คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ความทรงจำที่ชัดเจน
บทที่1::ความทรงจำที่ชัดเจน
เด็กชายสองคนกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานแต่แล้วคนที่ตัวเล็กกว่าก็ไอแห้งๆออกมา ทำให้อีกคนที่สูงกว่าชะงักแล้วพาร่างที่เล็กกว่าไปนั่งพักที่โซฟาตัวใหญ่
“ไม่สบายอีกแล้วเหรอจองซู? ทำไมมันบ่อยจังเลยล่ะ”จองซูเสหน้าหลบตา
“ไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อยนี่นา ฮันกยองไม่รู้เรื่อง”เถียงคั่งๆคูๆไม่พอยังผลักคนที่เป็นห่วงออกไปอีก
“ยังจะมาเถียงอีก หน้าแดงซะขนาดนั้น... นึกออกแล้ว!!”ฮันกยองวิ่งไปที่โต๊ะทำงานของพ่อแล้วหยิบหูฟังออกมา
“จะทำอะไรหนะ”จองซูน้อยใช้แขนบอบบางกุมหน้าอกตัวเองเอาไว้แล้วเบี่ยงตัวหนี
“ก็ทำอย่างที่คุณพ่อทำยังไงล่ะ วันนี้คุณพ่อไม่อยู่ ฉันก็จะเป็นคนดูแลจองซูเอง เพราะฉะนั้นปล่อยมือออก”ฮันกยองสั่งจองซูอย่างวางอำนาจ “จองซูรู้ไหม คุณพ่อบอกฉันว่าหัวใจทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้ แล้วก็บอกอาการป่วยได้และที่สำคัญ...ว่าไงถ้าให้ฉันฟังแล้วฉันถึงจะเล่าต่อนะ”
“เฮ้อ...ฉันจะไปขัดขืนฮันกยองได้ยังไงล่ะ”จองซูคลายมืออก คุณหมอตัวน้อยทำท่าทางขึงขังเลียนแบบคุณพ่อของตัวเองก่อนจะฟังเสียงหัวใจของจองซู “เล่าต่อสิ”
“อืม...ที่สำคัญหัวใจยังบอกความรู้สึกต่างๆของเราได้ อย่างตอนนี้...หัวใจของจองซูเต้นแรงมากๆเลยล่ะ”
“ปกติมันก็เต้นแบบนี้แหละ”จองซูเถียง
“เสร็จแล้ว!”ฮันกยองละสายตาจากหูฟังมาที่จองซู จองซูจ้องนิ่งมาที่ฮันกยอง ทั้งสองคนจ้องตากันเนิ่นนาน อา...ฮันกยองเพิ่งจะค้นพบว่าสายตาก็บอกความรู้สึกของเราได้เหมือนกัน
“ขอบใจนะฮันกยองที่เป็นห่วงฉันเสมอน่ะ”จองซูพูดเสียงสั่น
“อันที่จริงก็ไม่ได้มีอะไรมากมายหรอก ฉันก็อยากลองทำแบบที่คุณพ่อทำ อย่าคิดมาก”คุณหมอจำเป็นเอ่ยปัดๆเพื่อกลบอาการเขินอาย “แต่ถ้าจองซูไม่ว่าอะไร ขอฉันดูแลจองซูได้ไหม”
“เมื่อไหร่เบื่อฉันก็มาบอกล่ะ ฉันจะเป็นคนไข้ของฮันกยองเอง”จองซูน้อยยิ้มให้คนขี้เก๊ก
“คงไม่เบื่อหรอก เพราะจองซูคือคนพิเศษของฉัน...อีทึก...”
เช้าวันต่อมา...
ห้อง19301
แสงสว่าง...สว่างจังเลย ใครเปิดไฟทิ้งไว้นะ?
“อืม...ปิดไฟทีสิซีวอน”
“ไฟไม่ได้เปิดหรอกจองซู แต่มันเช้าแล้วน่ะ”ซีวอนกุมมือของจองซูเอาไว้ จองซูปรือตาช้าๆ สติเริ่มกลับมาอีกครั้งทันทีที่รู้สึกตัวความสงสัยก็เข้ามาแทนที่
“ที่นี่โรงพยาบาล? เมื่อคืนฉัน...”
“ใช่แล้ว เรากำลังจะกลับบ้านแต่ว่าจองซูก็อาการกำเริบขึ้นมากระทันหัน ฉันเลยพามาที่โรงพยาบาล”
“เดี๋ยวก่อน! ตอนนั้น...ฉันเห็นใครคนนึง...หมอ...”จองซูพยายามนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาเมื่อคืนแต่มันก็ลบเลือนไปเนื่องจากตอนนั้นจองซูอยู่ในสภาพกึ่งหมดสติ
“อ้อ...คุณหมอคนนั้นเขาบอกว่า...”ยังไม่ทันที่ซีวอนจะพูดจบเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น และร่างสูงของคนที่จองซูนึกถึงก็เดินเข้ามา
“สวัสดีครับ...”คุณหมอเอ่ยทักทายคนไข้คนสำคัญด้วยใบหน้าเรียบ
“ฮ...ฮันกยอง...เหรอเนี่ย”จองซูเผลอพูดออกมาจึงใช้มือปิดปากตัวเอง
“...”ไม่มีรอยยิ้มออกจากใบหน้าหล่อเหลาของฮันกยอง
“เป็นคุณหมอเหมือนคุณพ่อซะด้วยนะ”จองซูยิ้มให้ฮันกยอง
“แค่เคยบอกอะไรใครเอาไว้ก็อยากทำตามที่พูดน่ะ”ฮันกยองพูดเบาๆให้ได้ยินเพียงแค่สองคน ท่าทางของเขายังคงขี้เก๊กไม่มีผิด ทั้งๆที่กับคนอื่นๆพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเสมอแต่ทำไม?
“หมายถึงฉันรึเปล่า?”เสียงแหบพร่าดังลอดริมฝีปากอิ่มออกมาเบาๆ เพราะไม่ต้องการให้ผู้ร่วมเหตุการณ์คนอื่นๆได้ยิน
“อาจจะใช่...หรืออาจจะไม่ใช่...แล้วนี่ถามจนพอใจรึยังฉันจะได้ดูอาการซะที อยากกลับบ้านไปพักแล้วนะ เมื่อคืนต้องมานั่งเฝ้าคนขี้โรคจนไม่เป็นอันนอน”
“ตามสบาย”จองซูนอนิ่งๆให้ฮันกยองตรวจ ร่างในชุดกาว์นดูแปลกประหลาดในสายตาจองซู ก็เคยเห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่นึกไม่ถึงว่าโตมาแล้วจะ... คุณหมอหนุ่มปรับน้ำเกลือให้คนไข้แล้วกำชับอะไรบางอย่างกับพยาบาลที่จองซูเองก็ฟังไม่เข้าใจ แล้วเขาก็หันไปพูดกับซีวอนที่มองเหตุการณ์อยู่เงียบๆ
“พรุ่งนี้ก็คงกลับบ้านได้ครับ ถ้ามีอะไรฉุกเฉินก็กดออดเรียกพยาบาล... พยาบาลคิม ถ้าคนไข้มีอาการให้ไปตามหมอลีนะ เพราะหมอฝากเคสนี้ไว้กับหมอลีแล้ว”
“ค่ะ”
ฮันกยองหันหลังกำลังจะเดินออกจากห้องไปแต่จองซูก็เรียกเขา...
“คุณหมอฮัน คนไม่รับผิดชอบ จะทิ้งกันแล้วเหรอไง?”ร่างบางบนเตียงพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“...”
“แล้วจะกลับมาหาอีกเมื่อไหร่”จองซูถามแต่เสตามองไปทางอื่น
“อีกสองวัน และคุณก็คงออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว”ฮันกยองทำเป็นพูดจาห่างเหิน
“จะได้เจอกันอีกไหม”จองซูรับรู้ถึงน้ำในตาที่รื่นเต็มขอบตา แต่ดูเหมือนใครบางคนจะไม่รับรู้ความรู้สึกนั้น ไหนว่ามองตาแล้วจะรับรู้ความรู้สึกกันไงล่ะ และแล้วคุณหมอฮันเดินอกจากห้องไปทิ้งให้คนไข้นอนน้ำตาซึม
“จองซู...เป็นอะไรไป น่ะ”คนที่ดูเหตุการณ์อยู่ตลอดมีเหรอจะไม่รู้ว่าทั้งหมอและคนไข้กระซิบกระซาบอะไรกันก็ไม่รู้ ท่าทางมีลับลมคมใน แต่เลือกที่จะถามเพื่อความมั่นใจ
‘คนใจร้าย! ทีกับคนอื่นก็ยิ้มหวานให้ ทีฉันไม่เคยทำตัวดีๆด้วยเลย ทั้งๆที่รอวันนี้มานานแล้วแต่กลับต้องผิดหวัง ทำไมมันถึงน่าเศร้าขนาดนี้นะ ไม่รู้ล่ะยังไงก็ตามฉันจะไม่อยู่เฉยๆแล้ว’
“เปล่าหรอก อย่าคิดมากเลยนะ”ถึงแม้เจ้าตัวจะพูดเองแต่ซีวอนก็ไม่เชื่ออย่างสนิทใจนัก เพราะคนพูดคิ้วขมวดกันเป็นปม
...เสียงอะไรน่ะ โทรศัพท์มือถือดังงั้นเหรอเนี่ย?...
ฮันกยองพลิกตัวไปหาโต๊ะข้างเตียง แขนยาวๆป่ายสะเปะสะปะไปทั่วจนคว้าโทรศัพท์มือถือมาอยู่ในมือ
“ครับ ฮันกยองพูดครับ”เสียงงัวเงียกรอกลงไปที่ปลายสาย
-คุณหมอฮันคะ เมื่อกี้นี้คุณปร์คจองซูหมดสติไป-เสียงจากปลายสายทำให้ฮันกยองตกใจแทบสิ้นสติ
“เกิดอะไรขึ้นทำไมอยู่ดีๆถึง...แล้วมีใครมาดูอาการรึยัง หมอลีล่ะว่ายังไง”
-คุณปาร์คออกไปเดินเล่นนอกห้องค่ะ ไม่มีญาติออกมาเป็นเพื่อนด้วย แล้วอยู่ๆก็เป็นลมค่ะไม่มีอาการน่าเป็นห่วงอะไร เพียงแต่ยังไม่ได้สติ-
“เข้าใจแล้ว เดี๋ยวชจะรีบไป”
ทันทีที่วางสาย ฮันกยองก็คว้ากุญแจรถแล้ววิ่งออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว เสื้อผ้าชุดเดิมและผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงบ่งบอกได้ถึงความเร่งรีบ ปกติเป็นคนขับรถน่าหวาดเสียงอยู่แล้ววันนี้ยิ่งหนักกว่าเดิม แต่มันก็ทำให้ถึงจุดหมายปลาทางได้เร็วขึ้น...
ห้อง 19301
ร่างสูงของฮันกยองเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าร้อนใจ และเมื่อได้เห็นจองซูนอนไม่ได้สติอยู่ก็แทบคลั่ง เดินเข้าไปใกล้ร่างของจองซูแล้วสบถเบาๆอย่างโมโหตัวเอง ก่อนที่จะคว้าแฟ้มประวัติที่หัวเตียงขึ้นมาดู เมื่อพบว่าร่างบางไม่ได้อาการหนักอย่างที่คิดก็ทำให้เบาใจได้ระดับหนึ่ง แต่ความเป็นห่วงก็ยังไม่หมดไปเสียทีเดียว ฮันกยองลากเก้าอี้มานั่งข้างๆเตียง สายตาจับจ้องไปที่ร่างไม่ได้สตินั้นด้วยความโหยหา มือหนาทำท่าลังเลว่าจะแตะต้องร่างบางดีหรือไม่ ในที่สุดก็สัมผัสลงที่กลุ่มผมนุ่ม ฮันกยองเกลี่ยเส้นผมให้พ้นจากดวงตาที่ปิดสนิท เมื่อได้เห็นใบหน้าของจองซูชัดเจนก็ทำให้คิดถึงเรื่องราวในอดีต
“คุณพ่อครับ เมื่อไหร่จองซูจะฟื้นซักที”เด็กน้อยกระวนกรวายใจ
“ก็เพราะใครล่ะ ที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ลูกหรือไง”ผู้เป็นพ่อที่กำลังง่วนงุ่นอยู่กับงานบนโต๊ะ หันมาถามคำถามที่กระแทกใจคนฟัง
“ก็...ก็...ผมแค่อยากพาจองซูไปที่สวนดอกไม้...มันสวยดี...ไม่นึกว่า...”
“เฮ้อ...พ่อบอกลูกแล้วว่าอย่าพาจองซูไปไหนไกลๆแบบนั้น เค้าไม่แข็งวแรงแบบลูกนะ”
“แต่ผมก็รับผิดชอบแล้วนี่ครับ ผมอุ้มจองซูกลับมา...”พูดจบน้ำตาของเด็กชายผู้เข้มแข็งก็หยดลงที่มือเนียนขาวของอีกคนที่นอน แล้วดูเหมือนร่างเล็กๆจะเริ่มขยับรู้สึกตัว
“อา...ฮันกยอง...ฉันขอโทษที่ไปที่นั่นเป็นเพื่อนนายไม่ได้...”เมื่อได้สติจองซูน้อยก็รีบขอโทษคนตรงหน้า
“ช่างเถอะ...ถ้ารู้ว่าเป็นอย่างนี้ฉันคงไม่พาไปแล้ว”เมื่ออีกคนรู้สึกตัว นิสัยแบบเดิมก็กลับมา
“ขอบใจนะ ที่อุ้มฉันกลับมา”รอยยิ้มสวยปรากฏที่มุมปากขณะที่พูด แต่ฮันกยองกลับทำเป็นไม่สนใจ
“มันเป็นหน้าที่ของฉันไม่ใช่เหรอ ที่ต้องปกป้องดูแลจองซู”ถึงจะพูดว่าเป็นหน้าที่แต่ในใจจริงๆแล้วกลับเต็มใจทำ
“พูดอย่างนี้อีกแล้วนะ”จองซูทำหน้าบึ้งพลิกตัวนอนตะแคงไม่มองหน้าคนที่อุ้มตัวเองกลับมา เมื่อพ้นจากสายตาของฮันกยอง รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้น
ปากแข็ง!!!
“ไหนๆก็นอนไม่รู้เรื่องอยู่ คงไม่ได้ยินที่ฉันพูด...คิดถึง...จองซู”คำพูดที่หาได้ยากหลุดออกมาจากคนที่ไม่น่าจะพูดพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น แต่เมื่อฮันกยองสังเกตใบหน้าหวานดีๆและเห็นว่าจองซูพยายามกลั้นยิ้มอยู่ ทำให้ฮันกยองรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เสียงแข็งถูกนำกลับมาใช้กับจองซูอีกครั้ง
“รู้สึกตัวแล้วเหรอ สนุกนักใช่ไหมที่ทำแบบนี้น่ะ”คำพูดประชดประชันทำให้จองซูลืมตาเพราะถูกจับได้
“อ...เอ่อ...ฉัน...”เมื่อคิดดีๆ ฮันกยองสังเกตอะไรบางอย่างที่ดูไม่สอดคล้องกับอาการป่วยเลย ใบหน้าที่มีเลือดฝาด ริมฝีปากสีแดง เนื้อตัวที่ไม่เย็นเฉียบเหมือนคนเป็นลม...
“ไม่ได้เป็นลมจริงๆใช่หรือเปล่า”ฮันกยองถามอย่างสงสัยและดูเหมือนคนไข้จะตัวหดเล็กลงเหลือ2นิ้ว
“ก็...เอ่อ”เมื่อถูกจับได้ จองซูก็ยิ้มกลบเกลื่อน
“ชอบทำให้คนอื่นเค้าเป็นห่วงอยู่เรื่อย ดีเหมือนกัน คราวหลังจะได้รู้ไว้ไม่ต้องมาโดนหลอกอีก ว่างนักรึยังไง รู้ไหมว่าฉันต้องอดหลับอดนอนเพื่อมาหานายที่นี่”จองซูสังเกตฮันกยองดีๆ แล้วก็พบว่ามันคือเรื่องจริง ฮันกยองยังอยู่ในชุดเดียวกับเมื่อตอนเช้า แล้วผมยุ่งๆนั่นดูก็รู้ว่าคงรีบมาก
“ขอโทษ...ก็แค่อยากให้สนใจกันบ้าง”
“แล้วชัดรึยังล่ะ ฉันสนใจ...เอ่อ...เป็นห่วง...แค่ไหน พอใจแล้วใช่ไหม”
“ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็คงไม่รู้ว่าฮันกยองก็ยังคิดถึงฉัน”จองซูจับมือฮันกยองเอาไว้
“หยุดพูดเถอะ แล้วคราวนี้ก็นอนอยู่เฉยๆ ไม่ต้องลุกไปไหนมาไหน ไม่ต้องไปเที่ยวหลอกใครต่อใครว่าเป็นลมป็นแล้งอีกนะ เพราะคนอื่นเค้าไม่ได้ว่างเหมือนใครบางคน”
“อื้ม...เข้าใจแล้วคุณหมอขี้บ่น”
“ดี”ฮันกยองพูดเสียงแข็งก่อนจะเดินออกจากห้องไป
เมื่อประตูห้องปิดสนิท รอยยิ้มบางๆก็ปรากฏขึ้น พอดีกับที่พยาบาลกำลังจะเดินเข้าห้องของจองซู ฮันกยองตีหน้าขรึมอีกรอบก่อนจะสั่งบางอย่าง
“พยาบาลโอ เดี๋ยวคุณช่วยให้ยานอนหลับคนไข้ห้องนี้ด้วย ท่าทางจะเค้าจะว่างมาก...เอ่อ...ผมหมายถึงเค้าคงไม่ค่อยได้พักผ่อนน่ะ”อย่างน้อยก็ขอให้ได้แก้เผ็ดคนในห้องบ้าง
“นี่... จะไปจริงๆเหรอ”คนที่ตัวเล็กกว่าพูดน้ำตาคลอ
“ใช่ เราคงไม่ได้เจอกันอีกนานเลย ...”
“ทำไมถึงต้องกลับจีนด้วย อยู่กับฉันไม่ได้เหรอ”
“คุณพ่อถูกเรียกตัวกลับ...โรงพยาบาลที่ปักกิ่ง”ฮันกยองแบกกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นรถ โดยมีจองซูเดินตามต้อยๆ
“อย่าไปเลยนะ ขอร้อง”น้ำตาเริ่มไหลออกมาโดยอัตโนมัติ อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่จำความได้จะมาจากกันแบบกะทันหันแบบนี้มันน่าเศร้าเกินไปจริงๆ
“ไม่ได้หรอก...อย่าร้องไห้ ฉันไม่ชอบ”ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่มือก็คว้าผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ากางเกงมาเช็ดแก้มใส
“แล้วเมื่อไหร่จะกลับมาอีก”
“ไม่รู้...แต่สัญญาว่าจะกลับมาหา”
“จะรอนะ”จองซูคว้ามือของฮันกยองขึ้นมาแล้วบีบแน่น
“ต้องไปแล้วจริงๆ...ไปล่ะ”ฮันกยองดึงมือออกมาแล้วหันหลังเดินจากไป ถึงแม้ว่าจะได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังมาจากจองซู แต่ก็ไม่หันกลับไปอีก ไม่ใช่เพราะว่าใจแข็ง แต่กลัวว่าจะแข็งใจจากคนตัวเล็กไปไม่ได้ น้ำตาที่ไม่ค่อยได้ไหลอยู่ดีๆก็เอ่อล้นมาจากไหนก็ไม่รู้ ฮันกยองกะพริบตาถี่ๆ ก่อนจะเดินขึ้นรถไป ไม่เหลียวมองจองซูที่โบกมือหย็อยๆให้ทั้งๆที่น้ำตาเอ่อล้นจนแทบจะมองภาพข้างหน้าไม่เห็นก็ตาม...
‘ได้เวลาทวงคำสัญญาแล้ว...คนผิดสัญญา...เราเจอกันอีกครั้งแล้ว จะไม่ปล่อยให้หนีไปอีกแน่นอน!’
ไรต์เตอร์เปลี่ยนมาหมกมุ่นกับเรื่องนี้สักพัก
เเต่ปมเรื่องมันไม่ได้อยู่ที่เกิงมาเป็นหมอหรอกค่ะ (ใบ้ให้)
มันอยู่ที่ความปากเเข็งของตาเกิงมากกว่า...
ยังไงก็ทนอ่านเเบบงงๆไปก่อนนะคะ ขอโทษด้วยจริงๆ:)
ความคิดเห็น