คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ชานฟานทูเอเอ็ม - take my hand
ได้โปรด เห็นผมว่าเป็นคนที่เอื้อมมือหาสักคนที่ผมไม่สามารถมองเห็นได้
Take my hand let’s see where we wake up tomorrow
จับมือผมไว้ แล้วมาคอยดูกันว่าพรุ่งนี้เราจะตื่นมาตรงไหน
“ราตรีสวัสดิ์” ผมพูดขึ้น ปาร์คชานยอลปล่อยมือออกจากไหล่ของผมอย่างอ้อยอิ่ง
“ยังไม่ถึงบ้านผมเลย” ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามเขาว่าแน่ใจเหรอ ป้ายนามสกุลปาร์คติดหราอยู่หน้าบ้านขนาดนั้น
“ก็ได้ๆ นี่ถึงบ้านผมแล้วผมแค่อยากอยู่กับอี้ฟานนานๆนี่นา” ชานยอลยืนหน้ามุ่ยเหมือนเด็กโดนขัดใจ ผมหัวเราะลำคอเบาๆ ยกมือขึ้นขยี้หัวชานยอลแต่เขาก็นิ่งยอมให้ผมขยี้ซะจนผมยุ่งเหยิง ความนิ่งของชานยอลทำให้ผมนึกโทษตัวเองที่ทำอะไรใกล้ชิดจนเกินไปบางทีชานยอลอาจจะรู้สึกอึดอัดที่เราเกิดความใกล้ชิดกันแบบกระทันหัน
“โทษที ไม่ได้ตั้งใจ” ผมลดมือลงจากหัวของชานยอลอย่างรู้สึกผิด แต่มือกลับถูกคว้าไว้อย่างรวดเร็ว ดวงตาชานยอลเบิกกว้าง ใบหน้าและหูก็ขึ้นสีแดงระเรื่อ
“ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ผมแค่ตกใจแต่ไม่ได้รู้สึกอึดอัดซะหน่อย” ผมว่าบางทีเขาก็เหมือนจะอ่านใจผมได้ มือที่จับข้อมือผมอยู่ก็ยังคงจับอยู่ไม่ปล่อย
“อี้ฟาน...” ผมหัวใจเต้นหนักๆอยู่ในอกและมันค่อยเพิ่มความเร็วขึ้นเมื่อสบตากับชานยอล ตัวตาใสที่ประกอบอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของเขาทำให้ผมควบคุมตัวเองไม่อยู่
“ผมมีเรื่องอยากจะบอก มันอาจจะดูเหมือนเร็วเกินไป แต่ผมแค่อยากจะบอกให้ชัดเจน” ชานยอลเลื่อนมือจากข้อมือของผมไปกุมมือผมเอาไว้ ทุกอย่างรอบตัวเงียบได้ยินแต่เสียงหัวใจที่ดังสะท้อนก้องไปทั่วหู ผมคิดไปเองหรือเปล่าว่าผมก็ได้ยินเสียงหัวใจของปาร์คชานยอลเหมือนกัน
“ผม...”
“ชานยอลอา กลับมาแล้วหรอพี่ยืนรออยู่ตั้งนาน” ดวงตาของชานยอลเบิกกว้างมือที่กุมกับผมถูกปล่อยออกอย่างรวดเร็วจนตกลงข้างลำตัวของผม แบคฮยอนก้าวออกมาจากความมืดในมือถือกล่องคุกกี้ที่ชานยอลชอบอยู่ ใบหน้ายิ้มแย้ม
“แบคฮยอนฮยอง” ชานยอลครางชื่อแบคฮยอนออกมาเบาๆเขาสบตากับผม ชานยอลหน้าเสียเมื่อผมหลบสายตาเขา
“อ่าว สวัสดีครับ” แบคฮยอนหันมาโค้งผม ผมโค้งรับ
“ชานยอล ผมกลับก่อนนะ” ผมหันไปโค้งให้แบคฮยอนอีกครั้งเป็นเชิงลา แต่ไม่ได้มองหน้าทั้งสองคนเลย
ผมหันหลังช้าๆ หัวใจที่เคยเต้นรัวเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วกลับกลายเป็นบีบรัด
“หึ” ผมหัวเราะในลำคอเบาๆ ผมกำลังเกิดความรู้สึกต่อชานยอลที่แตกต่างออกไปจากคนอื่น ความรู้สึกที่อยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของความรู้สึกที่อยากจะยึดเขาเอาไว้กับตัว ความรู้สึกที่แสนจะขี้ขลาด ความรู้สึกที่เรียกว่า
...การแอบชอบ...
2.00 am
“อี้.....ฟาน.... อี้ฟาน!” ผมหันไปตามเสียงตะโกนของเทาด้วยความตกใจ เซฮุนที่กำลังนั่งเคลิ้มหลับถึงกับทำหัวของตัวเองหล่นจากฝ่ามือที่ท้าวคางอยู่
“ตะโกนเสียงดังทำไม จื่อเทา” ผมทำเสียงดุส่งไปให้เทาที่ดูจะอารมณ์เสียจนถึงขีดสุด
“ไม่ต้องมาดุเลย นี่มาทำงานหรือมานั่งเหม่อลอย ห๊ะ ปล่อยให้กูทำอยู่คนเดียว ไอ้คุณน้องฮุนนี่ก็เหมือนกัน มึงมาทำงานหรือมึงมาหลับเป็นงานหลักครับ กูจะฟ้องผู้จัดการ” จื่อเทาชี้หน้าผมกับเซฮุนที่ตอนนี้เตรียมคุกเข่าเพื่อขอขมาเป็นที่เรียบร้อย หน้าดำๆของจื่อเขากลายเป็นสีเขียวจนน่ากลัวมันหมายถึงเขาโกรธจนถึงขีดสุดแล้ว
“ให้อภัยผมเถิดครับ เดี๋ยวผมจะไปถูร้านเดี๋ยวนี้เลย”
“อ่าวเฮ้ย” ผมอุทานออกมาอย่างลืมตัว เซฮุนวิ่งปรู๊ดหนีไปแล้วเหลือแต่ผมกับปิศาจหน้าเขียวที่ตัวพร้อมจะเบิดเป็นโกโก้ครันช์
“ขอโทษ จื่อเทา” ผมก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด
“ไม่ต้องมาขอโทษเลยนี่มันอะไรกันอี้ฟาน นายไม่เคยเหม่อแบบนี้บ่อยๆเลยนะ” ผมสบตาของจื่อเทาก็รู้ว่ามันเป็นห่วงผม
“มีเรื่องอะไรก็บอกสิ่ อย่ามัวแต่เก็บเอาไว้ทุกข์ใจคนเดียว หรือไม่สบายเนื้อตัวก็บอกจะได้พาไปหาหมอ” มือสองข้างของจื่อเทาบีบหัวไหล่ผมเบาๆ
“ไม่เป็นไรหรอกหน่า อย่าคิดมากสิ่” ผมตบลงบนแขนของจื่อเทาเบาๆเป็นเชิงบอกเขาว่าผมสบายดี
“เฮ้อ งั้นจะไม่เซ้าซี้อีกแล้วก็ได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่อยากบอก ก็บอกได้ตลอดแหละ เข้าใจมั้ย” จื่อเทาชี้หน้าผมแบบออกคำสั่ง ผมยิ้มตอบน้อยๆพร้อมกับพยักหน้า จื่อเทาเป็นคนน่ารักและเป็นห่วงผมอยู่เสมอ เราตามกันมาตั้งแต่จีน แคนาดาจนถึงเกาหลี เขาจะรู้ใจผมมากหน่อยก็คงไม่แปลก
ผมเช็ดโต๊ะ กวาดพื้น จัดหนังสือจนถึงเช้า เวลาที่ชานยอลกับแบคกราวน์บอยจะมาก็เคลื่อนมาถึง ชานยอลกับเพื่อนเดินเข้าไปนั่งมุมประจำ
“อรุณสวัสดิ์ รับอะไรดีครับ” แทนที่จะเป็นชานยอลกลับกลายเป็นเพื่อนของเขาแทน ผมจัดอาหารใส่ถาดตามออร์เดอร์แต่ในนั้นไม่มีชาเขียวเลยแม้แต่แก้วเดียว
ผมรู้สึกเหมือนว่าชานยอลกำลังพยายามหลบหน้าผม ผมได้ยินเพื่อนของเขาพูดว่าขอให้ไปช่วยยกถาดหน่อยเพราะมันเยอะปกติคนที่อาสาคือชานยอลแต่วันนี้เขากลับนิ่งเฉยทั้งๆที่ตัวเองก็ว่าง ผมตัดสินใจตะโกนบอกลาชานยอลที่กำลังจะเดินออกจากร้านไปพร้อมกับเพื่อนของเขา แบคกราวน์บอยทั้งหมดหันมาหาผมตอนที่ผมตะโกน
มีเพียงคนที่ผมบอกลาเท่านั้นที่ไม่หันมา
เพื่อนของเขาหน้าเสียไปตามๆกัน มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องโกรธผมหรือขุ่นเคืองกันเรื่องอะไร จำเป็นขนาดที่แค่ทักทายยังเมินเลยหรอ ผมถอนหายใจหนักๆไม่มีทางที่เขาจะรู้ถึงความรู้สึกผมแน่นอน ผมมองตามแผ่นหลังของชานยอลไปจนสุดสายตา ในเมื่อเขาตัดสินใจจะหลบหน้าก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมัครใจของทั้งผมและชานยอล ต่อจากนี้ไป
อ ย่ า ม า เ จ อ กั น อี ก ก็ แ ล้ ว กั น
[ park chanyeol’s side]
ตุ๊บ!
ผวั๊วะ!
ป๊าบ!
เสียงฝ่ามือที่กระทบบนหัวของผมทำให้ผมสะดุ้งจนสุดตัว เพื่อนที่รายล้อมผมกลับทำหน้าตาน่ากลัว
“มะ..มีอะไรกัน” ผมสะดุ้งเอามือป้องหัวอีกครั้งที่ฝ่ามือทำท่าจะลอยเข้ามา
“นี่มึงเป็นบ้าอะไรเนี่ยชานยอล” หนึ่งในเพื่อนสนิทของผมตะโกนลั่น
“ห้ะ กูเป็นอะไร” ผมเบิกตากว้างชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“แล้วพวกกูจะรู้ป้ะ มึงเป็นบ้าอะไร อยู่ดีๆก็เมินพี่อี้ฟาน พวกกูรู้นะเว้ยว่ามึงอ่ะฮอต แต่ช่วยบอกพี่เขาทีได้ป้ะ ว่าผมแค่มาหยอดไม่ได้จริงจัง ได้มั้ย เผื่อพี่เขาจะได้ไม่ต้องมาเสียใจกับมึงไง ไอ้บ้า”
ป้าปปปป!!!
“นี่มึงแก้แค้นพวกกูหรอ” ผมตบส่งฝ่ามือพิฆาตไปหาเหล่าผองเพื่อนที่สนิทสุดตรีน
“ใครบอกว่ากูไม่ได้จริงจัง ห๊า”
“ก็มึงเมินพี่เขาขนาดนั้น แค่ดูกูก็รู้แล้วว่ามึงอ่ะเบื่อจะเต๊าะพี่เขาแล้วใช่ป้ะ”
“กูไปเมินอี้ฟานตอนไหน มีแต่เขานั่นแหละที่เมินกู” ผมมองเพื่อนแต่ละคนที่มองหน้าผมอย่างเอือมๆ
“มึงนี่ซุงแหลจริงๆ พวกกูโง่หรอ ห้ะ พี่เขาตะโกนบอกลาเรียกชื่อมึงซะดัง เขาได้ยินกันแทบทั้งร้าน มีแต่เจ้าของชื่อที่ไม่แม้แต่จะหันมามอง”
ห๊ะ เดี๋ยวๆๆ
“อี้ฟานเรียกกูหรอ?” ผมชี้นิ้วมาที่ตัวเอง เพื่อนผมก็พยักหน้ากันทุกคน
ผมรู้สึกเหมือนโดนค้อนทุบหัว โอ๊ย นี่ผมทำอะไรลงไปเนี่ย นอกจากตั้งใจจะบอกความรู้สึกที่ตัวเองมีต่ออี้ฟานไปเมื่อคืนไม่สำเร็จเพราะมีแบคฮยอนฮยองเอาขนมมาให้ผมเสียก่อน เช้ามานี้ผมยังอารมณ์ขุ่นมัวแล้วยังไปทำนิสัยแย่ๆแบบการเมินอี้ฟานอีก
“นี่...อย่าบอกนะว่า...มึงไม่ได้ยินที่พี่เขาพูดอ่ะ ชานยอล” ผมพยักหน้ารับอย่างจำนนยอมรับความจริงที่ตัวเองได้ทำลงไป
“โอ๊ยย ปาร์คชานยอลลลลลล ไอ้เพื่อนโง่”
เออ ปาร์คชานยอล ไอ้โง่ โอ๊ยยยยย นี่มันซวยอะไรกันวะเนี่ย จะบ้าตาย
[ park chanyeol’s side end]
สามวันต่อมา
2.00am
ชานยอลหายหน้าหายตาไปสามวันเต็มๆผมรู้สึกสับสนในใจเรื่องของชานยอล เขาเมินผมเรื่องอะไร เป็นเรื่องที่ผมตอบไม่ได้จริงๆ ผมพยายามนั่งขรุ่นคิดเป็นค่อนคืนว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้เขาเมินผม จนผ่านไปสามวันผมก็ยังหาสาเหตุไม่ได้
“เอาขยะไปทิ้งแปปนะ”ผมตะโกนบอกไปที่หน้าเค้าเตอร์ที่เซฮุนกับจื่อเทาประจำอยู่ ลากถุงดำเพื่อออกไปทิ้งด้านหลังร้าน
แอ้ดดด
เมื่อผมลากถุงขยะออกมาพ้นประตู ผมก็สบตาเข้ากับอวัยวะที่เรียกว่า ดวงตาคน ซึ่งคนคนนั้นคือ ปาร์คชานยอล
“เอ่อ...” ปาร์คชานยอลอ้าปากเหมือนจะพูด แต่ผมหันหลังให้แล้วออกแรงลากถุงขยะไปอีก เพราะในการประชุมที่ผ่านมาพบว่าขยะมีกลิ่นเหม็นโชยออกมา ดังนั้นเราจะเอาไปรวมที่ไกลออกไปอีกหน่อยเพื่อไม่ให้รบกวนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาตามทางเท้า
เมื่อลากถุงขยะไปได้ไม่ถึงสามก้าว ถุงขยะที่หนักอึ้งก็เบาลงเหมือนกับว่ามันไม่มีน้ำหนักเลย ผมหันกลับไปมองก็พบว่ามือของปาร์คชานยอลกำลังหิ้วถุงขยะอยู่ ผมปล่อยถุงขยะแล้วเดินนำเขาไปที่ทิ้งขยะที่ใหม่
“ขอบใจ” ผมเอ่ยขอบคุณชานยอลแล้วหมุนตัวหันหลังเพื่อกลับเข้าร้านทันที
“ขอโทษ อี้ฟาน ผมขอโทษ” ผมหยุดเท้าข้างที่กำลังจะก้าวไปข้างหน้าลง
“อย่าโกรธผมเลย ได้โปรด ผมไม่ได้ตั้งใจ” บางทีผมก็อดสงสัยไม่ได้ ว่ามันจะมีเรื่องอะไรที่เขาตั้งใจจริงๆบ้างมั้ย
“ผมหายไปหลายวันเพราะผมติดสอบ ตอนที่อี้ฟานเรียกเมื่อวันก่อนผมไม่ได้ยินจริงๆผมมัวแต่คิดเรื่องอื่น ผมทำนิสัยแย่ใส่อี้ฟาน ผมขอโทษ ผมจะไม่ทำอีก ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” ผมหันกลับไปมองปาร์คชานยอล มือของเขากำแน่นไว้ข้างลำตัว ใบหน้าก้มต่ำลง
“รู้ตัวด้วยเหรอว่า ตัวเองทำตัว ทำนิสัยแย่ๆไว้” ชานยอลยังคงก้มหน้าเหมือนเดิม
“คุณเมินผมโดยที่ผมไม่รู้สาเหตุมันด้วยซ้ำ ผมเป็นเพื่อนเล่นของคุณหรอ ผมอายุมากกว่าคุณนะ ผมต้องเสียเวลามาคิดเรื่องนี้ว่าคุณโกรธผมเรื่องอะไรผมจะได้ขอโทษคุณให้ถูกต้อง แต่นี่อะไรคุณมาขอโทษเพราะเมินผมแค่เพราะคิดเรื่องอื่นอยู่ นี่มันเรื่องบ้าอะไร” นี่เป็นครั้งแรกที่ผมโกรธพูดแล้วใส่อารมณ์มากขนาดนี้
“ผมขอโทษอี้ฟาน ผมไม่ได้ตั้งใจ” ชานยอลเบิกตากว้างจนน่าสงสาร แววตาตื่นตระหนกตอนที่ผมตะคอกใส่ เขารีบขยับเข้ามาใกล้ยกมือขึ้นมาจะกุมมือผมเอาไว้ แต่ผมเบี่ยงมือหนีเมื่อนึกถึงตอนที่เขาปล่อยมือผมทิ้งตอนที่แบคฮยอนเข้ามา
“มีเรื่องอะไรที่คุณตั้งใจทำจริงๆบ้างมั้ย ทำไมมีแต่เรื่องที่คุณไม่ได้ตั้งใจทั้งนั้นเลย” สุดท้ายชานยอลก็กุมมือของผมเอาไว้ได้ ดวงตาที่มีแววเศร้าของเขาทำให้ใจผมเย็นลง แววตาอ้อนวอน
“เรื่องที่ผมหลงรักอี้ฟานไงมันเป็นเรื่องที่ผมตั้งใจ จริงๆนะ”
______________________________________________
มุมของเรา
โอ่ยๆๆ กว่าจะจบตอนนี้ได้เกือบตาย
555555
หายไปหลายวันเลย ขอโทษเด้อ
รู้สึกเหมือนเราเดินทางมาได้เกินครึ่งเรื่องแล้ว
ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดนะคะ
สุดท้าย #ฟิคตีสอง ก็มีคำวิจารณ์หรือคำนิยมไม่แน่ใจสับสน กับเรตติ้งสักที5555
ขอบคุณทุกคอมเมนต์ด้วยค่ะ
มันเป็นกำลังใจให้นักเขียนได้มากจริงๆ
ความคิดเห็น