คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ชานฟานทูเอเอ็ม - i'm officially missing you
ฟิคตีสอง - บ่ายวันที่ ส อ ง
i'm officially missing you
ผมส่ายหน้าเบาๆเพื่อกำจัดความคิดที่ยุ่งเหยิงในหัวเพราะท่าทีแปลกๆของปาร์คชานยอล หลังจากที่จงอินเข้ามาพูดเรื่องแฟนของชานยอลเขาก็หลบสายตาผมพร้อมๆกับที่แบ็คกราวน์บอยพากันลุกออกไปเพราะใกล้เวลาเข้าเรียน
“เป็นอะไรมึง” จื่อเทาสะกิดผมขณะที่ผม จื่อเทาและโอเซฮุน กำลังนั่งรออาหารมาเสิร์ฟหลังจากที่หิวกันขนาดหนักเพราะเพิ่งออกกะ
“ป่าว ไม่ได้เป็นอะไร” ผมส่ายหัวเบาๆแบบขอไปที จื่อเทามันก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรต่อ มีแต่เซฮุนที่จ้องผมเขม็ง
“มีปัญหาอะไร หืม โอเซฮุน” เด็กเสียงปู่ตรงหน้าทำหน้ายู่เป็นตูดส่งมาให้เป็นคำตอบ จื่อเทาหัวเราะเบาๆกับท่าทางแบบนั้น
“ก็พวกฮยองจะพูดภาษาจีนกันทำไมหล่ะ ผมก็อยู่ด้วยทั้งคนนะ อย่าทำเหมือนผมเป็นคนนอกได้ป้ะ แม่งเซ็ง” เด็กนี่อารมณ์เสียจริงจังจนผมกับจื่อเทาอึ้งไปเหมือนกันกัน
“น่าๆ ขอโทษแล้วกัน เฮียเป็นคนจีนนะเวลาอยู่ใกล้คนจีนด้วยกันมันก็เผลอพูดจีนป้ะ จะให้มาพูดเกาหลีกับคนจีนด้วยกันตลอดมันไม่ได้หรอก มันก็ต้องมีเผลอกันบ้าง” ผมพูดพลางรินน้ำในแก้วให้เซฮุนอย่างเอาใจเห็นน้องมันทำหน้ายู่ก็เกิดสงสารมันขึ้นมา
“ชิ” เซฮุนชิช้ะใส่ผมกับจื่อเทาที่มันอย่างขำๆ
ตรึ้ง!
Kimkai
เฮียอู๋ครับ
Kimkai
เฮียรู้จักกับ พวกปาร์คชานยอลด้วยหรอครับ
Kriswu
ใช่ๆ ก็เพิ่งรู้จักได้วันเดียวเอง
Kimkai
อ้อ ครับ
Kriswu
มีเรื่องอะไรหรือเปล่า
Kimkai
ป่าวครับ พอดีผมเห็นมันมองเฮียก็เลยคิดว่าคงรู้จักกัน พอดีมันเป็นเพื่อนสนิทของผมครับ บ้านอยู่ใกล้กันเลย ยังไงถ้ามันไปที่ร้านดึกๆช่วงนี้ก็ฝากดูแลมันหน่อยนะครับ
Kriswu
ได้สิ่
ผมส่งสติ้กเกอร์ไปอีกสองสามอันจงอินกลับมาก่อนที่จะเงียบไปผมส่งชามโจ๊กที่เจ้าของร้านเพิ่งยกมาเสิร์ฟ ส่งผ่านไปให้เซฮุนที่นั่งด้านในแล้วตามด้วยจื่อเทา
เมื่อพวกผมสามคนกินเสร็จก็จ่ายเงินแล้วรีบแยกย้ายกันไปเพราะต่างคนก็ต่างเหนื่อยโดยเฉพาะจื่อเทาที่หน้าซีดอย่างกับไก่ต้มเพราะพิษไข้แล้วก็ท้องเสียคัมแบคสเตจ เซฮุนเลยอาสาไปส่งที่หอเพราะเป็นทางผ่าน ผมก็สบายใจไปอีกเปราะเพราะกลัวว่าจื่อเทามันจะเป็นล้มเป็นแล้งหัวทิ่มพื้นละตายก็พอดี
ผมกลับมาถึงหอก็กวาดบ้านถูบ้านเก็บเสื้อผ้าเพื่อที่จะได้ให้แม่บ้านเอาลงไปซักแล้วก็อาบน้ำกำจัดคราบเหงื่อไคลที่ไหลออกมาเพราะกวาดบ้านถูบ้าน เมื่ออาบน้ำเสร็จก็กระโจนลงที่นอนแล้วหลับตาลง
ช า น ย อ ล จ ะ ม า ต า ม นั ด ห รื อ เ ป ล่ า น ะ ?
5.20 pm
ผมยืนล็อคกุญแจห้อง อากาศหนาวสุดๆ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกสดชื่นมากๆหลังจากที่ได้นอนมาห้าหกชั่วโมง ผมหยิบหมวกไหมผมขึ้นมาสวมยัดมือสองข้างเข้าไปที่กระเป๋าข้างของเสื้อโค๊ทตัวหนา อากาศหนาวจริงๆ แค่ห้าโมงก็เริ่มจะมืดแล้ว ผมแวะหยอดตู้ซื้อน้ำชาร้อนมาสองกระป๋อง เอาไปเผื่อปาร์คชานยอลด้วย ถ้าตอนนั้นมันยังอุ่นอยู่อ่ะนะ
ใช้เวลาเดินทางแค่สิบนาทีกว่าผมก็มาถึงที่นัดแล้ว ผมนั่งลงตรงม้านั่งปล่อยให้ลมเย็นๆพัด นั่งเหม่อไปซักพักชาในมือก็เริ่มเย็นลง พร้อมๆกับรอบข้างที่มืดลงเช่นกัน หกโมงตรงแล้วชานยอลก็ยังไม่โผล่มา บางทีเขาอาจจะลืมว่านัดผมเอาไว้หรือเปล่านะ ผมไม่มีทั้งไลน์ ทั้งคาทอร์ค หรือเบอร์โทรอะไรของเขาทั้งสิ้น
พรึ่บ
“เห้ยย!” ผมร้องเสียงดังเพราะอะไรบางอย่างที่หนักมากหล่นลงมาบนบ่าของผม ผมหันไปมองด้วยความตกใจ กลุ่มผมสีดำ คิ้วหนาและจมูกโด่งๆชานยอลนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวที่หันหลังชิดกับผม เขาทิ้งหัวลงมาบนบ่าข้างขวาของผมแล้วหน้าหงายขึ้น
“เห้ ชานยอล” ผมใช้มือซ้ายเอื้อมไปสัมผัสหัวของชานยอลเบาๆ เขาลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ในแววตามีความงัวเงียปรากฏอยู่
“มานานหรือยัง” ผมถามชานยอล เขาขยี้ตาให้ตัวเองหายง่วง
“ก่อนที่อี้ฟานจะมาอีกแต่ผมนั่งอีกที่หนึ่ง พออี้ฟานมานั่งผมก็มานั่งตามแต่คุณเหม่ออะไรไม่รู้ ก็เลยมองไม่เห็นผม”
“งั้นเหรอ” ชานยอลโดดข้ามเก้าอี้มายืนตรงหน้าผมแล้วก็นั่งลงข้างๆ ผมหันไปมองแล้วก็เผลอสบตากับเขาแบบระยะประชิด หูของชานยอลแดงขึ้นมาทันที เขากระแอ่มกระไอเล็กน้อย บางทีเขาอาจจะเป็นหวัดหรือเปล่านะ
ผมยื่นชาเขียวที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อโค๊ทไปให้เขา ชานยอลรับไปก่อนจะเปิดกระป๋องแล้วดื่มรวดเดียวจนหมด
“ไปดูหนังกันมั้ย” เขาถามผมเสียงเบาๆ หลังจากที่ขว้างกระป๋องเปล่าทั้งของผมและของเขาลงไปในถังขยะที่อยู่ไม่ไกลมาก ผมพยักหน้ารับเพราะช่วงนี้มีเรื่องผีฉายอยู่เรื่องหนึ่งน่าดูมากทีเดียวและมันใกล้ออกโรงแล้วถ้าได้ดูก็จะดีมาก
“ไปก็ได้ แต่ผมมีเรื่องนึงที่อยากดูขอเลือกเองได้มั้ย”
“ได้ๆ ไปกันเลยครับ” ชานยอลรีบพยักหน้ามือคว้าข้อมือผมแล้วลากไปอยากรวดเร็ว ผมวิ่งตามแทบไม่ทัน
พอผมกับชานยอลไปถึงโรงหนังผมก็ชี้โปสเตอร์หนังเรื่องที่ผมจะดูให้เขาดู ชานยอลกลืนน้ำลายดังเอือกใหญ่ตอนที่เห็นทีเซอร์ฉาย ตัวหลักกำลังถือขวานลากไปกับพื้น ครั้งนี้ผมสามารถชิงจ่ายเงินได้ทันเพราะผมเตรียมบัตรไว้ในมือแล้วส่งให้พนักงานก่อนที่เขาจะทันตั้งตัว
“ทำไมไม่ให้ผมจ่ายให้หล่ะ ผมเป็นคนชวนอี้ฟานมานะ” ชานยอลหน้าบึ้งขัดใจที่ผมไม่ยอมให้เขาออกเงินให้
“ครั้งที่แล้วก็ยอมให้ซื้อหมวกให้แล้วไง” ผมพยักหน้าขอบคุณพนักงานที่ขายป็อปคอร์น ชานยอลรับแก้วน้ำกับป็อปคอร์นไปถือให้ผม ผมกับชานยอลรีบเดินเข้าไปในโรงหนังเพราะตอนนี้โฆษณาในโรงหนังคงใกล้จบแล้ว
ผมนำชานยอลเข้าไปที่ที่นั่งหนังกำลังเริ่มฉายพอดี เขาถือป็อปคอร์นคอยส่งให้ผมเรื่อยๆ เรื่องกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ฉากที่หลอนและหน้ากลัวที่สุดเมื่อตัวเอกส่งกระจกแล้วข้างหลังก็มีผีโผล่ออกมา
“เชี่ยยยยย” เสียงชานยอลตะโกนดังลั่น แทนที่ผมจะตกใจผี ดันตกใจเขามากกว่า ทั้งโรงมีไม่ถึงสิบคนที่ดูเพราะมันกำลังจะออกโรงแล้ว แล้วแต่ละคนก็นั่งห่างกันออกไปมากจนมองไม่เห็นกันเลยนอกจากจะยืนขึ้น
“ชานยอล เอ่อ...ไหวมั้ย” ผมกลั้นยิ้มเมื่อเห็นหน้าตาแตกตื่น เหงื่อออกที่ไรผมสีดำนั่น
“ห้ะ ผม..ผมไม่ได้เป็นอะไรนี่ เฮือกกก!” ชานยอลกระตุกพร้อมๆกับที่ผีโผล่ออกมาเต็มหน้าจอ ได้ยินคนส่งเสียงกรี้ดเบาๆมาจากหลายทาง
“นี่ ถ้ากลัวก็ออกไปก่อนก็ได้นะ” เขาส่ายหัวปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ผมจะหัวเราะก็สงสารบอกให้ออกไปก่อนก็ไม่ยอม ดูหนังผีไม่ได้ก็ไม่บอกเป็นไง หล่ะ ผมส่ายหัวเบาๆก่อนจะหันหน้าไปดูหนังต่อ ถึงไหนแล้วเนี่ยขาดตอนไปนิดเดียวไม่รู้เรื่องเลย
พรึ่บ!
“เชี่ยยยย” ชานยอลสบถออกมาอีกครั้งพร้อมๆกับที่หน้าของเขามามุดอยู่ที่ไหล่ผม ท่าทางกลัวสุดขีดของเขาทำให้ผมสงสารมาก
“เราออกไปก่อนก็ได้นะ” ผมกระซิบเบาๆแต่ตาก็ยังมองหนังอยู่
“ไม่เป็นไรอี้ฟานดูไปเถอะ” ผมพยักหน้ารับแต่ความรู้สึกอุ่นที่มือซ้ายทำให้ผมต้องก้มลงไปมอง มือใหญ่ๆของชานยอลกำลังเลื่อนมาจับมือที่ผมวางไว้ ผมกำลังจะเลื่อนมือออกแต่เขาก็กุมไว้แน่น ผมคิดว่าเขาคงกลัวจริงๆก็เลยปล่อยให้เขาจับต่อไป
8.00 pm
“ฟู่ววววว -3-” ระหว่างที่เดินออกมาจากโรงหนังผมก็เห็นชานยอลแอบเป่าปากแบบโล่งอกที่เขาได้ออกมาจากโรงหนังซักที
“อะไรจะขนาดนั้นเชียว” ผมแซวชานยอล เขาหูแดงทันที เดินออกมายังตาแดงเหมือนเพิ่งร้องไห้ออกมาหยกๆ มือขวาที่จับมือซ้ายของผมยังจับแน่นเหมือนเดิม
“ปล่อยมือผมได้ยัง” ผมถาม ชานยอลก้มลงมองมือที่เขาจับผมอยู่อย่างลืมตัวก่อนจะรีบปล่อยมือทันที เขายกมือเกาหัวแก้เก้อ
“เอ่อ...ไปกินสุกี้กันมั้ย ผมชักจะเริ่มหิวแล้วอ่ะอี้ฟาน” ผมพยักหน้ารับ ชานยอลใช้ฝามือเขาดันแผ่นหลังผมไปยังร้านสุกี้
เขาจัดการสั่งอาหารแบบเยอะมากๆ ก็มากเกินกว่าที่ผู้ชายสองคนจะกินได้หมด
“ไม่สั่งเยอะไปหรอชานยอล” ผมถามชานยอลที่เปิดเมนูแบบเปิดแล้วหยุดทุกหน้าสั่งทุกหน้า
“ไม่เลยครับ ปกติมากกว่านี้อีก” เขามองผมก่อนจะส่ายหน้าด้อกแด้ก พนักงานรับออเดอร์ไปเรียบร้อยแล้ว
“อี้ฟาน คุณมาอยู่นี่นานหรือยัง” ชานยอลถามระหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ
“ก็สองปีเห็นจะได้ ย้ายมาจากแคนาดาหน่ะมาเรียนมหาลัยฯ”
“ผมเกิดและโตที่นี่ มีพี่สาวคนนึง แม่เปิดร้านอาหาร ส่วนพ่อเปิดร้านไลฟ์คาเฟ่ต์ ถ้าอี้ฟานอยากกินบอกผมนะ เดี๋ยวผมพาไป คุณแม่ทำอาหารอร่อยมาก” ท่าทางกระตือรือร้นของเขาทำให้ผมยิ้มออกมา ชานยอลคงรักครอบครัวของเขามากๆ เราพูดเรื่องสัพเพเหระกันไปส่วนมากชานยอลจะเป็นคนถาม อี้ฟานชอบสีอะไร อี้ฟานชอบกินอะไร และอีกเยอะแยะมากมาย จนอาหารมาเสิร์ฟชานยอลก็เริ่มบรรเลงเพลงสุกี้
ผมค่อยๆกินไปเรื่อยๆเพราะส่วนตัวก็ไม่ได้หิวมากนักแต่ชานยอลกินแบบไม่ยั้ง เขาคงหิวมากยิ่งกำลังโตแบบนี้ ผมแทบไม่อยากเชื่อว่าผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่าๆอาหารบนโต๊ะก็หายเกลี้ยง โดยฝีมือปาร์คชานยอลที่นั่งทำหน้าชิลรอพนักงานมาคิดเงิน
“อี้ฟาน แน่ใจนะว่าอิ่มแล้ว” เขาไม่เชื่อว่าผมอิ่มเพราะผมแค่กินตามจำนวนของคนปกติที่น้อยกว่าเขาเขาก็เลยไม่เชื่อ
“อิ่มมาก เชื่อเถอะ ผมไม่ได้กระเพาะยางยืดคุณภาพดีแบบคุณนะ” ชานยอลหัวเราะเบาๆ เราออกไปแวะร้านเสื้อ ร้านหมวก ร้านรองเท้า เข้าออกหลายต่อหลายร้าน จนในมือของชานยอลมีถุงกระดาษเยอะมากของผมมีไม่มากที่เหลือทั้งหมดคือของชานยอล ดูอย่างนี้เขาเป็นคนแฟชั่นจัดมาก ของแต่ละอย่างที่เขาใช้มันมียี่ห้อหมด รวมถึงเขาต้องบ้าหมวกมากแน่ๆเขาซื้อแบบเดียวกันแต่เปลี่ยนสี -.-
ชานยอลกับผมทิ้งตัวลงนั่งบนม้านั่งที่ลานชั้นล่างของห้างสรรพสินค้าแต่เพราะเก้าอี้มันค่อนข้างแคบผมที่นั่งลงทีหลัง ไหล่ของขวาผมก็เลยเกยอยู่บนไหล่ซ้ายของชานยอล เขายกแขนซ้ายพาดเป็นแนวยาวบนพนักเก้าอี้แทน ผมจะได้นั่งพิงสบายๆโดยไม่ทับแขนเขา ผมทิ้งหัวลงไปบนแขนชานยอลที่พาดอยู่ เขาตกใจดวงตาเบิกกว้าง แต่เสียงพลุดังสนั่นเรียกความสนใจของทั้งผมและชานยอลไปได้ พลุสีสวยแตกกระจายไปทั่วท้องฟ้า ลมเย็นพัดปะทะกับหน้าของผม
“สวยเนอะ” ชานยอลพูดเบาๆ ผมพยักหน้ารับ พร้อมๆกับรู้สึกอุ่นที่ไหล่เพราะแขนของชานยอลกำลังโอบผมไว้
จ ริ ง ๆ ต อ น นี้ ก็ ดี น ะ
________________________________________________
ขอโทษที่หายไปตั้งหลายวันเลย
T_T
พอดีช่วงนี้มีทัศนศึกษากลับมาเลยเหนื่อยมาก
นิยายเราแต่งแล้วลงแบบสดๆทุกครั้งเลยไม่มีสำรองเอาไว้
อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนน้า
#ฟิคตีสอง
เยยยยยยย่ ร้อยเปอร์แล้วนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
ความคิดเห็น