คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ชุลมุนวุ่นวาย
ตอนที่3
วุ่นวาย
หน่วยฮาเลมที่ตอนนี้แยกย้ายกันทำงานตามหน้าที่ กับคดีโจรปล้นมอนเตอร์ประจำตระกูลดัง พวกเขาต้องจับโจรให้ได้และนำมอนสเตอร์กลับไปคืนเจ้าของ
โรเซน แดนนิสนั่งสังเกตการณ์อยู่ภายในห้องที่ทางร้านจัดให้ซึ่งอยู่ติดกับห้องของผู้ต้องสงสัยที่มีถึง 2 กลุ่มและยังไม่มีใครรู้เลยว่าพวกมันกลุ่มไหนเป็นโจรขโมยมอนสเตอร์ ฟาริสเดินออกไปสำรวจภายในร้านว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ไลท์ บาเรีย เจฟและฟาเรส ต้องจำใจชุดที่ไม่เคยใส่มาก่อนมันเป็นกระโปรงสั้นเหนือเข่าเสื้อสายเดี่ยวโดยเฉพาะ ฟาเรสที่ต้องจำใจสุดๆก็เพราะเจ้าตัวเป็นผู้ชาย ผู้ชายที่โดนหาว่าหน้าหวานเหมือนผู้หญิง พวกเขาทั้งสี่เริ่มทำตามแผนอันลึกล้ำของโรเซนที่ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คิดได้ไง แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้สุดยอมสมกับเป็นหัวหน้าหน่วยที่อัฉริยะสุดๆ
เจฟกับบาเรีย แยกไปห้องทางซ้าย ไลท์กับฟาเรสไปห้องทางขวาซึ่งห้องทั้งสองก็อยู่ระหว่างห้องสังเกตการณ์ และแล้วแผนการล้วงความลับก็เริ่มขึ้น
“ นี่ติดหูฟังเสร็จแล้วใช่ไหม” ไลท์กระซิบฟาเรสพลางติดหูฟังขนาดเล็กที่มีลักษณะเป็นวงกลมแบนๆที่ถูกออกแบบเป็นพิเศษใช้สื่อสารในการทำภารกิจของผู้พิทักษ์
“เสร็จตั้งนานแล้ว เว้ย ตั้งแต่เริ่มทำงานแล้วไปเสริฟ์น้ำมีแต่แกนั่นแหละที่ยังไม่ติด” ฟาเรสตอบเบาๆพลางจัดกระโปรงสีส้มแป๊ดให้เข้าที่
“จะเข้าไปหละนะ”ไลท์ค่อยแง้มประตูออกแล้วก้าวเข้าไปอย่างช้าๆตามด้วยฟาเรสที่ตอนนี้เอาปิดหน้าไว้ภายในห้องนั้นมีโต๊ะไม้ขนาดเล็กที่ดูหรูหราตั้งอยู่มีชายสองคนนั่งอยู่ก่อนแล้วชายคนแรกนั่งอยู่หัวโต๊ะใส่เสื้อคลุมสีดำที่คลุมจนถึงศีรษะซึ่งทำให้มองไม่เห็นใบหน้า ชายคนที่สองนั่งอยู่ข้างๆใส่เสื้อคลุมสีดำเช่นเดียวกับชายคนแรกดูท่าทางสงบเสงี่ยมใส่แว่น ผมสีดำที่หวีซะเนียบ ทันทีที่ไลท์กับฟาเรสก้าวเข้าไปทั้งคนก็เงยหน้าขึ้นมามองอย่างแปลกใจปนสงสัยว่าสองคนที่แต่งตัวแปลกๆเข้ามาทำอะไรกัน
“ ขอโทษนะครับ เข้ามาทำอะไรกันเหรอครับ” ชายสวมแว่นถามด้วยน้ำเสียงสุภาพแล้วยิ้ม
“ อะเอ๋อเป็นบริการพิเศษของทางร้านนะ...ค่ะ”ไลท์ตอบตามที่ไอลี่บอก อย่างตะกุกตะกัก
ชายสวมแว่นหันไปขอความเห็นจากชายที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ
“ ออกไปซะ” ชายที่นั่งอยู่หัวโต๊ะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ ไลท์ทำอะไรไม่ถูกจึงรีบลากฟาเรสที่ยืนหลบอยู่ข้างหลัง(กลัวคนเห็นหน้า)ออกไปข้างนอก แล้วไปปรึกษาโรเซนหลังจากที่โดนไล่ออกมาจากห้อง
“ โรเซน” ไลท์พูดกับหัวหน้าหน่วยที่ดูเหมือนจะยืนรออยู่แล้วพร้อมทั้งแดนนิสที่นั่งกอดอกอยู่ข้างๆ
“ ออกมากันทำไม” แดนนิสถามขึ้น
“ ไม่ได้ยินที่พวกมันไล่พวกฉันรึไง” ไลท์ตอบ
“ ก็ไม่ได้ยินนะซิถามได้ ก็เห็นแต่พวกแกรีบวิ่งออกมา”
“หมายความว่าไง”
“ ก็เครื่องสอดแนมรุ่นเก๊าเก่าสนิมเกาะที่เราไปติดไว้ โปรแกรมเสียงมันพังไม่งั้นก็ไม่ต้องลำบากพวกแกเข้าไปทำอะไรแบบนี้หรอก”
“ ซะงั้น แล้วจะให้ฉันกับไอ้ฟาเรสทำไงต่อเนี่ยโดนไล่ออกมาแล้ว” ไลท์พูดด้วยน้ำเสียงเบื่อๆ
“ ก็เข้าไปใหม่ซิ เรื่องแค่นี้เอง” โรเซนพูดขึ้นหลังจากที่เงียบอยู่นาน
“ หา ! กลับเข้าไปอีก มีหวังโดนไล่ออกมาเป็นรอบที่สอง”
“ ไม่เห็นจะยาก แกเป็นหญิงไม่ใช่เหรอ ผู้หญิงนะเค้าต้องหัดมีมารยา ผู้ชายร้อยทั้งๆร้อยก็แพ้มารยาผู้หญิงนี่แหละ” แดนนิสพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องยากแต่สำหรับไลท์แล้ว ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามารยาหญิงนะคืออะไร
“แดนนิส ไอ้มารยานะเค้ามีแต่ผู้หญิงใช่ไหม” ฟาเรสยกมือถามพลางเกายิกๆเพราะเริ่มรู้สึกคันตามตัว
“ ใช่” แดนนิสตอบ ฟาเรสยิ้มอย่างมั่นใจว่าตัวเขาเองกำลังมีโอกาส
“ งั้นแกก็ไปหาผู้หญิงมาทำงานนี้แทนฉันละกันนะไปถอดชุดบ้านี่ก่อนหละ”ฟาเรสกำลังจะเดินออกจากห้องแต่..
“ ใช่มีแต่ผู้หญิงแต่แกมันกรณียกเว้น”แดนนิสกอดอก “ อ่าว”
“ แล้วว่าแต่ไอ้มารยาที่แกว่ามันคืออะไร ทำยังไง”ไลท์ถามขึ้นอย่างสงสัยหลังจากที่คิดอยู่นาน
“ง่ายนิดเดียวร้องไห้ซิ”
“ หา !ร้องไห้เนี่ยนะมารยาหญิง” ไลท์ร้องโฮ แล้วคิดไปพลางๆว่าจะทำยังไงให้น้ำตาไหล
“ แกด้วยหละฟาเรส ไม่งั้นหละก็ถ้าแกไม่ทำฉันจะถ่ายรูปแกไปให้ไอ้ฟาริสดูจะเป็นยังไงนะถ้ามันเห็นก็คงประมาณว่าแกโดนล้อไปตลอดชาติแน่”แดนนิสลูบคางตัวเองเบาๆแล้วเหลือบไปมองฟาเรสที่กำลังเกายิกๆสีหน้าเหมือนกับคนมีปัญหาชีวิตดูท้อแท้และในขณะที่ไลท์กำลังนึกว่าจะทำยังไงดีน้ำตาถึงจะไหล
อีกด้านหนึ่งบาเรียกับเจฟกำลังไปได้สวยกับแผนการที่ดูจะง่ายเพราะไอ้คนที่พวกเธอมาล้วงความลับกลับเป็นพวกบ้าผู้หญิง แถมหื่นสุดๆอีกแต่อีกคนที่นั่งอยู่มุมห้องกลับนิ่งเงียบ
“ น้องสาวจ๊ะ กลิ่นตัวน้องนี่หอมสุดยอดเลย” ชายจอมหื่นพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีแล้วเสยผมสีทองที่ยาวมาปิดหน้าใบหน้าของเขาดูสะอาด จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาสีครามดูคมอย่างมีเสน่ห์ โดยรวมๆแล้วดูหล่อมาก แต่กลับหื่นเอามากๆเช่นกัน
“ ขอบคุณค่ะ” เจฟกัดฟันตอบ
“ ว่าแต่น้องทั้งสองชื่ออะไรกันบ้าง พี่อยากรุ้จักจัง”ชายจอมหื่นหันไปมองเจฟที่อยู่ด้านซ้ายแล้วมองไปด้านขวาที่บาเรียนั่งอยู่
“ บารรีรี่ค่ะ” บาเรียตอบเสียงหวานแล้วยิ้มกว้าง
“ แล้งน้องหละจ๊ะ”
“ เจฟีรี่...ค่ะ” เจฟตอบแบบเซ็งๆแล้วหันหน้าหนี
“ เอ๋เอายังงี้ดีไหมจ๊ะคืนนี้ไปค้างกับพี่ซักคืน” ชายหนุ่มเสยมอีกรอบแล้วหันซ้ายขวาไปมองบาเรียกับเจฟ
บาเรียมองส่งสายตาไปหาเจฟเป็นนัยๆว่าจะเอาไงดี
“ ไม่ได้นะครับท่านเนล” ชายที่นั่งอยู่มุมห้องค้านเสียงแข็ง
“ ทำไมหล่ะฟากัวเดี๋ยวงานนี้เสร็จก็ไม่มีงานอะไรอีกไม่ใช่รึไง” ชายหนุ่มผมทองที่ถูกเรียกว่าเนลตะโกนขึ้น ดวงตาเริ่มมีแววโหดเล็กน้อย แต่มันก็ทำให้คนที่ค้านนั่งก้มหน้าเงียบ
“ ตกใจรึเปล่าจ๊ะ น้องทั้งสอง” บาเรียยิ้มแล้วตอบ “ ไม่เป็นไรหรอกค่ะเรื่องแค่นี้”
เจฟค่อยๆรินเครื่องดื่มที่วางอยู่บนโต๊ะใส่แก้วแล้วส่งให้เนล เนลรับด้วยรอยยิ้มแถมยังลูบไล้ไปตามมือของเจฟ จนทำเอาขนลุกซู้ไปทั้งตัว
“ ว่าแต่ พี่มาทำอะไรกันที่นี่ค่ะดูเหมือนจะไม่ได้มาทานอาหารเฉยๆ” บาเรียถามขึ้น ชายที่นั่งอยุ่มุมห้องเงยหน้าขึ้นมามองเล็กน้อย
“ อ๋อก็แค่มารอรับของนะจ๊ะ ค้าขายเล็กน้อยๆหละจ๊ะ” ชายหนุ่มตอบแล้วหันไปส่งสายตาหวานเยิ้มให้เจฟแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆแกมของเจฟ
“ ของอะไรเหรอค่ะ” บาเรียถามขึ้น เนลหันควับกลับมาหาบาเรีย
“ น้อง คนสวย บารีรี่นี่ชั่งถามจังนะจ๊ะ” เนลจ้องหน้าบาเรียเขมง บาเรียรู้สึกว่าไม่น่าถามซอกแซกขนาดนี้เลยดีไม่ดีจะโดนจับได้ เนลเริ่มยื่นหน้าเข้าไปใกล้กว่าเดิม ในขณะที่บาเรียกำลังวิตกสุดๆว่าต้องโดนจับได้แน่ ตายหละทีนี้ถ้าโดนจับได้หละก็มีหวังจบกันทั้งหน่วยแน่ เนลเริ่มยื่นหน้าเข้าไปเรื่อยในขณะที่ดวงตาก็เริ่มมีแววโหดเล็กน้อยแล้วฝ่ามือขวาก็เรื่มแหวกอากาศมาอย่างรวดเร็ว เจฟที่ดูอยู่ตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก ฝ่ามือ ที่ถ้าใครโดนคงเจ็บหนน่าดู ฝ่ามือของเนลหยุดกึกเจฟโล่งใจขึ้นนิดนึงเนลปัดๆที่แก้มของบาเรียเบาๆแล้วพูดขึ้นว่า
“ยุงบ้านี่มาจากไหนหละเนี่ย เดี๋ยวก็ทำให้หน้าเนียนๆสวยๆบวมหมดหรอก”พอพูดจบก็ยิ้ม
“ ท่านเนลครับ” ชายที่นั่งอยู่มุมห้องพูดขึ้นในขณะที่ก้มหน้าอยู่
“ อะไรอีกหละฟากัว” เนลพูดขึ้นเสียงแข็ง
“ ใกล้เวลาที่ลูกค้าจะมารับของแล้วครับ”
“ ก็ดีงานจะได้เสร็จเร็วๆ จริงไหมจ๊ะน้องทั้งสอง” เนลขื่นแขนไปโอบไหล่เจฟกับบาเรียคนละข้างซึ่งมันก็ทำให้เจฟแทบจะทนไม่ไหว ถ้าไม่ใช่เพราะงานหละก็ ไอ้จอมลามกนี่ โดนสอยร่วงไปแล้ว
“ อุ้ย” บาเรียอุทานขึ้นเสียงดัง
“ เป็นอะไรจ๊ะน้องบารีรี่คนสวย”
“ เหล้าจะหมดแล้ว เดี๋ยวออกไปเติมให้นะค่ะ” บาเรียยกเหยือกเหล้าขึ้น แล้วลุกขึ้นจะเดินออกไปจากห้องพลางหันมายิ้มให้เนลแล้วชูสองนิ้วเป็นสัญญาณลับให้เจฟรู้ เจฟลุกพรวดอย่างรวดเร็ว
“ เดี๋ยวออกไปช่วย บารีรี่ถือนะค่ะพี่เนล” เจฟเดินไปเกาะไหล่บาเรียแล้วค่อยๆเปิดประตูออกแต่...
“ เดี๋ยว” เนลพูดขึ้น เจฟกับบาเรียขนลุกซุ่แล้วหันมากลับมายิ้มแหยๆให้เนล
“ กลับมาเร็วๆนะจ๊ะพี่คิดถึง”
“ ค่ะ” บาเรียและเจฟตอบเสียงหวานแล้วรีบเดินออกไป
อีกด้านหนึ่ง ไลท์กับฟาเรส ที่ได้คำแนะนำอันแสนดี๋ดีจากแดนนิส กับโรเซน แถมยังได้รู้อะไรเล็กน้อยด้วยว่า มารยาหญิงเนี่ยมันคืออะไรกัน และแล้ววีการใช้มารยาหญิงแทนอาวุธเอาชนะใจชายก็เริ่มขึ้นโดยการวิ่งเข้าไปในห้องครัวของทางร้านจ้องมอง ผักฟิลรี่ ( ผักฟิวรี่เป็นผักที่นิยมปลูกทางตอนใต้ของอาราจักร เป็นพืชเขตร้อนมีสีเขียวอมชมพูส่วนมากนำมาปรุงอาหาร ทำซุป แต่สรรพคุณก็คือทำให้แสบตาแบบสุดๆ จนต้องร้องไห้ออกมา)
แค่นี้น้ำตาของหนึ่งหญิง หนึ่งชายก็ต้องหลั่งออกมา
“ ไลท์ แกน่าจะหาวิธีที่ดีกว่านี้นะฉันแสบตาจะตายอยู่แล้ว” ฟาเรสปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
“ ไม่มีแล้วโว้ยรีบๆเข้าไปกันดีกว่า” ไลท์คว้ามือฟาเรสแล้วลากเข้าห้องที่พึ่งโดนตะเพิดออกมา แล้วค่อยๆเปิดประตูออก
“ เข้ามาทำไมกันอีกหละบอกให้ออกให้ไปไง” ชายในชุดคลุมไล่ตะเพิดอีกรอบ ซึ่งต่างจากชายที่สวมแว่นอีกคนที่หันมายิ้มให้
“ เอาไง” ฟาเรสกระซิบที่ข้างหูไลท์เบาๆ เธอไม่พูดอะไรแล้วก็เริ่ม...
“ ฮื่อๆฮื่อ อย่าไล่พวกฉันออกไปเลยนะค่ะ ฮื่อๆ” ไลท์ทรุดตัวลงกับพื้นแล้วสะอื้น ร้องไห้ตามที่ แดนนิสบอก
ฟาเรสเห็นดังนั้นก็ทำบ้าง ทรุดตัวลงกับพื้นแล้วพยายามดัดเสียงให้เหมือนผู้หญิงที่สุด แล้วหยิบผ้าเช็ดขึ้นมเช็ดน้ำตาเพื่อให้สมจริง
“ ฮื่อๆอย่าไล่ฉันกับน้องสาวไปเลยนะค่ะ ไม่งั้นเราตายแน่ๆฮื่อๆ”
“ ก็บอกให้ออกไปไงเล่า มาร้องไห้บ้าอะไรในนี้ถ้าจะร้องก็ไปร้องข้างนอกซิ” ชายชุดดำตวาดเสียงแข็ง
ในขณะที่ไลท์ก็เริ่มสะอื้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
“ อย่าพึ่งไล่เลยครับ น่าสงสารออก” ชายสวมแว่นพูดแล้วมองไปทางไลท์กับฟาเรส
“น่ารำคาญ ก็บอกให้ออกไปไงเล่า”
“ ฮื่อๆไม่ได้นะค่ะของร้องหละ ถ้าเราออกไป พ่อแม่เราต้องตายแน่ ถ้าพวกเราออกไป”
“ ทำไมเหรอครับ”
“ ก็ตอนแรกที่พวกเราโดนพวกคุณไล่ออกไปพอเจ้าของร้านเห็นเราแค่นั้น เค้าก็ด่าหาว่าพวกเราอู้งาน แล้วก็ไม่เชื่อด้วยว่าเราโดนพวกคุณไล่ออกมา ก็เลยบอกให้เราเข้ามาอีกถ้าเราออกไปเจ้าของร้านขู่ว่าจะไม่จ่ายเงินเดือนเรา แล้วถ้าเกิดเราไม่ได้เงินเดือนหละก็...ฮื่อๆๆๆ”ไลท์เล่าพลางวสะอื้น
“ แล้วอะไรต่อครับ”ชายสวมแว่นถามด้วยสีหน้าอาลัยอาวรณ์สุดๆ
“พ่อแม่เราป่วยเป็นโรค ติดต่อรุนแรงถ้าไม้รีบรักษาหละก็ ฮื่อๆๆพ่อแม่เรา” ไลท์เริ่มเล่าต่อ
“ น่าสงสารจังนะครับต้องหาเงินไปรักษาพ่อแม่ คงลำบากน่าดู อยู่ที่นี่หละครับไม่ต้องออกไปหรอก”
“ เชอะน่าสงสาร สิ้นคิดรึไงที่มาทำงานแบบนี้ มาเป็นผู้หญิงอย่างว่า ก็ได้ถือว่าสงสารละกันไปนั่งอยู่มุมห้องไกลๆนู่นไป แล้วเงียบๆด้วยหละรำคาญ”ชายชุดดำพูดด้วยความสมเพช
ไลท์กับฟาเรสเดินไปนั่งมุมห้องตามคำสั่ง
“ซาเรสนานแล้วนะทำไมไอ้เจ้าบ้าเรดส์ไม่มาซักทีมันแล้วฉันจะได้ของนั่นเมื่อไหร่หละเนี่ย” ชายชุดดำพูดกับชายสวมแว่น
“ เดี๋ยวก็คงมาแหละรับท่านเรดส์อาจจะอยู่ในระหว่างการเดินทางก็ได้นะครับ” ชายสวมแว่นที่ถูกเรียกว่าซาเรส
ตอบ
“จะเดินทางนานอะไรนักหนาเนี่ย แล้วถ้าโดนจับได้ขึ้นมาจะทำยังไง”
ไลท์สะดุดกับบทสนทนาที่ว่า ถ้าโดนจับได้ ...
“ ฟาเรส แกได้ยินอย่างที่ฉันได้ยินไหม” ไลท์กระซิบฟาเรสเบาๆ
“ หึ อะไรเหรอ”
“ โถ่ไอ้บ้า ก็มันบอกว่าจะเอาของอะไรนี่แหละแถมพูดว่า ถ้าโดนจับได้อีกต้องใช่พวกนี้แน่ๆ”
ทางด้านโรเซนกับแดนนิส ที่นั่งจ้องเขมงที่หน้าจอภาพขนาดใหญ่ ดูสถานการณ์ของทั้งสองห้อง
“ นายคิดว่าไงโรเซน พวกไหนกันแน่ที่เป็นพวกหัวขโมย” แดนนิสถามโรเซน
“ ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” โรเซนตอบเรียบๆ
เจฟกลับบาเรียหลังจากที่เดินออกมาเติมเหล้าแล้วรีบกลับเข้าไปเพราะกลัวพวกนั้นจะสงสัย แต่ใจจริงแล้วไม่อยากเข้าไปอีกเลยมากกว่า ไปเจอกับจอมลามกแบบนั้น
“ มาช้าจังเลยนะจ๊ะพี่คิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว” บาเรียกับเจฟยิ้ม
“ นานเหรอค่ะแค่แป๊บเดียวเอง” เจฟพูดแล้วไปนั่งที่เดิม
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น “เก๊าะๆๆ” ฟากัวที่นั่งก้มหน้าอยู่ตลอดเวลาลุกไปเปิดประตู เขาพยักเล็กน้อยให้คนที่อยู่ข้างนอก แล้วหันมาพูดกับเนล “มาแล้วครับท่านเนล”
“ เชิญเข้ามาเลย”
ฟากัวเชิญคนที่อยู่ข้างนอกเข้ามา เป็นชายชุดคลุมสีดำคลุมถึงศีรษะจนมองไม่เห็นใบหน้าทั้งสองคนเดินเข้ามาถือกระเป๋าอะไรบางอย่างเข้ามาด้วยชายคนแรกมีลักษณะเด่นตรงที่มีพุงป่องล้ำหน้าออกมาและอ้วน ชายคนที่สองผอมกระหร่อง ดูจากมือที่มีแต่หนังหุ้มกระดูก
“ สวัสดีท่านเนล ท่านคงสบายดีใช่ไหม” ชายอ้วนพูดขึ้นก่อนจะนั่งลง
“ สบายดีอยู่แล้ว แล้วท่านหละ”
“
ก็ดี ว่าแต่ผู้หญิงสองคนนี้หละ ไว้ใจได้นะ”
“ อืมแน่นอนสวยออกขนาดนี้” เจฟหันไปมองหน้าบาเรีย พลางคิดไปว่าทำไมไอ้จอมลามกนี่ถึงไว้ใจพวกเค้าซะเหลือเกินทั้งๆที่ ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน...
“งั้นก็ดี” ชายที่ผอมกระหร่องวางกระเป๋าลงกับโต๊ะ ส่วนฟากัวก็เอาอีกกระเป๋าที่นั่งบังไว้ตลอดขึ้นมาวางไว้เหมือนกัน
“ไอ้ ตัวเนี่ยกว่าจะเอาออกมาได้นี่ยากสุดๆเลยหละ คงต้องให้ราคาสูงหน่อยนะ”
“แน่นอน เรื่องราคานะไม่ต้องเป็นห่วง”
ฟากัวเปิดกระเป๋าออกในกระเป๋านั้นมีเงินอยู่มากพอสมควร
“ แล้วของหละ” ชายชุดดำเปิดกระเป๋าออกข้างในนั้นเป็นลูกแก้วใสขนาดใหญ่มีตัวอะไรบางอย่างอยู่ข้างใน
“เรียบร้อยดีนิ”
เจฟหันมาสบตาบาเรียแล้ว เธอก็มองขึ้นไปบนเพดานแล้วพยักหน้าอีกรอบให้โรเซนกันแดนนิส
ที่สังเกตการณ์อยู่
“ เรียกฟาริสให้กลับได้ บอกไลท์กับฟาเรสด้วย” พอพูดจบโรเซนก็รีบวิ่งออกไป
แดนนิสคว้าหูฟังขนาดเล็กแล้วเรียกฟาริส“ แดนนิสเรียก ฟาริส กลับด่วน”
“ อืมได้”ฟาริสตอบ
“ แดนนิสเรียก ไลท์ ฟาเรส” แดนนิสพูดแต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา “ตอบด้วย” ชายหนุ่มพูดซ้ำอีกรอบแต่ก็เหมือนเดิม “ โถ่เว้ย” เขาขว้างหูฟังทิ้งแล้ววิ่งตามโรเซนไป
“ ขอบคุณมากที่ใช้บริการ” ชายชุดดำก้มหัวลงเล็กน้อยแล้วยื่นกระเป๋าให้ เนล ฟากัวเป็นคนรับแทน แล้วยื่นกระเป๋าอีกใบให้
เจฟค่อยๆถอยหลังแล้วเขยิบเข้าไปใกล้บาเรีย “ จัดการเลย” เจฟกระซิบบาเรีย หญิงสาวพยักหน้ารับ เจฟใช้ถ้าไม้ตายกระโดดเตะ ฟากัวเขาล้มกระแทกพื้น “ ตูม” ในขณะเดียวกันโรเซน ฟาริส แดนนิสก็ตามมาพอดี
บาเรียล็อคคอเนล ชายหนุ่มดูท่าทางตกใจเอามากๆ “ นี่พวกน้อง”
ส่วนชายชุดดำอีกสองคนโดน ฟาริส โรเซน แดนนิส จับตัวในขณะที่กำลังจะวิ่งหนีออกไปจากห้องแต่ทั้งสองขัดขืนจนต้องเริ่มสู้กัน ฟากัวที่โดนเจฟกระโดดเตะพยายามลุกขึ้นมา แล้วหันควับไปหาเจฟที่กำลังจะหยิบกระเป๋าขึ้นมา “ หนอยแน่” ฟากัวกำหมัดแน่นแล้วต่อยไปที่เจฟ เธอเอี่ยวตัวหลบไปทางขวาหลังจากนั้นฟากัวก็เริ่มโจมตีเจฟไม่ยั้ง โดยที่เจฟยังไม่ทันตั้งตัวได้แต่หลบ ส่วน เนลที่โดนล็อคคอยู่เห็นว่าได้จังหวะจึงใช้ซอกขวาแทงเข้าไปที่หน้าท้องของบาเรีย เธอล้มลงไปกองกับพื้นด้วยความเจ็บ เนลทันทีที่เห็นกระเป๋าวางอยู่ก็วิ่งไปหยิบกระเป๋าแล้วรีบวิ่งออกจากห้องไป
ภายในร้านฮาเลมเริ่มวุ่นวายส่งเสียงแล้ววิ่งวุ่น “โรเซน” บาเรียตะโกนดัง เขาหันไปตามเสียงของบาเรีย “ มันเอามอนสเตอร์หนีไปแล้วทางนั้น” บาเรียตะโกนพลางกุมท้อง โรเซนหันไปทางที่บาเรียชี้เห็นหลังของเนลไวๆแล้วรีบวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว
ไลท์ กับฟาเรสนั่งนิ่งจนเป็นตะคิวโดยที่ไม่รู้เลยว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่ง ซาเรสได้ยินเสียงอะไรแว่วก็เลยเปิดประตูออกไปดู พบกับคนมากมายที่วิ่งวุ่นหนีออกจากร้าน
“ ท่าทางจะเกิดเรื่องแล้วครับ”
“ ว่าไงนะแล้วจะทำไงดี ไอ้บ้าเรดส์ก็ยังไม่มา”
“ งั้นกลับปราสาทก่อนเถอะครับ”
“ อืมงั้นก็ได้”ชายชุดดำลุกขึ้นจากเก้าอี้
“ จะไปไหนกันนะไอ้พวกโจรขโมยมอนเตอร์ คิดจะหนีงั้นเหรอ” ไลท์ลุกพรวดขึ้น
“ โจรที่ไหนกันจะบ้าไปแล้วเหรอ” ชายชุดดำตอบกลับมาอย่างฉุนๆๆ
“ อย่างพึ่งมีเรื่องเลยครับรีบไปดีกว่า” ซาเรสลากแขนของชายชุดดำแล้ววิ่งออกไป ไลท์ก็วิ่งตามออกไปด้วย ฟาเรสไม่ทันจะคิดอะไรก็เลยวิ่งตามไลท์ไป
“ หยุดนะ” ไลท์ตะโกนไล่หลัง แล้วเร่งความเร็วสุดชีวิตฟาเรสก็กำลังตามมาติดๆ
“ พวกนั้นตามมาซาเรส”
“รีบวิ่งเถอะครับ”
ซาเรส ชายชุดดำ ไลท์ ฟาเรสวิ่งไล่กันออกมานอกร้าน ซึ่งเป็นงานเทศกาล ซึ่งมีคนเดินไปเดินมา เต็มถนน
“ อย่าหนีนะ” ไลท์ตะโกนจนคนแถวนั้นเริ่มมองแล้วซุบซิบกัน
ซาเรสกับชายชุดดำเริ่มหยุดวิ่งหลังจากที่ทิ้งห่างไลท์มาได้แล้วแต่ข้างหน้ายังมีคนเต็มไปหมด เดินเบียดกันไปเบียดกันมา
“ ซาเรสพวกนั้นเป็นใครกัน”ชายชุดดำถามซาเรสแล้วเปิดผ้าคลุมศีรษะออก เผยให้เห็น ใบหน้าขาวผ่องของชายหนุ่ม ผมสีดำแซมสีเงินที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ นัยน์ตาสีดำ
“ น่าจะเป็นพวกผู้พิทักษ์นะครับ”
“ พวกผู้พิทักษ์ แล้วทำไมต้องมาตามจับเราด้วย”
“ ไม่รู้ซิครับ แต่ตอนนี้รีบไปเถอะ” ซาเรสตัดบทแล้วรีบเดินนำไปอย่างรวดเร็ว
“จะไปไหน” เสียงของไลท์ดังขึ้น พลางคว้ามือของชายหนุ่มที่เคยอยู่ในชุดดำแล้วดึง พอดีกับจังหวะที่ซาเรสดึงมืออีกข้าง ของชายหนุ่มเหมือนกันไลท์ดึงสุดแรง ซาเรสก็เริ่มดึงสุดแรงเหมือนกันต่างฝ่ายต่างออกแรงเต็มที่ผลสรุปแรงผู้หญิงก็ต้องแพ้แรงผู้ชายอยู่ดี
“ โถ่โว้ย” ไลท์นั่งลงกับพื้นจะตามไปก็ตามไม่ทันแล้วเพราะกลุ่มคนที่อยู่ข้างหน้าอย่างกะฝูงมดแถมขาก็เริ่มไม่ไหวแล้ว “ อะไรเนี่ย” ไลท์รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในมือพอแบมือดูก็เห็นกับ...แหวน
แหวนสีเงินสลักอักษรอะไรบางอย่าง ‘สงสัยคงเป็นของไอ้หมอนั่นแน่‘
“ไลท์ ตามหาตั้งนาน” ฟาเรสทรุดตัวลงนั่งข้างๆไลท์ พลางฮอบด้วยความเหนื่อย
“ตามมันทันไหม”
“ ไม่ ได้แต่ไอ้เนี่ย” ไลท์แบแหวนในมือให้ดู
“ แกนี่อึดจริงๆ”
“ อึดบ้าอะไรของแกว่ะฟาเรส เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”
“ เอ๋อไลท์ฉันว่ารีบไปกันเถอะคนมองกันเต็มแล้ว” ฟาเรสกระซิบไลท์เบาๆเพราะเริ่มอายแล้ว ใครจะไม่มองกันเล่าเล่นใส่เสื้อผ้าซะสีแสบทรวงแบบนี้ แถมนั่งอยู่กลางถนน
“ หนีเร็วๆ” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่างมาดังขึ้น ผู้คนเริ่มวุ่นวายซับซน
“ เป็นอะไรกันนะ”ไลท์ถามฟาเรส
“ จะไปรู้เหรอ”ฟาเรสตอบ
“มอนสเตอร์ อาละวาดหนีเร็วๆ”เสียงชายคนหนึ่งตะโกนดัง
“ มอนสเตอร์อาละวาด” ไลท์กับฟาเรสร้องเป็นเสียงเดียวกันแล้วรีบวิ่งกลับไปที่ร้านฮาเลม
ยานของผู้พิทักษ์สามสี่ลำจอดเรียงราย มอนสเตอร์ตัวสีเขียวมรกตรูปร่างคล้ายสิงโตหางยาวแหลมคมกำลังพ่นไฟอย่างบ้าคลั่งมันมีขื่อว่ากรีนไลซ์ ผู้พิทักษ์หลายสิบคนยืนรายล้อมและกันคนนอกไม่ให้มาเข้าใกล้บริเวณ โรเซน แดนนิส เจฟ บาเรีย กำลังเริ่มร่ายเวทสร้างเกาะป้องกันครอบเจ้ากรีนไลซ์ ส่วนฟาริส ร่ายเวทหิมะสกัดเพลิง
“ ไอซ์โดมิคัส ไอซ์โดมิคัส”ฟาริสร่ายเวทรัว
“ เอาไงต่อดี” แดนนิสตะโกนถามทุกคน
“ฆ่ามันเลยซิ” ไลท์ตะโกนแล้วทะยานลมาจากหลังคาพร้อมกับฟาเรส
“ ไลท์ ฟาเรส ” ทุกคนร้องเป็นเสียงเดียวกัน
“ ไปไหนกันมา” แดนนิสถาม
“ ช่างเถอะน่าตอนนี้จัดการไอ้ตัวเขียวนี่ก่อน”
ไลท์เข้ามาในวงล้อมแล้วเริ่มร่ายเวทสร้างเกาะช่วยคนอื่นๆส่วนฟาเรสเข้าไปช่วยฟาริส
“มาแล้วเหรอ ไอ้น้อง”
“ ใครเป็นน้องแกฟาริส”
“เล็งไปที่หาง กับหัวมัน”ฟาริสแนะฟาเรส
“ ไอซ์โดมิคัส”
ในขณะเดียวกัน ฝนเม็ดเล็กๆก็เริ่มร่วงหล่นลงมาจากฟ้า แล้วเม็ดใหญ่ๆก็ตามมามันเริ่มตกหนัก และหนักขึ้นเรื่อย
“ เกราะเวทเสร็จแล้ว ฟาริส ฟาเรสออกมาได้แล้ว ” แดนนิสตะโกนขึ้น ทุกคนเริ่มหยุดร่ายเวท ฟาริสกับฟาเรสรีบวิ่งออกมา
“ทำไงต่อโรเซน” เจฟพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ
“ ลำพังเกราะเวทที่เราสร้างก็น่าจะขังมันได้ซัก ชั่วโมง ตามเจ้าของมันมาผนึกมันซะจะได้จบเรื่อง”
“ วันนี้จบแค่นี้ใช่ไหมโรเซน”ไลท์ถามด้วยเสียงเหนื่อยๆ
“ อืม”โรเซนตอบเบาๆ
วันนี้เป็นอีกวันที่พวกเขาเหนื่อย ภารกิจลุล่วงไปด้วยดีถึงแม้จะไม่ทั้งหมด ถึงแม้ตะยังจับพวกค้ามอนสเตอร์เถื่อนไม่ได้ แต่มันก็เป็นอีกวันที่พวกเค้าทำเต็มที่เหมือนดังเช่นทุกวัน...
ความคิดเห็น