คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Episode 01
หยดน้ำบนหน้าต่างห้องแข่งกันไหลลงตามแรงโน้มถ่วงไปเรื่อยๆ
ในวันที่ท้องฟ้าอึมครึมเริ่มปล่อยหยาดฝนเทลงสู่พื้นดิน
นัยน์ตาดำแข็งกร้าวนั่งชื่นชมบรรยากาศอันวุ่นวายของเมืองหลวงบนเก้าอี้ท่านประธานของเขาอย่างใจเย็น
ทอดมองลงไปเห็นรถราที่วิ่งสวนกันไปมาอย่างเร่งรีบ
ก็อกๆ
ชเวซึงฮยอนเบือนหน้าหนีจากหน้าต่างไปตามเสียงเคาะขออนุญาตที่ประตู
ชายสองคนใส่ชุดสูทสีดำประจำบริษัทเดินเข้ามาพร้อมคนแปลกหน้าอีกหนึ่งคน
รูปร่างตัวเล็กเหมือนเด็กหนุ่มอายุราวยี่สิบต้นๆ
เนื้อตัวมอมแมมพร้อมใส่เสื้อผ้าเก่าขาดๆ หากแต่ถ้าพิจารณาที่เรือนหน้านั้นแล้ว
คนคนนี้ยังคงดูดีแม้จะอยู่ในสถาณภาพที่ย่ำแย่
“ใคร”
“เขามาทำลับๆ
ล่อๆ อยู่ที่หน้าบริษัทครับ”
ชเวซึงฮยอนไม่พูดตอบหากแต่โบกมือเพียงเล็กน้อยเป็นการพูดแทนว่าให้ออกไปจากห้องของเขา
ชายสองคนเดินออกไปอย่างเงียบเชียบทิ้งเจ้าคนเนื้อตัวมอมแมมให้ยืนเผชิญหน้ากับเจ้าของใบหน้าตอบ
“มาทำอะไรที่นี่ล่ะ”
เสียงทุ้มต่ำเย็นเฉียบเป็นผู้เปิดบทสนทนาหากแต่เจ้าคนที่ยืนตัวแข็งกลับไม่พูดอะไรกลับมา
ชเวซึงฮยอนนั่งเอนหลังอย่างสบายใจอยู่ที่เดิมพลันมองกลับมาที่ใบหน้าของผู้มาเยือนแล้วถามคำถามเดิมซ้ำอีกรอบด้วยน้ำเสียงเรียบ
“มาทำอะไรล่ะ ไม่มีปากเหรอ”
“ผ...ผมอยากสมัครงาน”
เสียงเล็กหวานพูดออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“คุณเห็นหรือเปล่าล่ะว่าบริษัทนี้ติดประกาศรับพนักงานหรือเปล่า
ถ้าไม่เห็นก็แสดงว่าไม่มีงานให้คุณทำที่นี่”
ชเวซึงฮยอนไม่แม้แต่จะถามชื่อ
ถึงแม้ว่าจะเป็นคนมีเหตุผลก็ตามถ้าหากสุดท้ายแล้วต้องไล่กันออกไปทำไมถึงไม่ใช่ผู้รักษาความปลอดภัยสองคนนั้นพาตัวออกไปด้วยเลย
เจ้าคนเนื้อตัวมอมแมมโค้งรับหนึ่งทีก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่มีข้อแม้
ซึงฮยอนนั่งครุ่นคิดอยู่เกือบชั่วโมงพลางทอดมองผู้ชายหน้าหวานคนนั้นที่เดินหางานไปมาอยู่ในละแวกนี้ไม่ไปไหน
เขายังดูเด็ก ชเวซึงฮยอนไม่เคยใจอ่อนกับใครง่ายๆ หากแต่ถ้าให้พูดความจริง
เขาคงต้องบอกว่าเขารู้สึกถูกชะตากับคนนี้แปลกๆ
บางทีอาจจะมีที่ว่างสำหรับคนๆ
นึง
ผู้รักษาความปลอดภัยสองคนเมื่อครู่เดินเคาะห้องสองครั้งก่อนจะเปิดประตูเข้ามาหลังจากเรียวนิ้วแกร่งยื่นไปกดปุ่มเรียกบนโต๊ะทำงาน
“ช่วยพาคนเมื่อกี้มาให้ผมที”
“ครับ”
ผ่านไปไม่ถึงสิบนาที
เจ้าคนหน้าหวานผมปรกลงบนใบหน้าเดินเข้ามาอย่างนอบน้อม
ชเวซึงฮยอนผายมือเชิญให้นั่งบนโซฟานุ่มที่ตั้งติดอยู่กับผนังสวยที่ตกแต่งด้วยรูปแขวนก่อนจะซักประวัติผู้มาเยือน
“ชื่อ”
“ควอ--
ควอน จียงครับ”
“อายุ”
“28
ครับ”
ชเวซึงฮยอนประหลาดใจนิดหน่อยกับเรือนหน้านั้นที่ดูเด็กกว่าอายุหลายเท่าทั้งที่ควอนจียงอายุน้อยกว่าเขาเพียงปีเดียวแต่เขากลับรู้สึกว่าควอนจียงเป็นแค่เพียงเด็กหนุ่มวัยขบเผาะ
ความคิดที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้สีหน้าที่นิ่งเฉยของชเวซึงฮยอนมีมากมายเกินกว่าที่คนตรงหน้าจะหยั่งรู้ได้ว่าผู้ชายคนนี้คิดอะไรอยู่บ้าง
“ทำอะไรเป็นบ้างล่ะ”
“เอ่อ--
เลขามั้งครับ”
“ตลกหรือเปล่า”
ชเวซึงฮยอนพูดเสียงแข็งพร้อมกับละสายตาที่มองนิตยาสารอยู่ช้อนขึ้นมามองคนตรงหน้าแทน
“ประวัติการทำงานยังไม่มี เลขาไม่สูงไปหน่อยเหรอ”
“เอ่อ
คงเป็นงานบ้านมั้งครับ ทำมาทั้งชีวิตแล้ว” ควอนจียงฉีกยิ้มแห้งๆ
ชเวซึงฮยอนมองเข้าไปยังนัยน์ตาของควอนจียงที่หวานราวกับดวงตาของผู้หญิง
ภายในนั้นฉายแววตาที่เศร้าอมทุกข์
เขาอาจจะคิดไปเองแต่ว่ามันดูไม่ดีสำหรับเขาเลยสักนิด
“งั้นเหรอ
แต่ที่บ้านฉันมีคนคอยทำงานบ้านให้อยู่แล้ว”
ชเวซึงฮยอนพูดตอบกลับแบบเดิมเหมือนครั้งก่อนหน้า
ถ้าไม่อยากให้ทำงานแล้วจะเรียกขึ้นมาเพื่ออะไรของเขาหรือเขาแค่สนุกกันแน่
“ผมขอตัวนะครั--“
“แต่ก็ใช่ว่าฉันจะรับคนเพิ่มไม่ได้”
สิ้นประโยคของท่านประธานของบริษัทเครื่องเพชรยักษ์ใหญ่ ควอนจียงหันหลังกลับมาตามเสียงหลังจากที่เขาได้ลุกขึ้นหันหลังทำท่าจะเดินออกจากห้องไป
“ค--คุณจะรับผมใช่ไห--“
“อืม”
ควอนจียงไม่ชอบท่าทางบุคลิกของผู้ชายคนนี้เสียเท่าไหร่
ถ้าไม่ติดที่ว่าแม้แต่มินิมาร์ทเล็กๆ ยังไม่รับเขาเข้าทำงาน เขาคงไม่ตอมรับไปเป็นพ่อบ้านอีกคนให้ผู้ชายคนนี้
ชเวซึงฮยอนนั่งรถส่วนตัวกลับไปยังเพนท์เฮาส์ของตัวเองในย่านกังนัมโดยมีควอนจียงนั่งรถอีกคันตามหลังมาติดๆ
จนถึงที่พักควอนจียงเห็นอีกฝ่ายเดินลงจากรถหลังจากที่การ์ดจะเปิดประตูให้ก่อนจะมองตามหลังเขาเข้าไปในโรงแรมนั้น
ควอนจียงเดินลงตามไปติดๆ
แอบรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยที่จะได้มาทำงานให้คนใหญ่โตอย่างเขาคนนี้
ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่งานเล็กๆ แต่มันก็คงเปลี่ยนชีวิตเขาให้ดีขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง
เสียงกริ่งเล็กๆ
ของลิฟท์ที่กดชั้นบนสุดของโรงแรม เมื่อประตูเปิดออกก็ต้องกวาดสายตามองกับสิ่งหรูหราตรงหน้า
เพนท์เฮาส์ที่ตกแต่งอย่างโมเดิร์นโทนสีน้ำเงินเข้มสนิทมันทำให้เขายิ่งรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ค่อนข้างจะมืดมนในระดับหนึ่ง
หากแต่ที่ผิดสังเกตคือเขาพูดว่าที่นี่มีคนทำความสะอาดแล้วแต่ที่นี่กลับไม่มีใครสักคนเดียวหรือเขาอาจจะหมายถึงพนักงานของโรงแรมนี้ก็ได้
“อ้าวทำไมวันนี้กลับเร็วจังวะ”
ควอนจียงเห็นผู้ชายอีกคนเดินออกมาจากห้องๆ หนึ่ง
ผู้ชายรูปร่างสันทัดกำยำดูดีในขณะที่ชเวซึงฮยอนออกจะผอมและสูงไปนิดหนึ่ง “ใครอ่ะ”
“พ่อบ้าน”
“จ้างพ่อบ้านมาเหรอ?
ไหนว่าชอบอยู่ส่วนตัว”
ควอนจียงยืนงุนงงเป็นบุคคลที่สามกับบทสนทนาที่เพิ่งเกิดไปเมื่อครู่
ชเวซึงฮยอนแขวนเสื้อโอเวอร์โคทสีดำไว้ที่ราวแขวนด้านหน้าก่อนสวมรองเท้าสลิปเปอร์พร้อมเดินหายลับเข้าไปในห้องกับผู้ชายอีกคน
หากแต่ไม่นานก็ออกมา
“เอ่อ
สวัสดีครับผมทง ยองเบ”
“ค--ควอนจียงครับ”
“ดูขี้อายจังเลยนะ
กับผมสบายๆ ก็ได้ครับแต่กับเขาระวังนิดหนึ่งก็แล้วกัน”
ทงยองเบพูดจบก็ฉีกยิ้มกว้างให้อย่างเป็นมิตร “แล้วผมต้องทำอะไรบ้างครับ”
“ทำความสะอาดทั่วไปนั่นแหละนะ
ยกเว้นห้องของคุณชเว”
“แต่ว่าทุกอย่างต้องเนี้ยบห้ามมีฝุ่นเกาะเลยนะ
แล้วก็อีกอย่างคือไปซื้อของตามที่แปะไว้บนบอร์ดในห้องครัวนะครับ”
ผู้ชายมาดดีที่ชื่อทง
ยองเบเดินหายเข้าไปในห้องอีกครั้ง ควอนจียงถูกปล่อยให้อยู่เพียงลำพังอีกครั้ง
กวาดตามองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นว่าที่นี่จะต้องทำอะไรเยอะแยะมากมาย
สังเกตจากสภาพแล้วเขาแทบไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำอย่างมากก็แค่ดูดฝุ่นและล้างจาน
คิดไปคิดมาก็สงสัยว่าทำไมเขาถึงถูกห้ามเข้าไปทำความสะอาดในห้องของชเวซึงฮยอน
ก็อกๆ
“ผมต้องมียูนิฟอร์มอะไรเทือกนั้นไหมครับ”
ควอนจียงเคาะประตูห้องของเจ้าของบ้านอยู่สองสามครั้งก่อนที่เขาจะเปิดประตูออกมา
สีหน้าที่เหมือนเดิมตั้งแต่พบกันเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วยังคงไม่เปลี่ยนไปไหน
นัยน์ตาที่ไร้ความรู้สึกนั้นมองมาที่เขา “อะไรก็ได้
เอาเงินที่ยองเบไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ที่ดูเรียบร้อยกว่านี้”
“ครับ”
ควอนจียงฉีกยิ้มแห้งๆ
สภาพอากาศวันนี้ไม่ค่อยเป็นใจเสียเท่าไหร่กับการที่จะออกไปข้างนอก
หยาดน้ำฝนเม็ดเล็กยังคงเทลงมาอย่างไม่ขาดสายจนพื้นคอนกรีตแฉะชุ่ม
เสียงแอ่งน้ำกระจายซู่ซ่าเมื่อมีผู้คนเดินเหยียบหรือรถขับผ่านดังน่ารำคาญ
ชเวซึงฮยอนเดินมาหยุดอยู่ที่ห้องครัวพร้อมกับหยิบไวน์แดงราคาแพงรินใส่แก้วไวน์สีใส
รูปร่างสะโอดสะองทำให้ชเวซึงฮยอนดูดีในมาดของประธานบริษัท
นัยน์ตาสีดำสนิทแข็งกร้าวเชยมองควอนจียงด้วยความไม่ค่อยสบอารมณ์เสียเท่าไหร่เมื่อพิจารณาเนื้อตัวของเจ้าคนตัวเล็กที่มอมแมมยืนอยู่บนพรมราคาแพง
“ควอนจียง
มาทางนี้” ทง ยองเบที่อยู่ๆ ไม่รู้โผล่มาจากที่ไหนกำลังเรียกเขาให้เดินตามเข้าไปในซอกหลีบเล็กๆ
ที่แทบจะไม่สามารถสังเกตเห็นได้เลย
ทางเดินยาวเหยียดที่ซับซ้อนภายในเพนท์เฮาส์ที่กว้างขวางนำไปสู่ห้องนอนเล็กๆ
เมื่อเปิดไปแล้วมันไม่ใช่ห้องนอนที่ใหญ่นักแต่ก็ไม่ได้เล็กจนขยับตัวไม่ได้
เตียงเดี่ยวนุ่มๆ พร้อมผ้าปูสีขาวสะอาดมีห้องน้ำในตัวและกระจกบานเล็กๆ
พร้อมทีวีหนึ่งตัวที่ตั้งอยู่ปลายเตียง ผนังลูกไม้สีน้ำเงินเข้มทำให้ห้องดูแคบหากแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร
ที่นี่คือห้องนอนของเขา
อย่างน้อยมันก็ดีกว่าชีวิตข้างถนน
ควอนจียงโค้งขอบคุณผู้นำทางหนึ่งครั้งก่อนที่ทง
ยองเบจะเดินจากไป
เจ้าคนตัวเล็กรีบวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อชะล้างสิ่งสกปรกให้หมดสิ้นหากแต่เมื่อเข้าไปก็เจอเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์สีดำพร้อมชั้นในแขวนอยู่บนราวพร้อมกับกระดาษโน้ตเล็กๆ
ที่เขียนไว้ลงท้ายด้วยชื่อทง ยองเบ
หยาดน้ำไหลลงจากฝักบัวลงสู่ร่างกายของควอนจียง
ชะล้างสิ่งสกปรกที่เขาเจอมาเกือบอาทิตย์
เรือนผมสีน้ำตาลเข้มเปียกปอนรับแชมพูสระผมอย่างดีพลางนึกถึงชีวิตใหม่ในวันข้างหน้า
เสื้อผ้าดีๆ ห้องนอนดีๆ อาหารดีๆ
เมื่อนึกถึงก็ต้องยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่จนเห็นร่องแก้มที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา
เสื้อยืดตัวโคร่งสีขาวถูกสวมอย่างระมัดระวัง
เนื้อผ้าชั้นดีทำเอาควอนจียงหุบยิ้มไม่ได้ ในเวลาทุกอย่างมันดีไปเสียหมด
ไม่ใช่ว่าในชีวิตเขาไม่เคยพบกับความสุขสบาย เขาเคยมีกินมีใช้อย่างเหลือเฟือหากแต่เรื่องมันเกิดขึ้นมานานมากจนเขาไม่อยากจะนึกถึงมันอีก
เรียนยังไม่ทันจบมหาวิทยาลัยทางบ้านก็กลับล้มละลายเอาซะดื้อๆ
โดยที่เขาก็ยังหาเหตุผลไม่เจอ
พ่อแม่ของเขาก็ต่างจบชีวิตตัวเองด้วยการฆ่าตัวตายไปพร้อมกัน ไม่มีเวลาให้เขาเตรียมตัวเตรียมใจ
เรียนไม่จบ บ้านล้มละลาย พ่อแม่เสียชีวิต มันเป็นช่วงเวลาที่ควอนจียงไม่เคยลืม
มันยังจำฝังใจอยู่ตลอดเวลา
ร่อนเร่พเนจรเป็นคนไร้บ้านไปเรื่อย
ใช้ชีวิตเป็นนักร้องใต้ดินอยู่นานหลายปี
อย่างน้อยนั่นก็ทำให้เขายังประทังชีวิตอยู่ได้เรื่อยๆ หากแต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทำเพียงอย่างเดียว
ร้านมินิมาร์ทในย่านนั้นต่างปฏิเสธการเข้าทำงานพาร์ทไทม์ของจียงทุกร้าน
‘ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับครอบครัวเรา
ลูกไปหาคุณชเว เขาเป็นคนดีและจะช่วยลูกเอง’
มันเป็นข้อความที่เขียนไว้อย่างลวกๆ
บนกระดาษสีขาวที่กลายเป็นสีเหลืองอมน้ำตาลเมื่อเวลาผ่านไป
แต่ในเกาหลีก็มีนามสกุลชเวอยู่เป็นล้านคน
เขาลืมเรื่องนี้ไปแล้วด้วยซ้ำหากแต่เมื่อพบชเวซึงฮยอน
ข้อความในกระดาษใบนั้นก็วกกลับมาเข้าในศีรษะอย่างอัตโนมัติ
หยดน้ำเล็กๆ
ที่หยดลงจากปลายผมเริ่มแห้งไปอย่างช้าๆ เมื่อควอนจียงใช้ไดร์เป่าผมที่ถูกเตรียมเอาไว้ให้
ในกระดาษโน้ตที่ลงชื่อของยองเบเขียนไว้ว่าชุดทำงานให้ใช้เพียงเสื้อยืดสีขาวและกางเกงขายาวสีดำปกติไม่ต้องมีพร็อบอะไรมาก
จียงฉีกยิ้มเมื่ออ่านจบพลันคิดในใจว่าการมีชีวิตที่ดีมันง่ายขนาดนี้เลยเหรอ
แสงแดดสาดส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างที่มีเพียงม่านโปร่งแสงบางๆ
กั้นไว้ ดวงตาเรียวสวยลืมขึ้นมารับไออุ่นจากแสงอาทิตย์อย่างช้าๆ
เริ่มเช้าวันใหม่ด้วยรอยยิ้มที่สดใส มอดทอดออกไปพบเป็นวิวแม่น้ำฮัน
เรือนผมสียาวจนปรกลงมาเกือบถึงปลายจมูกถูกจัดให้เป็นทรงก่อนจะเดินออกจากห้องนอนอย่างอารมณ์ดี
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณชเว”
ชเวซึงฮยอนนั่งไขว่ห้างมาดเท่อยู่บนโซฟาราคาแพงหน้าทีวีอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับประจำวัน
“ขอชาด้วย”
ควอนจียงรับคำสั่งก่อนเดินหายวับเข้าไปในพื้นที่ห้องครัว
แต่ละตู้มีกระดาษเขียนติดไว้อย่างชัดเจนว่าส่วนไหนใช้เก็บอะไร
เรียวมือสวยคว้าหยิบกล่องชาลงมาก็ต้องยิ้มเมื่อมองเข้าไปในตู้นั้นมีแต่ชาข้าวโพดเต็มไปหมด
ชเวซึงฮยอนต้องชอบดื่มมันมากแน่ๆ
เขาเองก็ชอบเช่นกัน
ในขณะชงก็คิดถึงวันเก่าๆ ที่แม่ของเขามักจะต้มชาข้าวโพดใส่ไว้ในตู้เย็นให้เสมอๆ
และภายในไม่กี่วันก็หมดอย่างรวดเร็ว
มันเป็นเครื่องดื่มที่ควอนจียงชอบตั้งแต่เด็กเสมอมาไม่เคยเปลี่ยน
เสียงจานกระเบื้องเคลือบที่ใช้รองแก้วกระทบลงกับพื้นโต๊ะกาแฟที่เป็นกระจกทำเสียงกอกแกกเสียดหู
ไอร้อนจากชาที่เพิ่งชงใหม่ๆ ลอยขึ้นมาเป็นระยะในขณะที่ซึงฮยอนกำลังจิบมันทีละนิด
“ผมต้องทำอะไรอีกหรือเปล่าครับ”
ชเวซึงฮยอนเพียงแค่ส่ายหัวเล็กน้อยเป็นการตอบกลับ ในขณะเดียวกันที่ทงยองเบเดินเข้ามาพร้อมกับแฟ้มหนาๆ
เล่มหนึ่งที่ยื่นให้ผู้ที่นั่งจิบชาอย่างใจเย็นไปเมื่อครู่
“คุณควอน
ผมขออาหารเช้าด้วยครับ” ผู้ชายร่างกำยำพูดอย่างสุภาพ ยิ้มจนตาหยีให้เขา
“เรียกผมจียงก็ได้ครับ”
เมื่อได้ยินการเรียกชื่อที่แสนสุภาพแบบนั้นทำเอาควอนจียงไม่ชินหูแม้แต่น้อย
“ปกติทานแบบตะวันตกหรือทานปกติครับ”
ควอนจียงเอ่ยปากถามฝ่ายตรงข้ามก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นในห้องครัวดูว่ามีอะไรที่พอจะทำให้ยองเบทานเป็นอาหารเช้าได้บ้าง
“อา-- ในตู้เย็นเหลือแต่กิมจิกับหัวไชเท้า”
“มีอะไรก็เอามาเถอะ
ผมกินได้หมด”
“ฉันเข้าบริษัทแล้วส่งข้อมูลอัญมณีล็อตใหม่ให้ด้วยนะ”
เสื้อโค้ทยาวสีน้ำตาลเข้มถูกสะบัดแล้วสวมเข้าไปก่อนที่เจ้าของนัยน์ตาสีเข้มจะเช็คร่างกายตัวเองที่หน้ากระจกก่อนหยิบกระเป๋าแล้วเดินลับหายไป
น่าแปลกที่ควอนจียงเพิ่งนึกได้ว่าครอบครัวเขาก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับอัญมณีเหมือนกันหรือคุณชเวที่พ่อแม่บอกไว้เมื่อครานั้นจะเป็นผู้ชายคนนี้
คิดไปแล้วก็รู้สึกตลกที่อยู่ๆ เขาก็ได้เจอกับคนคนนี้
กลิ่นกิมจิและหัวไชเท้าหอมกรุ่นพร้อมด้วยซุปสาหร่ายและข้าวสวยร้อนๆ
ถูกจัดลงสำรับไปเสิร์ฟให้กับทงยองเบที่นั่งอยู่บนเคาน์เตอร์ก่อนที่ผู้รับจะพูดขอบคุณตอบกลับด้วยความสุภาพ
ตืด...
ตืด...
มือถือที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตถูกหยิบออกมาก่อนจะถูกกดรับโดยทงยองเบ
ชายตรงหน้าได้แต่กินอาหารเช้าไปคุยไปในขณะที่ข้าวก็เต็มปาก
“จียง
ฉันฝากนายเอาของไปให้คุณชเวหน่อยสิ” ควอนจียงได้แต่ชื่นใจที่อีกฝ่ายเปลี่ยนคำสรรพนามแล้วคุยกับเขาแบบสนิทสนมกว่าเดิมจนลืมคำไหว้วานของทงยองเบ
“หะ
อะไรนะครับ”
“ฝากเอาของไปให้คุณชเวหน่อย
รู้ใช่ไหมว่าบริษัทอยู่ไหน”
ทงยองเบวางเงินหลายหมื่นวอนลงกับเคาน์เตอร์ก่อนจะเดินหายเข้าไปหยิบสิ่งของที่ว่า
แฟ้มอีกเล่มที่คล้ายๆ
กับเล่มที่ชเวซึงฮยอนอ่านอยู่ก่อนหน้านี้ถูกยื่นใส่มือของควอนจียง
“เอาไปให้ดีๆ
ล่ะ”
วันนี้อากาศดีฝนไม่เทลงมาเหมือนเมื่อวานหากแต่แค่เพียงเดินออกมาจากตึกก็ต้องพบกับความวุ่นวายของย่านกังนัมที่มักจะวุ่นวายอยู่เสมอ
ควอนจียงโบกแท็กซี่อย่างเร่งรีบหวังรีบไปให้ทัน
หลังจากบอกที่อยู่ปลายทางเรียบร้อยก็ถอนหายใจเบาๆ
เหม่อมองภาพวิวข้างทางก็นึกหวนกลับไปเมื่อสองวันที่แล้วถ้าเกิดเขาไม่ได้เข้าไปเจอชเวซึงฮยอนก็คงจะไม่ได้มาอยู่ที่ดีๆ
เหมือนตอนนี้ มองไปเห็นสนามเด็กเล่นใกล้ๆ
ที่ครั้งหนึ่งเคยพาตัวเองไปหาที่ซุกหัวนอนในท่อสไลด์เดอร์เด็กเล่น
มองเห็นมินิมาร์ทเรียงรายที่เขาเข้าไปขอสมัครงานนับร้อยครั้ง
มองเห็นทุกอย่าง
ในย่านธุรกิจอย่างเขตกังนัมที่การจราจรวุ่นวายอยู่เสมอ
สุดท้ายก็พาตัวเองมาถึงที่ที่มาเมื่อสองวันที่แล้ว หน้าบริษัทของชเวซึงฮยอน
เกือบจะได้ก้าวขาผ่านประตูบริษัทแต่กลับถูกผู้คนแถวนั้นเดินชนอย่างแรงจนแฟ้มเล่มที่ถือมาร่วงลงไปอยู่บนพื้น
กระดาษใบแล้วใบเล่าปลิวกระจายอยู่ทั่วพื้นโดยที่ไม่มีใครสนใจหากแต่ก็ไม่พ้นสายตาของชวซึงฮยอนที่มักจะชอบมองลงมาดูความวุ่นวายของเมือง
ควอนจียงก้มเก็บมันอย่างช้าๆ
โชคดีที่ไม่มีลมมากในเวลานี้
ก็อกๆ
ประตูห้องของชเวซึงฮยอนถูกเคาะสองสามครั้งก่อนที่ร่างบางจะเปิดเข้ามาอย่างเบามือพลางยิ้มให้กับผู้ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ประธาน
นัยน์ตาแข็งกร้าวมองควอนจียงอย่างไม่สบอารมณ์เช่นเคย
จียงไม่ชอบแบบนั้น
“คุณทงฝากมาให้ครับ”
“ซุ่มซ่ามแบบนี้เหรอจะเป็นเลขา
ทีหลังถ้าใช้งานไม่ได้ก็ไม่ต้องรับคำ” ชเวซึงฮยอนพูดลอยๆ
พร้อมรับแฟ้มเล่มนั้นมาตรวจเช็คดูอย่างละเอียด หน้ากระดาษมีรอยยับและขาดนิดหน่อยแต่ไม่มีแผ่นไหนที่หายไปแม้แต่แผ่นเดียว
“อะไรนะครั--
อ่อ คุณเห็นเมื่อกี้เหรอครับ พอดีผมโดนชน” ควอนจียงได้แต่อธิบายอย่างช้าๆ
พร้อมกับยิ้มแห้งๆ
เหมือนเดิมหากแต่ในใจกลับร้อนรุ่มขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดแต่ละประโยคของคนตรงหน้า
“กลับไปได้แล้ว”
เจ้าตัวเดินหน้ามุ่ยออกมาจากห้องพร้อมคิดในใจว่ามันไม่ใช่ความผิดของตนเสียหน่อยที่ถูกชน
ทำไมถึงต้องมาโดนด่าอะไรงี่เง่าตอนเช้าขนาดนี้ทั้งที่ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้แตะแม้แต่น้อย
แค่เริ่มวันแรกก็แย่เสียแล้วควอนจียง
ควอนจียงใช้เวลาที่เหลือเดินกลับเพนท์เฮาส์
เดินลัดเลาะมาตามตรอกบ้าง เดินบนฟุตบาทไปเรื่อยๆ
อากาศเย็นทำให้เจ้าตัวต้องเอามือซุกลงไปในกระเป๋าตรงเสื้อฮู้ดที่ใส่มา
รู้สึกแสบจมูกเล็กน้อยเมื่อหายใจเอาอากาศเย็นๆ เข้าไป
ถึงจะหนาวแต่มันก็ทำให้มีเวลาได้คิดอะไรเรื่อยเปื่อย
ผ่านมาหลายปีแต่เขาก็ยังจำทางผ่านที่ใช้เดินไปโรงเรียนประจำได้เสมอ
มือเล็กๆ ที่ถูกกอบกุมโดยมือนุ่มของผู้หญิงใจดีที่เขาเรียกว่าแม่
กลับมาถึงที่พักก็ยังคงพบทงยองเบที่บาร์ทานอาหารในห้องครัวอยู่เหมือนเดิม
“ไม่ไปทำงานเหรอครับ”
“งานฉันไม่จำเป็นจะต้องลำบากไปถึงบริษัทหรอก”
ทงยองเบยิ้มให้เล็กๆ ก่อนทำท่าจะย้ายตัวเข้าไปในห้องของตัวเอง
“ด--
เดี๋ยวก่อนครับ”
“คุณพอจะช่วยบอกรายละเอียดเล็กๆ
เกี่ยวกับคุณชเวให้ผมหน่อยได้ไหม”
“อยากรู้ไปทำไมล่ะ”
“ก็เมื่อกี้โดนด่ามานิดหน่อย
ฮ่าๆ แค่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ น่ะครับว่าเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไร
บางทีผมก็ทำตัวไม่ถูก” ควอนจียงพูดจบทงยองเบก็เดินกลับมานั่งที่เดิมอีกครั้ง
“เขาไม่ชอบคนซุ่มซ่าม
ไม่ชอบข้อผิดพลาด เวลาเจอปัญหาต้องแก้ด้วยความใจเย็น เวลาที่เขาดุหรือว่าอะไร
มันอาจจะแรงแต่ว่าเขาก็เป็นคนแบบนั้นแหละ ไม่ต้องใส่ใจอะไรมากหรอก--“
“--ถึงเวลาถ้าเขาใจดีกับใครแล้วนายก็จะรู้เองว่ามันเป็นแบบไหน”
คนที่นี่ชอบพูดอะไรง่ายๆ
แต่เขาไม่สามารถเข้าใจได้
ทงยองเบหายกลับเข้าไปในห้องของตนเอง
ทิ้งผู้ฟังเมื่อครู่ไว้คนเดียว ควอนจียงถือโอกาสเดินสำรวจภายในบ้าน
เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ
ถูกจัดวางไว้อย่างลงตัวถึงแม้ว่าแต่ละชิ้นนั้นดูไม่น่าที่จะตกแต่งให้เข้ากันได้เพราะสไตล์ที่ต่างกันออกไป
ถึงแม้แสงตกกระทบหนังสือที่วางเรียงรายกันอยู่บนชั้นอย่างเป็นระเบียบก็แทบจะมองไม่เห็นฝุ่นราวกับแต่ละเล่มถูกนำออกมาทำความสะอาดทุกวัน
เจ้าคนขี้สงสัยเอียงหัวอ่านชื่อหนังสือที่สันก็ต้องขมวดคิ้วมุ่ยเมื่อเห็นว่าหนังสือส่วนใหญ่เป็นหนังสือทำอาหาร
ของชเวซึงฮยอนหรือทงยองเบกันนะ
มีคำถามมากมายเกิดขึ้นในศีรษะหลังจากย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่
แต่สงสัยที่สุดก็คือทำไมเขาถึงเข้าไปในห้องนอนของเจ้าของบ้านไม่ได้ทั้งที่เขาก็ถูกจ้างมาทำความสะอาดแต่จะให้ยกเว้นห้องนอนห้องนั้นเพียงห้องเดียว
ควอนจียงสะบัดหัวเบาๆ ไล่ความคิดฟุ้งซ่านที่เกิดขึ้น
“อ้อ
จียง ออกไปซื้อเสื้อผ้ามาหรือยังล่ะ”
“เอ้อนั่นสินะ
ผมลืมไปเลย” ควอนจียงเกาศีรษะเบาๆ หลังจากทงยองเบเดินออกมาพร้อมกระป๋องน้ำอัดลมในมือ
“แล้วจะไปตอนไหน”
“ไปตอนนี้เลยครับ”
“ไปด้วยสิ”
ควอนจียงย่างก้าวอยู่บนฟุตบาทโดยมีทงยองเบเดินมาข้างๆ
บรรยากาศไม่อึดอัดอย่างที่คิดไว้เมื่อต่างฝ่ายต่างชวนกันคุยโดนส่วนมากแล้วจะเป็นทงยองเบเสียมากกว่าที่ชวนเขาคุย
“นายไปพูดอะไรกับเขาเหรอ
ถึงได้มาทำงานถึงที่นี่”
“อ่อ--
เรื่องนั้นเหรอ ผมก็ไม่แน่ใจ ผมแค่บอกว่าอยากสมัครงาน อะไรก็ได้
เขาไล่ผมลงไปทีนึงก่อนจะเรียกผมขึ้นมารอบที่สองแล้วก็ให้ผมมาที่นี่”
ควอนจียงอธิบายช้าๆ อย่างแม่นยำพร้อมทำท่าประกอบ
“แค่นี้จริงๆ
เหรอ” ทงยองเบขมวดคิ้วมุ่น
เอาเรื่องนี้มาปะติดปะต่อกับนิสัยของชเวซึงฮยอนแล้วเหมือนควอนจียงกำลังพูดโกหก
ซึงฮยอนไม่เคยเป็นคนไร้เหตุผลเลยสักครั้งหากแต่ครั้งนี้ทำไมแม้แต่เขาเองก็นึกไม่ออกถึงเหตุผลที่ควอนจียงได้มาอยู่ที่นี่
ทั้งที่ไม่จำเป็นเลยแม้แต่น้อย
เดินมาเรื่อยๆ
ก็มาหยุดอยู่ที่สถานีรถไฟใต้ดินที่คนมักจะพลุกพล่านอยู่ตลอดเวลาจนสถานีปิด ใต้ดินนี้มีร้านขายของเรียงรายมากมายเป็นสถานที่ของราคาไม่แพงมาก
ควอนจียงเคยลงมาที่นี่เกือบทุกวัน ร้านเสื้อผ้าเล็กๆ
ตรงหัวมุมทางเดินที่ไม่ค่อยมีคนเข้าไปพอมีเสื้อผ้าให้เขาซื้อได้นิดหน่อย
“ทำไมถึงมาซื้อที่นี่ล่ะ”
“ถูกดี
คุณดูราคาสิ” เสื้อยืดสีขาวธรรมดาถูกหยิบขึ้นมาพร้อมเตรียมหยิบเงินเพื่อจ่าย ทงยองเบยืนมองการใช้ชีวิตของควอนจียงโดยไม่เข้าขัดอะไรถึงแม้ว่าเขาอยากจะพาเจ้าคนยิ้มหวานคนนั้นไปซื้อเสื้อผ้าที่ดีกว่านี้
ทั้งสองคนใช้เวลาด้วยกันทั้งวันจนลืมเรื่องต่างๆ
เดินเที่ยวด้วยกันสองคน ทงยองเบได้สัมผัสกับชีวิตอีกแบบหนึ่งที่เขาไม่เคยได้สัมผัส
แวะร้านขนมปังปลาข้างทางไม่รู้กี่ร้านควอนจียงก็ยังไม่อิ่มและยังกินได้เรื่อยๆ
จนผู้ที่มาด้วยต้องแปลกใจ
ถุงกระดาษหลายถุงในมือทั้งสองคนกระทบกันดังกอบแกบตลอดทางที่เดินกลับ
ลมหนาวเย็นพัดผ่านใบหน้าอีกครั้งหากแต่ก็มีรอยยิ้มสู้กลับ
“อา--
เหนื่อยจังเลย”
“เขาเลือกคนไม่ผิดจริงๆ
ด้วย”
- Writer's Talk -
1 คอมเมนท์ = 1 กำลังใจ
ฟีดแบคดีอัพไว ;) ฟีคแบคไม่ดีก็อัพช้าน้าาา ;(
พูดคุยกันได้ที่ทวิตเตอร์แฮชแท็ก #พ่อบ้านจียง
ความคิดเห็น