไม่น่าพลาดอยู่แล้ว
“ โอ๊ะหลุดปากไป”ชายหนุ่มผมแดงอุทานเบาๆ
“พึ่งรู้จักกันก้คุยจ้อเลยนะไอ้หัวแดง” เสียงของแอลริคดังขึ้นพร้อมทั้งร่างของชายหนุ่มที่เดินตามหลังโรเซนมา ซึ่งมันก็ทำให้ไลท์หันไปมองด้วยความอาฆาต
“ อ่าวแอล” เรสทำหน้าตกใจสุดขีดก่อนจะก้มหน้าลง
“วัง” แดนนิสกับฟาริสหันไปมองหน้ากันแล้วตะโกนออกมาพร้อมกันส่วนโรเซนที่พึ่งเดินมานั่งใกล้ๆไม่มีสีหน้าตกใจอะไรเลยเพราะน่าจะรู้อยู่แล้วเพราะวันๆนึงเขาอ่านหนังสือตั้งมากมายยิ่งความรู้ราชวงศ์แบบนี้ไม่น่าพลาดอยู่แล้ว
“ อ๋อที่ร้านอาหารชื่อว่าวังหลวงนะครับ“ เรดส์ยิ้มกว้าง
“ อ๋อ เข้าใจแล้ว” แดนนิสยิ้มตอบส่วนฟาริสก็พยักหน้าหงึกๆ
“ แก้ตัวน้ำขุ่นๆ” แอลริคกระซิบที่ข้างหูเรดส์เบาๆส่วนเรดส์ก็ได้แต่ก้มหน้ากินบะหมี่ต่อไป
แอลริคเห็นดังนั้นเยาะเย้ยมันไปอีกคงม่สนุกจึงหันไปหาเป้าหมายใหม่
“ นี่ๆเธอ”
ไลท์รู้สึกเหมือนใครสะกิดจึงหันมอง พอรู้ว่าเป็นใครกันกลับมาอย่างอารมณ์เสียไอ้น้องชายเพื่อนเจ้านายอีกแล้ว
“ จะเรียกทำไมวะ “ เธอบ่นพึมพำเบาๆ
“ นี่ยัยบื้อตักไอ้ที่อยู่ในหม้อให้ซิ”แอลริคสะกิดไลท์อีกรอบแล้วยื่นชามให้
“ ตักเองซินายอยู่ใกล้หม้อกว่าฉันนะ”ไลท์พูดแล้วชี้ไปที่หม้อที่วางอยู่ข้างๆที่แอลริคยืนอยู่ซึ่งมันห่างกับเธอคนละฝากกันเลย
“ นี่หัวหน้าหน่วยเธอเป็นคนไปเชิญฉันมากินนะเธอเป็นแค่ลุกน้องก็ตักให้ฉันซิหรือจะให้ฉันไปตามหัวหน้าเธอมาตักให้เอาไหมหละจะไปเดี่ยวนี้เลย”แอลริคพูดด้วยความหงุดหงิด
“ ก็ได้” ไลท์ที่ต้องยอมจำนนเดินไปหยิบชามในมือไอ้คนงี่เง่าที่เธอเซงเป็นที่สุดแล้วตักบะหมี่ใส่ชามแล้วยื่นให้อย่างไม่เต็มใจ
“ ขอบใจ” ชายหนุ่มพูดเสียงกวนๆ
“ ไม่ต้องก็ได้เพราะยังไงฉันก็เต็มใจจะทำให้” ไลท์พูดประชดแล้วเน้นเสียงคำว่าเต็มใจ จากนั้นก็เดินทืบเท้าปึงๆเข้าไปในพัก ประตูเลื่อนเปิดอย่างอัตโนมัติภายในห้องนั้นมีกระเป่าใบใหญ่กองอยู่มุมห้องสี่ถึงห้าใบมีเตียงสองชั้นวางอยู่สองเตียงซึ่งไว้สำหรับชายหนุ่มทั้งสี่คนแห่งหน่วยฮาเลม บริเวณมุมแต่งตัวมีร่างของฟาเรสที่เปลือยท่อนบนท่อนล่างห่มผ้าขุนหนูสีน้ำตาลเข้มพร้อมทั้งกำลังยืนเช็ดผมสีดำยาวระต้นคออย่างหงุดหงิดและกำลังบ่นอะไรบางอย่างหมุบหมิบ
“ เฮ้อเซงโว้ย” ไลท์นั่งลงกับเตียงใกล้กับฟาเรสแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ เป็นอะไรอีกวะเซงอะไร” ฟาเรสถามขึ้นพลางหยิบกางเกงยืนสีซีดที่พวกอยู่บนเตียงชั้นสองมาใส่
“ ก็ไอ้
โถ่เว้ย” หญิงสาวกำหมัดแล้วทุบเตียงดังตุบ
“ อะไรจะเซงเท่าฉันอุตส่าห์ไม่สระผมมาตั้งสองอาทิตย์กะจะทำสถิติซะหน่อยแต่กลับโดนยัยบาเรีย
หนอยคิดแล้วแค้น” ฟาเรสบ่นอุบอิบ
“ พูดมากไอ้ซกมกเอ้ยรีบไปกินบะหมี่ไปเดี่ยวก็หมดก่อนหรอก”
“ หา! บะหมี่เหรอแดนนิสทำซินะงั้นดีหละ” พอพูดจบชายหนุ่มก็รีบคว้าเสื้อสีดำที่พาดอยุ่เตียงตรงข้ามแล้วรีบวิ่งตรงดิ่งไปยังที่ๆมีหม้อบะหมี่อยู่
ส่วนไลท์ก็ได้แต่นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เรื่องที่เจ้าตัวไปบอกแอลริคทั้งๆที่ทำเป็นไม่รู้เรื่องก็คงไม่มีอะไรแต่นี่กลับคิดผิดถนัด คิดแล้วเซงจริงๆชีวิตโทษตัวเองว่างี่เง่า น่าเบื่อ ส่วนอีกเรื่องเธอจะเจออะไรต่อไปที่ไอ้น้องเจ้านายจอมเอาแต่ใจนี่จะหาเรื่องมาให้มาแกล้งอีก น่าแปลกที่ไอ้คุณชายเอาแต่ใจนี่ดันมีเพื่อนดีๆอย่างเรดส์แต่เอาเถอะไม่ว่าจะเจออะไรยังไงก็ต้องสู้ๆสู้ๆตาย
ความคิดเห็น