บทที่
1
มาตุภูมิ
สนามบินลิมา ประเทศเปรู
ในที่สุดการเดินทางกว่าสามสิบชั่วโมงก็สิ้นสุดลงเสียที
ยาบารีบิดขี้เกียจด้วยความเมื่อยขบก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากช่องผู้โดยสารขาเข้า
ยืนหันรีหันขวางอยู่พักใหญ่ แล้วชะเง้อมองหาป้ายชื่อของเธอแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พบ
หญิงสาวถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ถ้าหากนายโซลาโน่อะไรนั่นไม่มารับเธอ
เธอจะทำอย่างไร ในเมื่อเธอไม่รู้จักที่นี่เลย...
“คุณ”
เสียงทุ้มจากด้านหลังปลุกหญิงสาวให้ตื่นจากภวังค์
เธอหันไปตามเสียงเรียก เบิกตากลมโตด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆ ชายรูปร่างสูงใหญ่หนวดเครารุงรังก็โน้มตัวเข้าใกล้
ดึงกระเป๋าลากจากมือเธอไป
“เฮ้ย!”
หญิงสาวร้องเสียงหลง เบิกตากว้างด้วยความตกใจ
เมื่อตั้งสติได้หญิงสาวก็ปราดเข้าไปผลักเจ้าหัวขโมยทันที
แต่ขโมยร่างยักษ์หาได้สะทกสะท้านแต่อย่างใด
เพราะคนที่เซถอยหลังจนแทบล้มกลับเป็นเธอเสียเอง
“อย่านะ ไอ้หัวขโมย” ยาบารีไม่ยอมแพ้ ออกแรงยื้อยุดฉุดกระเป๋ากลับคืน
ก่อนจะบิดข้อมือหัวขโมยด้วยคาราเต้ที่เธอร่ำเรียนมา
“อ๊าก!”
หัวขโมยปล่อยกระเป๋าหลุดจากมือทันที ยาบารีก้มตัวลงเก็บกระเป๋าใบนั้นแล้วใช้กระเป๋าใบเขื่องฟาดลงไปที่ไหล่ของอีกฝ่ายเต็มแรง
ครานี้ได้ผลเมื่ออีกฝ่ายเสียหลักซวนเซจนเกือบจะล้มลง หญิงสาวจึงกระหน่ำฟาดไปที่ศีรษะและไหล่อีกหลายครั้ง
“โอ๊ย! มาตีผมทำไม ผมไม่ใช่ขโมยนะคุณ”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นปัดป้องเป็นพัลวันและพยายามอธิบาย
แต่ไม่ว่าจะตะโกนบอกยังไงหญิงสาวก็ไม่ยอมฟัง
เธอยังคงทุ่มแรงทั้งหมดที่มีฟาดเขาไม่ยั้ง
“คุณ ผมไม่ใช่ขโมย ผมเจ็บนะ”
“ไม่ใช่ขโมยได้ยังไง
ก็คุณกำลังจะกระชากกระเป๋าไปจากมือฉัน” หญิงสาวเถียงกลับ
ใบหน้าแดงก่ำมองชายตรงหน้าอย่างไม่วางตา
หากเขาคิดจะวิ่งหนีหรือคิดตุกติกแม้แต่นิดเดียวเธอจะตีไม่ยั้งเลยคอยดู
อย่าคิดว่าเห็นเธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ เดินทางมาคนเดียวแล้วจะทำอะไรเธอก็ได้
เห็นอย่างนี้เธอสู้ไม่ถอยหรอกนะ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้เขาจึงยืนนิ่ง
ได้แต่ยกสองมือขึ้นเป็นเชิงบอกให้หญิงสาวใจเย็นๆ
ชายรูปร่างสูงร่วม 185 เซนติเมตร
ผมยาวประบ่า ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครา ถ้าไม่ใช่โจรแล้วจะเป็นอะไรไปได้
ไม่คิดเลยว่าการมาเหยียบแผ่นดินประเทศเปรูเป็นครั้งแรก เธอจะโชคร้ายอะไรขนาดนี้
นอกจากอีตาโซลาโน่จะไม่มารับแล้ว เธอยังโดนโจรพยายามขโมยกระเป๋าอีก
‘บ้าชะมัด!’ หญิงสาวสบถในใจอย่างหัวเสีย
“ใจเย็นๆ นะคุณยาบารี
ฟังผมก่อน”
หญิงสาวขมวดคิ้วเข้าหากัน
จ้องมองชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ เขารู้จักชื่อเธอได้อย่างไร
หรือว่า...เขาจะเป็นโรคจิต
“ผม...ชื่อโซลาโน่
มารับคุณไปบ้านคุณย่าโรมีนา”
เพียงเท่านั้นเองยาบารีก็เข่าอ่อนแทบจะเป็นลม
จะไม่ให้หน้ามืดได้ยังไงก็เธอฟาดนายโซลาโน่เสียจนหัวปูด ปากแตกยับแบบนั้น
นี่เธอทำอะไรลงไปเนี่ย เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ก็หน้ามืดซวนเซจะล้มลงชายหนุ่มปราดเข้าประคองเธอไว้ด้วยท่าทางขยาด
เมื่อเห็นเธอลืมตาขึ้นเขาก็ปล่อยร่างบางทันที
เป็นเหตุให้หญิงสาวล้มลงก้นกระแทกพื้นเจ็บจนน้ำตาเล็ด
“เอ่อ ผมขอโทษ
ก็ผมกลัวคุณหาว่าผมแต๊ะอั๋ง ผมก็เลย...”
ชายหนุ่มหันรีหันขวางอยากจะเข้าไปช่วยพยุงหญิงสาว แต่ก็กลัวว่าเธอจะแหวใส่เอาเหมือนตอนที่ไปช่วยหิ้วกระเป๋า
คราวนี้อาจหัวแตก แขนหักก็เป็นได้ใครจะไปรู้
“ฉันลุกไม่ขึ้นค่ะ” หญิงสาวยื่นมือไปเบื้องหน้าเพื่อให้เขาช่วยพยุงเธอลุกขึ้น
“คุณไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ” เขาประคองเธอไปนั่งที่เก้าอี้ไม่ไกลนัก พลางสำรวจว่าเธอเจ็บตรงไหนหรือเปล่า
เพราะล้มลงไปแรงน่าดูเลยทีเดียว
ยาบารีส่ายหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาเขา
“ฉันขอโทษนะคะที่เข้าใจคุณผิด”
เธอเอ่ยขอโทษด้วยความละอาย เกิดมาไม่เคยเดินทางไกลขนาดนี้
สาวน้อยขี้กลัวจึงระมัดระวังตัวจนกลายเป็นหวาดระแวงไปหมดทุกอย่าง
“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่คุณเถอะเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เจ้าของเสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง จนคนถูกถามรู้สึกละอายใจ
“ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณต่างหากล่ะคะที่เป็นฝ่ายเจ็บตัว” พูดพลางล้วงลงไปในกระเป๋าถือ
หยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวขึ้นมาซับเลือดที่มุมปากให้กับชายหนุ่ม โซลาโน่ผงะเล็กน้อย แต่เมื่อแน่ใจว่าเธอไม่ได้ทำร้ายเขา
จึงนั่งนิ่งๆ ให้เธอซับเลือดและสำรวจบาดแผลบนใบหน้าและตามลำตัว
“ฉันขอโทษอีกครั้งนะคะ
ก็ท่าทางของคุณเหมือน...เอ่อ...” หญิงสาวมีท่าทางอึกอัก
ไม่รู้ว่าควรจะพูดดีหรือเปล่า
“เหมือนโจรใช่มั้ยครับ”
ชายหนุ่มต่อให้อย่างเห็นเป็นเรื่องขำ
เขาชินเสียแล้วหากใครจะมองเขาด้วยความหวาดระแวง พานคิดว่าเขาเป็นโจร
อย่างน้อยก็ดีกว่าปล่อยให้สาวๆ และหนุ่มๆ มาชายตามองราวกับเห็นเขาเป็นขนมหวาน
น่าขนลุกจะตายไป
| เสน่หาอินคา | เพียงฤทัย | www.mebmarket.com | ยาบารี ยาบารี ที่รักของข้า? เสียงเรียกอันแสนคุ้นเคยของใครบางคนที่ ยาบารี หญิงสาวลูกครึ่งไทย-เปรู ฝันถึงตั้งแต่ครั้งแรกที่เดินทางมายังเปรูดินแดนต้นกำเนิดอาณาจักรอินคาที่เธอหลงใหล เสียงปริศนาดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในยามหลับและยามตื่นราวกับกำลังเรียกเธอให้ไปหา... แล้วปาฏิหาริย์ก็ชักนำให้เธอหลงกาลเวลาไปยังอาณาจักรอินคา ดินแดนแห่งทองคำเมื่อสี่ร้อยกว่าปีก่อน ด้วยสร้อยพระอาทิตย์ของสำคัญที่บิดาทิ้งไว้ให้ก่อนจะเสียชีวิต ณ ที่แห่งนี้ เธอได้พบและผูกพันหัวใจไว้กับเจ้าชายทูปัก วีรา เจ้าชายหมอผู้สูงศักดิ์ ท่ามกลางสงครามและยุคสมัยแห่งการล่มสลายของอาณาจักรที่รุ่งเรือง หญิงสาวผู้มาจากอนาคตและเจ้าชายหนุ่มจะร่วมกันแก้ไขหน้าประวัติศาสตร์ได้หรือไม่ แล้วเธอจะหาทางกลับมายังปัจจุบันได้อย่างไร เมื่อยังมีสายสัมพันธ์รักอันยิ่งใหญ่กับชายสูงศักดิ์เกี่ยวกระหวัดให้หัวใจมิอาจลืมเลือน ***ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจากหัวใจรัก นำพาให้คนทั้งสองได้พบเพื่อจาก และพรากเพื่อเจอ ตราบใดที่หัวใจทั้งสองดวงยังคงร้อยรัดด้วยสายใยแห่งรักและผูกพัน ปาฏิหาริย์จะชักพาหัวใจทั้งสองดวงให้กลับมาเคียงคู่กันในสักวัน | |
|
| ซากุระผลิที่กลางใจ | เพียงฤทัย | www.mebmarket.com | หลิวหลุดเข้าไปใน 'ยุคสมัยเฮอัน' ซึ่งย้อนอดีตไปถึงพันปีเหตุการณ์กลับตาลปัตรเมื่อเธอกลายเป็นคุณหนูของคฤหาสน์อาจิไซ บุตรีขององคมนตรีชั้นเอกผู้เป็นข้ารองบาทขององจักรพรรดิในขณะเรื่องราวผิดฝาผิดตัวสร้างความโกลาหลวุ่นวายหัวใจของหญิงสาวก็เบ่งบานไม่ต่างจากดอกซากุระ | |
|
| ดวงใจปฏิพัทธ์ | สะมะเรีย | www.mebmarket.com | เลือดต้องล้างด้วยเลือด จักต้องแผดเผาศัตรูให้พินาศย่อยยับแต่เหตุใดเล่า... เมื่อเห็นนางเจ็บ เขากลับเจ็บยิ่งกว่า! องครักษ์หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำเงิน ผู้ที่เข้ามาทำให้โลกของเจ้าหญิงครีษมาสดใส นางหลงรักเขาอย่างหมดหัวใจ ทว่าการที่องครักษ์หนุ่มเข้ามาใกล้ชิดนางนั้นกลับเต็มไปด้วยเงื่อนงำ... เมื่อองครักษ์หนุ่มคืนสู่ศักดิ์อันแท้จริง เขาคือเจ้าชายภานรินทร์ที่หายสาบสูญ เขากลับมาอีกครั้งเพื่อขจัดความอยุติธรรม พร่าเกียรติและศักดิ์ศรีเจ้าหญิงผู้สง่างามให้พลิกผันเป็นเพียงนางบำเรอชั้นต่ำ!นาง...เจ็บเจียนตายแต่หัวใจกลับรักเขาเขา…แค้นฝังใจแต่มิอาจปล่อยมือจากนางบทสรุปความรักจะเป็นเช่นไร...รักฤาชัง | |
|
| มายามรณะ | รางนาก | www.mebmarket.com | ภาพหลอน! ความกลัว! ความตาย! และความสิ้นหวัง! ประดังเข้าสาดซัดนางเอกสาวดาวรุ่งราวกับห่าฝนในคืนเดือนมืด เมื่อมือที่มองไม่เห็นยื่นมากระชากชีวิตของหญิงสาวให้เปลี่ยนไปตลอดกาล... | |
|
| มะนาวซ่อนหวาน | สะมะเรีย | www.mebmarket.com | ใครๆ ต่างพากันตั้งฉายาให้ มะนาว ว่า...ไฮโซขาวีน และ ไฮโซมือตบแต่...อย่าได้แคร์สื่อ เธอยังคงสวย เริด เชิด หยิ่งจนกระทั่งผู้เป็นบิดาต้องงัดไม้เด็ดมาปราบลูกสาวหัวดื้อทางด้าน เตชธรรม ถึงกับกุมขมับเมื่อได้รับมอบหมายให้ดัดนิสัยยายตัวร้ายที่เขาให้คำจัดความว่าตั้งแต่แรกเห็นว่า‘ชอบเที่ยวกลางคืน ยั่วยวนผู้ชาย ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว’ชายหนุ่มจึงงัดสารพัดวิธีที่มั่นใจว่าได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ออกมาจัดการทว่า...ผิดคาด เมื่อมะนาวลูกนี้ไม่ได้มีดีแค่ความเปรี้ยวซ่าอย่างที่คิดและกว่าจะรู้ตัวว่า...ผิดแผน หัวใจก็ลิ้มรสหวานจนถอนตัวถอนใจไม่ขึ้นเสียแล้ว | |
|
| มนตราสีกุหลาบ | สะมะเรีย | www.mebmarket.com | มนตราแห่งเพตรา ดลบันดาลให้หัวใจสองดวงผูกพัน ก่อเกิดเป็นความรักร้อนแรงจนแม้แต่แสงจากดวงอาทิตย์ก็มิอาจเทียบ หลังจากผิดหวังในความรัก ยี่สุ่น...หญิงสาววัยเบญจเพสจึงตัดสินใจเดินทางมายังจอร์แดนตามคำชักชวนของมารดา พร้อมความเชื่อมั่นว่าสักวันหนึ่งเธอจะได้พบรักแท้ และเมื่อเธอมาถึงนครเพตรา?นครศิลาสีชมพู เธอก็ได้พบรัฟฟาน หนุ่มจอร์แดนมาดเข้ม เธอหลงคิดว่าเขาเป็นไกด์พื้นเมืองจึงใช้งานเขาสารพัด รัฟฟาน... ตำรวจสากลผู้ได้รับมอบหมายให้มาสืบหาแหล่งผลิตยาเสพติดที่นครเพตรา ยินยอมเป็นไกด์ให้ยี่สุ่นเพราะต้องการปลอมตัวให้แนบเนียน ไม่เป็นที่สงสัยของคนร้าย แต่นักท่องเที่ยวสาวกลับทำให้เขาต้องคิดทบทวนว่าเขาคิดผิดหรือไม่ที่ยอมเป็นไกด์ให้เธอ เพราะเธอเปิ่นและบ้าดีเดือดชนิดไม่มีใครเหมือน ซ้ำยังทำให้หัวใจเขาหวั่นไหว ท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ ความรักได้ก่อเกิดขึ้นจากความใกล้ชิด พร้อมกับอันตรายที่คืบคลานเข้ามาให้เขากับเธอร่วมกันฟันฝ่า เพื่อพิสูจน์ว่ารักแท้มีอยู่จริง +++++++++++++“ผมต้องทำยังไงคุณถึงจะเชื่อว่าผมไม่ได้ตั้งใจลวนลามคุณ ผมแค่เข้ามาปลุกคุณไปกินอาหารเย็น” รัฟฟานหัวเสียไม่น้อย นี่ล่ะเขาถึงไม่อยากมีแฟนเพราะรำคาญผู้หญิงที่ชอบพูดไม่รู้เรื่อง เอะอะก็โวยวายเอาไว้ก่อนไม่เคยฟังเหตุผลอะไรเลยสักอย่างเดียว“ฉันไม่เชื่อ”“ถ้าอย่างนั้นผมจะทำให้ดู”“คุณ...”รัฟฟานไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวโวยวายไปมากกว่านี้ เขาปิดปากอิ่มได้รูปด้วยริมฝีปากเรียวอย่างรวดเร็ว ยี่สุ่นพยายามโวยวายแต่กลับเป็นการเปิดเรียวปากให้ชายหนุ่มแทรกลิ้นร้อนเข้าไปตวัดเร้าควานหาความหอมหวานจากปากนุ่มสีกุหลาบ ยี่สุ่นสั่นไปหมดทั้งตัว หัวสมองหนักอึ้ง รู้สึกเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ แต่แล้วเขาก็เติมเต็มลมหายใจให้เธอพร้อมๆ กับฉกฉวยมันไป สลับไปมาจนเธอชาวาบจนถึงปลายเท้า แข้งขาอ่อนแรงจนแทบยืนไม่ติดพื้น เมื่อเขาบดจูบเร่าร้อนยาวนานจนเธอเผลอกอดตอบเขาและเผลอ...จูบตอบเขาอย่างไร้เดียงสารัฟฟานผละออกจากริมฝีปากอิ่มอย่างเสียดาย ยี่สุ่นทรุดฮวบลงไปกองที่พื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง คิดหาคำพูดหรือคำด่าทอไกด์หนุ่มไม่ถูก นั่งบื้อใบ้หัวสมองมึนงงด้วยความสับสน“คราวนี้เชื่อหรือยังว่าผมมาปลุกคุณให้ตื่นไปรับประทานอาหารเย็น ไม่ได้ตั้งใจเข้ามาลวนลาม เพราะถ้าผมตั้งใจจะทำ...ผมจะทำแบบเมื่อครู่นี้ เอาละ...อีกสิบห้านาทีผมจะกลับเข้ามารับ อย่าช้าล่ะเพราะที่นี่จัดอาหารเย็นแบบบุฟเฟต์หากเกินเวลาไปมากกว่านี้อาจไม่เหลืออะไรให้คุณกิน” พูดจบเขาก็เดินออกไปทิ้งให้หญิงสาวนั่งหน้าแดงก่ำจูบแรกของฉัน... | |
|
ความคิดเห็น