ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    H. A . L .E.M ผู้พิทักษ์หน่วยกวนป่วนสุดขีด

    ลำดับตอนที่ #7 : ไอ้หัวแดง

    • อัปเดตล่าสุด 2 มิ.ย. 52


     

     

                                                                                         บทที่6

    ไอ้หัวแดง

    ปราสาทสวยๆแบบนี้ทำไมถึงมาอยู่กลางป่า ไลท์คิดในใจก่อนจะมองสำรวจไปรอบๆปราสาทเพื่อหาใครบางคนที่พาเธอมาแล้วหายไปโดยไม่บอกไม่กล่าว

     

    เลือดฉันต้องการเลือดๆเลือดๆเสียงคางๆเบาๆที่ชวนขนหัวลุกดังขึ้น ทำเอาไลท์สะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ

     

    ไอ้บ้าตัวไหนมันมาคางบ้าอะไรอยู่ตรงนี้วะหญิงสาวสบถกับตัวเองเบาๆก่อนจะมองไปรอบๆอีกครั้งเพื่อหาต้นเสียง  แต่เสียงนั่นก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆเลือดๆเลือดๆ

    ในที่สุดเธอก็หาต้นเสียงเจอ ในขณะที่มองมาทางโซฟาที่มีร่างของชายหนุ่มผมแดงนอนอยู่ไอ้นี่เองซินะ

     

    เลือดเอาเลือดให้ฉันทีชายหนุ่มคางต่อไปเรื่อยๆพร้อมทั้งยื่นมือออกมากวักอะไรบางอย่าง ใบหน้าของชายหนุ่มตอนนี้นั้นเป็นสีขาวซีดริมฝีปากดำคล้ำทางท่าอิดโรย ไลท์เห็นดังนั้นจึงตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อดูว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นอะไรมากหรือเปล่ารวมไปถึงการป้องกันตัวไว้ก่อนถ้าไอ้คนที่นอนอยู่เป็นอย่างที่เธอคิดไว้มันชั่งหน้ากลัว

     

    นายเป็นอะไรรึเปล่า ไลท์ถามขึ้นแต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับจากชายหนุ่มผู้นั้นจะมีก็แต่เสียงคาง พร่ำเพ้อถึงเลือด

     

    นี่นายฉันถามว่าเป็นอะไรรึเปล่า ไลท์ถามซ้ำอีกรอบพร้อมทั้งเขย่าร่างขงชายหนุ่มแต่ทันทีที่แตะร่างของเขาความเย็นก็แผ่ซ่านเข้ามาที่ฝ่ามือทั้งที่ไม่ได้โดนผิวโดยตรงแท้ๆกลับเย็นขนาดนี้หญิงสาวรีบชักมือออกมาโดยเร็วแล้วรีบถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็วเป็นการป้องกันไว้ก่อนเพราะชายหนุ่มผู้นี้มีคุณสมบัติครบเลยเหมือนกับสิ่งที่เธอกลัวมากที่สุดและไม่อยากจะเจอมากที่สุดเช่นเดียวกันหน้าซีดตัวเย็นริมฝีปากคล้ำ นี่ถ้าถอดหัวได้หละใช่เลย

     

    เป็นตัวอะไรกันวะนี่ ไลท์เริ่มมีอาการตัวเย็นขนเริ่มลุกสติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแต่มองซ้ายมองขวาอย่างหวาดหวั่นแล้วรีบตั้งท่าที่จะออกไปจากที่นี่แต่

     

    ยัยบื้อเธอตั้งท่าจะไปไหนนะ เสียงของชายหนุ่มผมเงินที่หายไปนานดังขึ้น

     

    ฉันก็จะออกไปข้างนอกนะซิถามได้หญิงสาวผมสีน้ำตาลแดงตอบอย่างไม่รู้ตัวแล้วเหลือบไปมองร่างของชายหนุ่มผมแดงหรือไม่งั้นก็อาจจะเป็นวิญญาณ

     

    ออกไปไม่ได้ฉันยังไม่อนุญาตแอลริคออกคำสั่งเสียงเข้ม

     

    แต่ว่านั่นนะหญิงสาวชี้ไปที่โซฟาโดยที่ไม่ได้หันมามอง

     

    นี่เธอกลัวมันรึไงแอลริคพูดแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ

     

    หันกลับมานี่ฉันจะทำอะไรให้ดู

    ไลท์ค่อยๆหันกลับมาก็จ้องพบกลับแก้วน้ำที่มีของเหลวสีแดงขุ่นบรรจุอยู่ซึ่งตอนนี้มัน อยู่ในมือแอลริค

     

    ดูให้ดีนะคอยดูชายหนุ่มชุแก้วนั้นขึ้นแล้วเดินเข้าไปใกล้ชายหนุ่มผมแดงที่นออยู่ เขาง้างปากของชายหนุ่มที่นอนอยู่บนโซฟาแล้วหลังจากนั้นก็เทน้ำสีแดงที่ อยู่ในแก้วใส่ปากไปจนหมดแก้ว

     

    นี่นายทำอะไร ไลท์ถามขึ้นเพราะตกใจในการกระทำของแอลริคแต่มันก็ทำให้ชายหนุ่มผมแดงค่อยๆลืมตาขึ้นเผยให้เห็นดวงตาสีดำทมิฬผิวที่เคยขาวซีดกลับเป็นสีขาวเปล่งปลั่ง ริมฝีปากที่เคยดำคล้ำก็กลับกลายเป็นสีเปล่งปลั่งอย่างคนมีสุขภาพดีแล้วยิ่งไปว่านั้นผมสีแดงเพลิงที่เป็นประกาอยู่แล้วกลับเจิดจ้าเป็นประกายยิ่งกว่าเก่า

     

    โอ้ยแกทำอะไรของแกฉันเกือบสำลักตายอยู่แล้วชายหนุ่มพูดเบาๆพลางจับคอตัวเองแล้วไอ้คอกๆแคกๆ

     

    นั่นนายทำอะไรกัน แล้วนายเป็นตัวอะไรไลท์ถามขึ้นอย่างสงสัย

     

    ขอโทษทีนะฉันแค่อยากแกล้งเธอไม่มีอะไรหรอกชายหนุ่มผมแดงตอบแล้วยิ้มอย่างอารมณ์ดี

     

    แกล้งงั้นเหรอหญิงสาวเลิกคิ้วขึ้น

     

    เธอต้องขอบคุณฉันนะถ้าฉันไม่เอาเลือดไปกอกปากมัน มันคงแกล้งเธอจนหัวโกร๋น เอ๋แต่จะว่าไปชักอยากเห็นคนหัวโกร๋นวะแล้วซิเฮ้อคิดผิดๆแอลริคยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วหัวเราะลั่นแต่ในขณะที่หญิงสาวผมสีน้ำตาลแดงตรงหน้าเริ่มมีอารมณ์โกรธนิดๆแล้ว

    มาหลอกกันได้

     

    สนุกมากเลยใช่ไหมพวกนายที่ทำให้คนอื่นเค้ากะกลัวนะ

     

    เอาน่าสนุกๆไป เธอชื่ออะไร ฉันชื่อ เรสนะ อ่าอย่าเครียดนะนานทีจะมีเพื่อน แล้วอีกอย่างอย่าโทษแอลริคนะเรสพูดเรียบๆอย่างอารมณ์ดีและเป็นมิตรกว่าใครบางคนที่เจอตั้งแต่ทีแรกก็ตะโกนด่าซะแล้ว

     

    ฉันชื่อไลท์อาเทียเรียกไลท์เฉยๆก็ได้ยินดีที่ได้รู้จักนะเรสไลท์ยิ้มเจื่อนๆแล้วหันไปมองแอลริคด้วยหางตา

     

    งั้นยินดีที่ได้รู้จักนะไลท์จัง เรสยิ้มกว้าง

    ทำความรู้จักไว้ก็ดีงั้นรีบๆไปกันเถอะ เอ๊าเอาไป แอลริคพูดขึ้นแล้วโยนกระเป๋าสะพายสีดำที่วางอยู่ใกล้ให้เรส ก่อนจะหยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นมาสะพายแล้วเดินออกไปจากปราสาทโดยไม่สนใจใคร เรสหันไปมองแอลริคแล้วเบ้ปาก

     

    นิสัยไม่เคยเปลี่ยนอย่างไปถือสามันเลยนะถ้าเป็นแบบนี้บ่อยๆถ้ามันไม่เป็นแบบนะซิแปลกเรสลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินเข้ามาหาไลท์ใกล้ๆเป็นเชิงว่าไปกันเถอะ

    แล้วทั้งสองก็เริ่มเดินเพื่อจะออกไปนอกปราสาททันทีที่ออกมาพ้นประตูมันก็เลื่อนปิดและล็อคอย่างอัตโนมัติ

     

    ทิกซี่ดูแลบ้านให้ดีนะ เรสพูดขึ้น

     

    นายพูดกับใครนะไลท์ถามขึ้นด้วยความสงสัย

     

    พูดกับบ้านะซิให้ช่วยดูแลความเรียบร้อยเรสพูดยิ้มๆอย่างสบายใจแต่ไลท์กับงงเหลือเกินแต่ก็ไม่อยากถามเท่าไหร่เพราะดีไม่ดีจะงงยิ่งไปกว่าเดิม

     

    ไลท์จังฉันต้องขอโทษอีกทีนะที่ฉันแกล้งเธอนะ

     

    ไม่เป็นไรหรอกว่าแต่นายลงทุนทำขนาดให้ตัวเย็นผิวซีด ปากคล้ำได้ไงนะบอกหน่อยซิ

     

    เหอๆไอ้แบบนั้นนะฉันไม่ได้ทำอะไรเลยต่างหากมันเป็นอาการตอนที่ฉันหิวนะ แต่พอได้กินเลือดก็จะกลับมาเป็นปกติเรสพูดเรียบๆอย่างปกติแล้วยิ้มให้ไลท์แต่เธอกับประหลาดใจและเริ่มระแวงแล้วว่ามนุษย์ที่ไหนเค้ากินเลือดกันหรือว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะเป็นอย่างที่คิดไว้ตอนแรก

     

    หา!กินเลือดนายเป็นตัวอะไรกันเนี่ย ไลท์ตะโกนออกไปโดยไม่รู้ตัวทำเอาเรสตกใจเล็กน้อยส่วนแอลริคที่ถึงแม้จะเดินนำหน้าไปเยอะแล้วก็ยังแอบได้ยินเพราะเสียงไม่ใช่เบาๆชายหนุ่มผมเงินหันกลับมามองแวบนึงแล้วหันกลับไปแอบหัวเราะแล้วพึมพำในใจสมกับเป็นยัยบื้อจริงๆ

     

    ฉันก็เป็นแวมไพร์นะซิไลท์จังเรสตอบพร้อมกับอ้าปากโชว์เคี้ยวทั้งสองข้างให้ไลท์ดู

     

    เฮ้ยยย หญิงสาวตะโกนลั่นแล้วกระโดดหนีไปอย่างรวดเร็ว

     

    อย่ากลัวซิไลท์จังอย่างน้อยฉันก็ไม่กินเลือดมนุษย์นะ

     

    จะจะให้มะไม่กลัวได้ไงเล่นโชว์ซะขนาดนี้ คนขี้กลัวพูดตะกุกตะกักพลางทำหน้าขยาดแวมไพร์หัวแดงตรงหน้า

     

    ขอโทษนะอย่ากลัวฉันเลย แวมไพร์หัวแดงเดินเข้ามาใกล้ๆแล้วยิ้มกว้างให้อีกรอบ

     

    กะก็ได้ ไลท์พยามเรียกสติกลับมาแล้วทำตัวเป็นปกติ

     

    ดีมากแล้วไลท์จังมีอะไรสงสัยอีกไหมถามมาได้เลย

     

    จริงซินายเป็นแวมไพร์แล้วมาเดินกลางแดดเปรี้ยงๆแบบนี้ได้หละเนี่ยคนขี้สงสัยถามขึ้นอย่างรวดเร็ว

     

    อ๋อฉันเป็นแวมไพร์รุ่นพิเศษนะไม่กลัวแดดไม่กลัวกระเทียมเรสตอบแล้วกระโดดเหยงๆไปมา

    ทั้งสองกันมาเรื่อยๆเดินไปคุยไปมาตลอดทางโดยที่ไลท์ก็ถามปัญญาคาใจที่มีมากเหลือเกินส่วนเรสก็ตอบอย่าสบายๆและถามกลับเป็นบางครั้งจนตอนนี้เพื่อนที่เรียกได้ว่ารู้จักกันยังไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำกลับรู้เรื่องของอีกฝ่ายจนแทบจะหมดแล้ว  จนมาถึงน้ำตกและทุ่งดอกไม้ที่ไลท์ผ่านมาตอนแรกเธอหยุดอยุ่ตรงหน้าน้ำตกเพื่อมองหาเพื่อนสามคนที่แอบหนีไปเล่นน้ำกัน

     

    มองหาอะไรอยุ่ไลท์จัง

     

    เพื่อนนะ

     

    นั่นรึเปล่าเพื่อนของไลท์จัง เรสพูดพลางชี้ไปที่ชั้นสูงสุดของน้ำตกที่มีคนสามคนกำลังเล่นน้ำกันอย่างเมามันซึ่งทั้งสามคนนั้นก็คือ ฟาเรส  บาเรีย  เจฟ

     

    ใช่จริงๆด้วยไอ้พวกนี้ยังไม่เลิกเล่นกันรึไงเนี่ย ไลท์บ่นพึมพำ

     

    เฮ้พวกนั้นนะเลิกเล่นกันได้แล้วเราต้องรีบไปนะเราพึ่งถึงทาคารัสเองนะอีกตั้งเกือบสามชั่วโมงนะไลท์ตะโกนเรียก

     

    อ่าไลท์ไปไหนมา มาเล่นน้ำด้วยกันซิฟาเรสตะโกนตอบพลางกวักน้ำใส่บาเรียกับเจฟ

     

    ไม่เล่นเว้ย ลงมาเดี๋ยวนี้ท่าไม่รีบมาจะไปบอกให้โรเซนมาตามเองนะไลท์ตะโกนขึ้นอีกรอบอย่างเริ่มหัวเสียเล็กน้อย

     

    ก็ได้เดี๋ยวแปปนึง ฟาเรสตะโกนตอบอีกครั้ง

     

    ไลท์จังเราไปกันก่อนก็ได้นะเฮ้อน่าสนุกจังนะแต่ต้องรีบไปแล้วซิ เรสพูดขึ้นแล้วมองขึ้นไปทาง ฟาเรส บาเรีย เจฟกำลังเล่นน้ำอยู่ สายตาของเขานั้นมองทั้งสามคนอย่างอาลัยอาวรณ์

    ไปก็ดีเรสจัง

    บนยาน E 21 ห้องนั่งเล่น

    โรเซนกับฟาริสนั่งคุยกันอยู่บนโซฟาในหัวข้อเรื่องระบบของยานที่พึ่งแก้เสร็จอย่างยากลำบาก ทำเอาฟาริสเหงื่อตก โรเซนก็วิ่งวุ่นอยู่ในห้องเครื่อง

     

    เฮ้อกว่าจะแก้ได้โรเซนว่าไหม ชายหนุ่มผมสีดำแกมน้ำเงินถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะนอนแผ่ราบไปกับโซฟา

     

    แก้ยากพอสมควรเลยหละ กว่าจะหาต้นเหตุเจอชายหนุ่มผมสีทองผู้เป็นหัวหน้าหน่วยพุดเรียบๆ

     

    ไม่นึกว่าจะเป็นฝีมือของ…” ฟาริสพูดอีกขึ้นอีกรอบแต่ยังพูดไม่จบประโยคก็ต้องหยุดชะงักซะแล้ว

     

    ของฉันหละซินะรู้กันแล้วก็ดีอุตส่าห์รีบกลับมา เสียงที่เข้ามาขัดฟาริสก็คือเสียงของแอลริคที่พึ่งเดินเข้ามาในยานแล้วได้ยินพอดี

     

    อะเอ๋อ ฟาริสอ้ำอึ้ง

    ซวยแล้วเราไม่น่าพูดมากเลย

     

    ต้องขอโทษพวกนายด้วยนะที่ทำให้ยุ่งยากนะ ฉันมันขี้เกียจเองหละที่ไม่ไปบอกพวกนายให้เอายานลงจอดก็เลยเจาะระบบนะคงไม่ว่ากันนะ แอลริคพูดเรียบๆ

     

    ไม่เป็นไรหรอกครับแค่นี้เอง ฟาริสพูดแล้วยิ้มให้แอลริคก่อนจะก้มหน้าลง

    พูดไปได้แค่นี้เองเกือบตาย

     

    แล้วนายหละคุณหัวหน้าหน่วย นายชื่อโรเซนหละซินะ

     

    ผมก็เหมือนกับ ฟาริสหละครับองค์รัชทายาท โรเซนพูดเสียงเย็นซึ่งเป็นปกติพลางลุกขึ้นจากโซฟาแล้วโค้งคำนับแอลริค 

     แอลริคยิ้มมุมปากก่อนที่จะพูดขึ้นว่า นึกว่าจะไม่มีใครรู้ซะอีก เพราะไอ้สีผมนี่ซินะ

     

    หะหาองค์รัชทายาท ทันทีที่แอลริคพูดจบฟาริสก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วโค้งคำนับแอลริคอย่างรวดเร็ว

     

    ท่าทางจะมีแต่นายซินะที่รู้โรเซน อ่าส่วนนายคงจะเป็นฟาริส

     

    ใช่ครับ ฟาริสตอบในขณะที่ก้มหน้าอยู่

    อืมงั้นฉันขอตัวไปก่อนนะแล้วอย่าไปบอกใครนะเรื่องฐานะฉันไม่อยากให้ทุกคนวางตัวลำบากนะแอลริคยิ้มมุมปากก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง

     

    อ๊ากจะบ้าตาย ฟาริสกุมศีรษะตัวเองแล้วเขย่าไปเขย่ามา

     

    ใจเย็นซิดูท่าทางท่านแอลริคจะไม่โกรธอะไรนะ โรเซนพูดเรียบๆก่อนจะหยิบหนังสือที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมาอ่าน

     

    นี่ฉันไม่รู้เลยนะว่าท่านแอลริคนะเป็นองค์รัชทายาทนะฉันรุ้แค่ว่าเป็นน้องชายของเพื่อนท่านเวนอสนายรู้ได้ยังไงกันชายหนุ่มผู้กำลังทุกข์หนักพูดเสียงอ่อย

     

    จากสีผมแล้วก็ลักษณะทั่วไปไงหละ โรเซนตอบใน ขณะที่นั่งก้มอ่านหนังสือ

     

    ฉันก็รู้แค่ว่าคนที่อยู่ในราชวงศ์ซานฟอเรสจะมีผมสีเงิน

     

    มันเป็นข้อมูลที่คนทั่วๆไปรู้นะความจริงแล้วมีแค่สองคนเท่านั้นหละในตระกูลที่เหลืออยู่ คนแรกก็ก็องค์จักพรรดิแล้วก็ท่านแอลริคโรเซนอธิบายพร้อมกับโชว์รูปในหนังสือซึ่งเป็นรูปของชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบปลายๆผมสีเงินยาวมัดรวบไว้ข้างหลังจากเรียบร้อย ดวงตาสีดำ ผิวขาว ใบหน้าหล่อเหลา บนศีรษะมีมงกุฎสีทองมีเพชรประดับประดาสวยงามพร้อมใส่ชุดเสื้อคลุมสีเทาของราชวงศ์ชั้นสูง

     

    นี่ไงหละองค์จักพรรดิ หลังจากโชว์รูปเสร็จชายหนุ่มก็ปิดหนังสือลงหน้าปกหนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า ซานฟอเรส

     

    สงสัยฉันต้องหาหนังสือประวัติมาอ่านซะแล้วหละมัวแต่อ่านหนังสือเครื่องกล เฮ้อฟาริสถอนหายใจเอือกใหญ่ก่อนจะนอนราบลงไปกับโซฟาอีกรอบส่วนโรเซนก็ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อไป

     ในขณะเดียวกันไลท์กับเรสก็เดินขึ้นมาพอดี

     

    อ่าวโรเซนฟาริสแก้ได้แล้วรึ ไลท์ถามขึ้น

     

    อืม โรเซนพูดเบาๆ

     

    มากันแล้วรึไปไหนกันมานะ ฟาริสดีดตัวขึ้นมาจากโซฟาอีกรอบแล้วมองสำรวจไลท์รวมไปถึงเรสที่กำลังยิ้มกว้างให้เขา  ชายหนุ่มตกใจเล็กน้อยที่ใครก็ไม่รู้ยิ้มให้แต่จะทำไงได้ก็คงต้องยิ้มตอบอย่างสงสัย

     

    สวัสดีเพื่อนของไลท์จังซินะครับ เรสพูดพลางยิ้มกว้างแล้วหันไปรอบๆเพื่อให้ทั้งสองคนเห็นก่อนจะวางกระเป๋าที่สะพายอยู่ลง

    โรเซน ฟาริสนี่เรสเค้าเป็นเพื่อนของนายคนนั้นเอ้ยท่านแอลริคนะ ไลท์ชี้ไปที่เรสเพื่อนเป็นการแนะนำตามมารยาทให้โรเซนกับฟาริสรู้จัก

     

    สวัสดีครับยินดีที่ได้รู้จักผมฟาริสฟาริสยืนขึ้นแล้วยิ้มกว้างให้เรสอย่างเป็นมิตร

     

    ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับผมโรเซน เชิญนั่งก่อนนะครับ ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าหน่วยลุกขึ้นแล้วผายมือไปยังโซฟาที่ว่างอยู่

     

    ขอบคุณครับ เรสยิ้มอีกรอบก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาส่วนไลท์ก็นั่งลงข้างๆฟาริส ในขณะเดียวกันโรเซนก็สังเกตเห็นสีผมของเรสที่เด่นหรา ผมสีแดงเพลิงเจิดจ้า ซึ่งมันก็ทำให้ชายหนุ่มรู้เลยว่าเป็นคนของราชวงศ์ทาคารัสหรือราชวงศ์จ้าวแห่งแวมไพร์

     

    โรเซนคงจะเป็นหัวหน้าหน่วยฮาเลมหละซินะครับไลท์เล่าให้ฟังนะชายนหุ่มผมแดงถามขึ้นทันทีนั่งลงบนโซฟา

     

    ครับ ใช่แล้วโรเซนตอบเรียบๆแล้วก้มหัวเล้กน้อย

     

    แล้วก็ฟาริสช่างประจำหน่วย เรสหันไปมองฟาริสแล้วพูด

    ฟาริสมีท่าทีแปลกๆเล้กน้อยที่ว่าใครกันเป็นช่างประจำหน่วย ไอ้เพื่อนตัวแสบมันเล่าอะไรไปบ้างเนี่ย

     

    เหอๆจะว่าอย่างนั้นก็ได้ ฟาริสตอบแล้วลูบผมเบาๆ

     

    ว่าแต่เรสอยู่ที่นี่งั้นเหรอแล้วเป็นเพื่อนของท่านแอลริคด้วยงั้นเหรอ ฟาริสได้ทีก็เริ่มถามในเรื่องที่ตนสงสัย

     

    ใช่แล้วที่นี่นะเป็นบ้านพักของผมกับแอลจังนะครับเวลาเครียดๆหรืออยากจะหนีคนที่บ้านก็มาที่นี่หละ บ้านสวนนะที่มีอะไรเยอะแยะน้ำตกทุ่งดอกไม้สวนผลไม้เยอะแยะเลย เรสร่ายยาวอย่างอารมณ์ดีและสีหน้าแฝงไปด้วยความสุข

     

    โอ้ยยัยบ้าบาเรียเธอกวักน้ำใส่ผมฉันทำไมกันเนี่ยรู้ไหมฉันขี้เกียจสระ เสียงโวยวายของฟาเรสดังขึ้นซึ่งเป็นสัญญาณว่าสามนั้นมากันแล้ว ทั้งสามคนที่สี่คนที่นั่งคุยกันอยู่หันควับไปมองอย่างรวดเร็วก็พบกลับ ร่างของหญิงสาวสองคนและชายหนุ่มอีกหนึ่งคนที่เปียกโชกน้ำกำลังขึ้นมาบนยาน

     

    ก็คุณฟาเรสกวักใส่บาเรียก่อนนี่ หญิงสาวผมสีน้ำตาลโต้กับ

     

    ฉันไม่ได้กวักใส่ผมเธอซะหน่อยชายหนุ่มผมดำกอดอกแล้วถลุงตาใส่

     

    คุณฟาเรสงี่เง่า หญิงสาวถลุงตาใส่กลับ

     

    พอได้แล้วสองคนนี้ไปอาบน้ำ เจฟเข้ามาขัดเวทีโต้ฝีปากของฟาเรสและบาเรียแล้วลากไปหลังยานโดยปล่อยหั้งสี่คนที่อยู่ในเหตุการณ์งงว่าทำไมสามคนนี้ไปทำอะไรกันมาแล้วไม่คิดจะสนใจคนที่นั่งอยู่เลยแม่แต่น้อย

     

    พวกนั้นไปทำอะไรกันมานะ โรซนถามขึ้น

     

    เล่นน้ำนะ ไลท์ตอบเสียง

     

    หา! เล่นน้ำ ฟาริสตะโกนออกมาดังลั่นต่างกับคนที่ถามกับพยักหน้าเบาๆ

     

    ไปเล่นที่น้ำตกบ้านสวนนะเล่นกันน่าสนุกมากเลยเรสเสริม

     

    คนอื่นเค้าเครียดไอ้พวกบ้านี่กลับแอบไปเล่นน้ำ ฟาริสบ่นพึมพำ

    ในขณะเดียวกันกลิ่นอะไรบางอย่างก็ลอยมาเข้าจมูกไลท์ เธอดมฟุตฟิตไปมาเพื่อจะได้รู้ว่ามันเป็นกลิ่นของอะไรกันแน่แต่กลิ่นนี่มันคุ้นๆเหมือนกับกลิ่นของ

     

    บะหมี่สูตรเด็ดมาแล้วเสียงของแดนนิสดังขึ้นพร้อมกับร่างของเขา ผมสีดำที่เคยยาวร่วงลงมาเกะกะก็ถูกมัดไว้เรียบร้อย พร้อมทั้งใส่ผ้ากันเปื้อนสีขาวสะอาดตา มือทั้งสองข้างถือหม้อขนาดกลางซึ่งมีอะไรบางอย่าอยู่ในนั้นมันส่งกลิ่นหอมไปทั่วห้องนั่งเล่น จนทำให้ทั้งสี่คนที่นั่งอยู่ในห้องท้องเล่นกันไปตามๆกันเมื่อได้กลิ่นอาหารที่คาดว่าต้องรสเลิศแน่นอน

     

    บะหมี่งั้นเหรอนายทำใช่ไหมแดนนิสหิวๆ ไลท์พูดขึ้นแล้วพยายามยืดคอเพื่อที่จะดูบะหมี่ที่อยู่ในหม้อพร้อมทั้งเลียริมฝีปากไปมา

     

    หิวหละซิงั้นก็ไปช่วยกันยกชามไป ชายหนุ่มผู้เป็นรองหัวหน้าหน่วยที่ตอนนี้สวมวิญญาณพ่อครัวพูดก่อนจะวางหม้อลงบนโต๊ะ ทำเอาเรสที่นั่งอยู่ใกล้ต้องชำเลืองไปมองแล้วสูดกลิ่นอันหอมหวนน่ารับประทานพลางยิ้มอย่างร่าเริง

     

    น่ากินจังนะบะหมี่งั้นเหรอชายหนุ่มผมแดงพูดขึ้น

     

    ใช่แล้วฝีมือแดนนิสอร่อยมากเลยหละ ฟาริสพูดก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปช่วยไลท์กับแดนนิสยกชามที่ห้องครัว

          ซักพักทั้งสามคนก็มาพร้อมกับชามประมาณเก้าใบพร้อมทั้งตะเกียบและช้อนครบชุด หลังจากนั้นก็เริ่มแจกชามให้แต่ละคน ไลท์ที่รอมานานถือโอกาสตักกินก่อนใครเพื่อน 

    กินหละนะครับ เรดส์มองไปยังชามที่มีบะหมี่เส้นสีชมพูหยักๆน้ำใสมีผักหลายสีอยู่ส่งกลิ่นหอมน่ารับประทานที่แดนนิสพึ่งตักให้ แล้วก็เริ่มคีบบะหมี่เข้าปากพร้อมทั้งตักน้ำมาซด

     

    อร่อยมากๆเลยไม่เคยกินอะไรอร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย เรสพูดขึ้นก่อนจะซดบะหมี่ต่อ

     

    อ่าลืมไปเลยแดนนิสนี่เรสนะ ไลท์ที่กำลังซดบะหมี่อย่างเมามันผายมือแนะนำเรสให้แดนนิสรู้จัก

     

    ยินดีที่ได้รุ้จัก เรดส์ แดนนิสก้มหัวเล็กน้อย

     

    เช่นกันแดนนิสคุง อร่อยมากเลยนะพึ่งจะเคยกินบะหมี่เป็นครั้งแรกนี่หละไม่นึกว่าจะอร่อยขนาดนี้

     

    หา!พึ่งจะเคยกินงั้นรึไลท์ตะโกนออกมาด้วยความแปลกใจจนเกือบทำให้เส้นบะหมี่ร่วงออกมาจากปาก

    โรเซนที่นั่งกินบะหมี่อยู่อย่างเงียบและเรียบร้อยถึงกับหันมามองไลท์

     

    จริงๆเหรอเนี่ยนายไม่เคยกินจริงๆเหรอเรดส์ แดนนิสเสริมด้วยความแปลกใจเช่นกันโรเซนก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินหายไป ไลท์เงยหน้าขึ้นมองว่าจะถามแต่ก้ไม่ถสมดีกว่าเพราะมัวแต่สนใจเรื่องของเรส

     

    ก็ใช่นะซิที่วังไม่มีเลยพ่อครัวทำแต่อาหารพวกเนื้อนะรสชาติก็งั้นๆบะหมี่ที่แดนนิสทำยังอร่อยกว่าซะอีก เรสพลางว่าพลางซดน้ำบะหมี่ แต่เรื่องที่เรสไม่เคยบะหมี่มันกลายเป็นเรื่องที่ไม่น่าตกใจของทุกคนเท่ากับเรื่องที่วังที่ไม่รู้ว่าหลุดปากออกมาหรือตั้งใจกันแน่

     

    วัง แดนนิสกับฟาริสหันไปมองหน้ากันแล้วตะโกนออกมาพร้อมกันส่วนโรเซนที่พึ่งเดินมานั่งใกล้ๆไม่มีสีหน้าตกใจอะไรเลยเพราะน่าจะรู้อยู่แล้วเพราะวันๆนึงเขาอ่านหนังสือตั้งมากมายยิ่งความรู้ราชวงศ์แบบนี้ไม่น่าพลาดอยู่แล้ว

     

      โอ๊ะหลุดปากไปชายหนุ่มผมแดงอุทานเบาๆ

     

    พึ่งรู้จักกันก้คุยจ้อเลยนะไอ้หัวแดง เสียงของแอลริคดังขึ้นพร้อมทั้งร่างของชายหนุ่มที่เดินตามหลังโรเซนมา ซึ่งมันก็ทำให้ไลท์หันไปมองด้วยความอาฆาต

     

    อ่าวแอล เรสทำหน้าตกใจสุดขีดก่อนจะก้มหน้าลง

     

    วัง แดนนิสกับฟาริสหันไปมองหน้ากันแล้วตะโกนออกมาพร้อมกันส่วนโรเซนที่พึ่งเดินมานั่งใกล้ๆไม่มีสีหน้าตกใจอะไรเลยเพราะน่าจะรู้อยู่แล้วเพราะวันๆนึงเขาอ่านหนังสือตั้งมากมายยิ่งความรู้ราชวงศ์แบบนี้ไม่น่าพลาดอยู่แล้ว

     

      อ๋อที่ร้านอาหารชื่อว่าวังหลวงนะครับ เรดส์ยิ้มกว้าง

     

    อ๋อ เข้าใจแล้ว แดนนิสยิ้มตอบส่วนฟาริสก็พยักหน้าหงึกๆ

     

    แก้ตัวน้ำขุ่นๆ แอลริคกระซิบที่ข้างหูเรดส์เบาๆส่วนเรดส์ก็ได้แต่ก้มหน้ากินบะหมี่ต่อไป

    แอลริคเห็นดังนั้นเยาะเย้ยมันไปอีกคงม่สนุกจึงหันไปหาเป้าหมายใหม่

     

     

      นี่ๆเธอ

    ไลท์รู้สึกเหมือนใครสะกิดจึงหันมอง พอรู้ว่าเป็นใครกันกลับมาอย่างอารมณ์เสียไอ้น้องชายเพื่อนเจ้านายอีกแล้ว

     

    จะเรียกทำไมวะ เธอบ่นพึมพำเบาๆ

     

    นี่ยัยบื้อตักไอ้ที่อยู่ในหม้อให้ซิแอลริคสะกิดไลท์อีกรอบแล้วยื่นชามให้

     

    ตักเองซินายอยู่ใกล้หม้อกว่าฉันนะไลท์พูดแล้วชี้ไปที่หม้อที่วางอยู่ข้างๆที่แอลริคยืนอยู่ซึ่งมันห่างกับเธอคนละฝากกันเลย

     

    นี่หัวหน้าหน่วยเธอเป็นคนไปเชิญฉันมากินนะเธอเป็นแค่ลุกน้องก็ตักให้ฉันซิหรือจะให้ฉันไปตามหัวหน้าเธอมาตักให้เอาไหมหละจะไปเดี่ยวนี้เลยแอลริคพูดด้วยความหงุดหงิด

     

    ก็ได้ ไลท์ที่ต้องยอมจำนนเดินไปหยิบชามในมือไอ้คนงี่เง่าที่เธอเซงเป็นที่สุดแล้วตักบะหมี่ใส่ชามแล้วยื่นให้อย่างไม่เต็มใจ

     

    ขอบใจ ชายหนุ่มพูดเสียงกวนๆ

     

    ไม่ต้องก็ได้เพราะยังไงฉันก็เต็มใจจะทำให้ ไลท์พูดประชดแล้วเน้นเสียงคำว่าเต็มใจ จากนั้นก็เดินทืบเท้าปึงๆเข้าไปในพัก ประตูเลื่อนเปิดอย่างอัตโนมัติภายในห้องนั้นมีกระเป่าใบใหญ่กองอยู่มุมห้องสี่ถึงห้าใบมีเตียงสองชั้นวางอยู่สองเตียงซึ่งไว้สำหรับชายหนุ่มทั้งสี่คนแห่งหน่วยฮาเลม บริเวณมุมแต่งตัวมีร่างของฟาเรสที่เปลือยท่อนบนท่อนล่างห่มผ้าขุนหนูสีน้ำตาลเข้มพร้อมทั้งกำลังยืนเช็ดผมสีดำยาวระต้นคออย่างหงุดหงิดและกำลังบ่นอะไรบางอย่างหมุบหมิบ

     

    เฮ้อเซงโว้ย ไลท์นั่งลงกับเตียงใกล้กับฟาเรสแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

     

    เป็นอะไรอีกวะเซงอะไร ฟาเรสถามขึ้นพลางหยิบกางเกงยืนสีซีดที่พวกอยู่บนเตียงชั้นสองมาใส่

     

    ก็ไอ้โถ่เว้ย หญิงสาวกำหมัดแล้วทุบเตียงดังตุบ

     

    อะไรจะเซงเท่าฉันอุตส่าห์ไม่สระผมมาตั้งสองอาทิตย์กะจะทำสถิติซะหน่อยแต่กลับโดนยัยบาเรียหนอยคิดแล้วแค้น ฟาเรสบ่นอุบอิบ

     

    พูดมากไอ้ซกมกเอ้ยรีบไปกินบะหมี่ไปเดี่ยวก็หมดก่อนหรอก

     

    หา! บะหมี่เหรอแดนนิสทำซินะงั้นดีหละ พอพูดจบชายหนุ่มก็รีบคว้าเสื้อสีดำที่พาดอยุ่เตียงตรงข้ามแล้วรีบวิ่งตรงดิ่งไปยังที่ๆมีหม้อบะหมี่อยู่

    ส่วนไลท์ก็ได้แต่นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เรื่องที่เจ้าตัวไปบอกแอลริคทั้งๆที่ทำเป็นไม่รู้เรื่องก็คงไม่มีอะไรแต่นี่กลับคิดผิดถนัด คิดแล้วเซงจริงๆชีวิตโทษตัวเองว่างี่เง่า น่าเบื่อ  ส่วนอีกเรื่องเธอจะเจออะไรต่อไปที่ไอ้น้องเจ้านายจอมเอาแต่ใจนี่จะหาเรื่องมาให้มาแกล้งอีก  น่าแปลกที่ไอ้คุณชายเอาแต่ใจนี่ดันมีเพื่อนดีๆอย่างเรดส์แต่เอาเถอะไม่ว่าจะเจออะไรยังไงก็ต้องสู้ๆสู้ๆตาย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×