ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] Alone | MarkBam [จบ]

    ลำดับตอนที่ #5 : EP3 – ตัดสินใจดูแล

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ย. 61


    แจบอม จินยอง มาร์คและแจ็คสันช่วยกันตรวจระเบียบยูนิฟอร์มเรื่อยๆ จนใกล้เวลาปิดประตูรั้ว รถคันหรูของลูกนักการเมืองอย่างยูคยอมกับยองแจก็มาจอดด้านหน้า


    ไง ไม่มาซะหมดคาบแรกเลยล่ะ” แจ็คสันแขวะไปตามประสาคนปากไว


    โธ่...พี่ก็...เมื่อคืนงานเลี้ยงเลิกดึกนี่น่า”


    ไม่ต้องมาโบ้ยเรื่องงานเลี้ยงเลยยูค ตีสองแล้วก็ยังไม่เลิกสะกิด คนจะนอนก็ไม่ได้นอน” ยองแจหันไปทำหน้ามุ่ยใส่เพื่อน


    เอาน่าคืนนี้ไม่กวนเลย จะให้นอนตั้งแต่ทุ่มหนึ่งเลยอ่ะ” ยูคยอมรีบง้อ เพราะรู้ว่ายองแจอารมณ์ไม่ปกติเพราะนอนไม่เต็มอิ่ม


    พวกแกเนี่ยจริงๆเลย หน้าที่ไม่ทำแล้วยังจะมาทำท่าชวนเลี่ยนใส่กันอีก รีบๆไปเลยแขยงตาแสลงหูว่ะ”


    เหอะๆ ใครจะเหมือนพี่ล่ะ เพื่อนสนิทไม่มีใครอยากสกินชิพด้วย เนอะยูคเนอะ”


    อืม...ใช่ พี่น่ะไม่ได้สัมผัสอารมณ์สกินชิพอันอบอุ่นแบบเราสองคนหรอก เข้าห้องกันดีกว่าแจ อย่าอยู่ใกล้คนขี้อิจฉา” งานนี้สองน้องเล็กเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยจูงมือกันขึ้นชั้นเรียน ไม่มีเค้าแง่งอนกันเหมือนเมื่อครู่เลย


    เอาล่ะพวกเราก็ปิดประตูได้แล้ว”


    เดี๋ยวก่อนสิแจบอม” มาร์คเอามือดันประตูรั้วเอาไว้ยังไม่ให้ประธานนักเรียนปิด คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ดวงตาคมก็จ้องมองถนนหน้าโรงเรียนเหมือนกำลังรอใครบางคนอยู่


    ไม่เดี๋ยวแล้ว ได้เวลาแล้ว”


    มันกฎนะมาร์ค หลังจากนี้ใครไม่มาก็ถือว่าสาย” จินยองดึงมือเพื่อนออกจากรั้ว ส่วนแจบอมก็จัดการปิด แล้วยืนกอดอกรอดักนักเรียนที่มาสาย


    เข้าเรียนมาได้เกือบชั่วโมงแล้ว แต่มาร์คไม่มีสมาธิ ยิ่งแอบไลน์ไปถามสองน้องเล็กว่ากันต์พิมุกต์เข้ามาเรียนหรือยัง คำตอบที่ได้มา ยิ่งทำให้เขาไม่มีสมาธิมากยิ่งขึ้น


    ทำไมเป็นอะไรไม่ยอมโทรบอก” เสียงทุ้มพึมพำขึ้นอย่างไม่ชอบใจนัก ทำให้แจ็คสันที่นั่งคู่ข้างๆหันมามอง


    สนใจเรียนเถอะมาร์คนี่เวลาเรียน มัวแต่ห่วงไอ้โรคจิตนั่นอยู่ได้ คิดถึงพ่อแม่ที่ส่งมึงมาเรียนบ้าง”


    หึ...มึงหยุดตอบไลน์ผู้หญิงให้ได้ก่อนเถอะ ค่อยมาว่ากู” มาร์คแขวะกลับ เขารู้ว่าแจ็คสันยอมรับการตัดสินใจของเขาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว แต่มันเป็นนิสัยของแจ็คสันที่จะต้องปากไวแขวะโน่นนี่นั่น เขาไม่ได้คิดโกรธอะไร


    ใครว่านี่กำลังเรียนอยู่ เรียนอ่านเรียนเขียนเกาหลีไง มึงไม่เข้าใจหรอกมาร์ค”


    อย่ามาแถเลยแจ็คสัน ได้ข่าวว่ามึงอยู่เกาหลีตั้งแต่จำความได้”


    มาร์คต้วน! นี่เวลาเรียนเธอนะทำไมชวนเพื่อนคุย ลุกขึ้นยืนเดี๋ยวนี้!” เสียงกัมปนาทจากหน้าชั้นเรียน ทำให้ทั้งสองคนที่กำลังจะเปิดศึกกันสะดุ้งตกใจ


    เอ่อ...” มาร์คอ้ำอึ้งหันไปมองเพื่อนข้างๆ มันนั่งตอแหลซะเนียน มองเขาด้วยสายตาตำหนิเหมือนคนอื่นๆซะอย่างนั้น


    เราบอกนายแล้วนะมาร์ค ว่านี่เวลาเรียน”


    แจ็คสันนี่...” มาร์คเกือบจะด่า ถ้าไม่ติดว่าต้องชะงักเพราะอาจารย์หน้าห้องขัดเสียก่อน


    มาร์คต้วน! เธอยังไม่สำนึกอีกเหรอ?”


    ขอโทษครับอาจารย์ แต่เพราะผมกำลังมีเรื่องเดือดร้อนใจครับ” เขาตอบด้วยสีหน้าจริงจังขึ้น


    เรื่องอะไรล่ะ อาจารย์พร้อมจะช่วยเธอนะ” อาจารย์เองก็ดูเหมือนพร้อมจะรับฟัง ทำให้แจ็คสันถอนหายใจเฮือกยาว ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามาร์คต้องรอดจากการถูกลงโทษ เพราะมาร์คพูดอะไรมีราศีดีตลอด ใครๆก็เชื่อใครๆก็หลง แค่หน้าตามันคนก็ยังหลง


    คือคนที่บ้านผมป่วยครับ ผมเป็นกังวลครับอยากกลับไปดู แต่จะออกไปตอนนี้ก็เกรงใจอาจารย์”


    อืม...อาจารย์เข้าใจ เธอจะทำเรื่องลาหยุดไหมล่ะ?” อาจารย์เปิดทาง ทำให้ร่างสูงยิ้มกว้าง ในขณะที่เพื่อนร่วมกลุ่มต่างมองหน้ากัน


    จะลาจริงๆเหรอมาร์ค?” จินยองเป็นคนถามขึ้น ดวงตาของเขาสบตากับอีกฝ่าย เขาเคารพการตัดสินใจของเพื่อนเสมอ และรู้ด้วยว่าหลังจากนี้ ถ้ามาร์คตอบว่า “ไป” ก็เท่ากับว่าจะกลายเป็นคนคอยรับผิดชอบเด็กคนนั้นอย่างเต็มตัว


    อืม”


    ก็ได้ นายลากับอาจารย์แล้วกัน ส่วนคาบอื่นฉันจะแจ้งอาจารย์ให้” จินยองไม่ขัด แจบอมก็ไม่พูดอะไร แจ็คสันเองก็ยอมรับตามน้ำกับเพื่อน มาร์คจึงพยักหน้าแล้วหันไปขอลาหยุดกับอาจารย์


    เอาจริงๆมาร์คจะไม่ห่วงขนาดนี้ ถ้าไม่รู้ว่ากันต์พิมุกต์ป่วย...


    และจะไม่ห่วงขนาดนี้ ถ้าไม่รู้ว่ากันต์พิมุกต์อยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่มีใคร...


    แต่นี่เพราะรู้เลยนิ่งเฉยไม่ได้ มันอาจเป็นความสงสาร ความสังเวชใจ แต่เขาก็เลือกที่จะพาตัวเองกลับมาที่คอนโดพร้อมโจ๊กร้อนๆอีกหนึ่งถุง


    เขาเข้ามาในห้องของกันต์พิมุกต์ด้วยคีย์การ์ดสำรองที่ถือวิสาสะยึดมา สภาพด้านในยังเป็นเหมือนที่ออกไป ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง รวมทั้งคนที่เป็นเจ้าของห้องด้วย ยังนอนอยู่ด้วยท่าทางไม่ต่างจากเมื่อคืนนัก คลุมตัวด้วยผ้าห่มแล้วซุกตรงมุมห้องข้างลังเสื้อผ้า


    รู้สึกเหมือนหมอนจะไม่มีค่าสำหรับนายเลยนะ” อดบ่นไม่ได้เมื่อหมอนเองก็ยังวางอยู่ตำแหน่งเดิมไม่ได้ถูกนำไปใช้ ยังดีที่หมอนั่นเห็นค่าของผ้าห่มเอาไปใช้ ไม่อย่างนั้นเขาคงเสียแรงแบกมาให้ฟรี


    กันต์พิมุกต์...กันต์พิมุกต์...” เมื่อยืนสำรวจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจเข้าไปปลุก จะได้รู้อาการและตัดสินใจถูกว่าจะดูแลกันอย่างไรต่อไป


    พอได้ยินเสียงปลุกเรียก คนที่หลับอยู่ก็สะดุ้งตื่นแล้วมองไปรอบๆอย่างงัวเงีย ทำให้มาร์คถอนหายใจเฮือกยาวโล่งอก ยังรู้สึกตัว ก็แสดงว่าอาการไม่น่าห่วง คงเป็นเพราะกินยาไปเมื่อคืนแล้วน่าจะหลับเพลินเสียมากกว่า


    ตื่นมากินข้าวกินยาบ้างหรือยัง?”


    “....” ถามออกไปอีกฝ่ายก็เงียบ มองซ้ายมองขวาอยู่ครู่ ก่อนจะลุกโงนเงนขึ้นไปหยิบเสื้อผ้านักเรียนที่ยังอยู่ในถุงออกมา


    ไม่ต้องไปแล้ว นี่มันจะสิบโมงอยู่แล้ว” พอพูดออกไปแบบนั้น อีกฝ่ายก็ทิ้งถุงเสื้อผ้าลงกับพื้นแล้วไปนอนต่อ ทำเอาเขาส่ายหัว แล้วเก็บถุงเสื้อผ้าขึ้นมา


    ยังดีนะที่นายไม่ใส่เสื้อผ้าชุดเก่าซ้ำๆ” เอาจริงๆก็กำลังพูดประชดนั่นแหละ ไอ้เด็กนี่มันเหลือเกินจริงๆ เสื้อผ้าไม่คิดส่งซัก ยัดใส่ลังลูกเดียว พอจะใส่ก็เอาที่อยู่ในถุงยังไม่ได้แกะแบบใหม่สุดๆมาใส่ ที่ลือกันว่าพ่อแม่รวยท่าจะจริงล่ะสิ แต่รวยแล้วไม่สนใจลูกแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ!


    นายย้ายมาเกือบสามเดือนไม่เคยส่งซักเลยใช่ไหม? ให้ตายเถอะนี่ฉันพูดอยู่คนเดียวหรือไง? ไม่ต้องนอนเลยนะ ไปล้างตาล้างตาแล้วมากินยาซะ จะได้กินข้าวฉันซื้อมาให้แล้ว”  มาร์คที่พูดพร่ำอยู่คนเดียวโวยวาย เขาออกจะเป็นคนเงียบๆด้วยซ้ำ แต่พอมาอยู่กับหมอนี่ ถ้าเขาไม่พูดก็คงต้องสื่อสารกันทางกระแสจิตแล้วล่ะ! มันเงียบกว่าเขาเสียอีก!


    “....”


    อย่ามากวนประสาทฉันนะ ถ้านายกวนมากๆนอกจากฉันจะไม่คืนคีย์การ์ดแล้วฉันจะย้ายมาอยู่กับนายด้วย”


    บ้าเหรอ?” ประโยคแรกของวันหลุดออกมาจากปากของกันต์พิมุกต์ ทำให้มาร์คกระตุกยิ้มหยัน


    ก็ไม่แน่ ถ้านายไม่ทำตัวดีๆ ฉันอาจจะบ้ากว่าจิตกว่าก็ได้ นายทนได้ให้รู้ไป”


    “...” อีกฝ่ายลุกขึ้นแล้วเดินผมเผ้าปิดหน้าปิดตายุ่งเหยิงเข้ามาหยุดตรงหน้า มาร์ครู้ว่ากำลังถูกจ้องอยู่ ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะผวา เพราะท่าทางก็ดูแอบจิตไม่น้อย


    ไม่ต้องมาทำท่าขู่ ตัวเองยังเอาไม่รอด คิดว่าฉันจะกลัวหรือไง? ไปล้างหน้าแปรงฟันเดี๋ยวนี้เลย อย่าช้าไม่อย่างนั้นฉันจะไปย้ายของมาเดี๋ยวนี้เลย ก็ดีนะค่าเช่าไม่เสีย ค่าน้ำค่าไฟไม่ต้องจ่าย ประหยัดดี”


    บ้าแน่ๆ...” เสียงแหบๆพึมพำก่อนจะก้าวขาเข้าห้องน้ำไปอย่างช้าๆ


    มาร์คมองตามหลังแล้วส่ายหัว เขาไม่ได้บ้าหรอก ก็แค่คนอย่างกันต์พิมุกต์ต้องถูกกระตุ้น ไม่อย่างนั้นก็ทำเงียบดื้อไม่รู้สึกรู้สาใส่คนที่จะเข้าใกล้


    อีกฝ่ายอยู่ในห้องน้ำมาร์คก็จัดการเทโจ๊กใส่ถ้วย แน่นอนว่าถ้วยของเขาเอง เอามาเมื่อคืนนี้ ก็บอกแล้วว่าห้องของกันต์พิมุกต์ไม่มีของพวกนี้หรอก


    จากนั้นก็ยกลังเสื้อผ้าที่ถูกใส่แล้วออกมานอกห้อง โทรบอกให้แม่บ้านมารับไปซัก พอจัดการเสร็จอีกคนก็ออกมาจากห้องน้ำพอดี


    เบอร์โทรอะไร?” เขาถามเมื่อกันต์พิมุกต์กินข้าวเสร็จเรียบร้อย


    “...”


    อย่าให้ถามซ้ำ” เมื่อมาร์คทำเสียงดุใส่ อีกฝ่ายก็ส่ายหัวช้าๆ ทำให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแล้วมองไปรอบๆห้อง บางทีหมอนี่อาจไม่ได้โกหก เพราะขนาดโทรศัพท์ห้องยังไม่เสียบเลย มือถือก็คงไม่มีจริงๆ


    งั้นค่อยว่ากันทีหลัง ใช้โทรศัพท์ห้องไปก่อนแล้วกัน” พูดไปก็ต่อโทรศัพท์ห้อง และไม่ลืมที่จดเบอร์ห้องเบอร์มือถือของตนติดเอาไว้ให้ด้วย


    เบอร์ฉันก็ใส่กระเป๋านักเรียนไว้ให้แล้ว มีอะไรให้ช่วยก็โทรหาแล้วกัน”  


    ทำไมต้องยุ่ง?” คำถามจากคนที่นั่งกอดเข่าชิดผนังห้องดังขึ้นทำให้ร่างสูงชะงัก


     “ก็ไม่ได้อยากยุ่ง แต่ฉันทนมองไม่ได้ ถ้ารำคาญฉันก็ทำตัวให้ดีขึ้นสิ ดูแลตัวเองให้ดีหน่อยฉันจะได้ไม่ยุ่ง”


    ทำไปมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนหรอก”


    มันขึ้นอยู่กับว่านายทำเพื่อใครต่างหาก ถ้าทำเพื่อคนอื่นมันอาจไม่มีอะไรเปลี่ยนถ้าคนๆนั้นไม่มอง แต่ถ้านายทำเพื่อตัวนายเอง มันเปลี่ยนอยู่แล้ว”


    ไม่เจอกับตัวใครๆก็พูดได้” น้ำเสียงแหบแห้งติดอ่อนแรงหมดกำลังใจ ทำให้มาร์คถึงกับสะอึก


    ใช่...คนที่ไม่เคยเจอเรื่องร้ายๆ ย่อมไม่เข้าใจ


    ปากก็สอนได้ว่าควรทำอย่างนั้นอย่างนี้ โดยไม่ได้คิดว่าจิตใจของคนเรามันไม่เหมือนกัน แบกรับอะไรได้หนักไม่เท่ากัน


    บางทีเรื่องที่เรามองว่าเล็กไร้สาระ มันอาจจะเป็นปัญหาที่เปลี่ยนชีวิตใครบางคนเลยก็ได้


    ถ้าไม่เคยเป็นคนที่ใจเคยแหลกสลายอย่าพูดง่ายๆว่าให้เข้มแข็ง...


    อย่าพูดง่ายๆว่าเรื่องแค่นี้ไม่เป็นไร...


    ถ้าไม่เข้าใจจริงๆก็อย่าพูดมันออกมาเลย...


    มาร์คนั่งลงข้างๆโดยที่ไม่พูดอะไรออกมาอีก ในห้องเงียบซะจนได้ยินเสียงร้องไห้อันแผ่วเบาของคนที่กำลังอ่อนแอ


    มาร์คไม่รู้เบื้องหลังของอีกฝ่าย ไม่รู้ว่าอะไรทำให้กันต์พิมุกต์อ่อนแอได้ถึงเพียงนี้ เลยไม่กล้าที่จะพูดอะไร เขากลัวว่าบางทีคำพูดที่หวังดีจะกลายเป็นมีดกรีดใจของกันต์พิมุกต์ให้เป็นแผลเพิ่ม


    หมับ...” เมื่อพูดออกไปมันอาจจะได้ผลตรงกันข้าม สิ่งที่ดีที่สุดคงเป็นอ้อมกอด เขาจึงดึงร่างผอมแห้งมากอดเอาไว้      


    อีกฝ่ายไม่ได้ขัดขืนหากแต่สะอื้นไห้เบาๆ คนในอ้อมแขนช่างเปราะบางเหมือนแก้วร้าวที่พร้อมจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ  


    มาถึงตอนนี้มาร์คไม่เชื่อแล้วว่ากันต์พิมุกต์จะเป็นอย่างที่ทุกคนพูด เด็กที่อ่อนแอขนาดนี้จะทำร้ายใครก่อนได้ มันต้องมีเหตุผลสิ


    เหตุผลที่ทำให้กันต์พิมุกต์ทำร้ายพี่ชาย...


    เหตุผลที่ทำให้กันต์พิมุกต์ทำตัวไม่น่าคบหา...


    แต่เขาจะไม่ถามหรอก เขาจะไม่ล้ำเส้นที่กันต์พิมุกต์ขีดขึ้นมา เขาเลือกที่จะรอหากวันใดวันหนึ่งกันต์พิมุกต์อยากจะลบเส้นพวกนั้นทิ้ง เขาคงจะได้รู้เหตุผลพวกนั้นเอง


     

    อาทิตย์หนึ่งแล้วที่มาร์คพาตัวเองเข้าไปในชีวิตของกันต์พิมุกต์ หลังจากร้องไห้ในวันนั้นอีกฝ่ายก็ทำตัวเงียบๆ แทบจะไม่พูดอะไรออกมาอีก แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ไม่ได้ขอคีย์การ์ดคืน ยอมทำตามที่พูดมากขึ้น มาร์คถือว่านี่เป็นสัญญาณที่ดี


    ได้ข่าวว่าเธอเป็นคนดูแลกันต์พิมุกต์” ผู้อำนวยการโรงเรียนที่กำลังเดินผ่านมาหยุดและพูดขึ้น


    ครับ มีอะไรที่ผมควรจะรู้ไหมครับผอ.?


    ไม่มีหรอก แค่สงสัยฉันเหมือนที่คนอื่นสงสัย แล้วเธอก็ลองหาคำตอบดู” ผู้อำนวยการโรงเรียนพูดด้วยรอยยิ้ม ท่านกำลังจากออกไป ถ้าไม่ติดว่ามาร์คเอ่ยถามคำถามหนึ่งเสียก่อน


     “ผอ. รู้เบื้องหลังของกันต์พิมุกต์ใช่ไหมครับ?”


    ไม่หรอก ฉันรู้เท่าๆกับที่พวกเธอรู้”


    แต่ผอ.พูดเหมือนว่ารู้” ดวงตาคมจ้องมองคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าอย่างจับผิด หากแต่อีกฝ่ายก็ยังยิ้มแบบสบายๆ


    ยืนยันคำตอบเดิมว่ารู้เท่ากับเธอ แต่ฉันเป็นครูมาค่อนชีวิต ฉันเชื่อว่าเด็กคนนั้นมีบางอย่างที่ต้องค้นหา ในเมื่อเธอดูแลเขาแล้วก็ช่วยค้นหาหน่อยสิ เจอเมื่อไหร่ก็บอกฉันด้วยแล้วกัน” เมื่อพูดจบผู้อำนวยการโรงเรียนก็เดินจากออกไปจริงๆทิ้งให้มาร์คยืนคิดตามคำพูดพวกนั้น


    ผอ.แม่งจิตว่ะ...ทำอย่างกับนี่เป็นการ์ตูนโคนัน”


    แจ็คสัน! มาร์คกำลังเครียดอยู่นะ” จินยองตำหนิที่แจ็คสันปากไวไม่ดูสถานการณ์


    แล้วเจอปมอะไรบ้างไหมล่ะมาร์ค? สรุปเด็กนั่นอันตรายไหม?” แจบอมถามขึ้น


    เพราะเอาจริงๆ ตั้งแต่วันที่มาร์คลาหยุดไปก็ถึงวันหยุดเสาร์อาทิตย์พอดี บวกกับมาร์คเป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว จึงไม่ได้เล่าอะไรให้พวกเขาฟังสักเท่าไหร่


    ไม่...เด็กนั่นไม่ได้โรคจิต ไม่ได้อันตรายเป็นแค่เด็กที่หัวใจสลาย หมดกำลังใจที่จะมีชีวิต”


    แบบนั้นแย่กว่าการเป็นโรคจิตอีกนะ หมดกำลังใจที่จะมีชีวิต คนแบบนั้นเขาพร้อมที่จะตายทุกเมื่อเลยนะ” จินยองที่มีความอ่อนโยนค่อนข้างสูงรู้สึกใจหาย ในขณะที่แจบอมก็เห็นด้วย


    พาเขามาสิมาร์ค พวกเราจะได้ช่วยกันดูแล”


    เอ้า! พระเอกยกกลุ่มแต่นางเอกคือซาดาโกะค่ะ ตกลงกูก็ต้องพระเอก...แม่ง! เซ็ง!” แจ็คสันมีอาการตอบรับค่อนข้างขวางโลก แต่เพื่อนๆในกลุ่มรู้ดีว่าแจ็คสันไม่ใช่คนเลวร้าย และก็พร้อมที่จะช่วยเหมือนๆกับพวกเขา


    ขอบใจนะที่เชื่อฉัน”


    ก็มึงแม่ง! หล่อ! พูดอะไรใครก็เชื่อ อ๊ะ!น้องมินซี่จ๋าไปกินข้าวกับพี่แจ็คไหมจ๊ะ?” แจ็คสันแขวะมาร์คตามประสาคนปากไวเหมือนๆเดิม ก่อนจะดี๊ด๊าเดินตามสาวน่ารักไป ทิ้งให้เพื่อนๆส่ายหัวยิ้มๆกับนิสัยของแจ็คสัน



     





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×