คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ผู้ร่วมเดินทาง(ที่แสนพิเศษ)
ตอนที่ 4
ผู้ร่วมเดินทาง(ที่แสนพิเศษ)
แสงแดดยามสายเริ่ม ส่องผ่านผ้าม่านสีเขียวภายในห้องของ ผู้พิทักษ์สาวทั้งสามคนที่ตอนนี้กำลังหลับอย่างสบายใจและเหน็ดเหนื่อยกับภารกิจที่ทำเมื่อคืนนี้ วันนี้อาจจะเป็นวันแรกที่พวกเธอได้นอนอย่างเต็มอิ่มขนาดนี้ ก็แน่หละวันนี้เป็นวันพักร้อนวันแรกของพวกเธอ
“ ติ๊งต๋องๆๆ” เสียงหนึ่งดังมาจากข้างเตียงซึ่งอยู่ใกล้กับบาเรีย เธอเอื้อมมือไปกดปุ่มอะไรบางอย่างข้างเตียงด้วยความงัวเงีย จากนั่นก็จอแก้วใสโผล่ขึ้นมา พร้อมกับเสียงและภาพของฟาเรส
“ ตื่นกันได้แล้วจะนอนอะไรกันนักหนา” ฟาเรสตะโกนผู้พิทักษ์สาวทั้งสามก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น
“ ไลท์ ตื่นแกจะกลับบ้านไหม” ฟาเรสตะโกนอีกรอบแล้วถลุงตาใส่ ไลท์ที่นอนอยู่เตียงข้างๆบาเรีย หญิงสาวะดุ้งตื่น
“ กลับบ้าน” ไลท์พึมพำก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันพักร้อนแล้วทุกคนในหน่วยก็ตกลงกันว่าจะไปเที่ยวที่บ้านของเธอ ซึ่งก็คือบ้านของฟาเรสและฟาริสเช่นกัน
“ นี่กี่โมงแล้ว” ไลท์หันไปถามฟาเรส
“ จะเที่ยงแล้วเรานัดกันที่ศูนย์บัญชาการเที่ยงเข้าใจไหม”
“ แล้วพวกแกอยู่ไหนกันฟาเรส”
“ ศูนย์บัญชาการ พวกฉันมาครบกันหมดแล้วนะ เหลือแต่พวกแกสามคนนั่นแหละที่นอนกินบ้านกินเมืองอยู่ได้”
“ โว้ย แล้วทำไมไม่เรียกให้เร็วกว่านี้ งั้นพวกฉันจะรีบไปละกัน”
“ อือๆเร็วๆๆหละแค่นี้ละกัน” พอฟาเรสพูดจบจอแก้วก็หายกลับไปอยู่ที่เดิม
“ บาเรีย เจฟตื่น” ไลท์ตะโกนลั่นห้อง เจฟค่อยๆบิดขี้เกียจส่วนบาเรีย ก็กำลังจัดผมที่ฟูฟ่องให้เข้าที่
หลังจากนั้นทั้งสามคนก็รีบวิ่งวุ่นอาบน้ำ เพราะถ้าไม่รีบมีหวังโดนเขม่นจากหัวหน้าหน่วยแน่ แต่ก็ดีที่เตรียมกระเป๋าไว้หลายวันที่แล้ว ถ้าไม่งั้นคงสายโด่ง หลังจากที่พวกเธออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็รีบบึ่งไปยัง สถานียานขนส่งแล้วตรงไปที่ศูนย์บัญชาการเขตตะวันออกแล้วรีบวิ่งร้อยเมตรขึ้นไปยังห้องทำงานซึ้งมีชายหนุ่มทั้ง4คนรออยู่แล้ว
“ มาสายนะ" แดนนิสที่ยืนกอดอกอยู่พูดขึ้น
“ มาสายก็ดีกว่าไม่มานะ” เจฟหันไปแขวะใส่แดนนิส
“ เรารีบไปกันเลยไหมค่ะ”
“ อือดีเหมือนกัน” โรเซนพูดขึ้นแล้วคว้ากระเป๋าของตัวเองมาสะพายหลังแล้วเดินออกไป ทุกคนเห็นดังนั้นจึงรีบเดินตามไปอย่างไม่ต้องสงสัย
“ จะได้กลับบ้านกันแล้วฮ่าๆๆ”ไลท์ร้องดีใจแล้วกระโดดไปมา
“ ใช่เจ๋ง สุดยอดไปเลย วู้ อยากกิน แอบเปิ้ล ที่ไร่ใจจะขาดแล้ว” ฟาเรสพูดขึ้นแล้วยิ้มอย่างสบายใจ
“ สบายใจกันไปเถอะเจ้าพวกบ้าแต่อย่าบ่นว่าเมื่อยซะก่อนหละ” ฟาริสเดินมาแตะบ่าไลท์สองสามที เธอหันไปมองชายหนุ่มด้วยสายตาแปลกๆ แล้วชายหนุ่มก็รีบเดินนำหน้าไป ปล่อยให้ ทั้งสองคนที่ถูกเรียกว่าเจ้าบ้ายืนงง มันพูดอะไรของมัน...
“ นี่มันพูดไรของมันจะหาเรื่องกันรึไงวะ”ฟาเรสหันมามองไลท์
“ เอาน่าชั่งมันแต่เอ๊ะนั่งจนเมื่อยนี่มันพุดไรของมัน จากนี่ไปถ้านั่งยานขนส่งไปก็แค่5ชั่งโมงเองนี่นา”
“ นั่นนะซิใช่ไหมอะไรของมันไอ้แฝดบ้านี่ท่าทางจะบ้า”
“ จะกลับบ้านแล้วไม่อยากมีเรื่องเว้ย”ฟาเรสที่ดูท่าทางสบายใจและอารมณ์ดีเป็นพิเศษกระโดดโหยงเหยง
ทั้งเจ็ดคนเดินลงมาจากลิฟต์จนถึงชั้น1ของตัวอาคาร มีผู้พิทักษ์หลายคนเดินไปเดินมา และดูเหมือนกำลังเร่งรีบกับการทำงานแต่ทุกคนก็มิวายที่จะทักทายหน่วยฮาเลม ยิ่งโดยเฉพาะหัวหน้าหน่วยอย่างโรเซนแล้ว หน่วยพิเศษใช่ว่าจะเป็นกันง่ายๆถึงแม้จะอายุน้อยแต่ก็ต้องมีความสามารถที่เรียกได้ว่าสุดยอด
“ หวัดดีครับหัวหน้าโรเซนรองหัวหน้าแดนนิส ทุกคนในหน่วยด้วยนะครับ” ชายหนุ่มประมาณสีห้าคนกล่าวทักทายโรเซนและทุกคนในหน่วยซึ่งดูจากเสื้อคลุมแล้วพวกเค้าน่าจะเป็นผู้พิทักษ์ระดับ 1 เสื้อคลุมสีดำแถบสีเขียว
โรเซนพยักหน้าให้เบาๆส่วนคนอื่นๆในหน่วยยิ้มทักทายแล้วกล่าวสวัสดีอย่างงงๆ
“ ใครกัน นะ หน้าตาไม่คุ้นแฮะ”ไลท์พุดขึ้นด้วยความสงสัย
“ ก็นั่นนะจอห์นกับพวกเพื่อนๆแผนกเอกสาร” แดนนิสตอบ
“มารยาทดีจริงๆแฮะ ไม่เห็นจะต้องนอบน้อมกันขนาดนี้เลย ฉันก็ระดับ1นี่นา” ไลท์ถามด้วยความสงสัยอีกรอบ
“ นั่นดิ ฉัน ไอ้ไลท์ บาเรีย เจฟก็ระดับ1แค่มีเข็มกลัดหน่วยพิเศษติดอยู่แค่นั้นเองที่ไม่เหมือนผู้พิทักษ์ธรรมดา “ ฟาเรสเสริม
“ โอ้ยพวกบ้าดูถูกตัวเองมากไปแล้ว ตัวเองเป็นหน่วยพิเศษนะ ใครกันมันจะเป็นได้ง่ายๆ แค่ระดับ1ของผู้พิทักษ์หน่วยพิเศษก็ยากแสนยากแล้ว”แดนนิส อธิบาย ให้พวกฉลาดน้อยอย่างฟาเรสเข้าใจแต่ก็ยังทำหน้างงอยู่
“ แต่ก็ดีมีคนให้ความเคารพแบบนี้ฮ่าๆๆกลับบ้าน”ฟาเรสเลิกสนใจแล้วหันมายิ้มร่า ทำให้แฝดผู้พี่อย่างฟาริสรำคาญแล้วทำหน้าเอือมระอาสุดๆ
แล้วทุกคนก็รีบเดินจ้ำอ้าวต่อไปด้วยความเร่งรีบจุดมุ่งหมายก็คือสถานียานข่นส่งหน้าศูนย์บัญชาการเขตตะวันออกเพื่อนั่งยานต่อไปยังสถานียานขนส่งหลักประจำมหานครที่พวกเค้าจองตั๋วเดินทางไปที่ไวท์มาเนียและตอนนี้ก็เหลือเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงก่อนที่ยานจะออก
ภายในศูนย์บัญชาการเขตตะวันออกที่ตอนนี้กำลังมีเหล่าผู้พิทักษ์ที่ประจำการอยู่ที่นี่เดินขวักไขว่ไปมา เพราะตอนนี้เป็นเวลาพักกลางวัน
“ หลบหน่อย” เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นเขามีผมสีดำยุ่งเหยิงนัยน์ตาสีน้ำตาล ชายหนุ่มดูท่าทางรีบร้อนเอามากๆรีบวิ่งโดยไม่สนใจคนที่ไม่หลีกทางให้เขาเรียกง่ายๆว่าใครไม่หลบชนแหลกพอวิ่งหลบฝูงชนมาที่หน้าประตูของศูนย์บัญชาการได้ซักพักเขาก็หยุดแล้งชะโงกหน้าไปทางขวาทีซ้ายที
“ ไปไหนกันแล้วเนี่ย” ชายหนุ่มพูดขึ้นก่อนจะชะโงกหน้ามองซ้ายมองขวาอีกทีเหมือนกับกำลังมองหาบางอย่างที่สำคัญมาก
“ อะไรเหรอครับท่านซาเอล” ผู้พิทักษ์วัยกลางคนๆหนึ่งที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูถามด้วยความสงสัย
“ ก็หน่วยฮาเลมนะซิ”ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าซาเอล ตอบแล้วชะโงกหน้าไปซ้ายทีขวาทีต่อ
“ อ๋อ หน่วยฮาเลม เห็นเดินกันออกไปเมื่อกี้นะครับสะพายกระเป๋าใบซะใหญ่เหมือนกับกำลังจะไปไหนเลยครับ”
“งั้นเหรอ พึ่งไปเมื่อกี้ใช่ไหม”
“ ครับท่านซาเอล”
ซาเอลได้ยินดังนั้นจีงรีบวิ่งออกไปโดยคิดว่าหน่วยฮาเลมที่ตนตามหาอยู่คงไปสถานียานขนส่งข้างหน้านี่เอง เขาวิ่งไปเรื่อยๆ ซักพัก ก็มาถึงหน้าสถานียานขนส่งแต่มองไปทางไหนก็ไม่เห็นหน่วยฮาเลมเลยแม้แต่เงา
“ จะขึ้นยานกันไปแล้วรึเปล่าวะเนี่ยมีหวังถ้าไม่ทันท่านเวนอสเล่นงานตายแน่” ชายหนุ่มคิดถึงชะตากรรมของตัวเองในใจ แล้วรีบวิ่งขึ้นบันไดเลื่อนที่ตอนนี้กำลังเต็มไปด้วยผู้โดยสารขาเข้าขาออก
ชายหนุ่มวิ่งเบียดฝูงชนไปอย่างไม่สนใจสายตาคนมอง จนมาถึงที่นั่งพักผู้โดยสารและแล้วเขาก็เจอโรเซนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นั่งรอยานพร้อมทั้งคนอื่นๆเขารู้สึกโล่งอกเป็นอย่างมาก แล้วก็ไม่รอช้าที่จะวิ่งเข้าไปหาโรเซน
“ คุณโรเซน” ซาเอลตะโกนเรียก โรเซนและคนอื่นๆหันมาตามมองด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
“ คุณซาเอลดูท่าทางรีบร้อนมีอะไรเหรอครับ” โรเซนกล่าวทักทายด้วยความสงสัยส่วนคนอื่นๆก็ดูท่าทางสงสัยไม่แพ้กัน ซาเอลก็ได้แต่ฮอบด้วยความเหนื่อยพูดอะไรตอนนี้ไปคงไม่รู้เรื่อง
“ คุณชาเอลเชิญนั่งก่อนไหม” แดนนอสลุกขึ้นจากที่นั่งของตัวเองแล้วเชิญซาเอลที่ดูท่าทางอาการไม่ค่อยดี มานั่งแทน ซาเอล ไม่ปฎิเสธ ครับเชิญของแดนนิสเพราะถ้าขืนไม่นั่งมีหวังล้มลงตรงนี้แน่
“ คุณซาเอลมาทำหละนี่” ไลท์ซะกิดถามฟาเรส
“ไม่นะมันต้องไม่เป็นแบบที่ฉันคิด” ฟาเรสพูดทำเอา ไลท์งงเอามากๆกับคำพูดของฟาเรสแล้วจึงถามต่อ
“ แล้วอะไรที่แกคิดวะฟาเรส”
“ ก็ตาลุงเวนอส คงเรียกเราไปทำภารกิจด่วนเหมือนคราวที่แล้ว แล้วเมื่อไหร่เราจะได้กลับบ้านกันหละ”
“ ตาลุงนี่อีกแล้วนะน่าเบื่อชะมัด”
“ นี่นินทาเจ้านายได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอพวกแก คุณซาเอลยังไม่บอกเลยว่าให้ไปทำอะไร อย่าตีนตนไปก่อนไข้ซิไอ้พวกบ้า” ฟาริที่ยืนฟังฟาเรสคุยกันมาตลอดพูดขึ้น
“ ใช่นั่นซิ/ใช่นั่นซิค่ะ” บาเรียกับเจฟที่ยืนฟังอยู่ตลอดเช่นเดียวกับฟาริสเสริม
“ ว่าแต่คุณซาเอลมีธุระอะไรกับพวกเราเหรอครับ”แดนนิถามซาเอลที่ตอนนี้เริ่มดูอาการดีขึ้นกว่าเมื่อเดิมเยอะ
“ ท่านเวนอสเรียกพบครับด่วนมากๆ”ซาเอลลุกขึ้นจากเก้าอี้
“ ท่านเวนอสมีธุระอะไรเหรอครับ”แดนนิสถามต่อ
“ อย่าถามมากเลยครับเอาเป็นว่าด่วนมากๆถึงมากที่สุด” ซาเอลพูดจบแล้วคว้าแขนของแดนนิสแล้วฉุดให้ลุกขึ้น
“ ซวยแล้ว เห็นไหมตาลุงเวนอสทำพิษ” ไลท์พูดแล้วหันไปมองหน้า สามคนที่เคยค้านเธอกับฟาเรสแต่ไม่ทันที่เธอจะหันไปเยาะเย้ยเพื่อนทั้งสาม โรเซนก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้
“ กลับศูนย์บัญชาการกันได้แล้ว” โรเซนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นๆแล้วเดินนำหน้าไปก่อน ทุกคนในหน่วยเห็นดังนั้นจึงเดินตามไปอย่าไม่มีข้อโต้แย้งถึงแม้จะไม่เต็มใจและไม่พอใจเอามากๆโดยเฉพาะฟาเรสกับไลท์ที่หน้าบูดหน้าเบี้ยวเดินคอตกไป
ชั้น 6 ของศูนย์บัญชาการตะวันออก
หน่วยฮาเลมที่ตอนนี้เดินมาถึงชั้น6หน้าห้องๆหนึ่งซึ่งมีป้ายขนาดใหญ่ตัวหนังสือสีเงินติดไว้ว่า
“ผู้บัญชาการเขตตะวันออก”
แล้วข้างๆก็มีโต๊ะทำงานโต๊ะหนึ่งวางอยู่ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นของซาเอลที่มีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยหรือเลขานั่นเอง
ซาเอลเดินมาที่หน้าประตูส่วนคนอื่นๆก็ยืนอยู่ข้างหลังพร้อมทั้งบ่นหมุบหมิบอย่าไม่พอใจ
“ท่านเวนอสครับหน่วยฮาเลมมาแล้วครับ”ซาเอล ขอออนุญาตจากผู้ที่เป็นเจ้านาย
“ เข้ามาได้” เสียงของใครบางคนที่อยู่ในห้องซึ้งก็น่าจะเป็นผู้ที่มีอำนาจสั่งการสูงสุดศูนย์บัญชาการเขตตะวันออก
“เชิญเข้าไปกันเลยนะครับ”
“ ขอบคุณครับคุณซาเอล” โรเซนขอบคุณซาเอลแล้วเดินนำเข้าไปในห้อง ตามด้วยแดนนิสและคนอื่นๆที่ไม่อยากจะเข้าไปนัก โดยเฉพาะฟาเรสที่ตอนนี้หน้าบึ้งเหมือนตูดลิง
ภายในห้องของผู้บัญชาการเขตตะวันออกไม่ได้หรูหราอะไรมากมายแต่ดูกว้างขวาง รวมถึงหน้าต่างบานใหญ่ที่สามารถมองออกไปข้างนอกชมวิวทิวทัศของมหานครรวมถึงยานที่บินผ่านไปผ่านมา ส่วนภายในห้องนั้นแทบจะไม่มีอะไรมาประดับประดา ผนังห้องว่างไม่มีรูปซักใบ ซึ่งก็ทำให้ห้องนี้ดูโล่งและสะอาดตาไปอีกแบบ ตรงกลางห้องมีโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยกองเอกสารมามาย วางเป็นกองๆบังมิดจนไม่เห็นใบหน้าของผู้ที่นั่งทำงานอยู่เลย
“ มากันแล้วซินะ “ เสียงหนึ่งดังมาจากหลังกองเอกสารที่กองเท่าภูเขา
“ ครับท่านเวนอส” โรเซนเดิมมายืนตรงหน้าโต๊ะทำงานทำให้มองเห็นเจ้าของโต๊ะที่นั่งอยู่
เจ้าของโต๊ะซึ่งก็คือ ผู้บัญชาการเขตตะวันออก ท่านผู้นี้เป็นชายหนุ่มวัยกลางคนอายุราวๆยี่สิบปลายๆซึ่งก็ถือว่ายังไม่มีผู้พิทักษ์คนไหนที่อายุเท่ากับเขาแล้วได้เป็นถึงผู้บัญชาการเขต ซึ่งก็คือผู้พิทักษ์ระดับเอ็กเพอร์หนาดหรือระดับ5 ชายหนุ่มผู้นี้มีผมสีดำยาวที่มัดรวบไว้อย่างหลวมๆนัยน์ตาสีเขียวมรกต มีหนวดบางๆที่คาง จมูกโด่งเป็นสัน ผิวขาวโดยรวมๆแล้วจัดได้ว่าท่านผู้นี้มีใบหน้าที่หล่อเหลาเอาการพอสมควร
“ สวัสดีครับ/ค่ะท่านเวนอส” หน่วยฮาเลมทั้ง7คนยืนเรียงแถวหน้ากระดานแล้วโค้งคำนับอย่างสุภาพ
“ พอแล้วนี่จะเป็นการเป็นงานอะไรกันนักหนา” เวนอสพูดแล้วปัดกองเอกสารที่บังอยู่ออก
“ ครับ/ค่ะ”
“ เอาหละที่เรียกพวกนายมาก็เพราะฉันมีเรื่องให้พวกนายช่วยจัดการหน่อย”
“ อ่าวแล้วไหนจะให้พวกผมไปพักร้อนไงครับทำไมทำอย่างงี้อีกหละครับ คราวที่แล้วก็เลื่อนไปทีนึงแล้ว” ฟาเรสพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจเพราะครั้งที่แล้วก็แบบนี้แหละ มีภารกิจด่วนเข้ามา
“ ใช่ค่ะ/ครับ” ทุกคนเสริมคำพูดของฟาเรสเป็นเสียงเดียวกันยกเว้นโรเซนที่ตอนนี้ยังคงเงียบอยู่
“ แล้วจะทำยังไงดีหละทีนี้ ศูนย์บัญชาการเรายิ่งมีหน่วยพิเศษแค่หน่วยเดียวด้วยซิ เฮ้อไม่ไหวๆฉันจะทำไงดีหละคราวนี้สงสัยคงต้องโอนภารกิจไปเขตเหนือซะแล้วซิเฮ้อ”เวนอสพูดแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเอนหลังไปพิงกับเก้าอี้
“ ท่านเวนอสครับพวกเราขอรับภารกิจนี้ครับ” โรเซนพูดขึ้นหลังจากที่เงียบอยู่นาน แดนนิสหันมามองหน้าโรเซนแล้วหันกลับไปลอบคิดอะไรบางอย่าง
“ จะดีเหรอโรเซนตัดสินใจคนเดียว ไม่เป็นไรหรอกแค่โอนไปให้หน่วยเหนือขจัดการแทน”
“ ผมตกลงด้วยอีกคนครับ” แดนนิพูดขึ้นหลังจากที่คิดอะไรบางอย่างอยู่นาน
“ ผมด้วยเรื่องอะไรจะยอมขอความช่วยเหลือจากพวกหน่วยเหนือ” ฟาเรสกำหมัดแน่นภาพตอนที่เรียนอยู่มันย้อนเข้ามาในหัว ภาพของพวกหน่วยเหนือที่สุดแสนจะหน้าหมั่นไส้ เจ็บใจทุกที นึกถึง
“ พวกเราทุกคนด้วยครับ/ค่ะใครจะไปยอมให้พวกหน่วยเหนือมาช่วย” ทุกคนที่เหลือพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันเพราะต่างคนต่างแค้น พวกหน่วยพิเศษเขตเหนือ มาตั้งแต่สมัยเรียน เว้นแต่โรเซนที่เรียนจบตั้งแต่อายุ 16 ก็เลยไม่รู้เลยว่าไอ้พวกหน่วยเหนือมันหน้าหมั่นไส้แค่ไหน
“ ดีจริงๆต้องแบบนี้ซิค่อยสมกับเป็นหน่วยฮาเลมหน่อย”
“ ว่ามาเลยครับพวกเราจะทำเต็มที่” ฟาเรสพูดด้วยความห้าวหาญ
“ ภารกิจที่ฉันจะให้พวกนายทำก็คือ มาเป็นพี่เลี้ยงให้น้องชายของเพื่อนฉันหน่อยภารกิจที่จะทำก็มีแค่นี้แหละ” เวนอสพูดเรียบๆซึ่งมันก็ทำให้ทุกคนสงสัยกับคำว่าพี่เลี้ยง...
“พี่เลี้ยงงั้นเหรอครับนึกว่าจะเป็นภารกิจหนักๆเหมือนแต่ก่อนซะอีก” โรเซนพูดขึ้น เวนอสยิ้มมุมปากอย่างมีเล่ห์นัย
“ตาลุงนี่จะเอาไงแน่เนี่ยจะให้พวกเราเสียเวลาพักร้อนเป็นพี่เลี้ยงเนี่ยนะเกินไปหน่อยแล้วนะ” ไลท์กระซิบที่ข้างหูฟาเรส
“ นั่นซิชักจะเกินไปหน่อยแล้วแล้วเราจะได้กลับบ้านกันไม” ฟาเรสกระซิบตอบ
“ พวกแกนี่นินทาได้แม้กระทั่งเจ้านายแถมระยะเผาขนอีกนะฉันหละเบื่อจริงๆ” ฟาริสที่ไม่ได้ตั้งใจจะฟังแต่ดันแอบได้ยินพูโดขึ้นด้วยความไม่พอใจเพื่อนทั้งสองคนที่อยู่กันมานานแสนนานที่นิสัยเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย
“ แล้วแกจะทำไมไอ้โรคจิต” ฟาเรสพูดเสียงเบาๆแล้วถลุงตาใส่ฟาริส
“ แกอย่ายุ่งน่าฟาริสไม่อยากกลับบ้านรึไงฉันกับไอ้ฟาเรสอยากกลับใจจะขาด”
“ ฟาเรส ฟาริส ไลท์ “ เวนอสพูดโผลงขึ้นมาทำเอาฟาเรสกับไลท์ที่กำลังนินทาเขาอยู่สะดุ้ง
“ ครับ/ค่ะท่านเวนอส”
“ พักร้อนคราวนี้ ไปที่ไวท์มาเทียหละซินะในฐานะที่พวกนายเป็นเจ้าถิ่นฝากน้องชายฉันด้วยหละเอาเป็นว่าพวกนายไปไหนก็ต้องพาน้องฉันไปที่นั่น”
“ หมายความว่าไงกันครับท่านเวนอส”ฟาเรสถามด้วยความสงสัย
“ ก็ทุกคนฟังให้ดีนะ ฉันจะให้น้องชายของฉันไปกับพวกนายด้วย แล้วก็จะเพิ่มเวลาพักร้อนเป็นหนึ่งเดือนเต็มให้พวกนาย”หลังจากที่เวนอสพูดจบทุกคนต่างพากันอึ้งไปตามๆกันจากสองอาทิตย์เป็นหนึ่งเดือนสุดยอดอย่างไม่เคยมีมาก่อน ก่อนหน้านี้ขอพักร้อนสองอาทิตย์ขอกันแทบตายแต่นี่แค่น้องชายคนเดียวอยากรู้จริงๆว่าเป็นใครกัน...
“ ท่าเวนอสครับ มากันแล้วครับ” เสียงของซาเอลดังขึ้นพร้อมกับร่างของเขาและดูเหมือนจะมีชายหนุ่มสองคนเดินเข้ามาด้วย ชายหนุ่มคนแรกใส่เสื้อคลุมสีดำปิดหน้าเดินเข้ามาซึ่งมันก็ทำให้ฟาเรสกับไลท์เริ่มรู้สึกคุ้นๆ
“ แกคุ้นๆไมฟาเรสเหมือนพวกชุดดำที่เจอเมื่อวาน” ไลท์ถามฟาเรส ชายหนุ่มพยักหน้าเบาๆแล้วพุดขึ้นว่า
“ ใช่มันไม่แค่เหมือนใช่เลยหละ”ฟาเรสตาค้างทันทีที่เห็นชายอีกคนเดินออกมาจากประตู ชายหนุ่มผู้นั้น สวมแว่น มีดำหวีเรียบร้อยพร้อมทั้งรอยยิ้มที่แสนจะคุ้นเคย สองคนที่ร้านฮาเลม คนที่ไลท์วิ่งตามซะเหนื่อยแล้วได้ของแถมเป็นแหวน แหวนที่ตอนนี้ยัดใส่กระเป๋าเสื้อผ้าไปเรียบร้อยแล้วแต่ไม่รู้ว่ามันจะอยู่ดีรึเปล่า
“ มาแล้วเหรอแอลริคน้อยมาหาพี่เร็ว” เวนอสลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วยิ้มให้ชายชุดดำที่กำลังเดินเข้ามา พลางสำรวจไปทั่วห้องเขาชะงักไปครู่หนึ่งหลังจากที่เห็นไลท์ แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากรีบเดินเข้าไปหาพี่ชายที่ยิ้มหน้าบานรับอยู่แล้ว
“ สวัสดีครับพี่เวส” ชายชุดดำที่โดนเรียกว่าแอลริคน้อยพูด
“ สวัสดีครับท่านเวนอสพี่ซาเอล” ชายสวมแว่นนามซาเรสโค้งตัวคำนับเวนอสแล้วหันไปยิ้มให้ซาเอลที่เป็นพี่ชายแท้ๆของเขา
“ นั่นมัน ไอ้สองคนนั่นนี่นาซวยแล้วเรา” ไลท์วิ่งไปหลบข้างหลังบาเรียกับเจฟพร้อมทั้งลาก
ฟาเรสมาด้วย“ ซวยแล้วตายแน่”
“นี่สองคนนี้เป็นอะไรกัน” เจฟถามด้วยความสงสัย
“นั่นซิค่ะบาเรียเห็นทั้งสองคนท่าทางแปลกๆตั้งแต่น้องชายท่านเวนอสเดินเข้ามาแล้วนะค่ะ”
“ ไว้ก่อนจะเล่าให้ฟังทีหลัง”
..
“ใส่มาทำไมกันไอ้เสื้อคลุมสีดำแถมยังปิดหน้าปิดตาอีกเอาออกซะ” เวนอสพูดแล้วกระชากเสื้อคลุมของแอลริคออก เผยให้ใบหน้าขาวนวลของชายหนุ่มผู้หนึ่งที่จัดว่าหล่อเหลาเอาการพอสมควรเขามีนัยน์ตาสีดำและผมสีเงิน
“ เราจะทำไงดีฟาเรส ขืนให้พวกนั้นรู้มีหวังโดนเล่นงานเราตาย” ไลท์ดูท่าทางทุกข์หนักส่วนฟาเรสก็ไม่ต่างกันซักเท่าไหร่แถมดูเหมือนว่าจะเกิดอาการมากกว่าซะด้วย”ซวยตายแน่”
“ ผมสีเงินนายเห็นเหมือนที่ฉันเห็นไหม” แดนนิสสะกิดถามโรเซน
“ ใช่ผมสีเงิน สีเงินจริงๆ” โรเซนตอบด้วยเสียหน้าเรียบเฉยดูไม่ตกใจเหมือนกับคนอื่นๆที่แทบจะไม่เชื่อสายตา เพราะคนที่มีผมสีเงิน นั้นมีแค่สองคนในอาณาจักรซึ่งก็คือตระกูลซานฟอเรสตระกูลของผู้ก่อตั้งอาณาจักรซานฟอเรสแห่งนี้ และหนึ่งในสองคนนั่นก็คือองศ์จักพรรดิที่ 15
เอ็ดเวิร์ด ซานฟอเรส และอีกคนก็คือก็คือ องค์ชายรัชทายาท......
...............
ง่าสิ่งที่เราต้องการที่สุดคือคอมเม้นนะ เม้นให้หน่อยนะถ้าได้อ่านเพราะเวลาไม่มีคนเม้นเราไม่มีกำลังใจเลย
แต่ขอบคุณทุกคนนะขอรับที่อ่านมาถึงนี่
hiru21
ความคิดเห็น