คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : บทที่ 4 หลงกาลเวลา [2]
ร่างบางทรุดฮวบลงนั่งกับพื้น
หอบหายใจแรงด้วยความเหนื่อยล้า เธอเดินไปเรื่อยๆ
อย่างไร้จุดหมายจนมาพบชายวัยกลางคนค่อนข้างเจ้าเนื้อแต่งกายด้วยเสื้อผ้าอินคาโบราณ
แบกเครื่องมือคล้ายจอบพาดไหล่แล้วออกเดินด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง
“คุณลุงคะ”
หญิงสาววิ่งเข้าไปขอความช่วยเหลือจากชายวัยกลางคนทันที
“เจ้ามาจากไหน
แล้วมาที่นี่ได้อย่างไร ไม่รู้หรือว่าที่นี่เป็นเขตหวงห้าม
ห้ามชนเผ่าอื่นที่ไม่ใช่ชาวอินคาเข้ามาโดยเด็ดขาด”
ชายวัยกลางคนตำหนิเสียงเข้มทว่ายาบารีไม่เข้าใจ
“หนูหลงทางค่ะ
คุณลุงช่วยพาหนูไปส่งที่โรงแรมในอูรูบัมบาได้มั้ยคะ
ถ้าไปตรงนั้นหนูพอจะโทรศัพท์บอกให้คุณย่าของหนูมารับได้บ้าง” หญิงสาวปล่อยโฮร้องไห้ฟูมฟาย
เพราะเดินจนค่อนวัน เธอหลงวนไปมาอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าควรจะเดินไปทางไหน
แล้วสติหญิงสาวก็แทบกระเจิงเมื่อพบว่าเธอเดินหลงวนกลับมาที่เดิม
“มาจากเผ่าไหนล่ะนี่ เผ่าชันคา
หรือว่ามันตา”
“ชันคาหรือคะ”
หญิงสาวทวนคำด้วยความสงสัย
“คนชันคางั้นเหรอ เจ้ามาอยู่ที่นี่ไม่ได้
ต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
ยาบารีส่ายหน้าด้วยไม่เข้าใจว่าชายวัยกลางคนพูดว่าอะไร
ชายวัยกลางคนเองเมื่อเห็นน้ำตาของหญิงสาวก็เงอะงะทำอะไรไม่ถูก จึงยืนนิ่งๆ
ปล่อยให้เธอร้องไห้อยู่แบบนั้นครู่ใหญ่
“หนูอยากกลับกุสโกค่ะ”
ตอนนี้เธอไม่อยากอยู่เที่ยวมาชูปิกชูแล้ว ไม่สนด้วยว่าอาจารย์โซลาโน่จะอยู่ที่ไหน
ในเมื่อเขาใจดำทิ้งเธอไว้คนเดียวแบบนี้ เธอก็ไม่จำเป็นต้องสนใจเขาอีก
ดังนั้นเธอจะกลับไปหาคุณย่าโรมีนาที่กุสโกให้เร็วที่สุด
“กุสโกงั้นหรือ
เจ้ามาจากกุสโกสินะ” ชายวัยกลางคนพยักหน้าอย่างเข้าใจ ส่วนยาบารีเมื่อได้ยินคำว่ากุสโกก็รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“พรุ่งนี้ข้าจะเดินทางกลับกุสโกอยู่พอดี
ไปด้วยกันกับข้าก็แล้วกัน คืนนี้ข้าจะให้เจ้าพักที่บ้านข้า แต่เจ้าต้องสัญญาว่าจะไม่เดินเพ่นพ่านจนใครมาเห็นเข้า”
ชายวัยกลางคนมองหญิงสาวที่ยืนทำหน้าตาเหลอหลาไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ยืนคุยกันตรงนี้คงไม่ได้ความ
ตามข้ามาก็แล้วกัน” ชายร่างท้วมเดินนำหน้าแล้วกวักมือเรียกให้หญิงสาวเดินตาม
ยาบารีไม่มีทางเลือก
เธอไม่รู้หรอกว่าชายวัยกลางคนที่เดินนำหน้าเธออยู่ในขณะนี้ไว้ใจได้หรือไม่
เธอเชื่อในสัญชาตญาณ เธอเชื่อว่าเขาไม่ใช่คนไม่ดี
แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับการหลงทาง
ชายวัยกลางคนพาหญิงสาวเดินลัดเลาะผ่านเรือกสวนไร่นามาพอสมควร
แล้วบ้านที่สร้างจากการซ้อนทับด้วยหิน ฉาบด้วยดินโคลนขนาดเล็กก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า
ชายวัยกลางคนเดินเข้าไปพลางกวักมือให้หญิงสาวเดินตามมา ทว่ายาบารีส่ายหน้าเธอจะไว้ใจผู้ชายคนนี้ได้อย่างไร
“เข้ามาเร็วเข้าแม่หนู
จะมัวยืนอยู่แบบนั้นไม่ได้”
ทว่ายาบารีไม่เข้าใจสิ่งที่ชายวัยกลางคนพูด
จังหวะนั้นมีกลุ่มชาวบ้านเดินใกล้เข้ามา เสียงพูดคุยดังแทรกความเงียบ
ชายวัยกลางคนเห็นท่าไม่ค่อยดีจึงรีบดึงมือหญิงสาวให้ตามเข้าไปในบ้าน
“อย่า!
ปล่อยนะ มาจับตัวฉันทำไม” หญิงสาวพยายามดิ้น
ทว่าชายวัยกลางคนซึ่งแข็งแรงกว่ากลับปิดปากเธอไว้ แล้วเอานิ้วมือทำท่าเชือดคอ
ยาบารีจึงเงียบแม้จะไม่รู้ว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร
แต่ก็รู้สึกได้ว่ามันต้องเป็นเรื่องอันตรายแน่ๆ
เธอลอบมองออกไป เห็นชาวบ้านแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองเดินมาเป็นกลุ่ม
ทุกคนถืออุปกรณ์ที่คงเอาไว้ใช้ทำการเกษตร เดาว่าคงเพิ่งกลับจากไร่
เพราะพูดคุยกันไม่นานต่างคนก็ต่างแยกย้ายเข้าไปในบ้านที่มีลักษณะคล้ายบ้านที่เธอยืนอยู่ในขณะนี้
เมื่อยาบารีพบว่าเขาไม่ได้ทำร้ายเธอ
เธอจึงมองไปรอบๆ บ้าน ด้านในไม่มีเฟอร์นิเจอร์หรือแม้แต่โทรทัศน์สักเครื่อง
ไม่มีเตียงนอนมีแต่เศษผ้าขนสัตว์ที่เธอเดาว่าคงไว้ใช้เป็นผ้าห่ม
บ้านที่ไม่มีประตูเปิดโล่งอย่างไม่กลัวโจร
บ้านแบบนี้...เหมือนอย่างที่เธอเคยอ่านในหนังสือ
บ้านของชาวอินคาโบราณ นั่งนอนบนพื้นดิน เพราะบ้านเป็นเพียงแค่ที่หลบแดดหลบฝนและพักผ่อน
ไม่มีประตู เนื่องจากในยุคสมัยนั้นไม่มีการขโมยไม่มีโจรลักทรัพย์บ้านคนอื่น
เพราะชาวบ้านจะไม่มีสิทธิ์มีสมบัติติดตัวมากนัก
“คุณลุงคะ
ที่นี่คือหมู่บ้านอนุรักษ์เหรอคะ
แล้วมีเจ้าหน้าที่ที่พอจะพูดภาษาสเปนได้บ้างมั้ยคะ” หญิงสาวพยายามสื่อสารโดยพูดช้าๆ
หวังว่าชายวัยกลางคนจะฟังที่เธอพูดออกบ้าง ทว่าสีหน้าและท่าทางของเขาก็แทนคำตอบได้เป็นอย่างดี...ว่าเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่หญิงสาวพูดเลยแม้แต่น้อย
“ว่าแต่เจ้าชื่ออะไรล่ะแม่หนู”
ชายร่างท้วมมองหญิงสาวแล้วเอ่ยถามชื่อ ทว่าเผ่าชันคาคงฟังภาษาเกชัวไม่ออก ดังนั้นเขาจึงชี้ที่ตัวเขาแล้วบอกชื่อตัวเองออกไป
“โรปา”
ยาบารียังคงนิ่วหน้า
จนกระทั่งลุงร่างท้วมชี้ที่ตัวเองแล้วย้ำอีกครั้ง
“โรปา ฉันชื่อโรปา
แล้วหนูชื่ออะไร” ชี้ตัวเองแล้วก็ชี้ที่หญิงสาว ยาบารีเห็นดังนั้นก็ยิ้มกว้าง
เมื่อเข้าใจแล้วว่าคุณลุงต้องการจะถามชื่อเธอนั่นเอง
“ยาบารี”
หญิงสาวชี้ตนเองแล้วย้ำหลายครั้ง
“โรปา” ชายวัยกลางคนชี้ตนเอง
และเมื่อชี้หญิงสาวก็เอ่ยเรียกเธอว่า “ยาบารี” ก่อนจะหัวเราะชอบใจ “ชื่อเพราะมาก
หิวหรือยัง หิว...” โรปาเอามือลูบท้องตนเอง และทำท่าเหมือนหยิบอะไรเข้าปาก
“หิว” หญิงสาวทวนคำพูดเป็นภาษาท้องถิ่น
โรปาได้ยินดังนั้นก็ยิ้มแก้มแทบปริ เมื่อหญิงสาวสอนง่าย ดูเข้าใจอะไรต่างๆ ได้ดี
ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกรักและถูกชะตา
อาจเป็นเพราะยาบารีมีส่วนคล้ายกับลูกสาวที่เสียชีวิตไปแล้วของเขานั่นเอง
“รอ...รอตรงนี้ ห้ามออกไปข้างนอก
เดี๋ยวฉันมา” โรปาจับไหล่แล้วกดให้หญิงสาวนั่งลงบนพื้น
ทำท่าทางภาษากายให้หญิงสาวเข้าใจ
“รอ...ตรงนี้ เดี๋ยวฉันมา”
ยาบารีทวนคำพูดของโรปาตามที่เธอพอจะจำได้ โรปาได้ยินดังนั้นก็หัวเราะถูกใจ
แล้วเดินออกจากบ้านไป เมื่อโรปาเดินออกไปแล้ว ยาบารีจึงเดินสำรวจรอบๆ บ้าน
ระหว่างที่เธอยังไม่สามารถกลับไปกุสโกได้ เธอคงต้องอยู่กับโรปาไปสักพัก
แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะเธอจะได้เรียนรู้ภาษาพื้นเมืองไปด้วยในตัว
|
|
|
|
|
|
ความคิดเห็น