คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ชีวิตที่ไม่แน่นอน
ฉันอายจนแทบจะซุกแผ่นดินหนี กรี๊ดดดด ทำไมงานที่กำลังจะประสบความสำเร็จชิ้นแรกของฉันมันถึงพังจนป่นปี้ ฉันรีบก้าวฉับๆไปที่รถ แล้วก็ได้ยินเสียงๆหนึ่งดังขึ้น
“เมอิ เมอิ รอฉันด้วยสิ” เสียงยัยโรโกะนั่นเอง
ฉันหยุดเดินแล้วหันหน้าไปมอง ไม่อยากจะเล่าให้ฟังเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“เมื่อกี้ฉันเห็นเหตุการณ์หมดแล้วเธอเป็นอะไรมากมั้ย”
“เปล่าหรอก”ฉันตอบไปแบบขอไปที”นี่โรโกะ เธอเห็นแล้วทำไมเธอถึงไม่มาช่วยฉัน”
“ก็ๆฉันกลัวToT ฉันกลัวเขาจะเอาเรื่องฉันอีกคนน่ะสิ ถ้าเป็นอย่างงั้นเขาจะจำหน้าฉันได้แล้วฉันก็จะไม่กล้ามาถ่ายรูปที่นี่อีก” เฮ้อ..จริงๆเลยโรโกะ เพื่อนเกือบจะเอาตัวไม่รอดแล้วเธอยังจะมากลัวอยู่ได้
“งั้นฉันก็คงจะมาที่นี่อีกไม่ได้แล้วน่ะสิเนอะ” ฉันตอบหน้าจ๋อยๆ
“น่ามีที่ให้ไปทำงานอีกเยอะ ไม่ต้องกังวลหรอก”
“นี่โรโกะ เธอถ่ายรูปอะไรมาได้บ้างมั้ย” ฉันถามไปอย่างอยากรู้อยากเห็นเต็มที
“ อ๋อได้สิ นี่ไงๆ “ โรโกะดึงเอากล้องออกมาจากกระเป๋าให้ฉันดู โรโกะใช้กล้องของตัวเองเลยได้แบบดิจิตอล เธอกดให้ฉันดูรูปที่เธอถ่ายได้
“ไม่รู้ว่าจะเป็นช็อตเด็ดได้รึเปล่านะ” รูปนั้นเป็นรูปของ โมซากุโร่ มิอุระ กำลังนั่งกอดคอดูทีวีอยู่กับ ดานะสุโกะ ฮิโรชิ ในห้องนั่งเล่นรวมของค่าย เหมือนคู่เกย์เลย อิอิ แต่บางทีอาจจะไม่ใช่ก็ได้แต่น่าจะเป็นสกู๊บเด็ดได้ดีทีเดียวเชียวแหละ
“ของเธอคงได้เด็ดกว่าฉันอีกล่ะสิ เขาเลยมาเอาเรื่องเธอน่ะ”โรโกะถามต่อ
“ใช่นายคาโอรุกำลังบอกเลิก ผู้หญิงคนนึง ดูเหมือนจะชื่อ ฮิดากะ ร้องไห้ใหญ่เลยรู้ป่ะ”
“โห...เมอิ ถ้าเป็นฉันฉันก็คงไม่อยากจะให้ใครเอารูปตัวเองตอนอย่างงั้นไปลงหนังสือพิมพ์หรอก”
“อืมแต่มันเป็นงานของเรานี่เนอะ”
“ใช่ เธอพูดถูก เรื่องของงานไม่เกี่ยวกับความรู้สึกหรอก ถึงเราจะรู้สึกไม่ดีแต่ก็จำเป็นต้องทำ”
เราทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วถอนหายใจออกเฮือกใหญ่ มันก็จริงอะเนอะ พวกเราตัดสินใจที่จะขึ้นรถโรโกะกลับไปบริษัท ถึงตอนนี้พึ่งจะแค่ 11 โมง แต่ฉันรู้สึกว่าเหนื่อยกว่าทำงานแต่ก่อนทั้งวันอีก โรโกะเปิดวิทยุในรถด้วย แต่พอดีเจเปิดเพลงของวง the wend ที่คาโอรุร้องนำ ฉันแทบอยากจะทุบวิทยุนี้ให้พังคามือเลยแต่นึกได้ว่ามันเป็นของโรโกะ ฉันก็เลยต้องบอกโรโกะให้ช่วยปิดวิทยุหน่อย ยัยโรโกะหัวเราะใหญ่เลย เฮ้อ...
พอไปถึงบริษัท ฉันก็เอาฟิล์มกล้องไปให้ยามาดะดู เขาตกใจมากกับเรื่องที่ฉันเล่าให้ฟังทั้งหมด ไคที่นั่งอยู่กับยามาดะด้วยก็พลอยเสียดายไปด้วยอีกคน
“ถ้าเธอไม่ถูกกระทืบฟิล์มไปนะ ป่านนี้ข่าวนี้ดังถล่มทลายแน่”
“อืมฉันขอโทษนะ ถ้าฉันมีกุญแจรถอยู่กับตัวเองฉันคงหนีเขาได้แล้วแหละ”
“โถ่เมอิ “ โรโกะแทรกขึ้น “ใครจะคิดล่ะว่าเรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นได้ “
ฉันเลยออกมาพักผ่อนที่ห้องอาหารก่อน เฮ้อ...เป็นปาปาราซซี่ก็ดีอยู่อย่างเดียวนี่แหละคือจะพักผ่อนตอนไหน จะทำงานตอนไหนก็ได้ทั้งนั้น ฉันสั่งสปาเกตตี้จานใหญ่มากินแก้เซ็ง เบื่อตัวเองกับชีวิตที่พลิกผัน ในห้องอาหารนี้เปิดเพลงของ the wend อีกแล้ว อ๊ากกกกกกก!!!! อยากจะบ้าตาย เมื่อไหร่จะเลิกตามมาหลอกมาหลอนฉันซักที
“ทำไมทำหน้าปูดเป็นตูดลิงอยู่อย่างงั้นล่ะ เมอิ” มีเสียงผู้ชายที่คุ้นหูทักขึ้นข้างหลังฉัน
“อ้าวนาโอกิ”ฉันหันหลังไปดูเห็นนายคนนี้ยืนยิ้มแฉ่งอยู่ ท่าทางจะมีความสุขมากกว่าฉันหลายร้อยเท่าเลยล่ะสิเนอะ -_-
“เป็นพวกแอบถ่ายสนุกมั้ยคร้าบ” นั่นยังจะมาแซวอีก -*-ก็รู้ว่าคนกำลังอารมณ์ไม่ดีกับเรื่องนี้อยู่-_-^
“โดนนักร้องเล่นงานอะดิ” ฉันก็ตอบไปอย่างเซ็งๆ”นายล่ะดูจะสนุกกับงานช่างภาพน่าดูเลยล่ะสิ”
“ถูกต้องนะคร้าบ^o^”นั่นดูมัน ยังจะมายิ้มอีก”บ.ก.ขึ้นเงินเดือนให้ผมด้วยแหละ”
เฮ้อ..ว่าแล้วเชียว ทำไมวันนี้ถึงได้ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ วันนี้มีแต่คนมีความสุขที่ได้ขึ้นเงินเดือนยกเว้นฉันใช่มั้ยเนี่ย ฮือๆๆๆสงสัยฉันต้องเกิดมาซวยแน่ๆเลย ฉันพยายามไม่สนใจกับความเซ็งทั้งหลายด้วยการตั้งหน้าตั้งตาเขมือบสปาเก็ตตี้ต่อ ฉันต้องคิดว่าสปาเก็ตตี้นี้คือความซวยทั้งหลาย แล้วฉันจะเขมือบมันให้หมดโดยเร็วที่สุด นาโอกิทำตาค้างเมื่อเห็นฉันโซ้ยสปาเก็ตตี้อย่างเอาเป็นเอาตาย
“นี่ ใจเย็นๆเมอิ เธอหิวขนาดนั้นเลยเหรอ ค่อยๆกินก็ได้นะ”
ฉันเลยตัดสินใจว่าจะเล่าเรื่องเหตุการณ์ทั้งหมดให้นาโอกิฟัง อย่างน้อยเขาก็เป็นเพื่อนฉันคนนึงนี่เนอะ พอฉันเล่าเรื่องจบ สีหน้าที่เคยยิ้มแฉ่งของเขาเมื่อกี้ก็เปลี่ยนเป็น เคร่งเครียดขึ้นมาทันที
“เมอิ ฉันเป็นห่วงเธอจังเลย ถ้าไม่ไหวหรือยังไงบอกฉันได้นะ เดี๋ยวฉันจะไปบอกบ.ก.ให้เอง”
“ไม่เป็นไรหรอกนาโอกิ ที่ฉันมาอยู่ตรงนี้ก็เพราะตัวฉันเองนั่นแหละ เดี๋ยวทุกอย่างมันก็ดีขึ้นเองนั่นแหละ“
“สู้ๆแล้วกันนะ ฉันจะเอาใจช่วย” นาโอกิยิ้มพลางชูสองนิ้ว บางทีนายนี่ก็น่ารักดีเหมือนกัน
“อิอิ ขอบใจจ้า”
พอพูดจบนาโอกิก็ขอตัวลุกออกไป บอกว่าเจ้านายนัดไว้ตอนบ่ายโมง อืม..นี่ก็เลยเที่ยงมานานแล้วนี่เนอะ กลับเข้าอ๊อฟฟิคไปกอ่นดีกว่า จริงๆแล้วฉันจะกลับบ้านเลยก็ได้ แต่กลับไปก็น่าเบื่อ อยู่ที่นี่อย่างน้อยก็ยังมีเพื่อนตั้งเยอะ ฉันไปนั่งจัดของที่ฉันยังจัดไม่เรียบร้อยเมื่อวานนี้ พลางไปเห็นนักข่าวบันเทิงคนใหม่ สงสัยคนนี้แหละเนอะที่จะมาแทนที่ฉัน เขาก็น่ารักดี ดูจะเอาจริงเอาจังมากกว่าฉันตั้งเยอะ ส่วนฉันมันก็ไม่เอาไหนจริงๆนั่นแหละ
พอหมดธุระแล้ว ฉันก็ขอยามาดะกลับบ้านมาก่อน ซึ่งก็ไม่มีปัญหาเพราะเขาก็จะกลับก่อนเวลาเหมือนกัน เฮ้อ...วันนี้เหนื่อยจังเดี๋ยวพอกลับไปถึงบ้านจะไปแช่น้ำให้ลืมเรื่องของวันนี้ให้หมดเลย
เอ๊ะ! ทำไมในรถกลิ่นมันเหม็นไหม้ๆยังไงชอบกล เฮ้ย!มีควันออกมาจากกระโปรงรถด้วย รีบจอดรถก่อนเร็ว!
แต่ฉันไม่จำเป็นต้องจอดรถเพราะรถฉันมันหยุดเองโดยอัตโนมัติ ทันที
เอี๊ยดดดดดดดดดดด
เสียงรถคันข้างหลังฉันเบรกอย่างฉุกเฉิน ตามกันเป็นแถว เวรแล้วทำไมมันซวยซ้ำซวยซ้อนอย่างงี้วะ ต้องแน่นอนล่ะ ฉันรีบลงจากรถมาอย่างหน้าตาตื่น พยายามเข็นรถของตัวเองให้ไปที่ริมถนน แต่ทำไมมันเข็นไม่ไปซักทีวะ อึ๊บ อื๊บบบบบ
ทันใดนั้นรถคันข้างหลังฉันก็มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งลงมาจากรถ ฮะ! นั่นมัน ทาเคชิ มือกลองของวง the wend นี่ เพื่อนของอีตา คาโอรุ นั่นเอง เขากำลังวิ่งมาช่วยฉันเข็นรถ
“คุณครับถอยออกไปก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะเข็นให้เอง” เขาหันมาบอกฉัน นายคนนี้สุภาพดีนะไม่เหมือนอีตาคาโอรุนั่นเลย
ทาเคชิรีบเข็นรถของฉันไปไว้ที่ริมถนนโดยเร็ว การจราจรจะได้ไม่ติดขัด คนแถวนั่นต่างมามุงดูมาชี้ที่ฉันกับทาเคชิกันใหญ่เลย สาวๆแถวนั้นบางคนก็กรี๊ดดด ทาเคชิกันใหญ่ บางคนเอากล้องมาถ่ายรูปด้วย นั่นเอาเข้าไป ฉันก็เดินหลบมาอีกทางนึงเพื่อว่าพวกที่ถ่ายรูปทาเคชิอยู่นั้นจะได้ไม่ติดฉันมาด้วย ฉันล่ะไม่ชอบเลยเวลาที่คนมามุงดูกันเยอะๆอย่างนี้ แต่ดูเหมือนทาเคชิจะไม่ใส่ใจ คงเป็นเพราะรู้ตัวอยู่แล้วมั้งว่าตัวเองดังใครๆเขาก็รู้จักกันทั้งประเทศ
ในที่สุดทาเคชิก็นำรถของฉันไว้ที่ริมถนนอย่างปลอดภัย คนที่มามุงดูปรบมือเฮกันใหญ่ นี่ถ้าเป้นคนธรรมดามาเข็นรถให้ฉัน เขาก็คงไม่เฮฮากันอย่างงี้หรอก
“ขอบคุณนะคะคุณทาเคชิ*^_^*” ฉันยิ้มเขินๆ ก็นายคนนี้เป็นสุภาพบุรุษจริงๆนี่นา ชอบๆอิอิ
“ไม่เป็นไรครับ ผมเห็นว่าคุณรถเสีย เห็นคุณท่าจะเข็นคนเดียวไม่ไหว ไม่มีคนสนใจช่วยเลย ผมเลยต้องลงมาช่วยคุณเอง ยินดีที่ได้ช่วยเหลือคุณนะครับ แต่นี่รถเสียอย่างงี้คุณจะกลับบ้านยังไง”เออ..ใช่เนอะ ฉันลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย จะกลับบ้ายยังไงดีหว่า เราก็ตัวคนเดียวเนอะ ช่างเถอะเดี๋ยวโทรเรียกนาโอกิให้ไปส่งที่บ้านก็ได้รถนี่ก็ทิ้งไว้ก่อนวันพรุ่งนี้ค่อยมาเอา
“เออ..เดี๋ยวโทรให้เพื่อนไปส่งก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” พอพูดจบฉันก็โทรไปหานาโอกิแต่เขาบอกว่า 6 โมงเย็นกว่าจะเลิกงาน เพราะต้องไปถ่ายภาพอีกหลายที่
“เฮ้อ..ทำยังไงดีเนี่ย” ฉันบ่นอุบอิบอยู่เบาๆแต่ไม่นึกว่าทาเคชิจะได้ยินด้วย เขาจึงเอ่ยปากบอกฉันว่า
“เอางี้แล้วกันครับ ข้างหลังรถผมมีสายพ่วงรถ เดี๋ยวผมจากพ่วงให้รถผมลากรถคุณไปส่งที่บ้านให้เอง”
“จะดีเหรอ ฉันเกรงใจ แล้วคุณก็เป็นศิลปินชื่อดังด้วย”
“คุณครับเป็นศิลปินก็คนเหมือนกันนะครับ อย่าเกรงใจผมเลยนะ”
“เออ..ก็..ก็ได้ค่ะ” ฉันตอบเขาไปอย่างตะกุกตะกัก ก็คนมันเกรงใจนี่นา”
พอพูดจบทาเคชิก็เอาสายพ่วงเกี่ยวที่รถฉันก่อนจะไปเกี่ยวที่รถของเขา แล้วให้ฉันมานั่งในรถเขาก่อนเพราะตอนนี้ข้างนอกอากาศร้อน รถเขานั่งสบายใจหอมเกลดปรับอากาศรถยนต์ด้วย พอเกี่ยวสายอะไรต่อมิอะไรเรียบร้อยแล้ว ทาเคชิก็ขึ้นมาบนรถแล้ว ถามทางไปบ้านฉันก่อนจะออกรถไป
ส่วนพวกคนที่มามุงดูมาถ่ายรูปกันนั้นเมื่อฉันกับทาเคชิขับรถออกไปแล้ว ก็พากันสลายตัวหายไปในพริบตา ดีนะที่แถวนั้นไม่มีนักข่าว ไม่งั้นป่านนี้คงไปเขียนข่าวกันโครมแล้วว่าฉันเป็นแฟนของทาเคชิ ง่า..แล้วชีวิตฉันจะต้องเจอกับอะไรอีกเนี่ย
ความคิดเห็น