ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เสน่หาอินคา

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ จดหมายจากแดนไกล 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.59K
      6
      12 ก.ย. 60



    บทนำ

    จดหมายจากแดนไกล

     

             ทองคำ...เปรียบได้ดั่งหยาดเหงื่อจากพระอาทิตย์

            เงิน...เปรียบได้ดั่งหยาดน้ำตาจากดวงจันทร์

     

             ยาบารีปิดหนังสือประวัติศาสตร์อินคาลงด้วยความอิ่มเอม ปกหนังสือเริ่มเปื่อยยุ่ย หน้ากระดาษพองจากการเปิดอ่านซ้ำๆ เป็นเวลาหลายปี เธออ่านมันเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ได้ รู้แต่ว่าหากมีเวลาว่างเธอจะต้องหยิบมันขึ้นมาเปิดอ่านทุกครั้งไป


             เรื่องราวความน่ามหัศจรรย์ของอาณาจักรอินคาช่างน่าค้นหา พื้นที่ส่วนใหญ่ของอาณาจักรตั้งอยู่บนพื้นที่สูง มีอากาศร้อนจัด กระนั้นกลับเจริญรุ่งเรือง และอุดมไปด้วยทองคำมากมายมหาศาล ยิ่งได้เรียนรู้...หญิงสาวก็ยิ่งเกิดความสงสัย ผลงานทางด้านประติมากรรม สถาปัตยกรรม สิ่งก่อสร้างต่างๆ รวมทั้งการสร้างถนนหลายแห่งโดยการขุดเจาะภูเขาเพื่อเชื่อมโยงไปยังถนนสายต่างๆ ผู้คนในสมัยนั้นทำได้อย่างไร แล้วเหตุใดอารยธรรมของชนเผ่าอินคาจึงคล้ายคลึงกับอารยธรรมไอยคุปต์ ทั้งที่อยู่ไกลกันคนละทวีปเช่นนี้...


             ความสงสัยเหล่านี้ ไม่สามารถค้นหาคำตอบได้ในหนังสือประวัติศาสตร์อินคาเล่มที่เธอถืออยู่ และคงไม่มีเล่มไหนๆ หรือนักโบราณคดีคนใดสามารถให้คำตอบได้ มันยังคงค้างคาใจยาบารีเรื่อยมา หญิงสาวหมายมั่นว่าจะศึกษาอารยธรรมอินคาไปจนกว่าเธอจะแก่ชราจนหยิบจับตำราอ่านไม่ไหว ด้วยความรู้สึกรักและผูกพันที่มีต่ออินคา เธอเชื่อว่าส่วนหนึ่งเพราะบิดาของเธอนั่นเอง...


             พ่อจ๋า รีอยากไปยังดินแดนที่เป็นบ้านเกิดของพ่อ สถานที่ซึ่งทำให้พ่อและแม่พบรักกัน


    เธอยกมือขึ้นถอดสร้อยจากลำคอออกมาดู เป็นสร้อยโลหะรูปพระอาทิตย์ที่บิดาเป็นคนสวมให้เธอ ก่อนที่ท่านจะประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตตั้งแต่เธออายุได้เพียง 5 ปี นับจากนั้นเธอกับมารดาก็ไม่ได้ติดต่อกับคุณย่าที่อยู่เปรูอีกเลย คุณย่าไม่ใช่คนมีฐานะนัก ส่วนเธอกับมารดาทำร้านขายของชำเล็กๆ พออยู่ได้ ฉะนั้นการเดินทางออกนอกประเทศจึงเป็นเรื่องไกลเกินตัว


             ยาบารี...


    ทุกครั้งที่มีคนเรียกชื่อของเธอ ทำให้เธอหวนคิดไปถึงเรื่องราวที่มารดาเล่าให้เธอฟัง ท่านทั้งสองพบกันที่เปรู มารดาเป็นสาวใช้ติดตามเจ้านายไปที่นั่น เมื่อทั้งสองพบรักกัน บิดาบอกรักและขอมารดาของเธอแต่งงานที่แม่น้ำยาบารี และเมื่อทั้งสองมีพยานรักตัวน้อยๆ ถือกำเนิดขึ้น เธอจึงได้ชื่อว่า ยาบารี พันธ์วิรา ชื่อที่หากใครได้ยินก็มักจะคิดว่าเธอเป็นอิสลาม นั่นเพราะชื่อ ใบหน้าคมขำ ดวงตากลมโต และผิวสีน้ำผึ้งทำให้ทุกคนคิดเช่นนั้น


             ก๊อก ก๊อก ก๊อก


             เสียงเคาะประตูห้องทำให้ยาบารีตื่นจากภวังค์ คะแม่ เธอรีบเดินไปเปิดประตู ยิ้มกว้างเมื่อเห็นมารดา แต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มเมื่อมารดามีสีหน้าไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด เธอรีบประคองมารดาเข้ามาในห้อง


             ยาบารี ปีนี้หนูก็อายุ 18 แล้วสินะ พรพรรณทอดสายตาอ่อนโยนมองบุตรสาว ยาบารีนั้นเหมือนบิดา เธอรูปร่างสูง ท่าทางปราดเปรียว ผิดแผกจากสาวๆ วัยรุ่นในประเทศไทยที่นิยมผิวขาวตัวเล็กกะทัดรัด ทว่าใบหน้าสวยเฉี่ยวทำให้แมวมองจากโมเดลลิ่งต่างๆ มาทาบทามอยู่เนืองๆ แต่ยาบารีก็ไม่ยอมปลงใจ ลูกสาวของเธอรักที่จะเรียนสาขาวิชาประวัติศาสตร์ ขลุกอยู่กับหนังสือเล่มหนาได้เป็นวันๆ


             ค่ะ อีกไม่กี่เดือนรีก็จะอายุครบ 19 ปีแล้วค่ะ เธอกอดเอวมารดา ก่อนจะอิงศีรษะซบลงบนไหล่ของมารดาอย่างออดอ้อน พรพรรณยีผมบุตรสาวอย่างเอ็นดู กระนั้นในแววตาก็ยังฉายชัดว่ากำลังกังวล และครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ภายในใจ


             “หนูอยากไปเยี่ยมคุณย่าหรือเปล่าลูก


             หญิงสาวพยักหน้าแทนคำตอบ มันเป็นความใฝ่ฝันของเธอมาโดยตลอด ว่าสักวันเธอจะไปกราบคุณย่า ได้ไปยังดินแดนบ้านเกิดของบิดา รีคิดเอาไว้ว่าถ้าเรียนจบ ทำงานเก็บเงินสักพัก รีอยากไปหาคุณย่าค่ะ รีแทบจำหน้าคุณย่าไม่ได้หากไม่ดูจากรูปถ่าย แต่รีเข้าใจนะคะว่าฐานะอย่างเรา การจะข้ามน้ำข้ามทะเลไปเยี่ยมท่านมันเป็นเรื่องยาก แต่แม่ไม่ต้องเป็นห่วง อีกไม่กี่ปีรีก็เรียนจบแล้วค่ะ ถึงตอนนั้นรีจะพาแม่กลับไปที่เปรูให้ได้ เพื่อที่เราจะได้เอากระดูกส่วนหนึ่งของพ่อกลับเปรู


             พรพรรณยิ้มเศร้ามองดูใบหน้าของบุตรสาวด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ไม่เคยมีสักวันที่เธอไม่คิดถึงสามีที่มาด่วนจากไปก่อนวัยอันควร แต่เพราะมียาบารี ตัวแทนของความรักที่สามีทิ้งเอาไว้ให้ เธอจึงยืนหยัดเลี้ยงบุตรสาวมาด้วยตัวเอง


             แม่ว่าถึงตอนนั้นอาจไม่ทัน คุณย่าคงอยากพบหนูให้ไวที่สุด หญิงวัยกลางคนยื่นกระดาษจดหมายให้บุตรสาว ยาบารีเปิดซองจดหมายออกอ่าน

     

             ถึง ยาบารี

             คุณคงแปลกใจที่ได้รับจดหมายฉบับนี้ ผมชื่อโซลาโน่ เขียนจดหมายฉบับนี้มาเพื่อบอกว่าคุณย่าโรมีนาป่วย ท่านชรามากแล้วจึงอยากพบหลานซึ่งเกิดจากบุตรชายคนเล็กของท่านสักครั้ง

             หากคุณสะดวกกรุณาเดินทางมาตามวันและเวลาที่กำหนดข้างล่างนี้ ผมได้ส่งตั๋วเครื่องบินและค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางมาให้คุณแล้ว

             แล้วพบกันที่สนามบิน...

                                                                                            โซลาโน่

     


             หญิงสาวกำจดหมายไว้แน่น ใบหน้าคมขำซีดเผือดกับข่าวที่ได้รับ


             คุณย่าป่วย เธอยกมือขึ้นปิดหน้า นึกเสียใจที่ไม่เคยไปหาท่านเลยสักครั้ง มีเพียงแค่จดหมายปีละหนึ่งถึงสองฉบับพร้อมรูปถ่ายของเธอส่งไปให้ท่าน เพราะท่านไม่เคยตอบจดหมายกลับมา หญิงสาวจึงไม่สามารถเดาได้ว่าท่านยังจำหลานที่ชื่อยาบารีได้หรือไม่


             แต่เดี๋ยว...คนที่เขียนจดหมายมา นายโซลาโน่อะไรนั่น ดูวางก้ามและเผด็จการที่สุด เขาเป็นใครนะ หรือว่าเป็นหลานคนใดคนหนึ่งของคุณย่า ยาบารีนึกไม่ชอบใจเจ้าของลายมือสวยในจดหมาย เพราะในจดหมายมีแต่คำสั่งและดูคล้ายตำหนิเธอกลายๆ


             แม่คะ รีจะไปเปรูค่ะ


             เธอบอกความจำนงแก่มารดา โชคดีที่ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมพอดี ไม่เช่นนั้นแล้วเธออาจเสียการเรียน เพราะไม่รู้ว่าเธอจะต้องไปอยู่ที่เปรูสักกี่วัน


             “ไปเถอะลูก ช่วยดูแลคุณย่าแทนแม่กับพ่อด้วย”


             “ความจริงแม่ซื้อตั๋วเครื่องบินเพิ่มอีกใบ แล้วไปด้วยกันกับรีก็ได้นี่คะ เราน่าจะพอมี...” หญิงสาวเสนอ เธอเชื่อมาตลอดว่ามารดาอยากกลับไปที่นั่นอีกครั้ง เพราะที่เปรูเต็มไปด้วยสถานที่แห่งความทรงจำระหว่างมารดากับบิดา ทว่ามารดากลับส่ายหน้าปฏิเสธ


             “แม่ทิ้งร้านไปไม่ได้หรอก อีกอย่างแม่ไม่อยากเอาเงินเก็บออกมาใช้เกินความจำเป็น เผื่อมีอะไรฉุกเฉินต้องใช้ ชีวิตคนเรามันไม่มีอะไรแน่นอนหรอกนะลูก” พรพรรณถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะพยายามฝืนยิ้มให้บุตรสาว


    “หนูไปเถอะ คุณย่าคงคิดถึงหนูมาก ท่านจะว่ายังไงบ้างนะ ถ้าเห็นว่าหนูมีหน้าตาคล้ายพ่อขนาดนี้” เสียงเครืออย่างไม่สามารถกักเก็บความสะเทือนใจเอาไว้ได้ ก่อนที่หยาดน้ำไสจะไหลออกจากหางตาช้าๆ


             “แม่...”


             ยาบารีกอดมารดาเอาไว้แน่น ด้วยรู้ดีว่า...เวลาไม่เคยทำให้ความรักของมารดาที่มีต่อบิดานั้นลดน้อยลงเลย ความรักที่ท่านทั้งสองมอบให้แก่กันนั้นเป็นรักแท้ที่หาได้ยากเหลือเกินในยุคปัจจุบัน ที่เดี๋ยวรักเดี๋ยวเลิกจนเห็นเป็นเรื่องปกติเสียแล้ว









    ฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ 
    อ้อมลงใหม่หมดเพราะร้างไปนาน แต่ต่อไปจะมาอัพเรื่อยๆ ค่ะ





    เสน่หาอินคา
    เพียงฤทัย
    www.mebmarket.com
    ยาบารี ยาบารี ที่รักของข้า? เสียงเรียกอันแสนคุ้นเคยของใครบางคนที่ ยาบารี หญิงสาวลูกครึ่งไทย-เปรู ฝันถึงตั้งแต่ครั้งแรกที่เดินทางมายังเปรูดินแดนต้นกำเนิดอาณาจักรอินคาที่เธอหลงใหล เสียงปริศนาดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในยามหลับและยามตื่นราวกับกำลังเรียกเธอให้ไปหา... แล้วปาฏิหาริย์ก็ชักนำให้เธอหลงกาลเวลาไปยังอาณาจักรอินคา ดินแดนแห่งทองคำเมื่อสี่ร้อยกว่าปีก่อน ด้วยสร้อยพระอาทิตย์ของสำคัญที่บิดาทิ้งไว้ให้ก่อนจะเสียชีวิต ณ ที่แห่งนี้ เธอได้พบและผูกพันหัวใจไว้กับเจ้าชายทูปัก วีรา เจ้าชายหมอผู้สูงศักดิ์ ท่ามกลางสงครามและยุคสมัยแห่งการล่มสลายของอาณาจักรที่รุ่งเรือง หญิงสาวผู้มาจากอนาคตและเจ้าชายหนุ่มจะร่วมกันแก้ไขหน้าประวัติศาสตร์ได้หรือไม่ แล้วเธอจะหาทางกลับมายังปัจจุบันได้อย่างไร เมื่อยังมีสายสัมพันธ์รักอันยิ่งใหญ่กับชายสูงศักดิ์เกี่ยวกระหวัดให้หัวใจมิอาจลืมเลือน ***ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจากหัวใจรัก นำพาให้คนทั้งสองได้พบเพื่อจาก และพรากเพื่อเจอ ตราบใดที่หัวใจทั้งสองดวงยังคงร้อยรัดด้วยสายใยแห่งรักและผูกพัน ปาฏิหาริย์จะชักพาหัวใจทั้งสองดวงให้กลับมาเคียงคู่กันในสักวัน

    ซากุระผลิที่กลางใจ
    เพียงฤทัย
    www.mebmarket.com
    หลิวหลุดเข้าไปใน 'ยุคสมัยเฮอัน' ซึ่งย้อนอดีตไปถึงพันปีเหตุการณ์กลับตาลปัตรเมื่อเธอกลายเป็นคุณหนูของคฤหาสน์อาจิไซ บุตรีขององคมนตรีชั้นเอกผู้เป็นข้ารองบาทขององจักรพรรดิในขณะเรื่องราวผิดฝาผิดตัวสร้างความโกลาหลวุ่นวายหัวใจของหญิงสาวก็เบ่งบานไม่ต่างจากดอกซากุระ

    ดวงใจปฏิพัทธ์
    สะมะเรีย
    www.mebmarket.com
    เลือดต้องล้างด้วยเลือด จักต้องแผดเผาศัตรูให้พินาศย่อยยับแต่เหตุใดเล่า... เมื่อเห็นนางเจ็บ เขากลับเจ็บยิ่งกว่า! องครักษ์หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำเงิน ผู้ที่เข้ามาทำให้โลกของเจ้าหญิงครีษมาสดใส นางหลงรักเขาอย่างหมดหัวใจ ทว่าการที่องครักษ์หนุ่มเข้ามาใกล้ชิดนางนั้นกลับเต็มไปด้วยเงื่อนงำ... เมื่อองครักษ์หนุ่มคืนสู่ศักดิ์อันแท้จริง เขาคือเจ้าชายภานรินทร์ที่หายสาบสูญ เขากลับมาอีกครั้งเพื่อขจัดความอยุติธรรม พร่าเกียรติและศักดิ์ศรีเจ้าหญิงผู้สง่างามให้พลิกผันเป็นเพียงนางบำเรอชั้นต่ำ!นาง...เจ็บเจียนตายแต่หัวใจกลับรักเขาเขา…แค้นฝังใจแต่มิอาจปล่อยมือจากนางบทสรุปความรักจะเป็นเช่นไร...รักฤาชัง

    มายามรณะ
    รางนาก
    www.mebmarket.com
    ภาพหลอน! ความกลัว! ความตาย! และความสิ้นหวัง! ประดังเข้าสาดซัดนางเอกสาวดาวรุ่งราวกับห่าฝนในคืนเดือนมืด เมื่อมือที่มองไม่เห็นยื่นมากระชากชีวิตของหญิงสาวให้เปลี่ยนไปตลอดกาล...

    มะนาวซ่อนหวาน
    สะมะเรีย
    www.mebmarket.com
    ใครๆ ต่างพากันตั้งฉายาให้ มะนาว ว่า...ไฮโซขาวีน และ ไฮโซมือตบแต่...อย่าได้แคร์สื่อ เธอยังคงสวย เริด เชิด หยิ่งจนกระทั่งผู้เป็นบิดาต้องงัดไม้เด็ดมาปราบลูกสาวหัวดื้อทางด้าน เตชธรรม ถึงกับกุมขมับเมื่อได้รับมอบหมายให้ดัดนิสัยยายตัวร้ายที่เขาให้คำจัดความว่าตั้งแต่แรกเห็นว่า‘ชอบเที่ยวกลางคืน ยั่วยวนผู้ชาย ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว’ชายหนุ่มจึงงัดสารพัดวิธีที่มั่นใจว่าได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ออกมาจัดการทว่า...ผิดคาด เมื่อมะนาวลูกนี้ไม่ได้มีดีแค่ความเปรี้ยวซ่าอย่างที่คิดและกว่าจะรู้ตัวว่า...ผิดแผน หัวใจก็ลิ้มรสหวานจนถอนตัวถอนใจไม่ขึ้นเสียแล้ว

    มนตราสีกุหลาบ
    สะมะเรีย
    www.mebmarket.com
    มนตราแห่งเพตรา ดลบันดาลให้หัวใจสองดวงผูกพัน ก่อเกิดเป็นความรักร้อนแรงจนแม้แต่แสงจากดวงอาทิตย์ก็มิอาจเทียบ หลังจากผิดหวังในความรัก ยี่สุ่น...หญิงสาววัยเบญจเพสจึงตัดสินใจเดินทางมายังจอร์แดนตามคำชักชวนของมารดา พร้อมความเชื่อมั่นว่าสักวันหนึ่งเธอจะได้พบรักแท้ และเมื่อเธอมาถึงนครเพตรา?นครศิลาสีชมพู เธอก็ได้พบรัฟฟาน หนุ่มจอร์แดนมาดเข้ม เธอหลงคิดว่าเขาเป็นไกด์พื้นเมืองจึงใช้งานเขาสารพัด รัฟฟาน... ตำรวจสากลผู้ได้รับมอบหมายให้มาสืบหาแหล่งผลิตยาเสพติดที่นครเพตรา ยินยอมเป็นไกด์ให้ยี่สุ่นเพราะต้องการปลอมตัวให้แนบเนียน ไม่เป็นที่สงสัยของคนร้าย แต่นักท่องเที่ยวสาวกลับทำให้เขาต้องคิดทบทวนว่าเขาคิดผิดหรือไม่ที่ยอมเป็นไกด์ให้เธอ เพราะเธอเปิ่นและบ้าดีเดือดชนิดไม่มีใครเหมือน ซ้ำยังทำให้หัวใจเขาหวั่นไหว ท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ ความรักได้ก่อเกิดขึ้นจากความใกล้ชิด พร้อมกับอันตรายที่คืบคลานเข้ามาให้เขากับเธอร่วมกันฟันฝ่า เพื่อพิสูจน์ว่ารักแท้มีอยู่จริง +++++++++++++“ผมต้องทำยังไงคุณถึงจะเชื่อว่าผมไม่ได้ตั้งใจลวนลามคุณ ผมแค่เข้ามาปลุกคุณไปกินอาหารเย็น” รัฟฟานหัวเสียไม่น้อย นี่ล่ะเขาถึงไม่อยากมีแฟนเพราะรำคาญผู้หญิงที่ชอบพูดไม่รู้เรื่อง เอะอะก็โวยวายเอาไว้ก่อนไม่เคยฟังเหตุผลอะไรเลยสักอย่างเดียว“ฉันไม่เชื่อ”“ถ้าอย่างนั้นผมจะทำให้ดู”“คุณ...”รัฟฟานไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวโวยวายไปมากกว่านี้ เขาปิดปากอิ่มได้รูปด้วยริมฝีปากเรียวอย่างรวดเร็ว ยี่สุ่นพยายามโวยวายแต่กลับเป็นการเปิดเรียวปากให้ชายหนุ่มแทรกลิ้นร้อนเข้าไปตวัดเร้าควานหาความหอมหวานจากปากนุ่มสีกุหลาบ ยี่สุ่นสั่นไปหมดทั้งตัว หัวสมองหนักอึ้ง รู้สึกเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ แต่แล้วเขาก็เติมเต็มลมหายใจให้เธอพร้อมๆ กับฉกฉวยมันไป สลับไปมาจนเธอชาวาบจนถึงปลายเท้า แข้งขาอ่อนแรงจนแทบยืนไม่ติดพื้น เมื่อเขาบดจูบเร่าร้อนยาวนานจนเธอเผลอกอดตอบเขาและเผลอ...จูบตอบเขาอย่างไร้เดียงสารัฟฟานผละออกจากริมฝีปากอิ่มอย่างเสียดาย ยี่สุ่นทรุดฮวบลงไปกองที่พื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง คิดหาคำพูดหรือคำด่าทอไกด์หนุ่มไม่ถูก นั่งบื้อใบ้หัวสมองมึนงงด้วยความสับสน“คราวนี้เชื่อหรือยังว่าผมมาปลุกคุณให้ตื่นไปรับประทานอาหารเย็น ไม่ได้ตั้งใจเข้ามาลวนลาม เพราะถ้าผมตั้งใจจะทำ...ผมจะทำแบบเมื่อครู่นี้ เอาละ...อีกสิบห้านาทีผมจะกลับเข้ามารับ อย่าช้าล่ะเพราะที่นี่จัดอาหารเย็นแบบบุฟเฟต์หากเกินเวลาไปมากกว่านี้อาจไม่เหลืออะไรให้คุณกิน” พูดจบเขาก็เดินออกไปทิ้งให้หญิงสาวนั่งหน้าแดงก่ำจูบแรกของฉัน...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×