ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เสน่หาอินคา

    ลำดับตอนที่ #14 : บทที่3 มาชูปิกชู [3]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 672
      9
      17 พ.ย. 60







    “แค่ทอผ้าไม่เห็นต้องคัดผู้หญิงมาเป็นนางห้ามเลยนะคะ” หญิงสาวบ่นงึมงำอย่างไม่ชอบใจ โซลาโน่ไม่ได้ตอบเขายิ้มน้อยๆ แล้วมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของหญิงสาวด้วยความเอ็นดู

     

    “มาถึงเขตที่สามกันบ้าง นั่นก็คือเขตเมืองนั่นเอง โดยในส่วนนี้จะมีกำแพงกั้นระหว่างเขตเกษตรกรรม และเขตศาสนาออกจากกันอย่างชัดเจน ภายในเขตเมืองยังแบ่งย่อยออกเป็นเขตที่ประทับของกษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่ตั้งของวิหารองค์สุริยเทพซึ่งเป็นเขตศักดิ์สิทธิ์ โดยแยกบ้านพักข้าราชบริพาร โรงครัว โรงอาบน้ำ ออกเป็นสัดส่วนชัดเจน รวมสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้ประมาณ 140 หลังเลยทีเดียว โดยตรงกลางของเขตนี้เป็นลานกว้างสำหรับทำพิธีต่างๆ”

     

    หญิงสาวพยักหน้าฟังโซลาโน่อธิบายถึงส่วนต่างๆ ของมาชูปิกชูด้วยความตั้งใจ ระหว่างนั้นก็เหลียวมองสิ่งก่อสร้างรอบตัวด้วยดวงตาเป็นประกายวาววับ “รีรู้สึกรักที่นี่จังเลยค่ะอาจารย์ ไม่รู้ว่าทำไม รีถึงรู้สึกราวกับว่า...”

     

    “ราวกับอะไรหรือครับคุณรี”

     

    “ไม่ทราบเหมือนกันค่ะอาจารย์ รีอธิบายไม่ถูก มันรู้สึกอัดแน่นอยู่ในอก ตื้นตันจนพูดไม่ออก และในบางครั้งก็รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้” หญิงสาวอธิบายด้วยน้ำเสียงขบขันกลบเกลื่อนความรู้สึกสับสนภายในใจ

     

             ยาบารีวางฝ่ามือลงบนแผ่นหินแล้วค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงช้าๆ ซึมซับมนตร์ขลังของนครสาบสูญแห่งอินคาเนิ่นนาน ทว่าการหลับตานั้นกลับทำให้หญิงสาวเห็นภาพซ้อนทับบางอย่าง...

     

             ตัวเธอในชุดสีแดงเหลืองสดใส สวมหมวกสีทองทรงกลมยืนอยู่ข้างผู้ชายคนหนึ่ง ชายคนนั้นหันหลังมองไปข้างหน้า ชายหนุ่มสูงกว่าเธอมาก แผ่นหลังของเขากว้าง ผิวสีแทน ผมสีดำหยักศกยาวประบ่า สวมชุดสีครามสลับเขียวไข่กา มีผ้าคลุมสีแดงชาดกลัดด้วยเข็มกลัดทองคำแท้รูปพระอาทิตย์ ที่หัวเข่ามีพู่สีแดงผูกรัดไว้ทั้งสองข้าง สวมรองเท้าหนังสานด้วยเชือกรัดข้อเท้าไว้แน่น ที่มือถือหอกเหล็กปลายหอกทำด้วยทองคำ ชายคนนั้นค่อยๆ หันหน้ามาหาเธอช้าๆ

     

             ยาบารี...

     

             “คุณรีครับ”

     

             หญิงสาวลืมตาขึ้นด้วยอาการเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น ภาพเมื่อครู่มันคืออะไรกัน ผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว เธอมองเห็นหน้าเขาได้ไม่ถนัดนัก แต่เธอจำเสียงของเขาได้อย่างแม่นยำ

     

             “ไหวมั้ยครับคุณรี หน้าคุณซีดมาก ผมคิดว่าคุณไม่ไหวแน่ๆ” โซลาโน่จำต้องเรียกเพราะเห็นหญิงสาวยืนหลับตานิ่งอยู่เป็นนานสองนาน นานจนเขานึกกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไปเสียก่อน

     

             “รีไม่เป็นอะไรค่ะอาจารย์” หญิงสาวฝืนยิ้มให้ชายหนุ่ม ก่อนจะเดินขึ้นบันไดหินไปทีละขั้นช้าๆ ขั้นบันไดค่อนข้างกว้างปลูกหญ้าลดหลั่นกันลงไป ตามขั้นบันไดมีตัวอัลปากา และตัวยามา[1] เล็มหญ้าอยู่ตามแต่ละขั้น หญิงสาวเดินไปหยุดยืนมองเจ้าตัวอัลปากาแล้วทรุดตัวนั่งลงบนขั้นบันไดช้าๆ

     

             จากจุดที่หญิงสาวนั่งอยู่ มองเห็นบันไดทอดยาวลงไปยังด้านล่าง รอบตัวคือภูเขาสูงซึ่งก้อนเมฆลอยต่ำปกคลุมยอดเขาบางส่วนเอาไว้ อากาศเย็นทำให้หญิงสาวอาการดีขึ้นมาก

     

             “ว้าย!

     

             หญิงสาวตกใจเมื่อจู่ๆ เจ้าตัวอัลปากาก็เดินมาแทะหมวกและกระเป๋าเป้ของเธอ เมื่อหายตกใจหญิงสาวก็หัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี เมื่อเห็นว่าเจ้าอัลปากาสีน้ำตาลขนฟูเชื่องกว่าที่คิดไว้ เธอก็ยื่นมือไปจับขนของมันแล้วค่อยๆ ลูบ

     

             “เจ้าตัวนี้สงสัยมันจะชอบคุณรี” โซลาโน่เดินมานั่งลงข้างๆ หญิงสาว เมื่อเห็นว่าใบหน้าหวานมีเลือดฝาดขึ้นบ้างก็เบาใจ

     

             “แหมน่ารักแบบนี้ อยากขโมยกลับบ้านจริงๆ เลย” หญิงสาวมองตัวอัลปากาด้วยความเอ็นดู บอกไม่ถูกว่าเจ้าตัวนี้มันมีลักษณะอย่างไรกันแน่ ตัวมันอ้วนกว่าแกะ รูปหน้าลำคอยาวคล้ายอูฐแต่มีขนหนานุ่ม

     

             “เจ้าพวกนี้มันฉลาดมากครับ ถ้าเลี้ยงดีๆ แล้วรู้จักสอนมันซ้ำๆ มันก็จะสามารถทำตามที่เราบอกได้”

     

             “ฉลาดเสียด้วยสิ” เธอยิ้มพลางยื่นมือไปจับขนหนานุ่มของมัน หลังจากนั่งพักผ่อน ทอดสายตาชื่นชมวิวทิวทัศน์จนอาการดีขึ้นมากแล้ว เธอจึงหันไปเอ่ยชวนโซลาโน่

     

             “เราออกเดินกันดีกว่าค่ะอาจารย์ รีอยากขึ้นไปดูหินอินติฮวนตานาค่ะ” หญิงสาวลุกขึ้นยืน บิดตัวเล็กน้อยเพื่อยืดเส้นยืดสาย เมื่อไม่มีเสียงเรียกปริศนานั่น ก็ทำให้เธอกลับมากระปรี้กระเปร่าพร้อมจะท่องเที่ยวอีกครั้ง

     

             “ถ้าอย่างนั้นเดินตามผมมาเลยครับคุณรี”

     



    [1] ยามา หรือ ลามา ชื่อวิทยาศาสตร์: Lama glama เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมในตระกูลอูฐของทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในวัฒนธรรมของชาวแอนดีสตั้งแต่สมัยก่อนการเข้ามาของชาวสเปน

      ส่วนสูงในช่วงโตเต็มวัยอยู่ที่ระหว่าง 1.70 เมตร ถึง 1.80 เมตร โดยวัดจากส่วนบนสุดของหัว พวกมันมีน้ำหนักตัวอยู่ระหว่าง 130-200 กิโลกรัม ยามาเป็นสัตว์สังคมและอาศัยร่วมกับยามาตัวอื่นๆ ในลักษณะของฝูงสัตว์ ขนสัตว์ที่ผลิตจากยามาจะมีความนุ่มมากและปราศจากลาโลนิน (ไขจากขนสัตว์) ยามาเป็นสัตว์ที่เฉลียวฉลาดและสามารถเรียนรู้งานง่ายๆ ได้หลังจากทำซ้ำเพียงไม่กี่ครั้ง เมื่อแบกสัมภาระ ยามาสามารถแบกสิ่งของได้ราวร้อยละ 25-30 ของน้ำหนักตัวในการเดินทางในระยะ 8-13 กิโลเมตร 










    เสน่หาอินคา
    เพียงฤทัย
    www.mebmarket.com
    ยาบารี ยาบารี ที่รักของข้า? เสียงเรียกอันแสนคุ้นเคยของใครบางคนที่ ยาบารี หญิงสาวลูกครึ่งไทย-เปรู ฝันถึงตั้งแต่ครั้งแรกที่เดินทางมายังเปรูดินแดนต้นกำเนิดอาณาจักรอินคาที่เธอหลงใหล เสียงปริศนาดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในยามหลับและยามตื่นราวกับกำลังเรียกเธอให้ไปหา... แล้วปาฏิหาริย์ก็ชักนำให้เธอหลงกาลเวลาไปยังอาณาจักรอินคา ดินแดนแห่งทองคำเมื่อสี่ร้อยกว่าปีก่อน ด้วยสร้อยพระอาทิตย์ของสำคัญที่บิดาทิ้งไว้ให้ก่อนจะเสียชีวิต ณ ที่แห่งนี้ เธอได้พบและผูกพันหัวใจไว้กับเจ้าชายทูปัก วีรา เจ้าชายหมอผู้สูงศักดิ์ ท่ามกลางสงครามและยุคสมัยแห่งการล่มสลายของอาณาจักรที่รุ่งเรือง หญิงสาวผู้มาจากอนาคตและเจ้าชายหนุ่มจะร่วมกันแก้ไขหน้าประวัติศาสตร์ได้หรือไม่ แล้วเธอจะหาทางกลับมายังปัจจุบันได้อย่างไร เมื่อยังมีสายสัมพันธ์รักอันยิ่งใหญ่กับชายสูงศักดิ์เกี่ยวกระหวัดให้หัวใจมิอาจลืมเลือน ***ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจากหัวใจรัก นำพาให้คนทั้งสองได้พบเพื่อจาก และพรากเพื่อเจอ ตราบใดที่หัวใจทั้งสองดวงยังคงร้อยรัดด้วยสายใยแห่งรักและผูกพัน ปาฏิหาริย์จะชักพาหัวใจทั้งสองดวงให้กลับมาเคียงคู่กันในสักวัน

    ซากุระผลิที่กลางใจ
    เพียงฤทัย
    www.mebmarket.com
    หลิวหลุดเข้าไปใน 'ยุคสมัยเฮอัน' ซึ่งย้อนอดีตไปถึงพันปีเหตุการณ์กลับตาลปัตรเมื่อเธอกลายเป็นคุณหนูของคฤหาสน์อาจิไซ บุตรีขององคมนตรีชั้นเอกผู้เป็นข้ารองบาทขององจักรพรรดิในขณะเรื่องราวผิดฝาผิดตัวสร้างความโกลาหลวุ่นวายหัวใจของหญิงสาวก็เบ่งบานไม่ต่างจากดอกซากุระ

    ดวงใจปฏิพัทธ์
    สะมะเรีย
    www.mebmarket.com
    เลือดต้องล้างด้วยเลือด จักต้องแผดเผาศัตรูให้พินาศย่อยยับแต่เหตุใดเล่า... เมื่อเห็นนางเจ็บ เขากลับเจ็บยิ่งกว่า! องครักษ์หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำเงิน ผู้ที่เข้ามาทำให้โลกของเจ้าหญิงครีษมาสดใส นางหลงรักเขาอย่างหมดหัวใจ ทว่าการที่องครักษ์หนุ่มเข้ามาใกล้ชิดนางนั้นกลับเต็มไปด้วยเงื่อนงำ... เมื่อองครักษ์หนุ่มคืนสู่ศักดิ์อันแท้จริง เขาคือเจ้าชายภานรินทร์ที่หายสาบสูญ เขากลับมาอีกครั้งเพื่อขจัดความอยุติธรรม พร่าเกียรติและศักดิ์ศรีเจ้าหญิงผู้สง่างามให้พลิกผันเป็นเพียงนางบำเรอชั้นต่ำ!นาง...เจ็บเจียนตายแต่หัวใจกลับรักเขาเขา…แค้นฝังใจแต่มิอาจปล่อยมือจากนางบทสรุปความรักจะเป็นเช่นไร...รักฤาชัง

    มายามรณะ
    รางนาก
    www.mebmarket.com
    ภาพหลอน! ความกลัว! ความตาย! และความสิ้นหวัง! ประดังเข้าสาดซัดนางเอกสาวดาวรุ่งราวกับห่าฝนในคืนเดือนมืด เมื่อมือที่มองไม่เห็นยื่นมากระชากชีวิตของหญิงสาวให้เปลี่ยนไปตลอดกาล...

    มะนาวซ่อนหวาน
    สะมะเรีย
    www.mebmarket.com
    ใครๆ ต่างพากันตั้งฉายาให้ มะนาว ว่า...ไฮโซขาวีน และ ไฮโซมือตบแต่...อย่าได้แคร์สื่อ เธอยังคงสวย เริด เชิด หยิ่งจนกระทั่งผู้เป็นบิดาต้องงัดไม้เด็ดมาปราบลูกสาวหัวดื้อทางด้าน เตชธรรม ถึงกับกุมขมับเมื่อได้รับมอบหมายให้ดัดนิสัยยายตัวร้ายที่เขาให้คำจัดความว่าตั้งแต่แรกเห็นว่า‘ชอบเที่ยวกลางคืน ยั่วยวนผู้ชาย ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว’ชายหนุ่มจึงงัดสารพัดวิธีที่มั่นใจว่าได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ออกมาจัดการทว่า...ผิดคาด เมื่อมะนาวลูกนี้ไม่ได้มีดีแค่ความเปรี้ยวซ่าอย่างที่คิดและกว่าจะรู้ตัวว่า...ผิดแผน หัวใจก็ลิ้มรสหวานจนถอนตัวถอนใจไม่ขึ้นเสียแล้ว

    มนตราสีกุหลาบ
    สะมะเรีย
    www.mebmarket.com
    มนตราแห่งเพตรา ดลบันดาลให้หัวใจสองดวงผูกพัน ก่อเกิดเป็นความรักร้อนแรงจนแม้แต่แสงจากดวงอาทิตย์ก็มิอาจเทียบ หลังจากผิดหวังในความรัก ยี่สุ่น...หญิงสาววัยเบญจเพสจึงตัดสินใจเดินทางมายังจอร์แดนตามคำชักชวนของมารดา พร้อมความเชื่อมั่นว่าสักวันหนึ่งเธอจะได้พบรักแท้ และเมื่อเธอมาถึงนครเพตรา?นครศิลาสีชมพู เธอก็ได้พบรัฟฟาน หนุ่มจอร์แดนมาดเข้ม เธอหลงคิดว่าเขาเป็นไกด์พื้นเมืองจึงใช้งานเขาสารพัด รัฟฟาน... ตำรวจสากลผู้ได้รับมอบหมายให้มาสืบหาแหล่งผลิตยาเสพติดที่นครเพตรา ยินยอมเป็นไกด์ให้ยี่สุ่นเพราะต้องการปลอมตัวให้แนบเนียน ไม่เป็นที่สงสัยของคนร้าย แต่นักท่องเที่ยวสาวกลับทำให้เขาต้องคิดทบทวนว่าเขาคิดผิดหรือไม่ที่ยอมเป็นไกด์ให้เธอ เพราะเธอเปิ่นและบ้าดีเดือดชนิดไม่มีใครเหมือน ซ้ำยังทำให้หัวใจเขาหวั่นไหว ท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ ความรักได้ก่อเกิดขึ้นจากความใกล้ชิด พร้อมกับอันตรายที่คืบคลานเข้ามาให้เขากับเธอร่วมกันฟันฝ่า เพื่อพิสูจน์ว่ารักแท้มีอยู่จริง +++++++++++++“ผมต้องทำยังไงคุณถึงจะเชื่อว่าผมไม่ได้ตั้งใจลวนลามคุณ ผมแค่เข้ามาปลุกคุณไปกินอาหารเย็น” รัฟฟานหัวเสียไม่น้อย นี่ล่ะเขาถึงไม่อยากมีแฟนเพราะรำคาญผู้หญิงที่ชอบพูดไม่รู้เรื่อง เอะอะก็โวยวายเอาไว้ก่อนไม่เคยฟังเหตุผลอะไรเลยสักอย่างเดียว“ฉันไม่เชื่อ”“ถ้าอย่างนั้นผมจะทำให้ดู”“คุณ...”รัฟฟานไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวโวยวายไปมากกว่านี้ เขาปิดปากอิ่มได้รูปด้วยริมฝีปากเรียวอย่างรวดเร็ว ยี่สุ่นพยายามโวยวายแต่กลับเป็นการเปิดเรียวปากให้ชายหนุ่มแทรกลิ้นร้อนเข้าไปตวัดเร้าควานหาความหอมหวานจากปากนุ่มสีกุหลาบ ยี่สุ่นสั่นไปหมดทั้งตัว หัวสมองหนักอึ้ง รู้สึกเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ แต่แล้วเขาก็เติมเต็มลมหายใจให้เธอพร้อมๆ กับฉกฉวยมันไป สลับไปมาจนเธอชาวาบจนถึงปลายเท้า แข้งขาอ่อนแรงจนแทบยืนไม่ติดพื้น เมื่อเขาบดจูบเร่าร้อนยาวนานจนเธอเผลอกอดตอบเขาและเผลอ...จูบตอบเขาอย่างไร้เดียงสารัฟฟานผละออกจากริมฝีปากอิ่มอย่างเสียดาย ยี่สุ่นทรุดฮวบลงไปกองที่พื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง คิดหาคำพูดหรือคำด่าทอไกด์หนุ่มไม่ถูก นั่งบื้อใบ้หัวสมองมึนงงด้วยความสับสน“คราวนี้เชื่อหรือยังว่าผมมาปลุกคุณให้ตื่นไปรับประทานอาหารเย็น ไม่ได้ตั้งใจเข้ามาลวนลาม เพราะถ้าผมตั้งใจจะทำ...ผมจะทำแบบเมื่อครู่นี้ เอาละ...อีกสิบห้านาทีผมจะกลับเข้ามารับ อย่าช้าล่ะเพราะที่นี่จัดอาหารเย็นแบบบุฟเฟต์หากเกินเวลาไปมากกว่านี้อาจไม่เหลืออะไรให้คุณกิน” พูดจบเขาก็เดินออกไปทิ้งให้หญิงสาวนั่งหน้าแดงก่ำจูบแรกของฉัน...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×