คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : เข้าใจผิด
ตอนที่5::เข้าใจผิด
สามวันมาแล้วที่ฮีชอลไม่ได้ติดต่อจองซู แต่แล้วเช้าวันนี้ก็ต้องวุ่นวายอีกครั้งเพราะว่าฮีชอลมาหาจองซูถึงบ้านแต่เช้าตรู่ จองซูที่เพิ่งจะถูกปลุกคลานอย่างงัวเงียลงจากเตียง แล้วเดินเซไปเซมาลงบันไดตรงไปที่ห้องอาหารชั้นล่าง ซีวอนกำลังพูดคุยอยู่กับฮีชอลหันมาทางจองซูที่เดินตาปรือมาถึง
“ทำไมนอนตื่นสายแบบนี้จองซู”ฮีชอลพอเจอหน้าก็ดุเอาๆ
“นั่นมันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ ฮ่าๆๆ”ซีวอนหัวเราะจองซูที่พยายามดึงเก้าอี้ออกมานั่งแต่หงายหลังล้มแหมะลงไปกองอยู่กับพื้น ฮีชอลมองซีวอนตาถลึง
“แทนที่จะช่วยกลับมาหัวเราอย่างนี้เนี่ยนะ”ฮีชอลดึงเก้าอี้ออกมาให้จองซูนั่งลงข้างๆ
“พี่จะไปรู้อะไร...ผมช่วยจองซูมาตลอดแหละ”ซีวอนพูดพลางจิบกาแฟ รู้สึกฉุนฮีชอลนิดๆ
“ชักจะเอาใหญ่แล้วนะไอ้เด็กนี่! ทำไมเรียกจองซูว่าจองซูเฉยๆล่ะ เขาแก่กว่านายนะ”ฮีชอลทวงสิทธิ์แทนทั้งๆที่จองซูไม่เคยคิดจะทำเลยด้วยซ้ำ
“ทำไมล่ะ ในเมื่อจองซูเองก็ยอมและผมเองก็พอใจแบบนั้น”
“อย่าเถียงกันเลยน่า”จองซูที่เพิ่งจะหายง่วงห้ามศึกที่กำลังจะเกิดขึ้น
“..แล้วนี่วันๆกะจะหมกตัวอยู่แต่ในบ้านรึไง”ฮีชอลพูดพลางส่งกระดาษทิชชู่ให้จองซูที่กินอะไรซักอย่างเลอะกปากไปหมด
“อื้ม...ทำไมต้องออกไปตะลอนๆข้างนอกแบบฮีชอลด้วยล่ะ”
“จริงด้วย พี่น่ะวันๆจะไม่อยู่บ้านเลยรึไง”ซีวอนพยักหน้าเห็นด้วยกับจองซู
“ก็มันน่าเบื่อนี่นา แล้วทีนายล่ะ วันๆก็เอาแต่ทำงาน ไม่ดูแลจองซูให้ดี”คำพูดของฮีชอลทำให้ซีวอนฉุนอีกแล้ว
“ใครว่าไม่ดูแล ทุกวันหยุดเราไปปิกนิกกันนะ แล้วถ้าวันไหนผมกลับเร็ว ผมก็พาจองซูไปดินเนอร์นอกบ้านด้วย”ซีวอนไม่เคยรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กๆเลย แต่เพราะฮีชอลนั่นแหละชอบทำให้เขารู้สึกแบบนั้น ทำไมต้องมาเถียงคอเป็นเอ็นเหมือนเวลาที่โดนแม่ว่าด้วยก็ไม่รู้
“เอาอีกแล้ว...ทำไมฮีชอลพูดมากอย่างนี้เนี่ย ซีวอนก็ด้วย หัดเป็นเด็กดีกับฮีชอลบ้างสิ”จองซูเหมือนเป็นผู้พิพากษาต้องคอยตัดสินความผิดของสองคนนี้ ซีวอนรู้สึกหงุดหงิดมากที่ต้องโดนจองซูเอ็ด
“ได้ยินไหมซีวอน”ฮีชอลเยาะ
“พี่ก็เหมือนกันนั่นแหละ”ซีวอนหัวเราะใส่หน้าฮีชอล
“เด็กนี่!”ฮีชอลขึ้นแล้ว...จองซูกระดกน้ำเข้าปากแล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้สองคนนั้นกัดกัน
“พี่ก็...เห็นไหม จองซูหนีออกไปเลย”ซีวอนส่ายหน้าอย่างระอา แต่อยู่ดีๆฮีชอลก็เปลี่ยนเรื่องขึ้นมาเฉย
“ซีวอน...”ฮีชอลส่งซองเอกสารให้ซีวอนแล้วพูดต่อ “เคยเห็นหน้าเพื่อนเก่าของจองซูไหม รู้จักเขารึเปล่า”
“ไม่แน่ใจ...”ซีวอนเปิดซองที่ฮีชอลส่งมาให้ ข้างในซองมีกระดาษสามสี่แผ่น มีรูปและประวัติของเจ้าของรูป ซีวอนเงยหน้าขึ้นมองฮีชอลอย่างสงสัย
“มีใครในนั้นที่จองซูรู้จักบ้างไหม?”ฮีชอลถามเสียงเครียด
“...”ซีวอนส่งเอกสารทั้งหมดกลับคืนฮีชอลแล้วส่ายหน้าช้าๆ “พี่มีอะไรรึเปล่า”
“ไม่มีอะไรหรอกน่า...แล้วคนที่ชื่อฮันกยองล่ะ รู้จักไหม”
“อ๋อ คนนั้นเหรอ ใช่ๆรู้จัก ดูเหมือนว่าจะรู้จักกันมาก่อนนะ เห็นจองซูไปหาเขาชอบไปหาเขาบ่อยๆ”ซีวอนรู้สึกแปลกๆเวลาที่ต้องพูดถึงเรื่องของจองซูกับฮันกยอง
“ไอ้ฮันกยอง!!!!!”ฮีชอลพูดเสียงลอดไรฟันออกมาอย่างเคียดแค้น
อยากจะบ้าตาย ไม่เคยรู้สึกโกรธขนาดนี้มาก่อน โกรธที่ตัวเองโง่แสนโง่โดนคนอย่างฮันกยองหลอกเอาเต็มๆ และอีกความรู้สึกหนึ่งที่สำคัญคือรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก เพราะทุกอย่างเป็นอย่างที่คาดไว้จริงๆ ตลอดสามวันที่หายไป ฮีชอลได้รับอีเมลล์จากแผนบุคลากรของโรงพยาบาลและนั่งคัดผู้ต้องสงสัยหนึ่งวันเต็มๆ ปรากฎว่ามีอยู่สี่คนที่มาจากประเทศจีนนอกเหนือจากฮันกยอง คนแรกเป็นหมอแก่ๆ แบบนี้จะไปเป็นเพื่อนสมัยเด็กของจองซูได้ยังไงกัน(=_=) คนที่สองเป็นผู้ช่วยพยาบาล คนที่สามก็เป็นบุรุษพยาบาล และคนสุดท้ายเป็นคนทำความสะอาดที่หน้าตาอย่างกับอพยพมาจากจีนจองซูคงไม่น่าจะชอบเขาหรอก(=_=) ความเป็นไปได้น่าจะมีแค่สามคนถ้ารวมฮันกยอง ฮีชอลไม่กล้าถามจองซูตรงๆ เพราะถ้าเป็นฮันกยองจริงๆคงไม่รู้จะอธิบายจองซูยังไงดีแล้วก็กลัวว่าจองซูจะไม่สบายใจด้วยถ้าเกิดรู้ว่าตัวเองก็ชอบฮันกยองเหมือนกัน ความลำบากใจ...มาอีกแล้ว...ไม่อยากผิดหวังแต่ก็ไม่อยากทำให้เพื่อนเสียใจ
ฮีชอลเดินตามหาจองซูไปทั่วบ้านก่อนจะพบจองซูนั่งอยู่บนเตียง และมองออกไปนอกหน้าต่างบานใหญ่ที่ห้องนอนของตัวเอง ฮีชอลเลือกที่จะไม่เดินเข้าไปหาแต่มองจองซูอยู่ห่างๆ จองซูยิ้มออกมาเมื่อได้เห็นหิมะสีขาวสวยตกลงมาจากท้องฟ้า จองซูรำพึงเบาๆว่า ‘หิมะตกแล้ว’ภาพตรงหน้าดูงดงาม หิมะสีขาวบริสุทธิ์และคนที่บริสุทธิ์อย่างน่าเหลือเชื่อ ฮีชอลมองภาพตรงหน้าอย่างอ่อนใจ เวลาที่ได้เห็นจองซูมีความสุขทำให้ฮีชอลรู้สึกมีความสุขตามไปด้วยแล้วอย่างนี้ใครจะไปทำร้ายจองซูได้กันล่ะ ท่าทางว่าคนที่เสียใจคงจะต้องเป็นตัวเองแล้วจริงๆ... ฮีชอลเรียกจองซูเสียงเบา
“จองซู...มานั่งอยู่ตรงนี้เอง หาตั้งนาน”
“อ้าว ฮีชอล นึกว่ายังเถียงกับซีวอนไม่เลิกอีก”
“ไอ้เด็กนั่นมันออกไปทำงานแล้ว”ฮีชอลนั่งลงข้างๆจองซู
“ไปทำงานอีกแล้ว...”จองซูขมวดคิ้ว “...แต่ไม่เป็นไร วันนี้ฮีชอลจะอยู่เป็นเพื่อนฉันใช่ไหม ?”
“เอ่อ...คงไม่ได้หรอก ฉันมีเรื่องนิดหน่อยต้องไปจัดการ นี่ก็กะจะมาบ๊ายบายจองซูอยู่”
“เอาอีกแล้ว...เหมือนวันนั้นเลย ทำไมพักนี้มีเรื่องเยอะนักนะฮีชอล ปกติจะอยู่เป็นเพื่อนฉันทั้งวันเลยไม่ใช่เหรอ”จองซูประท้วง
“ขอโทษด้วยนะ”ฮีชอลกอดจองซู พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
“ไม่เป็นไร วันนี้หิมะตก ฉันไม่เหงาหรอก!”จองซูชี้ออกไปที่นอกหน้าต่าง ฮีชอลมองตาม
“หิมะตกไม่เห็นจะดีเลย อากาศหนาวจะตายไป อย่าลืมใส่เสื้อหนาๆนะเดี๋ยวจะไม่สบายเอา...ฉันไปก่อนนะจองซู”เมื่อรู้สึกเหมือนจะกลั้นน้ำตาไม่ไหว ฮีชอลเลยต้องตัดบทและเดินหนีออกไป
หลังจากหนีจองซูออกมาฮีชอลก็ขับรถมาหาฮันกยอง ทันทีที่จอดรถเรียบร้อยก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาร้องไห้ ฮีชอลไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้มานานแค่ไหนแล้ว รู้สึกอึดอัดและหนาวเหลือเกินถึงแม้ว่าจะอยู่ในรถ เมื่อมองนาฬิกาอีกทีก็เที่ยงพอดี ฮีชอลโทรศัพท์หาฮันกยอง
“ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว ออกไปหาอะไรกินข้างนอกกันนะ”
-ก็ได้.. แต่แค่ชั่วโมงเดียวนะ-
“มารอที่หน้าโรงพยาบาลนะ เดี๋ยววนรถไปรับ”เสียงของฮีชอลดูเศร้าผิดปกติจนฮันกยองสังเกตได้
-เป็นอะไรไปน่ะ ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น-
“ฉันเป็นหวัดเสียงเลยเป็นแบบนั้น ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงฉัน เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ถ้าฉันวนรถไปแล้วไม่เห็นนายมายืนรอนะ ตายแน่!!”ฮีชอลตวาดลงมือถือเครื่องใหม่ที่เพิ่งจะไปซื้อมาเนื่องจากเครื่องเก่าเละไปแล้ว
ฮีชอลคว้ากระดาษทิชชู่ขึ้นมาเช็ดคราบน้ำตา ใส่แว่นกันแดดเพื่อปกปิดรอยช้ำที่เกิดจากการร้องไห้อย่าง
หนัก ก่อนจะออกรถไป เมื่อมาถึงที่หน้าโรงพยาบาล ฮันกยองก็กุลีกุจอขึ้นรถมา ฮันกยองสังเกตเห็นฮีชอลใส่แว่นกันแดดจึงหัวเราะออกมาเบาๆ
“บ้ารึเปล่า ใส่แว่นกันแดดในวันที่หิมะตกเนี่ยนะ ”
“เรื่องของฉันน่า...”ฮีชอลหันมาพูดเสียงเขียว
“ฉันรู้ว่านายมันเป็นพวกเรื่องมาก แล้วก็ชอบทำเป็นดูดีตลอดเวลา แต่นี่มันตลกไปหน่อยนะที่จะมาใส่แว่นกันแดดในวันที่หมอกหนาขนาดนี้”
“...”ฮีชอลไม่ตอบ เพราะไม่รู้จะหาทางแก้ตัวยังไงอีก
“ทำไมวันนี้แปลกๆ ปกติต้องด่าฉันกลับไม่ใช่เหรอ”แม้แต่ฮันกยองก็ยังสังเกตได้ถึงความผิดปกติ
“หุบปาก! ยังมีคดีอีกหนึ่งคดีของนายที่ฉันยังไม่ได้สะสางรอให้ไปถึงที่ร้านอาหารก่อนเถอะ โดนดีแน่”ฮีชอลคาดโทษฮันกยอง พยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ
ระหว่างนั่งรออาหารมาเสิร์ฟ ฮีชอลก็เรียกฮันกยองเสียงเขียว
“ไอ้ฮันกยอง...จำได้รึเปล่า เรื่องที่ฉันถามนายวันนั้น”
“เฮอะ! เอาอีกแล้ว เลอะเทอะอีกแล้วนะ...ฉันเบื่อจะพูดเรื่องเดิมๆแล้วนะ ถ้านายอยากพูดเรื่องนี้นักก็ไปถอดแว่นกันแดดออกก่อนไป๊! ฉันอายคนที่เค้ามองมา เค้าคงคิดว่าฉันกับนายเป็นคนบ้า”ฮันกยองแค่นหัวเราะ
“ฉันจะพอใจจะใส่มัน นายก็เหมือนกันนั่นแหละ พูดแต่เรื่องเดิมๆ นายพูดเรื่องแว่นนี่มาตั้งแต่ในรถแล้วนะ”
“ก็มันพิลึก...คนใส่แว่นกันแดดในร้านอาหาร”ฮันกยองยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม
“หยุดยุ่งเรื่องของฉันซะที ไอ้คนโกหก ฉันรู้แล้วนะว่านายโกหก!ไอ้ทึ่ม คิดว่าจะหลอกฉันได้เรอะ”ฮีชอลชี้หน้าฮันกยอง ฮันกยองสำลักน้ำ
“โกหกอะไร”แต่ก็ยังไม่วายทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“จองซู รู้จักจองซูใช่ไหม”ฮีชอลแสยะยิ้มอย่างผู้ที่อยู่เหนือกว่า
“เออ รู้จักก็ได้!”ฮันกยองหมดหนทางที่จะโกหก
“แล้วทำไมต้องทำเป็นไม่รู้เรื่องด้วย วันนั้นฉันถามทำไมไม่บอกมาดีๆว่านายมีเพื่อนสมัยเด็กซึ่งก็คือจองซู คิดจะทำอะไรของนายกันแน่”
“ใครจะไปรู้ว่าคนอย่างคิมฮีชอลรู้เรื่องนั้นได้ยังไง ไปรู้มาจากไหน แล้วอีกอย่างนายมันชอบเล่นอะไรแผลงๆด้วย ฉันไม่จำเป็นจะต้องบอกเรื่องทุกอย่างของฉันให้นายรู้”ฮันกยองพูดออกมาอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ฮีชอลรู้สึก...สะอึก ก็จริงที่ฮันกยองไม่จำเป็นต้องบอกทุกอย่างให้รู้เพราะว่าคิมฮีชอลคนนี้ไม่ได้เป็นคนสำคัญของเขานี่นา
“บอกไว้ให้รู้นะ ว่าฉันเป็นเพื่อนที่รักกันมากๆๆๆ ของจองซู ฉันไม่เคยคิดจะเล่นอะไรแผลงๆกับเพื่อนรักของฉันหรอก ไอ้งี่เง่า”ฮันกยองทำท่าจะเถียงอะไรบางอย่าง แต่อาหารมาเสิร์ฟซะก่อนเลยต้องหยุด
หลังจากกินเสร็จ ฮีชอลก็พาฮันกยองไปส่งที่โรงพยาบาล ฮีชอลกับฮันกยองเถียงกันมาตลอดทาง แต่ก่อนที่จะลงจากรถ ฮันกยองก็ทิ้งระเบิดลูกใหญ่เอาไว้ให้ฮีชอลเป็นพิเศษโดยไม่นึกถึงผลที่จะตามมา
“เซ้าซี้จริงๆเลยนะฮีชอล ปากนายมันนอกจากจะเที่ยวกัดแขวะคนอื่นไปทั่วแล้วยังจะซอกแซกไร้เหตุผลอีก”
“ก็นั่นมันเพื่อนฉันนี่นา ฉันก็อยากรู้ว่าเค้ารู้จักกับคนแบบนายได้ยังไง ที่ไหน ตั้งแต่เมื่อไหร่ ผิดเหรอ?”ฮีชอลหันมาถลึงตาใส่ฮันกยอง ถึงแม้ว่าฮันกยองจะมองไม่เห็นเพราะว่าฮีชอลใส่แว่นกันแดดไว้อยู่ ฮีชอลจอดรถที่หน้าโรงพยาบาล เปิดล็อกประตูแล้วโบกมือไล่ฮันกยองให้ลงไป แต่ก่อนลงจากรถ...
“ไม่ผิดหรอกที่นายจะถามเรื่องจองซู แต่ไอ้ท่าทีของนายแบบเนี่ยมันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนว่านายชอบจองซูและกำลังหึงหวงเหมือนพวกเด็กหวงของงี่เง่า”พูดจบก็ลงจากรถไป ฮีชอลนั่งนิ่งอยู่ในรถรู้สึกของขึ้นแบบสุดๆ ฮันกยองเดาผิดหมดทุกอย่างแล้วยังจะทำเป็นรู้ดีอีก ฮีชอลพยายามสงบสติอารมณ์แต่ว่าในที่สุดก็ทนไม่ได้ ไอ้...ไอ้...ไอ้คนจีน!!! ฮีชอลลงจากรถ วิ่งตามฮันกยองเข้าไปแต่พวกยามหน้าโรงพยาบาลมาขวางเอาไว้เพราะรถของฮีชอลจอดขวางทางไว้อยู่
“หยุด! อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ ฉันจะจอดตรงนี้มีปัญหาอะไรรึเปล่า? หรือว่าถ้ามันขวางทางนัก...”ฮีชอลโยนกุญแจรถให้ยาม “...ก็เอาไปเก็บให้ที” ฮีชอลจ้ำพรวดๆตามฮันกยองไป ทิ้งให้บรรดาผู้พบเห็นเหตุการณ์มองอย่างงงงวย
ที่ซักไซ้ถามฮันกยองเรื่องของจองซูเมื่อกี้ไม่ได้ต้องการอะไรเลยนอกจากอยากรู้เรื่องของเพื่อน แล้วก็ถ้าหากว่าเป็นไปได้ก็อยากจะช่วยให้ทั้งสองคนสมหวังกัน ฮีชอลไม่ได้หึงหวงจองซูอย่างที่ฮันกยองคิด แล้วอีกอย่างที่ว่าชอบน่ะ ไม่ได้ชอบจองซู แต่ชอบไอ้คนพูดต่างหาก! ฮันกยองมองฮีชอลในแง่ร้ายมากเกินไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะสนิทกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าการที่โดนมองในแง่ร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าจะกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับฮีชอล เป็นใครใครก็ต้องทนไม่ไหว ทั้งๆที่อุตส่าห์หวังดีอยากจะช่วยแท้ๆ ไอ้ฮันกยองมันทำเกินไปแล้วนะ!!!
ฮันกยองเดินเข้าห้องตรวจอย่างสบายใจโดยไม่รู้ตัวว่าฮีชอลที่เดือดปุดๆ กำลังจะตามมาด่ากราดตัวเองยู่ ฮีชอลเดินตามฮันกยองเข้ามาก่อนตวาดแหวใส่
“มากเกินไปแล้วนะไอ้คนจีน!!!!!!”ฮันกยองหันมามองฮีชอลด้วยความตกใจ
“อย่าเสียงดังสิ มีอะไรค่อยๆพูดก็ได้”ฮันกยองทำท่าเลิกลัก ถึงแม้ว่าจะตวาดกันแบบนี้บ่อยครั้ง แต่ว่าการตวาดกันต่อหน้าคนเป็นฝูงคงไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่
“ไอ้บ้าคิดอกุศล ฉันรักจองซูมากกว่าที่รักนายก็จริง แต่ว่าฉันรักในแบบของเพื่อนนะ”ฮีชอลลดระดับเสียงลงมาหน่อยเมื่อมองออกไปนอกห้องเห็นว่าผู้คนแตกตื่นกันใหญ่
“รู้แล้วน่า ก็แค่อยากทำให้นายขึ้นเฉยๆ ไม่ได้จริงจังอะไร...หรือว่านายจริงจัง?”ฮันกยองมองฮีชอลด้วยความสงสัย
“ทำไม หึงล่ะสิ ฉันว่าคนที่หึงน่าจะเป็นนายมากกว่านะ ไอ้เซ่อ!”ฮีชอลเน้นคำว่าเซ่อให้ดังๆ เอาให้ทุกคนที่แอบฟังมันรู้กันไปเลยว่าไอ้บ้าเนี่ยมันเซ่อ
“บอกแล้วไงว่าอย่าเสียงดัง”ฮันกยองทำท่าจุ๊ปากแต่ฮีชอลไม่สน
“หึงรึเปล่าล่ะ?”ฮีชอลกอดอก เชิดหน้าอย่างผู้ที่ได้เปรียบ
“ไม่! ฉันไม่มีวันหึงเพราะคนอย่างนายหรอก”ฮันกยองชี้หน้าฮีชอล
“อ๋อเหรอ? พูดอย่างนี้ก็ยอมรับแล้วใช่ไหมล่ะว่าเคยหึงจองซูน่ะ ไม่ได้หึงเพราะฉันแต่ก็เป็นไปได้ว่าจะหึงเพราะคนอื่น”
“หยุดพูดเรื่องนี้แล้วกลับไปซะ”ฮันกยองถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“รักใช่ไหมล่ะ”ฮีชอลถามด้วยเสียงแผ่วเบา ฮันกยองรู้สึกอยากจะหายไปเลยทีเดียว
“ไม่รัก!”ฮันกยองตอบกลับแบบทันควัน ฮีชอลเบะปากแล้วพูดต่อ
“ฉันรู้จักนายดี ถ้าบอกว่าไม่...แสดงว่าใช่”
“...”ไม่รู้จะเถียงยังไง
“ฉันถามอีกที รักใช่รึเปล่า?”
“รัก!!!!!!!... พอรึยัง?”ฮันกยองเลิกคิ้ว แล้วตอบฮีชอลเสียงดังก่อนจะเดินเข้าไปดึงแขนของฮีชอลเพื่อที่จะลากออกไปนอกห้อง แต่ว่า...
“ฮีชอล...กับฮันกยอง รักกัน?”จองซูมองทั้งสองคนด้วยดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตาแสดงความสงสัยถึงความสัมพันธ์ของฮันกยองกับฮีชอลชัดเจน แล้วทำไมต้องปิดบังว่ารู้จักกันด้วย? ก่อนเลื่อนสายตาไปที่มือของฮันกยองที่จับแขนของฮีชอลไว้แน่น
วันนี้อารมณ์ดีจริงๆนะ
อุตส่าห์อัพให้ตั้งสองตอนเเน่ะ!
เดี๋ยวอาทิตย์หน้ามาอัพต่อให้อีก...เย่ๆๆๆ>< (มีใครเค้าดีใจไปกับเธอกันบ้าง? = =)
เอ่อ...ไรต์เตอร์ชักรู้สึกไม่ค่อยดีกับฟิคเรื่องนี้เเล้วค่ะ...
อยากรู้ว่าชอบกันบ้างรึเปล่า เพราะว่าดูเงียบเหงาเหลือเกิน= =
เหมือนมันรกร้าง เเละไม่ค่อยมีใครสนใจ น่าสงสารจังTT (เพ้อเจ้ออีกเเล้ว..)
ไม่เคยขอให้ใครกดเป็นเเฟนคลับเรื่องนี้ ไม่เคยขอให้add favorites
เเต่ว่าขอเม้นท์ได้รึเปล่าคะ?
มันเป็นกำลังใจอย่างดีเลยนะ><
ไม่ได้บังคับนะคะ อยากให้ทุกคนมองว่ามันเป็นคำขอร้องมากกว่า^^
ขอบคุณทุกคนมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆค่ะ
รัก<3
:)
ความคิดเห็น