ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    H. A . L .E.M ผู้พิทักษ์หน่วยกวนป่วนสุดขีด

    ลำดับตอนที่ #6 : ปราสาทหลังงามในป่าใหญ่

    • อัปเดตล่าสุด 2 มิ.ย. 52


    ตอนที่ 6

    ปราสาทหลังงามในป่าใหญ่

    ภายในห้องของผู้บัญชาการสูงสุดเขตตะวันออก ซึ่งตอนนี้ดูโล่งและบางตาลงจากเมื่อตอนเที่ยงที่แน่นขนัด

     

    เฮ้อจะไปถึงไหนกันแล้วนะ เวนอสผู้เป็นเจ้าของห้องถอนหายใจด้วยความเสียดายว่าทำไมไม่ไปกับพวกนั้นกันนะ เผื่อจะได้เจออะไรดีๆกับเค้าบ้างและเป็นการพักผ่อนจากการทำงานหลายปี ไม่มีวันไหนเลยที่ได้พักอย่างสบายใจและว่างจากงาน

     

    คงยังไปไม่ถึงไหนกันหรอกครับพึ่งออกไปกันนี่ครับ ซาเอลให้ความเห็น

     

    ท่านแอลริคไม่น่าเลยนะครับ น่าจะให้ผมไปด้วยรู้สึกห่วงยังไงไม่รู้ซิครับซาเรสถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยเหตุผลที่ว่า ท่านองค์ชายแอลริคที่ตนรักเหมือนดั่งน้องชายแท้ๆแถมตลอดเวลาหลายปีที่ตนเองคอยดูแลอย่างดีไม่เคยห่างแต่ครั้งนี้กลับยืนกระต่ายขาเดียวว่า ซาเรสนายจะไปไหนก็ไป คราวนี้ฉันจะไปคนเดียว แล้วใครกันมันจะขัดได้

     

    อะไรของนายซาเรส ปล่อยท่านแอลริคไปคนเดียวซะบ้างเถอะน่าไม่ต้องห่วงหรอกมีหน่วยฮาเลมทั้งหน่วย ซาเอลแตะไหล่เพื่อให้กำลังใจผู้เป็นน้องชายเบาๆ

     

    อย่าห่วงไปเลยซาเรส ได้ยินว่าเรดส์น้อยก็เตรียมตัวไปด้วยนี่สองคนนั้นนะตั้งแต่เล็กจนโตเคยห่างกันซะที่ไหน ประมาณว่า อีกคนไปไหนอีกคนก็ตามไปด้วยเวนอสพูดพลางลูบผมสีดำของตนไปมา

     

    อ่าจริงด้วยลืมไปเลยว่าท่านเรดส์ก็จะไปด้วย แต่ยังมีอีกเรื่องที่ผมยังกังวลอยู่ว่าจะทำยังไงดี

     

    เรื่องอะไรบอกฉันมาเผื่อฉันกับท่านเวนอสช่วยได้ ซาเอลพูดขึ้น

     

    ก็เรื่องที่ปล่อยให้ท่านแอลริคไปคนเดียวแล้วคราวนี้จะบอกท่านเอ็ดเวริ์ดว่ายังไงดีหละครับคราวนี้ผมต้องตายแน่ ซาเรสพูดเสียงอ่อย

     

    เรื่องนั้นอย่าไปคิดมากเลย  เอ็ดเวริ์ดคงไม่ว่าอะไรหรอกเดี๋ยวฉันจะช่วยพูดให้เองเชื่อมือเวนอสคนนี้เถอะน่าเรื่องแค่นี้สบายมาก เวนอสพูดพลางยิ้มอย่างมั่นใจ

    ครับขอบคุณครับท่านเวนอส ซาเรสโค้งคำนับเวนอสเพื่อเป็นการขอบคุณล่วงหน้า

     

    มีอีกเรื่องครับเรื่องที่ท่านแอลริคจะเข้ากันได้กับหน่วยฮาเลมรึเปล่าหละครับนี่ถึงอายุจะเท่าๆกันแต่นิสัยของท่านแอลริคนะซิครับเหมือนใครซะที่ไหน ซาเรสพูดแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกรอบ

     

    เรื่องนั้นนายไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกน่า ถ้านายได้รู้จักหน่วยฮาเลมกว่านี้นายจะรู้ว่าเป็นยังไง ซาเอลพูดปลอบใจน้องชายที่แสนจะเรื่องมากและมากเรื่องของตนเองอีกรอบ

     

    ฮ่าๆเรื่องนี้นี่เองเหรออย่างที่ซาเอลว่าไม่ต้องเป็นห่วงไป ถึงแม้แต่ละคนในหน่วยจะดูท่าทางแปลกไม่เหมือนชาวบ้านซักเท่าไหร่แต่พวกนี้ก็ไว้ใจได้ เชื่อมือเวนอสคนนี้เถอะน่า

     

    ครับๆขอบคุณทุกคนมากเลยนะครับที่ให้กำลังใจผมรู้สึกดีขึ้นเยอะเลยครับ ซาเรสยิ้มอย่างสบายใจ

     

    เอาหละเอาเป็นว่าเราเลิกพูดเรื่องนี้ กันได้แล้วมันจะทำให้ฉันเสียดายเปล่าๆที่ไม่ไปเที่ยวกับพวกนั้น เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันชักหิวแล้วซิ เราไปหาอะไรอร่อยกินกันดีกว่า วันนี้ฉันเลี้ยงเอง เวนอสพูดพลางลูบท้องของตัวเองที่กำลังร้องหาอาหารไปมา

     

    ไปกันเลยครับผมก็หิวจะแย่แล้ว ซาเอลพูดขึ้น

     

    ผมด้วยครับท่านเวนอส ชาเรสเสริม

    ..............................

     

     

    บนยานของหน่วยฮาเลมที่พึ่งได้มา

    "ว๊าวไม่น่าเชื่อเลยแค่รับภารกิจมาเป็นพี่เลี้ยงแค่นี้ถึงกับได้ยานมาตั้งลำแดนนิสร้องว๊าวแล้วกวาดตามองไปรอบๆยาน ซึ่ง  เป็นยานลุ่นใหม่ล่าสุดรุ่น E21 ภายในยายนั้นกว้างมากมีห้องสำหรับพักผ่อนสองห้อง ห้องน้ำ ห้องครัว  ห้องนั่งเล่นซึ่งมีมุมที่สามารถมองออกไปชมบรรยากาสภายนอกยานได้ส่วนท้ายยานมีระเบียงยื่นออกไปนอกยานส่วนชั้นล่างของยานเป็นห้องเครื่องซี่งมีไว้สำหรับควบคุมยาน

    สุดยอดไปเลยมันยอดมากจริงๆ เจฟพุดขึ้นแล้วเดินไปรอบๆชุดโซฟาสีขาวชุดใหญ่ ที่ตั้งอยู่ในห้องนั่งเล่น พร้อมทั้งบาเรียที่เดินไปเกาะกระจกใสแล้วมองออกไปข้างนอกแล้วยิ้มอย่างสบายมีความสุขกับบรรยากาศภายนอกที่เต็มไปด้วยก้อนเมฆสีขาวเหมือนปุยนุ่น ที่ล่องลอยไปในอากาศ

       ส่วนโรเซนกับฟาริสก็มิวายที่จะอยู่ที่ห้องเครื่องเพื่อศึกษาระบบของยานให้เข้าใจเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดระหว่างเดินทาง  และส่วนฟาเรสกับไลท์ที่ตอนนี้ยืนอยู่ที่ระเบียงท้ายยานและดูท่าทางจะไม่ค่อยมีความสุขกับยานลำใหม่กันซักเท่าไหร่เหตุผลก็เพราะ เรื่องที่พวกเขาทำผิดไปโดยไม่รู้ตัว

     

    แกคิดว่าคนๆนั้นจะจำเราได้รึเปล่าวะเนี่ย ไลท์หันหน้าไปถามฟาเรส

     

    ไม่รุ้เหมือนกันซิวะ แต่ดูท่าทางน่าจะจำได้นะเพราะตอนแรกที่คนๆนั้นเดินเข้ามาพอเห็นหน้าแกเค้าคนนั้นก็สะดุ้งเลยแหละ ฟาเรสตอบซึ่งมันก็ทำให้ไลท์เริ่มคิดมาก

     

    นั่นซิฉันว่าต้องจำฉันได้แน่เลย

     

    แต่ก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้งถ้าเค้าคนนั้นจะเอาเริ่องเราคงจะไม่ปล่อยให้เราขึ้นยานมาหรอก

     

    นั่นซิ แต่ก็ยังกังวลอยู่เหมือนกันหละวะ ก็วันนั้นที่วิ่งตามไล่กันนะฉันเล่นกะชากซะเต็มแรงซะขนาดนั้นแถมฉันยังได้แหวน...ไลท์พูดก่อนจะสะดุดกับคำว่าแหวน

     

    แหวน อะไรของแกไลท์

     

    ก็แหวนที่ฉันได้มาตอนที่เราวิ่งไล่คนๆนั้นอยู่ไงเล่าท่าทางจะเป็นของคนๆนั้นนะซิ

     

    อ่าวแหวนสีเงินนั้นนะเหรอ งั้นก็ดีเลยเราก็ถือโอกาส เอาแหวนไปคืนแล้วก็ถือโอกาสขอโทษเลยซิ แล้วว่าแต่แหวนนั่นอยู่ไหนหละตอนนี้ฟาเรสยิ้มเพราะเริ่มเห็นหนทางแก้ความผิดที่ทำไปโดยไม่รู้ตัวลางๆแล้ว

     

      ไม่รุ้วะลืมไปแล้วว่าเอาไปไว้ตรงไหนและแล้วหนทางที่ทั้งสองคนจะพ้นความผิดพลาดที่ทำไปก็เริ่มเลือนรางเต็มที

     

     

    งั้นก็ไปขอโทษกันฟาเรสพูดขึ้นไลท์พยักหน้ารับอย่างเต็มใจ

     ฟารเรสเคาะประตูที่แอลริคพักอยู่สองสามครั้งแล้วประตูก็เลื่อนเปิดออกเพราะคนที่อยู่ข้างในอนุญาตให้เข้าไปภายในห้องพักห้องนั้นมีร่างของชายหนุ่มผู้หนึ่งที่ฟาเรสกับไลทืกำลังต้องการตัว เขานั่งอยู่บนเก้าอี้แต่ขาทั้งสองข้างพาดอยู่บนโต๊ะและบนตักของเขามีโน้ตบุ๊สีดำหน้าจอบางเฉียบส่วนตัวเครื่องก็บางพอๆกับหน้าจอ ชายหนุ่มผู้นั้นมีผมสีเงิน นัยน์ตาสีดำ ผิวขาวราวกับหิมะ

     

    มีธุระอะไรกับฉัน ฟาเรส  ซินดอเทีย ผู้พิทักษ์ระดับ 1 ชายหนุ่มผมสีเงินพูดขึ้นในขณะที่ดวงตาทั้งคู่ของเขาจับจ้องไปที่หน้าจอ ส่วนนิ้วเรียวยาวก็กำลังพิมพ์อะไรบางอย่างบนคีบอร์ดอย่างคล่องแคล่ว

     

    รู้ได้ไงวะ ฟาริกระซิบถามไลท์เบาๆ

     

    จะไปรู้เรอะ ไลท์กระซิบตอบ

     

      แล้วเธอหละไลท์อาเทีย  ซินดอเทีย ผู้พิทักษ์ระดับ 1 เหมือนกันซินะชายหนุ่มพูดขึ้นอีกรอบแล้วยิ้มมุมปาก

     

    เอ่อพวกเราจะมาขอโทษนะที่พวกเราทำไมดีกับนายไว้ ฟาเรสก้มหน้าลงแล้วพูดตะกุกตะกัก

     

    ใช่ พวกเรารู้สึกไม่ดีเอาซะเลย ฉันคิดว่านายคงจะจำได้นะ พวกเราต้องขอโทษจริงๆ ไลท์พูดขึ้น

     

    แน่หละ ถึงพวกนายไม่มายอมรับฉันก็คิดว่าจะจัดการพวกนายอยู่แล้ว รุ้ไหมว่าวันนั้นฉันต้องเสียรายได้ไปเท่าไหร่ แถมยังโดยพวกนายมาหาว่าฉันเป็นขโมยแถมยังดึงแขนฉันวะแทบหลุดใครมันไม่เอาเรื่องก็บื้อเต็มทนแล้ว แอลริคลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วชี้หน้าไลท์

     

    ก็ฉันขอโทษไปแล้วไงแล้วทำไมต้องมาชี้หน้าฉันด้วย ไลท์เงยหน้าขึ้นมองหน้าของแอลริค ใครกันมันจะไปยอมให้คนอื่นมาชี้หน้าด่าทั้งที่ขอโทษคนๆนั้นๆไปแล้ว

     

    แล้วทำไมฉันจะชี้หน้าเธอไม่ได้มันเป็นเรื่องของฉัน เธอนี่มันแย่จริงๆทำงานก็ทำแบบมั่วๆไม่ได้เรื่องฉันจะบอกให้พี่เวสไล่พวกนายออกซะให้หมด แอลริคตะโกนใส่หน้าไลท์  ไลท์ที่ตอนนี้ดูเหมือนว่ากำลังโกรธแอลริคเอามากๆเธอกำหมัดแน่นเพื่อพยายามระงับอารมณ์ของตัวเองที่กำลังพุ่งถึงขีดสุด ส่วนฟาเรสตอนนี้กำลังรู้สึกว่าอยากไปจากที่นี่เต็มทีแล้วแต่เพื่อนสุดสนิทมันยังอยู่แล้วอีกอย่างไอ้ประโยคที่ว่าฉันจะไล่พวกนายออกให้หมดมันยังก้องอยู่ในหัวถ้าโดนไล่ออกละก็มีหวังไอ้ที่เรียนมาสามปีรวมไปถึงงานที่ทำมาหนึ่งปีอันแสนอยากลำบากก็สูญเปล่า

     

    พอแล้วยังไงเราก็ก็สุ้เค้าไม่ได้ รีบออกไปเถอะ ฟาเรสกระซิบบอกไลท์เบาๆแล้วแตะบ่าของไลท์เบาๆ เธอนิ่งเงียบไม่พูดอะไรส่วนแอลริคก็ยืนจ้องหน้าไลท์อย่างไม่ลดละ

     

    เงียบทำไม แอลริดพูดเสียงเย็น

     

    ฉันไม่ได้เงียบแค่ไม่อยากเถียงกับคนแย่ๆอย่างนาย ไลท์เงยหน้าขี้นมองหน้าแอลริคอีกรอบ

     

    หึๆแย่งั้นเหรอก็ดัฉันจะได้ไล่พวกเธอออกไปซะทั้งหน่วยในโทษฐานที่ทำงานไม่ได้เรื่อง ทำให้คนอื่นเดือดร้อนและพุดไม่เข้าหูฉัน แอลริคแสยะยิ้มใส่ไลท์

     

    จะไลท์ก็ไล่ฉันคนเดียวซิอย่างเอาคนอื่นมาเกี่ยวด้วย

     

    ไม่ดีมั้งถ้าจะไล่ก็ต้องไล่ออกให้หมดจะเหลือไว้ทำงานผู้พิทักษ์แย่ๆที่ทำงานพลาด

     

    โอ้ยนายนี่มันคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่มาจากไหนมาทำแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนไลท์ตะโกนใส่หน้าแอลริคเพราะเหลืออดต้มทีจานั้นก็ง้าวหมัดเตรียมจะต่อยแอลริคแต่โชคดียของแอลริคที่ฟาเรสคว้าหมัดไว้ทันวะก่อน

     

    ใจเย็นๆเดี๋ยวเรื่องก็แย่ไปกว่านี้หรอก ฟาเรสที่ดูใจเย็นิดปกติที่ตอนนี้อารมณ์เดือดปุดๆ

     

    รุ้แล้วเพื่อนนายนี่ใช้เป็นแต่กำลังซินะไม่มีมองเอาซะเลยนะ แอลริคหันไปพูดกับฟาเรสแล้วเหลือบตามาทางไลท์

     

    นี่นายจะลงโทษก็ลงโทษฉันคนเดียวซิ ไลท์ตะโกนใส่หน้าแอลริคอีกรอบสายตาอันแหลมคมของแอลริคมองมาที่ไลท์ด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยดีนัก

     

    งั้นก็ดีเธอก็มาเป็นทาฉันซะไม่ว่าฉันจะทำอะไรเธอก็ต้องทำตมจนกว่าฉันจะพอใจแอลริคตะโกนใส่หน้าไลท์กลับแล้วหันหลังกลับไปนั่งที่เก้าอี้
    " ก็ได้" ไลท์ตอบเสียงอ่อย

     

    งั้นก็รีบๆออกไปจากห้องนี้ซะไป แอลริคตะโกนไล่ทำเอาฟาเรสที่ยืนอยู่ใกล้ๆสะดุ้งโหยง

    ออกไปกันเถอะเค้าไล่แล้ว พอพุดจบไลท์ก็กระชากคอเสื้อของฟาเรสแล้วลากออกจากห้องโดยที่ชายหนุ่มไม่

    ทันจะตั้งตัว แอลริคละสายตาจากโน้ตบุ๊คแล้วแล้วหันไปมองไลท์พลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

    พอเดินออกมาพ้นประตูไลท์ปล่อยคอเสื้อฟาเรสจากนั้นเอกระทืบเท้าปังๆแล้วหายไปจากสายตาของฟาเรส ที่ตอนนี้เป็นห่วงไลท์เอามากๆถ้าตามไปตอนนี้คงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาแน่ได้แต่คิดว่าเรื่องแค่นี้มันคงไม่เอาไปคิกมากและเครียดอะไรมากมายหรอกมั้ง....

     

    ส่วนไลท์ที่ตอนนี้นั่งเครียดอยู่ในห้องเก็บของเงียบๆคนเดียว เธอรู้สึกแย่มากและเซงสุดๆที่ต้องมาเจอคนแบบแอลริคทีคิดว่าตัวเองเป็นเจ้านายของเธอแล้วมาทำตัวเอาแต่ใจทำตามใจชอบ  ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลยปากนี่ก็ร้ายกาจซะเหลือเกืนซะยิ่งกว่าใครที่เคยเจอมา แต่ยังไงซะเธอก็ต้องยอมเป็นทาสของเขา ทั้งๆที่ไม่อยากเลยซักนิดแต่ถ้าขืนไม่ยอมมีหวังไอ้น้องชายเจ้านายคนนี้ไปฟ้องพี่มันแน่ดีไม่มีดีโดนไล่ออกทั้งหน่วยจริงๆแน่ แต่ชะตากรรมของเธอจะเป็นยังต่อไปนั้นมันไม่สามารถคาดเดาและไม่อยากคิดเลยว่ามันจะเป็นยังไงต่อไปแต่ที่รู้ๆมันคงไม่ดีแน่...

         

               อีกด้านหนึ่งโรเซนกับฟาเรสที่ตอนนี้กลังศึกษาระบบของยานเดินสำรวจห้องเครื่อง แล้ววิจารณ์การออกแบบขายของวิศวกร ห้องเครื่องนั้นมีจอภาพขนาดประมาณแปดสิบนิ้ว ปุ่มควบคุมต่างๆที่ดูสับสนวุ่นวาย พร้อมทั้งที่นั่งบังคับยานสองที่ ที่มีไว้สำหรับบังคับยานในขณะฉุกเฉินหรือตอนที่ไม่ได้เปิดระบบบินอัตโนมัติ

     

    เจ๋งไปเลย คนออกแบบยานลำนี้ ฟาเรสพูดขึ้นพลางมองไปรอบๆ

     

    ยานลำนี้เป้นของบริษัทเอวานเดลคอมปานีซินะ ชายหนุ่มก้มมองตราสัญลักษณ์ที่ติดอยู่กับตัวเครื่อง ตราสัญญาลักษณ์นั้นเป็นรูปโล่มีตัวอักษร เอ ดี สลักอยู่

    บริษัทเอวานเดลเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ภายในอาณาจักรเป็นบริษัทที่ลิตยานพาหนะและลิตอาวุธให้กับผู้พิทักษ์รวมไปถึงธุรกิจต่างๆมากมายในเครือของเอวานเดล มีประธานบริษัทคือบาลอส เอวานเดล ซึ้งตระกุลเอวานเดลนั้นเรียกได้ว่าร่ำรวยติดอันดับต้นๆของอาณาจักรหรือเรียกง่ายๆก็คือตระกูลมหาเศรษฐี

     

    อืมใช่ โรเซนพูดเบาๆแล้วกดปุ่มเปิดกล้องวงจรปิด จอภาพขนาดแปดสิบนิ้วแสดงภาพห้องต่างๆภายในยาน ยกเว้นห้องพักสองห้องและห้องน้ำซึ่งถือว่าเป็นห้องส่วนตัว

    เอวานเดลคอมปานีเค้ารับแต่พวกหัวกะทิซินะอย่างฉันนี่พอจะไหวไหมหละนี่ถ้าปีหน้าลองไปสอบดูเห็นเค้าบอกว่าขอแค่ทำแบบทดสอบได้ไม่ต้องรียนมาโดยตรงก็ได้นิฟาริสพุดขึ้นแล้วยิ้มอย่างสบายใจ

     

    อย่างนายได้อยุ่แล้วหละ โรเซนพุดพลางมองไปที่จอภาพสำรวจตามมุมต่างๆภายในยาน

     

    ฮ่าๆขอบคุณโรเซน แต่ว่าแต่นายเถอะ ทำไมไม่ไปลองสอบดูหละฉันว่าอย่างนายผ่านฉลุยเลยหละแถมถ้าได้ทำงานที่นั่นเงินเดือนก็สูงมากๆเลยแค่ตำแหน่งเล็กๆก็เทียบเท่าเงินเดือนของเราแล้ว

    อะไรมันจะไปสำคัญกว่าสิ่งที่เราอยากทำหละ โรเซนกหันมาตอบฟาเรสแล้วหันกลับไปมองจอภาพต่อชายหนุ่มมองไปที่ห้องนั่งเล่นซึ่งมี เจฟนั่งอ่านหนังสืออยู่ แดนนิสนอนหลับอยู่บนโซฟาข้างๆเจฟ  ส่วนบาเรียหลังจากที่ยืนเกาะกระจกมองดูก้อนเมฆและวิวข้างนอกเธอก็หันมานั่งโดยการลากโซฟามานั่งดูแทนดูไปยิ้มไปนานๆทีจะได้เห็นแบบนี้ ส่วนฟาเรสอยู่ในห้องครัวและกำลังค้นตู้เย็นหาของกินอย่างขะมักเขม้นแต่ไลท์หายไปไหนกัน

    ชายหนุ่มเริ่มมองหาไลท์ไปตามระเบียงต่างๆแต่ก็ไม่เจอทั้งๆที่น่าจะอยุ่ในห้องครัวแท้ๆแต่ก็ไม่อยู่ซะงั้น

     เขามองไปเรื่อยจนไปสะดุดตาเข้ากับภาพของห้องเก้บของซึ่งตอนนี้ไลท์กำลังนั่งก้มหน้าเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจอยุ่คนเดียว ชายหนุ่มรุ้สึกแปลกๆที่ปกติแล้วไลท์ไม่ค่อยชอบอยู่คนเดียวยิ่งตอนบ่ายๆบบนี้ท่าไม่ร้องหาของกินก็หาเรื่องแกล้งเพื่อนๆแล้วแต่นี่กลับมานั่งอยุ่คนเดียว ชายหนุ่มเห้นดังนั้นจึงรีบเดินไปยังห้องเก็บของอย่างเงียบๆโดยที่ปล่อยให้ฟาริสที่ตอนนี้หกำลังพุดชื่นชมยานลำนี้ไม่หยุดพุดอยู่คนเดียว

     

    นายว่าไหมโรเซน ยานลำนี้นะสุดยอดไปเลยยากมีเป็นของตัวเองวักลำจังถ้าเก็บเงินซื้อเองมันจะนานแค่ไหนนะกว่าจะซื้อได้ฟาเรสหันไปขอความเห็นจากโรเซนแต่กลับไม่เจอแม้แต่เงานี่เราบ้าพุโคนเดียวตั้งแต่เมื่อไหร่กันหละเนี่ย...

    ทางด้านโรเซนที่รีบเดินมาต้อนนี้อยู่หน้าห้องเก้บของที่ไลท์อยู่เรียบร้อยแล้ว

     

    ไลท์อยู่ในนั้นใช่ไหมเป็นอะไรรึเปล่า โรเซนถามไลทืด้วยความเป็นห่วงไลท์ที่ได้ยินเสียงโรเซนเงยหน้าขึ้นแล้วหันไปทางประตู

     

    ใช่ฉันอยู่ในนี้ฉันไม่เป็นอะไรหรอกนายไม่ต้องห่วง

     

    แล้วไปอยุ่ทำไมในนั้นท่าไม่เป็นอะไร

    งั้นออกไปก็ได้ ประตุห้องเก้บของเลื่อนเปิดออกเผยให้เห็นร่างที่ชุ่มเหงื่อของหญิงสาว เส้นผมสีน้ำตาลแดงชุ่มไปด้วยเหงื่อจนเปียกไปทั้งศีรษะแต่ถึงยังไงเหงื่อที่ไหลออกมานั้นมันก็ทำให้เธอหายเครียดลงไปลงไปได้บ้าง

     

    ครืนๆๆ เสียงยานดังขึ้น ไลทืกับโรเซนเซไปทางขวา ทีซ้ายที

     

    ยานลำนี้มันเป็นอะไรหละเนี่ย ไลท์พูดแล้วเซไปทางซ้ายทีขวาที ส่วนโรเวนที่ตอนนี้ก้กำลังทรงตัวไม่อยู่เหมือนกัน ชายหนุ่มคว้าขอบประตูห้องเก็บของที่ยังไม่ปิดไว้ได้ทันแล้วพยายามทรงตัวก่อนที่จะมองหาไลท์ที่ตอนนี้ยังทรงตัวไม่ได้

     

    เฮ้ยๆ ไลท์ตะโกนออกมาในขณะที่กำลังจะล้มลงกับพื้นเธอหลับตาปี๋เตรียมรับชะตากรรม แต่ทำไมทั้งๆที่หน้าจะล้มลงกับพื้นนานแล้วแต่ทำไมไม่รุ้สึก...

    ไลท์ตัดินใจลืมตาขึ้นเธอพบกับใบหน้าขาวนวลของโรเซนดวงตาภายใต้แว่นของเขาจ้องมาที่ไลท์หลังจากที่เขาคว้าเอวของเธอไว้ทันก่อนที่เธอจะล้ม

       โรเซนดึงร่างของไลทืขึ้นมาประชิดตัว ไลท์มองโรเซนอย่างตกตะลึงดวงตาของทั้งคู่บตากันดดยบังเอิญ

     

    โรเซน ไลท์พูดเบาๆ

     

    เอ๋อ โรเซนอ้ำอึ้งก่อนจะถอยหลังไปหนึ่งก้าวใบหน้านวลของชายหนุ่มตอนนี้แดงก่ำพราะกำลังอายอย่างไม่เคยอายอะไรแบบนี้มาก่อน ส่วนไลท์เกาศีรษะของตัวเองอย่าง งงงวยในขณะที่หน้าของเธอก็แดงพอๆกับโรเซน

     

    หลีกทางซิมายืนทำอะไรกันตรงนี้เกะกะ เสียงของแอลริคดังขึ้นไลท์ที่ได้ยินดังนั้นจึหันไปมอง ชายหนุ่มหันกลับมามองไลท์ด้วยหางตาแล้วเดินต่อไป

     

    นิสัยแย่ชะมัด ไลท์บ่นุบอิบ

     

    ไลท์ฉันไปดุห้องเครื่องก่อนนะดูซิว่ามันเป็นอะไร

     

    ฉันไปด้วย ไลท์พุดขึ้นแล้วรีบวิ่งตามโรเซนไปที่ห้องเครื่อง

    ภายในห้องเครื่องนั้น มีฟาริสที่กำลังจ้องไปที่จออย่างกังวลแล้วนิ้วมือทั้งสองข้างก็กำลังกดปุ่มอะไรบางอย่างด้วยความรวดเร็วและฟาเรสที่ยืนอยุ่ข้างๆคอยเหน็บแนม

    แกทำมั่วอะไรของแกวะฟาริส

     

    แกไม่รู้เรื่องอย่ามาพูดเลยน่าคนกำลังยุ่งอยุ่

     

    ยานเป็นอะไรฟาริส โรเซนถามขึ้น

     

    ระบบมันล็อคนะซิอยู่ดีก็ควบคุมอะไรไม่ได้แถมยังลงจอดเองอีก ฟาริสตอบแล้วปาดเหงื่อที่หน้าผากเบาๆ

     

    ล็อคได้ไงกัน เครื่องยนต์รุ่นนี้ได้รับการรับรองแล้วนะว่าปลอดภัยจากการล็อคหรือการ

    แฮคระบบชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าหน่วยและจากาการที่ศึกษาข้อมูลมาเยอะพูดด้วยความสงสัย

     

    หา! ล็อคยังไงกันมีแบบนี้ด้วยรึ ไลท์ร้องอุทาน

     

    รอแปปขอเช็คดีๆก่อนฟาริสพูดเสียงแผ่ว

    เวลาผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีทุกคนต่างนิ่งเงียบเพราะไม่อยากรบกวนสมาธิของคนที่เรียกได้ว่าไอ้เรื่องเทคโนโลยีเนี่ยถือว่าเก่งที่สุดแล้ว ชายหนุ่มผุ้ชำนาญการเงยหน้าขึ้นแล้วปาดเหงื่ออีกรอบทั้งๆที่อากาศตอนนี้ไม่ได้ร้อนเลยซักนิด

     

    ฉันรุ้แล้วระบบมันไม่ได้ล็อคเองมีคนแฮคเข้ามานะซิแฮคเข้ามายังไม่พอถือวิสาสะควบคุมยานแล้วล็อคระบบไม่ให้เราใช้ได้ ฟาริสพุดด้วยสีหน้ากังวลนิดๆ

     

    เฮ้ยได้ไงกันใครมันจะไปแฮคได้ ฟาเรสเลิกคิ้วขึ้นสูง

     

    แฮคไม่ได้มันก็แฮคไปแล้วหละ แต่ที่รู้ๆไอ้คนที่มันแฮคมันต้องอยู่ในยาน

     

    แล้วแกจะแน่ใจได้ไง

     

     

    แล้วใครที่ไหนมันจะไปแฮคได้ท่าไม่มีเครือข่ายเชื่อมต่อในยาน ยานลำนี้บินอยู่กลางอากาศนะต่อให้ฝีมือแค่ไหนมันก็ต้องอยู่ในยานลำนี้ไม่ว่าจะมีการเชื่อมต่อทางไหนก็ตามแค่เสียบปลั๊กท่ามันเก่งระดับเทพจริงๆมันก็ทำได้แล้วโว้ยฟาริสอธิบายยาวทำเอาคนที่ไม่ค่อยจะยุ่งกับไอ้เรื่องเทคโนโลยีเท่าไหร่อย่างฟาเรสงงเป็นไก่ตาแตกหาทางกลับสุ่มไม่ถูก

    แล้วพอจะมีทางแก้ไหม โรเซนถามขึ้น

     

    เรื่องนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว ระดับฉันฟาริสคนนี้สบายมาก ฟาริสมั่นใจฝีมือของตัวเองที่ได้ครุดีพร่ำอนมาตั้งแต่เด็กแต่มันก็ทำเอาแฝดผู้น้องทำแหวะอย่างหมั่นไส้ใส่

     

    งั้นดีท่านายมั่นใจฉันขอไปสำรวจรอบๆยานเผื่อจะพบอะไรดีๆมาเป็นเบาะแสพอพูดจบโรเซนก็เดินออกจากห้องไป

     

    โรเซนไปด้วย ไลท์พยายามวิ่งตามโรเซนออกไปแต่พบว่าร่างของชายหนุ่มหายไปแล้ว หายไปเร็วมากจริงๆ

     

    อ่าวหายไปไหนซะแล้วหละเร็วจริงๆตามไม่ทันทุกที หญิงสาวอุทานกับตัวเองเบาๆ

     

    ตามไม่ทันหละซิอยากชักช้าดีนัก ฟาเรสแขวะใส่ไลท์

     

    ก็ไม่ต้องมาแขวะเลยไอ้ปากแมวเอ้ย

     

    โอ้ยพวกแกรีบไปไกลๆเท้าฉันเลยไปรำคาญ คนกำลังเครียดอยุ่ไม่เห็นรึไง ฟาริสตะโกนใส่ไลท์กับฟาเรสด้วยความโมโห แล้วกับไปเคร่งเครียดอยู่กับการแก้ระบบต่อ

     

    อ๋าเจอตัวแล้ว ทุกคนมานี่เร็วๆ เสียงของหญิงสาวผมสีน้ำตาลยาวดังขึ้นนัยน์ตาสีเขียวมรกตของเธอทอประกายเหมือนมีอะไรบางอย่างแต่ที่รู้ๆเธอคงมีความสุขกับสิ่งนั้น

     

    ไปไหน ไลท์กับฟาเรสพูดขึ้นพร้อมกัยอย่างไม่ได้นัดหมาย

     

    มาเถอะน่า บาเรียจับแขนของไลท์และฟาเรสแล้วลากทั้งสองออกไปจากห้องเครื่องขนสุดแรง ปล่อยให้ฟาริสที่กำลังเครียดอยุ่กับการแก้ระบบอยุ่คนเดียวอย่างงงมันจะลากกันออกทำไมหรือเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก..แต่ช่างมันเถอะทำไอ้นี่ให้มันบรรลุซะก่อนดีกว่า

    นี่ยัยหัวฟูจะลากพวกฉันไปไหน ชายหนุ่มผมดำพูดด้วยน้ำเสียงแข้งกร้าวแล้วสลัดมือเล็กของหญิงสาวที่ตนพึ่งเรียกว่ายัยหัวฟูทิ้งโดยไม่คิดเลยว่าหญิงสาวจะเจ็บแขนเพียงใด

     

    ใช่แล้วจะพาเราไปไหนกัน ไลท์พูดเรียบๆโดยไม่มีน้ำเสียงแข้งกร้าวแบบฟาเรสแต่เธอมีสีหน้าสงสัยเล็กน้อย

     

    บาเรียก็แค่จะพา คุณฟาเรสกับไลท์ไปดูอะไรสวยๆเท่านั้นทำไมต้องเรียกว่าหัวฟูด้วยหละ บาเรียค่อยๆปล่อยแขนของเพื่อนทั้งสองแล้วก้มหน้าลงอย่างสลดไลทืหันไปมองฟาเรสเพ่อขอความเห็นแต่ชายหนุ่มกลับเบ้ปากแล้วส่ายศีรษะไปมาอย่างไม่สนใจ

     

    เอาหละไปก็ไป ไลท์ที่ห่วงความรู้สึกความรู้สึกของบาเรียพูดขึ้นอย่างไม่เต็มใจนัก

     

    อ่าดีงั้นไปเลยนะ พอพูดจบหญิงสาวผมสีน้ำตาลก็ลากเพื่อนทั้งสองของเธอไปยังจุดมุ่งหมาย พวกเขาเดินลงจากยาน ก็พบว่าบริเวณที่ยานลงจอดนั้นเป็นป่าทั้งหมด และต่อจากนั้นพวกเขาก็เดินลักเลาะไปตามถนนสายเล็กผ่านต้นไม้ดอกไม้หลากหลายชนิด จนมาถึงจุดมุ่งหมายของพวกเขามันเป็นทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ มีดอกไม้หลากหลายสีสันมีผีเสื้อและผึ้งบินว่อนซึ่งบรรยากาศทั้งหลายมันก็ทำให้หญิงสาวผู้หน้าน่ารัก หรือยัยหัวฟูเคลิ้มไปกับความงามของมันมาก ส่วนไลท์กับฟาเรสไม่ได้เคลิบเคลิ้มไปกับมันซักเท่าไหร่แต่กับต้องตะลึงไปกับภาพน้ำตกขนาดใหญ่เจ็ดชั้นเบื้องหน้า เสียงน้ำกระทบกับโขดหินนั้นมันให้ความรู้สึกสดชื่นสบายกายบายใจแล้วยิ่งละอองของน้ำที่ลอยไปตามอากาศบริเวณยิ่งทำให้รู้สึกเย็นและสดชื่นเข้าไปใหญ่ มันเป็นความรู้สึกที่ทั้งคู่แทบจะไม่เคยรู้สึกมาหลายปีหลังจากที่เรียนหนักและทำงานมหาโหดมาตลอดหลายปี และนี่คงเป็นครั้งแรกที่พวกเขา

    รู้สึกผ่อนคลายขนาดนี้...

     

    ทำไมมันสดชื่นอย่างนี้นะไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ ไลท์ผายมือทั้งสองข้างออกเพื่อรับอากาศและความสดชื่นอย่างเต็มที่ส่วนฟาเรสที่ตอนแรกไม่อยากจะมาเท่าไหร่ตอนนี้กลับเคลิบเคลิ้มไปกับบรรยากาศซะยิ่งกว่าใคร

     

    นั่นซิทำไมรุ้สึกดีอย่างนี้นะ ชายหนุ่มประสานมือไว้ที่หน้าอกแล้วสูดอากาศเข้าไปเต็มปอด

     

    เห็นไหมคราวหลังอย่ามาว่าคนอื่นอีกนะคุณฟาเรสไม่งั้นจะโกรธจริงๆด้วยบาเรียพุดแล้วเบ้ปาก

     

    เอ๋อขอโทษก็ได้วะยัยหัวฟู...เอ้ยบาเรีย

    ไลท์  บาเรีย ฟาเรสมานี่เร็ว เสียงตะโกนของใครบางคนดังขึ้นทั้งสามคนหันไปทางต้นเสียง เสียงนั่นดังมาจากชั้นบนสุดของน้ำตก บนนั้นมีร่างของหญิงสาวผมทอง นัยน์ตาสีฟ้าซึ่งนั่นก็คือเจฟยืนอยู่

     

    ขึ้นไปทำอะไรบนนั้นเดี๋ยวก็ตกหรอก ไลท์ตะโกนเรียกเจฟด้วยความเป็นห่วงพลางเอามือปิดตาเพราะแสงแดดที่ส่องมามันแสบตาซะเหลือเกิน

     

    ฉันไม่ตกหรอกน่าขึ้นมาเล่นด้วยกันซิเจฟพูดแล้วเดินย่องๆไปตามโขดหิน

     

    ฉันไปหายัยเจฟก่อนนะรู้สึกร้อนโว้ย ฟาเรสพูดขึ้นแล้วรีบวิ่งหาเจฟ

     

    อ่าวคุณฟาเรสรอด้วยซิ บาเรียกำลังจะออกตัวแต่โดนไล่จับแขนลั้งไว้ซะก่อน

     

    อย่าพึ่งไปให้ไลท์มีอะไรจะถามบาเรียก่อน

     

    อืมว่ามาเลยจ๊ะเร็วๆนะเดี่ยวไม่ทันคุณฟาเรส

     

    บาเรียมาที่นี่ได้ไง

    อ่อเดินตามท่านแอลริคมาบาเรียเห็นท่านแอลริคเดินมาคนเดียวก็เลยชวนเจฟตามออกมาด้วยแล้วก็มาเจอที่นี่หละ บาเรียตอบอย่าใสซื่อ

     

    แล้วไอ้คนนั่นมันไปไหนไลท์ถามด้วยความโมโห คิดถึงหน้าไอ้ผมสีเงินคนนั้น ทีไรเป็นต้องฉุนทุกที

     

    ใครไอ้คนนั้นบาเรียไม่รู้จัก

     

    ก็ท่านแอลริคนะ

     

    อ๋อเดินเข้าไปในป่าด้านนู้นนะ บาเรียจะตามไปก็ไม่ให้ตามไปบอกให้รออยู่ตรงนี้บาเรียพุดพลางชี้ไปที่ป่าด้านทิศตะวันตก

     

    มีแค่นี้ใช่ไหมไปก่อนนะดูซิคุณฟาเรสไปไกลแล้ว พอพูดจบบาเรียก็รีบวิ่งตามฟาเรสไป ไลท์ที่ตอนนี้กำลังปะติดปะต่อเหตุการณ์ณืที่มีคนแฮคระบบยานแล้วนำยานลงจอด สงสัยต้องเป็นไอ้หัวเงินแน่เลย น่าสงสัยที่สุด น่าสงสัยมากๆ โอ้ยตอนนี้ช่างมันถอะไปเลนน้ำดีกว่านานๆทีมีโอกาส ไลท์พึมพำกับตัวเองเบาๆแล้วกำลังจะเดินตามเพื่อนทั้งสองที่พากันหนีไปเล่นน้ำแล้วแต่หูที่แสนจะดีเหลือเกินกลับไปได้ยินเสียงของบุคคลไม่พึงประสงค์ที่พึ่งตวาดใส่เธอ

     

    นี่ยัยบื้อมานี่ซิ

    ไลท์หันควับไปที่ป่าด้านทิศตะวันตกอย่างรวดเร็วและแล้วเธอก็พบกลับ ชายหนุ่ม ผมสีเงิน ผิวขาวยืนอยู่แล้วกำลังส่งเสียงเรียกเธอ

     

    นายมีอะไรไลท์ตะโกนถาม

     

    มานี่ซิ

     

    แล้วทำไมฉันต้องไป

     

    บอกให้มาก็มาซิรึว่าเธอลืมที่รับปากฉันไว้แล้วแอลริคพุดแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

     

    โอ้ยไปก็ได้วะนิสัยแย่ชะมัด ไลท์สบถกับตัวเองเบาๆแล้วเดินเข้าไปหาแอลริคที่ยืนยิ้มเจ้าเล่ห์อยุ่อย่างไม่เต็มใจ

     

    มีไรว่ามา

     

    ตามฉันมานี่ พอพูดจบชายหนุ่มก้เดินนำหญิงสาวเข้าไปในป่าพลางหันมาเช้คว่าหญิงสาวผมสีน้ำตาลแดงจะเดินตามเขามารึเปล่าแต่จนแล้วจนรอดเธอก็เดินตามเขามาทั้งๆที่เซงสุดๆ

    ทั้งสองเดิน่านป่าขนาดใหญ่ซึ่งมีต้นไม่หลากหลายชนิดล้อมรอบแต่ที่มีเยอะมากก็กว่าต้นไม่ชนิดอื่นก็คงจะเป็นต้นเมเปิ้ล ซึ่งมันก็ทำให้ไลทืเคลิบเคลิมไปกับต้นไม่สุดโปรดของเธอซึ่งก็คือต้นเมเปิ้ลที่ตอนนี้ใบของมันกำลังร่วงลงพื้นหญิงสาวไม่พลาดที่จะหยิบใบของมันออกมาหมุนเล่นแก้เครียดแก้เซง พอทั้งสองเดินมาจนสุดเขตป่าก็เป็นลำธารเล็กซึ่งมีสะพานโค้งสีน้ำตาลพาดอยู่

     

     

    น้ำใสจังแฮะ ไลท์พูดกับตัวเองเบาๆพลางมองลงไปยังสะพาน แอลริคที่แอบได้ยินพูดกับตัวเองเหลือบตามามองแล้วเดินต่อไป

       พอพ้นเขตสะพานก็เป็นทุ่งหญ้าสีเขียวขจีพร้อมทั้งปราสาทขนาดกลางหลังสีขาวสะอาดตา ดูสวยและงดงามด้วยศิลปะการตกแต่งแบบประยุคสมัยเก่าและสมัยใหม่เข้าด้วยกันและดูลงตัวแต่เธอกับรุ้สึกสงสัยอะไรบางอย่างที่ทำไมปราสาทสวยๆอย่างนี้มาตั้งอยุ่กลางป่าได้...

       ประตูประสาทเปิดออกอย่างอัตโนมัติแอลริคเดินเข้าไปในปราสาทอย่างปกติส่วนไลท์กำลังอึ้งอยุ่เล็ก น้อยปราสาทสวยๆขนาดนี้มาตั้งอยู่กลางป่ามันแปลกๆ

     

    นี่เธอเข้ามาซิยืนบื้อทำไมอยุ่ข้างนอกไม่เคยเห็นรึไงบ้านะแอลริคพูดเหน็บแนม ไลท์ได้ยินดังนั้นจึงรีบเดินเข้าไปในปราสาทอย่างรวดเร็วก่อนที่จะมีเรื่องอะไรยุ่งอยากไปมากกว่านี้
    บ้านงั้นเรอะประสาทหละมากกว่า

     

         ภายในปราสาทนั้นยังคงเป็นสีขาวสะอาดตาเหมือนข้างนอกถูกประดับตกแต่งอย่างเรียบง่ายม้าม่านสีแดงติดอยู่ทั่วซึ่งตอนนี้ถูกเลื่อนปิดหมดจนทำให้บรรยากาศในปราสาทนั้นอึมครึมเล็กน้อย  ส่วนห้องโถงนั้นมีโคมไฟระย้าห้อยลงมาและมีชุดโซฟาสีขาวชุดใหญ่ตั้งอยู่ รวมไปถึงทีวีขนาด50 นิ้วติดผนังที่ตอนนี้ถูกเปิดอยู่  บนโซฟานั้นไลท์สังเกตเห็นร่างของชายหนุ่ม ผู้หนึ่งนอนอยู่ เขามีผิวที่ขาวจนเกือบซีดและผมสีแดงเพลิงเป็นประกาย


    ก๊ากๆๆเคี้ยกๆๆกว่าตอนนี้จะแต่งเสร็จเหอๆๆขอฝากท่านนักอ่านที่นไป่นมาขะขอรับช่วยอ่านให้หน่อยเม้นด้วยยิ่งดีใหญ่ ฮื่อจะอัพให้เร็วที่สุดอาทิตย์หน้าเลยเป็นไงตอนที่7 5555+โม้ไปงั้น

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×