คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 1 มาตุภูมิ [3]
กุสโก...เป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยหุบเขาทอดยาวสลับทับซ้อน
หากจะเรียกว่าทะเลภูเขาเห็นจะไม่ผิดนัก เพราะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ภูเขา บ้านเรือนส่วนใหญ่ปลูกตามเนินเขาลดหลั่นลงมา
หญิงสาวหยีตาเพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงแดดจ้า
อากาศยามเที่ยงวันนั้นร้อนเสียจนเธอต้องหยิบหมวกปีกกว้างขึ้นมาสวมใส่
จากคำบอกเล่าของโซลาโน่ หากเป็นตอนกลางวัน กุสโกจะค่อนข้างร้อนเพราะอยู่ในตำแหน่งสูงและใกล้พระอาทิตย์มากที่สุด
และจากผลการสำรวจกุสโกยังเป็นเมืองที่ได้รับรังสียูวีมากที่สุดในโลกอีกด้วย
มากยิ่งกว่าประเทศออสเตรเลียและประเทศนิวซีแลนด์
ซึ่งพบช่องโหว่ของชั้นโอโซนเสียอีก
เพราะเมืองกุสโกได้รับแสงแดดและรังสียูวีมากกว่าถึงสองเท่าเลยทีเดียว
ทว่าเรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาของคนที่นี่
นั่นเพราะพวกเขาเชื่อว่า บรรพบุรุษของพวกเขาได้สืบทอดเชื้อสายมาจากองค์สุริยเทพ
ดังที่ปรากฏในประวัติศาสตร์อินคา กษัตริย์พระองค์แรกของอาณาจักรอินคามีพระนามว่า แมนโค ซึ่งเป็นพระโอรสขององค์สุริยเทพ...
หญิงสาวยกมือขึ้นวางไว้บริเวณกลางอก สร้อยคอซึ่งมีจี้รูปพระอาทิตย์ที่บิดาให้เธอใส่ติดตัวไว้ เป็นเครื่องยืนยันได้ว่ายังมีประชาชนอีกมากมายที่ยังคงเคารพและบูชาพระอาทิตย์อยู่
“หากมองจากแผนที่
เมืองกุสโกซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของชาวอินคาจะมีรูปร่างคล้ายเสือพูมาครับ”
โซลาโน่พูดขึ้นขณะเดินนำหญิงสาวเข้ามาในซอยไม่ใหญ่นัก
“เสือพูมา ชาวอินคาถือว่าเสือพูมาเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ใช่มั้ยคะคุณโซลาโน่” หญิงสาวจำได้ เพราะเรื่องนี้เธอเคยอ่านพบในนิตยสารสารคดีกึ่งประวัติศาสตร์
“ใช่แล้วครับ”
ชายหนุ่มพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะชี้ไปข้างหน้า “ถึงแล้วครับ บ้านคุณย่าโรมีนา”
ตรอกเล็กๆ
ปูพื้นด้วยอิฐตัวหนอนทอดยาวคดเคี้ยวไปตามเนินเขา บ้านเรือนที่นี่สามารถปลูกสร้างและปรับให้เข้ากับภูมิประเทศบริเวณนี้ได้อย่างดีเยี่ยม
ไม่เว้นแม้แต่บ้านคุณย่าของเธอซึ่งหากให้เธอเดินหาด้วยตัวเอง เธออาจหาไม่เจอ
เพราะบ้านเรือนส่วนใหญ่ของที่นี่ รูปทรงไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
หากจะแตกต่างก็อาจเป็นบ้านเศรษฐีสมัยใหม่
ซึ่งสร้างแยกออกไปย่านอื่นไม่ได้อยู่ในย่านนี้อย่างแน่นอน
ยาบารีสาวเท้ายาวตรงไปยังบ้านที่โซลาโน่ชี้บอก
หน้าบ้านมีกระถางต้นไม้สีส้มอิฐทรงสี่เหลี่ยมคางหมูขนาดยาว
ในกระถางมีดอกไม้สีสันสดใสดอกเล็กๆ
ช่วยให้บ้านหลังนี้จดจำได้ง่ายกว่าบ้านหลังอื่นๆ
บ้านของคุณย่าโรมีนาเป็นบ้านปูนชั้นเดียว จัดว่ามีฐานะปานกลางไม่ได้ยากจนแต่ก็ไม่ได้มั่งมีพอที่จะฟุ้งเฟ้อได้
หญิงสูงวัยผิวเข้มนั่งอยู่บนม้านั่งขนาดเล็กหน้าบ้านส่งยิ้มมายังหนุ่มสาวทั้งสองที่กำลังเดินมุ่งหน้าไปหาตน
“สวัสดีค่ะคุณย่า”
เพียงแค่เห็นเธอก็จำคุณย่าได้ในทันที
แม้จะไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน
แต่เพราะลักษณะการนั่งและรอยยิ้มที่หางตาของท่านช่างเหมือนกับบิดาเธอเหลือเกิน
เหมือนจนทำให้เธออดหวนระลึกถึงบิดาไม่ได้
ซึ่งความรู้สึกนี้ไม่ได้แตกต่างไปจากความรู้สึกของหญิงชราเลยแม้แต่น้อย
เมื่อได้เห็นใบหน้าหลานสาวซึ่งเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของบุตรชายคนเล็กซึ่งได้จากโลกนี้ไปสิบกว่าปีแล้ว
“เหมือนพ่อของหนูเหลือเกิน
ตัวจริงสวยกว่าในรูปจนย่าจำแทบไม่ได้”
ยาบารีตรงรี่เข้าสวมกอดย่าโรมีนา
มือเหี่ยวย่นลูบไปตามใบหน้าและลำตัวของหลานสาวอย่างสำรวจ
“หนูขอโทษนะคะ
ที่ไม่ได้มาเยี่ยมคุณย่าเลย”
ยาบารีดีใจที่เลือกเรียนภาษาสเปนเป็นภาษาที่สาม
เพราะมันทำให้เธอไม่ขัดเขินที่จะพูดคุยกับคุณย่าของเธอ
“ไม่เป็นไรหรอกลูก
แค่ย่าได้เจอหนูย่าก็ดีใจมากแล้ว มาสิ...ตามย่ามา มาดูสิว่าห้องที่ย่าจัดไว้ให้หนู
ถูกใจหรือเปล่า” ย่าโรมีนาลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง
ก้าวยาวปราดๆ อย่างคนสุขภาพแข็งแรง ยาบารีพยายามสังเกตว่าคุณย่าเจ็บป่วยตรงไหน
แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่พบ
กลับกัน...ย่าโรมีนาดูท่าแล้วจะมีสุขภาพแข็งแรงกว่าคนสูงอายุรุ่นราวคราวเดียวกันเสียอีก
“นี่ไงล่ะห้องของหนู”
ภายในตัวบ้านฉาบด้วยปูนสีส้มจางทั้งหลัง
อากาศค่อนข้างเย็นสบาย ห้องของเธอจัดไว้อย่างเรียบง่าย ด้านในมีเตียง ตู้เสื้อผ้า
และโต๊ะเครื่องแป้งเท่านั้น ยาบารียิ้มกว้างก่อนจะสวมกอดหญิงสูงวัยเอาไว้แน่น
“ขอบคุณมากค่ะคุณย่า
ความจริงคุณย่าไม่น่าลำบากเลย”
“ลำบากที่ไหนกัน ทำเพื่อหลานสาวแค่นี้ย่าทำได้อยู่แล้วละ” หญิงสูงวัยหัวเราะร่วนอย่างมีความสุข ก่อนจะขอตัวเดินเข้าไปในครัว
จังหวะที่ย่าโรมีนาไม่อยู่ ยาบารีจึงหันมาหาคนตัวสูงที่เอาแต่ยืนยิ้มไม่หุบ
“ตกลงคุณย่าป่วยเป็นอะไรหรือคะคุณโซลาโน่”
ชายหนุ่มดูไม่ตกใจกับคำถามเลยสักนิด
เขายิ้มกว้างจนตาคมเล็กหยี “คนแก่ก็แบบนี้แหละคุณ
สามวันดีสี่วันไข้ หรือคุณไม่ดีใจที่คุณย่าแข็งแรงขึ้นแล้ว”
ตอบกำกวมไม่พอยังย้อนถามเธอได้อย่างหน้าตาย
“ดีใจสิคะ
ฉันแค่เป็นห่วงกลัวว่าท่านจะเป็นอะไรมากกว่าที่เห็นภายนอก
แต่ถ้าเป็นโรคของคนแก่ฉันก็พอเข้าใจค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าเพราะเธอเองก็มีคุณยาย
อายุน่าจะพอๆ กับคุณย่าโรมีนา แต่ถ้าเทียบถึงความแข็งแรงคงแพ้ราบคาบเลยทีเดียว
“คุยอะไรกันอยู่ หนุ่มๆ
สาวๆ” ย่าโรมีนาเดินกลับมานั่งข้างๆ หลานสาว
พลางยื่นอัลบั้มรูปเก่า ๆ ขนาดเล็กส่งให้เธอ
หญิงสาวรับมาถือไว้ด้วยความแปลกใจ “รูปอะไรหรือคะคุณย่า”
“รูปพ่อของหนูตอนเด็กๆ
น่ะสิ หนูคงไม่เคยเห็นสินะ”
หญิงสูงวัยมองหลานสาวด้วยความเอ็นดู ยาบารีพยักหน้าช้าๆ
ราวกับว่าหากเธอพยักหน้าเร็วกว่านี้
น้ำตาที่คลอดวงตาทั้งสองข้างอยู่ในขณะนี้อาจจะหยาดหยดลงมาเสียกระนั้น
“ขอบคุณมากค่ะคุณย่า”
หญิงสาวเปิดดูรูปภาพบิดาในวัยเด็ก
พลางซักถามถึงเหตุการณ์ในรูปภาพ คนฟังตั้งใจรับฟังด้วยความใคร่รู้
สนุกราวกับเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์
ส่วนคนเล่านั้นยิ้มกว้างอย่างมีความสุขที่ได้นึกถึงเรื่องราววันวานครั้งเก่าก่อน
แม้ว่ามันจะผ่านมาหลายสิบปีแล้วก็ตาม ทว่ามันยังคงจารจำอยู่ในความทรงจำมิรู้คลาย
|
|
|
|
|
|
ความคิดเห็น