ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    H. A . L .E.M ผู้พิทักษ์หน่วยกวนป่วนสุดขีด

    ลำดับตอนที่ #5 : ผู้ร่วมเดินทาง(ที่แสนพิเศษ)

    • อัปเดตล่าสุด 19 ธ.ค. 51


    ตอนที่ 4

    ผู้ร่วมเดินทาง(ที่แสนพิเศษ)

              แสงแดดยามสายเริ่ม ส่องผ่านผ้าม่านสีเขียวภายในห้องของ ผู้พิทักษ์สาวทั้งสามคนที่ตอนนี้กำลังหลับอย่างสบายใจและเหน็ดเหนื่อยกับภารกิจที่ทำเมื่อคืนนี้ วันนี้อาจจะเป็นวันแรกที่พวกเธอได้นอนอย่างเต็มอิ่มขนาดนี้ ก็แน่หละวันนี้เป็นวันพักร้อนวันแรกของพวกเธอ

     

      ติ๊งต๋องๆๆ เสียงหนึ่งดังมาจากข้างเตียงซึ่งอยู่ใกล้กับบาเรีย  เธอเอื้อมมือไปกดปุ่มอะไรบางอย่างข้างเตียงด้วยความงัวเงีย จากนั่นก็จอแก้วใสโผล่ขึ้นมา พร้อมกับเสียงและภาพของฟาเรส

     

    ตื่นกันได้แล้วจะนอนอะไรกันนักหนา ฟาเรสตะโกนผู้พิทักษ์สาวทั้งสามก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น

    ไลท์ ตื่นแกจะกลับบ้านไหม ฟาเรสตะโกนอีกรอบแล้วถลุงตาใส่ ไลท์ที่นอนอยู่เตียงข้างๆบาเรีย หญิงสาวะดุ้งตื่น

     

    กลับบ้าน ไลท์พึมพำก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันพักร้อนแล้วทุกคนในหน่วยก็ตกลงกันว่าจะไปเที่ยวที่บ้านของเธอ ซึ่งก็คือบ้านของฟาเรสและฟาริสเช่นกัน

     

    นี่กี่โมงแล้ว ไลท์หันไปถามฟาเรส

     

    จะเที่ยงแล้วเรานัดกันที่ศูนย์บัญชาการเที่ยงเข้าใจไหม

     

    แล้วพวกแกอยู่ไหนกันฟาเรส

     

    ศูนย์บัญชาการ พวกฉันมาครบกันหมดแล้วนะ เหลือแต่พวกแกสามคนนั่นแหละที่นอนกินบ้านกินเมืองอยู่ได้

     

    โว้ย แล้วทำไมไม่เรียกให้เร็วกว่านี้ งั้นพวกฉันจะรีบไปละกัน

     

    อือๆเร็วๆๆหละแค่นี้ละกัน พอฟาเรสพูดจบจอแก้วก็หายกลับไปอยู่ที่เดิม

     

    บาเรีย เจฟตื่น ไลท์ตะโกนลั่นห้อง เจฟค่อยๆบิดขี้เกียจส่วนบาเรีย ก็กำลังจัดผมที่ฟูฟ่องให้เข้าที่

    หลังจากนั้นทั้งสามคนก็รีบวิ่งวุ่นอาบน้ำ เพราะถ้าไม่รีบมีหวังโดนเขม่นจากหัวหน้าหน่วยแน่ แต่ก็ดีที่เตรียมกระเป๋าไว้หลายวันที่แล้ว ถ้าไม่งั้นคงสายโด่ง หลังจากที่พวกเธออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็รีบบึ่งไปยัง สถานียานขนส่งแล้วตรงไปที่ศูนย์บัญชาการเขตตะวันออกแล้วรีบวิ่งร้อยเมตรขึ้นไปยังห้องทำงานซึ้งมีชายหนุ่มทั้ง4คนรออยู่แล้ว

    มาสายนะ" แดนนิสที่ยืนกอดอกอยู่พูดขึ้น

     

    มาสายก็ดีกว่าไม่มานะ เจฟหันไปแขวะใส่แดนนิส

     

    เรารีบไปกันเลยไหมค่ะ

     

    อือดีเหมือนกัน โรเซนพูดขึ้นแล้วคว้ากระเป๋าของตัวเองมาสะพายหลังแล้วเดินออกไป ทุกคนเห็นดังนั้นจึงรีบเดินตามไปอย่างไม่ต้องสงสัย

     

    จะได้กลับบ้านกันแล้วฮ่าๆๆไลท์ร้องดีใจแล้วกระโดดไปมา

     

    ใช่เจ๋ง สุดยอดไปเลย วู้ อยากกิน แอบเปิ้ล ที่ไร่ใจจะขาดแล้ว ฟาเรสพูดขึ้นแล้วยิ้มอย่างสบายใจ

     

    สบายใจกันไปเถอะเจ้าพวกบ้าแต่อย่าบ่นว่าเมื่อยซะก่อนหละ ฟาริสเดินมาแตะบ่าไลท์สองสามที เธอหันไปมองชายหนุ่มด้วยสายตาแปลกๆ แล้วชายหนุ่มก็รีบเดินนำหน้าไป ปล่อยให้ ทั้งสองคนที่ถูกเรียกว่าเจ้าบ้ายืนงง มันพูดอะไรของมัน...

    นี่มันพูดไรของมันจะหาเรื่องกันรึไงวะฟาเรสหันมามองไลท์

     

    เอาน่าชั่งมันแต่เอ๊ะนั่งจนเมื่อยนี่มันพุดไรของมัน จากนี่ไปถ้านั่งยานขนส่งไปก็แค่5ชั่งโมงเองนี่นา

     

    นั่นนะซิใช่ไหมอะไรของมันไอ้แฝดบ้านี่ท่าทางจะบ้า

     

    จะกลับบ้านแล้วไม่อยากมีเรื่องเว้ยฟาเรสที่ดูท่าทางสบายใจและอารมณ์ดีเป็นพิเศษกระโดดโหยงเหยง

    ทั้งเจ็ดคนเดินลงมาจากลิฟต์จนถึงชั้น1ของตัวอาคาร มีผู้พิทักษ์หลายคนเดินไปเดินมา และดูเหมือนกำลังเร่งรีบกับการทำงานแต่ทุกคนก็มิวายที่จะทักทายหน่วยฮาเลม ยิ่งโดยเฉพาะหัวหน้าหน่วยอย่างโรเซนแล้ว หน่วยพิเศษใช่ว่าจะเป็นกันง่ายๆถึงแม้จะอายุน้อยแต่ก็ต้องมีความสามารถที่เรียกได้ว่าสุดยอด

     

    หวัดดีครับหัวหน้าโรเซนรองหัวหน้าแดนนิส ทุกคนในหน่วยด้วยนะครับ ชายหนุ่มประมาณสีห้าคนกล่าวทักทายโรเซนและทุกคนในหน่วยซึ่งดูจากเสื้อคลุมแล้วพวกเค้าน่าจะเป็นผู้พิทักษ์ระดับ 1 เสื้อคลุมสีดำแถบสีเขียว

    โรเซนพยักหน้าให้เบาๆส่วนคนอื่นๆในหน่วยยิ้มทักทายแล้วกล่าวสวัสดีอย่างงงๆ

     

    ใครกัน นะ หน้าตาไม่คุ้นแฮะไลท์พุดขึ้นด้วยความสงสัย

     

    ก็นั่นนะจอห์นกับพวกเพื่อนๆแผนกเอกสาร แดนนิสตอบ

     

    มารยาทดีจริงๆแฮะ ไม่เห็นจะต้องนอบน้อมกันขนาดนี้เลย ฉันก็ระดับ1นี่นา ไลท์ถามด้วยความสงสัยอีกรอบ

     

    นั่นดิ ฉัน ไอ้ไลท์ บาเรีย เจฟก็ระดับ1แค่มีเข็มกลัดหน่วยพิเศษติดอยู่แค่นั้นเองที่ไม่เหมือนผู้พิทักษ์ธรรมดา ฟาเรสเสริม

     

    โอ้ยพวกบ้าดูถูกตัวเองมากไปแล้ว ตัวเองเป็นหน่วยพิเศษนะ ใครกันมันจะเป็นได้ง่ายๆ แค่ระดับ1ของผู้พิทักษ์หน่วยพิเศษก็ยากแสนยากแล้วแดนนิส อธิบาย ให้พวกฉลาดน้อยอย่างฟาเรสเข้าใจแต่ก็ยังทำหน้างงอยู่

     

    แต่ก็ดีมีคนให้ความเคารพแบบนี้ฮ่าๆๆกลับบ้านฟาเรสเลิกสนใจแล้วหันมายิ้มร่า ทำให้แฝดผู้พี่อย่างฟาริสรำคาญแล้วทำหน้าเอือมระอาสุดๆ

    แล้วทุกคนก็รีบเดินจ้ำอ้าวต่อไปด้วยความเร่งรีบจุดมุ่งหมายก็คือสถานียานข่นส่งหน้าศูนย์บัญชาการเขตตะวันออกเพื่อนั่งยานต่อไปยังสถานียานขนส่งหลักประจำมหานครที่พวกเค้าจองตั๋วเดินทางไปที่ไวท์มาเนียและตอนนี้ก็เหลือเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงก่อนที่ยานจะออก

            ภายในศูนย์บัญชาการเขตตะวันออกที่ตอนนี้กำลังมีเหล่าผู้พิทักษ์ที่ประจำการอยู่ที่นี่เดินขวักไขว่ไปมา เพราะตอนนี้เป็นเวลาพักกลางวัน

    หลบหน่อย เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นเขามีผมสีดำยุ่งเหยิงนัยน์ตาสีน้ำตาล  ชายหนุ่มดูท่าทางรีบร้อนเอามากๆรีบวิ่งโดยไม่สนใจคนที่ไม่หลีกทางให้เขาเรียกง่ายๆว่าใครไม่หลบชนแหลกพอวิ่งหลบฝูงชนมาที่หน้าประตูของศูนย์บัญชาการได้ซักพักเขาก็หยุดแล้งชะโงกหน้าไปทางขวาทีซ้ายที

     

    ไปไหนกันแล้วเนี่ย ชายหนุ่มพูดขึ้นก่อนจะชะโงกหน้ามองซ้ายมองขวาอีกทีเหมือนกับกำลังมองหาบางอย่างที่สำคัญมาก

     

    อะไรเหรอครับท่านซาเอล ผู้พิทักษ์วัยกลางคนๆหนึ่งที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูถามด้วยความสงสัย

     

    ก็หน่วยฮาเลมนะซิชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าซาเอล ตอบแล้วชะโงกหน้าไปซ้ายทีขวาทีต่อ

     

    อ๋อ หน่วยฮาเลม เห็นเดินกันออกไปเมื่อกี้นะครับสะพายกระเป๋าใบซะใหญ่เหมือนกับกำลังจะไปไหนเลยครับ

     

    งั้นเหรอ พึ่งไปเมื่อกี้ใช่ไหม

     

    ครับท่านซาเอล

    ซาเอลได้ยินดังนั้นจีงรีบวิ่งออกไปโดยคิดว่าหน่วยฮาเลมที่ตนตามหาอยู่คงไปสถานียานขนส่งข้างหน้านี่เอง เขาวิ่งไปเรื่อยๆ ซักพัก ก็มาถึงหน้าสถานียานขนส่งแต่มองไปทางไหนก็ไม่เห็นหน่วยฮาเลมเลยแม้แต่เงา

     

    จะขึ้นยานกันไปแล้วรึเปล่าวะเนี่ยมีหวังถ้าไม่ทันท่านเวนอสเล่นงานตายแน่ ชายหนุ่มคิดถึงชะตากรรมของตัวเองในใจ แล้วรีบวิ่งขึ้นบันไดเลื่อนที่ตอนนี้กำลังเต็มไปด้วยผู้โดยสารขาเข้าขาออก

    ชายหนุ่มวิ่งเบียดฝูงชนไปอย่างไม่สนใจสายตาคนมอง จนมาถึงที่นั่งพักผู้โดยสารและแล้วเขาก็เจอโรเซนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นั่งรอยานพร้อมทั้งคนอื่นๆเขารู้สึกโล่งอกเป็นอย่างมาก  แล้วก็ไม่รอช้าที่จะวิ่งเข้าไปหาโรเซน

     

     คุณโรเซน ซาเอลตะโกนเรียก โรเซนและคนอื่นๆหันมาตามมองด้วยความแปลกใจเล็กน้อย

     

      คุณซาเอลดูท่าทางรีบร้อนมีอะไรเหรอครับ โรเซนกล่าวทักทายด้วยความสงสัยส่วนคนอื่นๆก็ดูท่าทางสงสัยไม่แพ้กัน ซาเอลก็ได้แต่ฮอบด้วยความเหนื่อยพูดอะไรตอนนี้ไปคงไม่รู้เรื่อง

    คุณชาเอลเชิญนั่งก่อนไหม แดนนอสลุกขึ้นจากที่นั่งของตัวเองแล้วเชิญซาเอลที่ดูท่าทางอาการไม่ค่อยดี มานั่งแทน ซาเอล ไม่ปฎิเสธ ครับเชิญของแดนนิสเพราะถ้าขืนไม่นั่งมีหวังล้มลงตรงนี้แน่  

     

    คุณซาเอลมาทำหละนี่ ไลท์ซะกิดถามฟาเรส

     

    ไม่นะมันต้องไม่เป็นแบบที่ฉันคิด ฟาเรสพูดทำเอา ไลท์งงเอามากๆกับคำพูดของฟาเรสแล้วจึงถามต่อ

     

    แล้วอะไรที่แกคิดวะฟาเรส

     

    ก็ตาลุงเวนอส คงเรียกเราไปทำภารกิจด่วนเหมือนคราวที่แล้ว แล้วเมื่อไหร่เราจะได้กลับบ้านกันหละ

     

    ตาลุงนี่อีกแล้วนะน่าเบื่อชะมัด

     

    นี่นินทาเจ้านายได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอพวกแก คุณซาเอลยังไม่บอกเลยว่าให้ไปทำอะไร อย่าตีนตนไปก่อนไข้ซิไอ้พวกบ้า ฟาริที่ยืนฟังฟาเรสคุยกันมาตลอดพูดขึ้น

     

    ใช่นั่นซิ/ใช่นั่นซิค่ะ บาเรียกับเจฟที่ยืนฟังอยู่ตลอดเช่นเดียวกับฟาริสเสริม

     

    ว่าแต่คุณซาเอลมีธุระอะไรกับพวกเราเหรอครับแดนนิถามซาเอลที่ตอนนี้เริ่มดูอาการดีขึ้นกว่าเมื่อเดิมเยอะ

     

    ท่านเวนอสเรียกพบครับด่วนมากๆซาเอลลุกขึ้นจากเก้าอี้

     

      ท่านเวนอสมีธุระอะไรเหรอครับแดนนิสถามต่อ

     

    อย่าถามมากเลยครับเอาเป็นว่าด่วนมากๆถึงมากที่สุด ซาเอลพูดจบแล้วคว้าแขนของแดนนิสแล้วฉุดให้ลุกขึ้น

    ซวยแล้ว เห็นไหมตาลุงเวนอสทำพิษ ไลท์พูดแล้วหันไปมองหน้า สามคนที่เคยค้านเธอกับฟาเรสแต่ไม่ทันที่เธอจะหันไปเยาะเย้ยเพื่อนทั้งสาม โรเซนก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้

     

    กลับศูนย์บัญชาการกันได้แล้ว โรเซนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นๆแล้วเดินนำหน้าไปก่อน ทุกคนในหน่วยเห็นดังนั้นจึงเดินตามไปอย่าไม่มีข้อโต้แย้งถึงแม้จะไม่เต็มใจและไม่พอใจเอามากๆโดยเฉพาะฟาเรสกับไลท์ที่หน้าบูดหน้าเบี้ยวเดินคอตกไป

     ชั้น 6 ของศูนย์บัญชาการตะวันออก

    หน่วยฮาเลมที่ตอนนี้เดินมาถึงชั้น6หน้าห้องๆหนึ่งซึ่งมีป้ายขนาดใหญ่ตัวหนังสือสีเงินติดไว้ว่า

     

    ผู้บัญชาการเขตตะวันออก

    แล้วข้างๆก็มีโต๊ะทำงานโต๊ะหนึ่งวางอยู่ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นของซาเอลที่มีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยหรือเลขานั่นเอง

    ซาเอลเดินมาที่หน้าประตูส่วนคนอื่นๆก็ยืนอยู่ข้างหลังพร้อมทั้งบ่นหมุบหมิบอย่าไม่พอใจ

     

    ท่านเวนอสครับหน่วยฮาเลมมาแล้วครับซาเอล ขอออนุญาตจากผู้ที่เป็นเจ้านาย

     

    เข้ามาได้ เสียงของใครบางคนที่อยู่ในห้องซึ้งก็น่าจะเป็นผู้ที่มีอำนาจสั่งการสูงสุดศูนย์บัญชาการเขตตะวันออก

     

    เชิญเข้าไปกันเลยนะครับ

     

    ขอบคุณครับคุณซาเอล โรเซนขอบคุณซาเอลแล้วเดินนำเข้าไปในห้อง ตามด้วยแดนนิสและคนอื่นๆที่ไม่อยากจะเข้าไปนัก โดยเฉพาะฟาเรสที่ตอนนี้หน้าบึ้งเหมือนตูดลิง

    ภายในห้องของผู้บัญชาการเขตตะวันออกไม่ได้หรูหราอะไรมากมายแต่ดูกว้างขวาง รวมถึงหน้าต่างบานใหญ่ที่สามารถมองออกไปข้างนอกชมวิวทิวทัศของมหานครรวมถึงยานที่บินผ่านไปผ่านมา ส่วนภายในห้องนั้นแทบจะไม่มีอะไรมาประดับประดา  ผนังห้องว่างไม่มีรูปซักใบ ซึ่งก็ทำให้ห้องนี้ดูโล่งและสะอาดตาไปอีกแบบ  ตรงกลางห้องมีโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยกองเอกสารมามาย วางเป็นกองๆบังมิดจนไม่เห็นใบหน้าของผู้ที่นั่งทำงานอยู่เลย

      มากันแล้วซินะ เสียงหนึ่งดังมาจากหลังกองเอกสารที่กองเท่าภูเขา

     

    ครับท่านเวนอส โรเซนเดิมมายืนตรงหน้าโต๊ะทำงานทำให้มองเห็นเจ้าของโต๊ะที่นั่งอยู่

    เจ้าของโต๊ะซึ่งก็คือ ผู้บัญชาการเขตตะวันออก ท่านผู้นี้เป็นชายหนุ่มวัยกลางคนอายุราวๆยี่สิบปลายๆซึ่งก็ถือว่ายังไม่มีผู้พิทักษ์คนไหนที่อายุเท่ากับเขาแล้วได้เป็นถึงผู้บัญชาการเขต ซึ่งก็คือผู้พิทักษ์ระดับเอ็กเพอร์หนาดหรือระดับ5 ชายหนุ่มผู้นี้มีผมสีดำยาวที่มัดรวบไว้อย่างหลวมๆนัยน์ตาสีเขียวมรกต มีหนวดบางๆที่คาง จมูกโด่งเป็นสัน ผิวขาวโดยรวมๆแล้วจัดได้ว่าท่านผู้นี้มีใบหน้าที่หล่อเหลาเอาการพอสมควร

      สวัสดีครับ/ค่ะท่านเวนอส หน่วยฮาเลมทั้ง7คนยืนเรียงแถวหน้ากระดานแล้วโค้งคำนับอย่างสุภาพ

     

    พอแล้วนี่จะเป็นการเป็นงานอะไรกันนักหนาเวนอสพูดแล้วปัดกองเอกสารที่บังอยู่ออก

     

    ครับ/ค่ะ

     

    เอาหละที่เรียกพวกนายมาก็เพราะฉันมีเรื่องให้พวกนายช่วยจัดการหน่อย

     

    อ่าวแล้วไหนจะให้พวกผมไปพักร้อนไงครับทำไมทำอย่างงี้อีกหละครับ คราวที่แล้วก็เลื่อนไปทีนึงแล้ว ฟาเรสพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจเพราะครั้งที่แล้วก็แบบนี้แหละ มีภารกิจด่วนเข้ามา

     

    ใช่ค่ะ/ครับ ทุกคนเสริมคำพูดของฟาเรสเป็นเสียงเดียวกันยกเว้นโรเซนที่ตอนนี้ยังคงเงียบอยู่

     

    แล้วจะทำยังไงดีหละทีนี้ ศูนย์บัญชาการเรายิ่งมีหน่วยพิเศษแค่หน่วยเดียวด้วยซิ เฮ้อไม่ไหวๆฉันจะทำไงดีหละคราวนี้สงสัยคงต้องโอนภารกิจไปเขตเหนือซะแล้วซิเฮ้อเวนอสพูดแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเอนหลังไปพิงกับเก้าอี้

     

    ท่านเวนอสครับพวกเราขอรับภารกิจนี้ครับ โรเซนพูดขึ้นหลังจากที่เงียบอยู่นาน แดนนิสหันมามองหน้าโรเซนแล้วหันกลับไปลอบคิดอะไรบางอย่าง

     

    จะดีเหรอโรเซนตัดสินใจคนเดียว ไม่เป็นไรหรอกแค่โอนไปให้หน่วยเหนือขจัดการแทน

     

    ผมตกลงด้วยอีกคนครับ แดนนิพูดขึ้นหลังจากที่คิดอะไรบางอย่างอยู่นาน

     

    ผมด้วยเรื่องอะไรจะยอมขอความช่วยเหลือจากพวกหน่วยเหนือ ฟาเรสกำหมัดแน่นภาพตอนที่เรียนอยู่มันย้อนเข้ามาในหัว ภาพของพวกหน่วยเหนือที่สุดแสนจะหน้าหมั่นไส้ เจ็บใจทุกที นึกถึง

     

    พวกเราทุกคนด้วยครับ/ค่ะใครจะไปยอมให้พวกหน่วยเหนือมาช่วย ทุกคนที่เหลือพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันเพราะต่างคนต่างแค้น พวกหน่วยพิเศษเขตเหนือ มาตั้งแต่สมัยเรียน เว้นแต่โรเซนที่เรียนจบตั้งแต่อายุ 16 ก็เลยไม่รู้เลยว่าไอ้พวกหน่วยเหนือมันหน้าหมั่นไส้แค่ไหน

     

    ดีจริงๆต้องแบบนี้ซิค่อยสมกับเป็นหน่วยฮาเลมหน่อย

     

    ว่ามาเลยครับพวกเราจะทำเต็มที่ ฟาเรสพูดด้วยความห้าวหาญ

     

    ภารกิจที่ฉันจะให้พวกนายทำก็คือ มาเป็นพี่เลี้ยงให้น้องชายของเพื่อนฉันหน่อยภารกิจที่จะทำก็มีแค่นี้แหละ เวนอสพูดเรียบๆซึ่งมันก็ทำให้ทุกคนสงสัยกับคำว่าพี่เลี้ยง...

    พี่เลี้ยงงั้นเหรอครับนึกว่าจะเป็นภารกิจหนักๆเหมือนแต่ก่อนซะอีก โรเซนพูดขึ้น เวนอสยิ้มมุมปากอย่างมีเล่ห์นัย

     

    ตาลุงนี่จะเอาไงแน่เนี่ยจะให้พวกเราเสียเวลาพักร้อนเป็นพี่เลี้ยงเนี่ยนะเกินไปหน่อยแล้วนะ ไลท์กระซิบที่ข้างหูฟาเรส

     

    นั่นซิชักจะเกินไปหน่อยแล้วแล้วเราจะได้กลับบ้านกันไม ฟาเรสกระซิบตอบ

     

    พวกแกนี่นินทาได้แม้กระทั่งเจ้านายแถมระยะเผาขนอีกนะฉันหละเบื่อจริงๆ ฟาริสที่ไม่ได้ตั้งใจจะฟังแต่ดันแอบได้ยินพูโดขึ้นด้วยความไม่พอใจเพื่อนทั้งสองคนที่อยู่กันมานานแสนนานที่นิสัยเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย

     

    แล้วแกจะทำไมไอ้โรคจิต ฟาเรสพูดเสียงเบาๆแล้วถลุงตาใส่ฟาริส

     

    แกอย่ายุ่งน่าฟาริสไม่อยากกลับบ้านรึไงฉันกับไอ้ฟาเรสอยากกลับใจจะขาด

     

    ฟาเรส ฟาริส ไลท์ เวนอสพูดโผลงขึ้นมาทำเอาฟาเรสกับไลท์ที่กำลังนินทาเขาอยู่สะดุ้ง

     

    ครับ/ค่ะท่านเวนอส

          

       พักร้อนคราวนี้ ไปที่ไวท์มาเทียหละซินะในฐานะที่พวกนายเป็นเจ้าถิ่นฝากน้องชายฉันด้วยหละเอาเป็นว่าพวกนายไปไหนก็ต้องพาน้องฉันไปที่นั่น

     

    หมายความว่าไงกันครับท่านเวนอสฟาเรสถามด้วยความสงสัย

     

    ก็ทุกคนฟังให้ดีนะ ฉันจะให้น้องชายของฉันไปกับพวกนายด้วย แล้วก็จะเพิ่มเวลาพักร้อนเป็นหนึ่งเดือนเต็มให้พวกนายหลังจากที่เวนอสพูดจบทุกคนต่างพากันอึ้งไปตามๆกันจากสองอาทิตย์เป็นหนึ่งเดือนสุดยอดอย่างไม่เคยมีมาก่อน ก่อนหน้านี้ขอพักร้อนสองอาทิตย์ขอกันแทบตายแต่นี่แค่น้องชายคนเดียวอยากรู้จริงๆว่าเป็นใครกัน...

     

    ท่าเวนอสครับ มากันแล้วครับ เสียงของซาเอลดังขึ้นพร้อมกับร่างของเขาและดูเหมือนจะมีชายหนุ่มสองคนเดินเข้ามาด้วย ชายหนุ่มคนแรกใส่เสื้อคลุมสีดำปิดหน้าเดินเข้ามาซึ่งมันก็ทำให้ฟาเรสกับไลท์เริ่มรู้สึกคุ้นๆ

     

    แกคุ้นๆไมฟาเรสเหมือนพวกชุดดำที่เจอเมื่อวาน ไลท์ถามฟาเรส ชายหนุ่มพยักหน้าเบาๆแล้วพุดขึ้นว่า

     

    ใช่มันไม่แค่เหมือนใช่เลยหละฟาเรสตาค้างทันทีที่เห็นชายอีกคนเดินออกมาจากประตู ชายหนุ่มผู้นั้น สวมแว่น มีดำหวีเรียบร้อยพร้อมทั้งรอยยิ้มที่แสนจะคุ้นเคย สองคนที่ร้านฮาเลม คนที่ไลท์วิ่งตามซะเหนื่อยแล้วได้ของแถมเป็นแหวน แหวนที่ตอนนี้ยัดใส่กระเป๋าเสื้อผ้าไปเรียบร้อยแล้วแต่ไม่รู้ว่ามันจะอยู่ดีรึเปล่า

     

    มาแล้วเหรอแอลริคน้อยมาหาพี่เร็ว เวนอสลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วยิ้มให้ชายชุดดำที่กำลังเดินเข้ามา พลางสำรวจไปทั่วห้องเขาชะงักไปครู่หนึ่งหลังจากที่เห็นไลท์  แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากรีบเดินเข้าไปหาพี่ชายที่ยิ้มหน้าบานรับอยู่แล้ว

     

    สวัสดีครับพี่เวส ชายชุดดำที่โดนเรียกว่าแอลริคน้อยพูด

     

    สวัสดีครับท่านเวนอสพี่ซาเอล ชายสวมแว่นนามซาเรสโค้งตัวคำนับเวนอสแล้วหันไปยิ้มให้ซาเอลที่เป็นพี่ชายแท้ๆของเขา

     

    นั่นมัน ไอ้สองคนนั่นนี่นาซวยแล้วเรา ไลท์วิ่งไปหลบข้างหลังบาเรียกับเจฟพร้อมทั้งลาก

    ฟาเรสมาด้วย ซวยแล้วตายแน่

     

    นี่สองคนนี้เป็นอะไรกัน เจฟถามด้วยความสงสัย

     

    นั่นซิค่ะบาเรียเห็นทั้งสองคนท่าทางแปลกๆตั้งแต่น้องชายท่านเวนอสเดินเข้ามาแล้วนะค่ะ

    ไว้ก่อนจะเล่าให้ฟังทีหลัง

    ……………………..

     

    ใส่มาทำไมกันไอ้เสื้อคลุมสีดำแถมยังปิดหน้าปิดตาอีกเอาออกซะ เวนอสพูดแล้วกระชากเสื้อคลุมของแอลริคออก เผยให้ใบหน้าขาวนวลของชายหนุ่มผู้หนึ่งที่จัดว่าหล่อเหลาเอาการพอสมควรเขามีนัยน์ตาสีดำและผมสีเงิน

     

      เราจะทำไงดีฟาเรส ขืนให้พวกนั้นรู้มีหวังโดนเล่นงานเราตาย ไลท์ดูท่าทางทุกข์หนักส่วนฟาเรสก็ไม่ต่างกันซักเท่าไหร่แถมดูเหมือนว่าจะเกิดอาการมากกว่าซะด้วยซวยตายแน่

    ผมสีเงินนายเห็นเหมือนที่ฉันเห็นไหม แดนนิสสะกิดถามโรเซน

     

    ใช่ผมสีเงิน สีเงินจริงๆ โรเซนตอบด้วยเสียหน้าเรียบเฉยดูไม่ตกใจเหมือนกับคนอื่นๆที่แทบจะไม่เชื่อสายตา เพราะคนที่มีผมสีเงิน นั้นมีแค่สองคนในอาณาจักรซึ่งก็คือตระกูลซานฟอเรสตระกูลของผู้ก่อตั้งอาณาจักรซานฟอเรสแห่งนี้ และหนึ่งในสองคนนั่นก็คือองศ์จักพรรดิที่ 15

    เอ็ดเวิร์ด ซานฟอเรส และอีกคนก็คือก็คือ องค์ชายรัชทายาท......
    ...............
    ง่าสิ่งที่เราต้องการที่สุดคือคอมเม้นนะ เม้นให้หน่อยนะถ้าได้อ่านเพราะเวลาไม่มีคนเม้นเราไม่มีกำลังใจเลย
    แต่ขอบคุณทุกคนนะขอรับที่อ่านมาถึงนี่
    hiru21

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

      

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

       

          

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×