ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { chanyeol x yifan } | 2am |

    ลำดับตอนที่ #5 : ชานฟานทูเอเอ็ม - i'm officially missing you

    • อัปเดตล่าสุด 29 ธ.ค. 57


    SQWEEZ

    ฟิคตีสอง - บ่ายวันที่ ส อ ง

     

    i'm officially missing you

                       ผมส่ายหน้าเบาๆเพื่อกำจัดความคิดที่ยุ่งเหยิงในหัวเพราะท่าทีแปลกๆของปาร์คชานยอล หลังจากที่จงอินเข้ามาพูดเรื่องแฟนของชานยอลเขาก็หลบสายตาผมพร้อมๆกับที่แบ็คกราวน์บอยพากันลุกออกไปเพราะใกล้เวลาเข้าเรียน

     

    “เป็นอะไรมึง” จื่อเทาสะกิดผมขณะที่ผม จื่อเทาและโอเซฮุน กำลังนั่งรออาหารมาเสิร์ฟหลังจากที่หิวกันขนาดหนักเพราะเพิ่งออกกะ

     

    “ป่าว ไม่ได้เป็นอะไร” ผมส่ายหัวเบาๆแบบขอไปที จื่อเทามันก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรต่อ มีแต่เซฮุนที่จ้องผมเขม็ง

     

    “มีปัญหาอะไร หืม โอเซฮุน” เด็กเสียงปู่ตรงหน้าทำหน้ายู่เป็นตูดส่งมาให้เป็นคำตอบ จื่อเทาหัวเราะเบาๆกับท่าทางแบบนั้น

     

    “ก็พวกฮยองจะพูดภาษาจีนกันทำไมหล่ะ ผมก็อยู่ด้วยทั้งคนนะ อย่าทำเหมือนผมเป็นคนนอกได้ป้ะ แม่งเซ็ง” เด็กนี่อารมณ์เสียจริงจังจนผมกับจื่อเทาอึ้งไปเหมือนกันกัน

     

    “น่าๆ ขอโทษแล้วกัน เฮียเป็นคนจีนนะเวลาอยู่ใกล้คนจีนด้วยกันมันก็เผลอพูดจีนป้ะ จะให้มาพูดเกาหลีกับคนจีนด้วยกันตลอดมันไม่ได้หรอก มันก็ต้องมีเผลอกันบ้าง” ผมพูดพลางรินน้ำในแก้วให้เซฮุนอย่างเอาใจเห็นน้องมันทำหน้ายู่ก็เกิดสงสารมันขึ้นมา

     

    “ชิ” เซฮุนชิช้ะใส่ผมกับจื่อเทาที่มันอย่างขำๆ

     

    ตรึ้ง!

     

    Kimkai

    เฮียอู๋ครับ

    Kimkai

    เฮียรู้จักกับ พวกปาร์คชานยอลด้วยหรอครับ

    Kriswu

    ใช่ๆ ก็เพิ่งรู้จักได้วันเดียวเอง

    Kimkai

    อ้อ ครับ

    Kriswu

    มีเรื่องอะไรหรือเปล่า

    Kimkai

    ป่าวครับ พอดีผมเห็นมันมองเฮียก็เลยคิดว่าคงรู้จักกัน พอดีมันเป็นเพื่อนสนิทของผมครับ บ้านอยู่ใกล้กันเลย ยังไงถ้ามันไปที่ร้านดึกๆช่วงนี้ก็ฝากดูแลมันหน่อยนะครับ

    Kriswu

    ได้สิ่       
     

    ผมส่งสติ้กเกอร์ไปอีกสองสามอันจงอินกลับมาก่อนที่จะเงียบไปผมส่งชามโจ๊กที่เจ้าของร้านเพิ่งยกมาเสิร์ฟ ส่งผ่านไปให้เซฮุนที่นั่งด้านในแล้วตามด้วยจื่อเทา

     

    เมื่อพวกผมสามคนกินเสร็จก็จ่ายเงินแล้วรีบแยกย้ายกันไปเพราะต่างคนก็ต่างเหนื่อยโดยเฉพาะจื่อเทาที่หน้าซีดอย่างกับไก่ต้มเพราะพิษไข้แล้วก็ท้องเสียคัมแบคสเตจ เซฮุนเลยอาสาไปส่งที่หอเพราะเป็นทางผ่าน ผมก็สบายใจไปอีกเปราะเพราะกลัวว่าจื่อเทามันจะเป็นล้มเป็นแล้งหัวทิ่มพื้นละตายก็พอดี

     

    ผมกลับมาถึงหอก็กวาดบ้านถูบ้านเก็บเสื้อผ้าเพื่อที่จะได้ให้แม่บ้านเอาลงไปซักแล้วก็อาบน้ำกำจัดคราบเหงื่อไคลที่ไหลออกมาเพราะกวาดบ้านถูบ้าน เมื่ออาบน้ำเสร็จก็กระโจนลงที่นอนแล้วหลับตาลง

     

    ช า น ย อ ล จ ะ ม า ต า ม นั ด ห รื อ เ ป ล่ า น ะ ?

     

    5.20 pm

     

                    ผมยืนล็อคกุญแจห้อง อากาศหนาวสุดๆ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกสดชื่นมากๆหลังจากที่ได้นอนมาห้าหกชั่วโมง ผมหยิบหมวกไหมผมขึ้นมาสวมยัดมือสองข้างเข้าไปที่กระเป๋าข้างของเสื้อโค๊ทตัวหนา อากาศหนาวจริงๆ แค่ห้าโมงก็เริ่มจะมืดแล้ว ผมแวะหยอดตู้ซื้อน้ำชาร้อนมาสองกระป๋อง เอาไปเผื่อปาร์คชานยอลด้วย ถ้าตอนนั้นมันยังอุ่นอยู่อ่ะนะ

     

                    ใช้เวลาเดินทางแค่สิบนาทีกว่าผมก็มาถึงที่นัดแล้ว ผมนั่งลงตรงม้านั่งปล่อยให้ลมเย็นๆพัด นั่งเหม่อไปซักพักชาในมือก็เริ่มเย็นลง พร้อมๆกับรอบข้างที่มืดลงเช่นกัน หกโมงตรงแล้วชานยอลก็ยังไม่โผล่มา บางทีเขาอาจจะลืมว่านัดผมเอาไว้หรือเปล่านะ ผมไม่มีทั้งไลน์ ทั้งคาทอร์ค หรือเบอร์โทรอะไรของเขาทั้งสิ้น

     

    พรึ่บ

     

    “เห้ยย!” ผมร้องเสียงดังเพราะอะไรบางอย่างที่หนักมากหล่นลงมาบนบ่าของผม ผมหันไปมองด้วยความตกใจ กลุ่มผมสีดำ คิ้วหนาและจมูกโด่งๆชานยอลนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวที่หันหลังชิดกับผม เขาทิ้งหัวลงมาบนบ่าข้างขวาของผมแล้วหน้าหงายขึ้น

     

    “เห้ ชานยอล” ผมใช้มือซ้ายเอื้อมไปสัมผัสหัวของชานยอลเบาๆ เขาลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ในแววตามีความงัวเงียปรากฏอยู่

     

    “มานานหรือยัง” ผมถามชานยอล เขาขยี้ตาให้ตัวเองหายง่วง

     

    “ก่อนที่อี้ฟานจะมาอีกแต่ผมนั่งอีกที่หนึ่ง พออี้ฟานมานั่งผมก็มานั่งตามแต่คุณเหม่ออะไรไม่รู้ ก็เลยมองไม่เห็นผม”

     

    “งั้นเหรอ” ชานยอลโดดข้ามเก้าอี้มายืนตรงหน้าผมแล้วก็นั่งลงข้างๆ ผมหันไปมองแล้วก็เผลอสบตากับเขาแบบระยะประชิด หูของชานยอลแดงขึ้นมาทันที เขากระแอ่มกระไอเล็กน้อย บางทีเขาอาจจะเป็นหวัดหรือเปล่านะ

     

                    ผมยื่นชาเขียวที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อโค๊ทไปให้เขา ชานยอลรับไปก่อนจะเปิดกระป๋องแล้วดื่มรวดเดียวจนหมด

     

    “ไปดูหนังกันมั้ย” เขาถามผมเสียงเบาๆ หลังจากที่ขว้างกระป๋องเปล่าทั้งของผมและของเขาลงไปในถังขยะที่อยู่ไม่ไกลมาก ผมพยักหน้ารับเพราะช่วงนี้มีเรื่องผีฉายอยู่เรื่องหนึ่งน่าดูมากทีเดียวและมันใกล้ออกโรงแล้วถ้าได้ดูก็จะดีมาก

     

    “ไปก็ได้ แต่ผมมีเรื่องนึงที่อยากดูขอเลือกเองได้มั้ย”

     

    “ได้ๆ ไปกันเลยครับ” ชานยอลรีบพยักหน้ามือคว้าข้อมือผมแล้วลากไปอยากรวดเร็ว ผมวิ่งตามแทบไม่ทัน

     

                    พอผมกับชานยอลไปถึงโรงหนังผมก็ชี้โปสเตอร์หนังเรื่องที่ผมจะดูให้เขาดู ชานยอลกลืนน้ำลายดังเอือกใหญ่ตอนที่เห็นทีเซอร์ฉาย ตัวหลักกำลังถือขวานลากไปกับพื้น ครั้งนี้ผมสามารถชิงจ่ายเงินได้ทันเพราะผมเตรียมบัตรไว้ในมือแล้วส่งให้พนักงานก่อนที่เขาจะทันตั้งตัว

     

    “ทำไมไม่ให้ผมจ่ายให้หล่ะ ผมเป็นคนชวนอี้ฟานมานะ” ชานยอลหน้าบึ้งขัดใจที่ผมไม่ยอมให้เขาออกเงินให้

     

    “ครั้งที่แล้วก็ยอมให้ซื้อหมวกให้แล้วไง” ผมพยักหน้าขอบคุณพนักงานที่ขายป็อปคอร์น ชานยอลรับแก้วน้ำกับป็อปคอร์นไปถือให้ผม ผมกับชานยอลรีบเดินเข้าไปในโรงหนังเพราะตอนนี้โฆษณาในโรงหนังคงใกล้จบแล้ว

     

                    ผมนำชานยอลเข้าไปที่ที่นั่งหนังกำลังเริ่มฉายพอดี เขาถือป็อปคอร์นคอยส่งให้ผมเรื่อยๆ เรื่องกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ฉากที่หลอนและหน้ากลัวที่สุดเมื่อตัวเอกส่งกระจกแล้วข้างหลังก็มีผีโผล่ออกมา

     

    “เชี่ยยยยย” เสียงชานยอลตะโกนดังลั่น แทนที่ผมจะตกใจผี ดันตกใจเขามากกว่า ทั้งโรงมีไม่ถึงสิบคนที่ดูเพราะมันกำลังจะออกโรงแล้ว แล้วแต่ละคนก็นั่งห่างกันออกไปมากจนมองไม่เห็นกันเลยนอกจากจะยืนขึ้น

     

    “ชานยอล เอ่อ...ไหวมั้ย” ผมกลั้นยิ้มเมื่อเห็นหน้าตาแตกตื่น เหงื่อออกที่ไรผมสีดำนั่น

     

    “ห้ะ ผม..ผมไม่ได้เป็นอะไรนี่ เฮือกกก!” ชานยอลกระตุกพร้อมๆกับที่ผีโผล่ออกมาเต็มหน้าจอ ได้ยินคนส่งเสียงกรี้ดเบาๆมาจากหลายทาง

     

    “นี่ ถ้ากลัวก็ออกไปก่อนก็ได้นะ” เขาส่ายหัวปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ผมจะหัวเราะก็สงสารบอกให้ออกไปก่อนก็ไม่ยอม ดูหนังผีไม่ได้ก็ไม่บอกเป็นไง หล่ะ ผมส่ายหัวเบาๆก่อนจะหันหน้าไปดูหนังต่อ ถึงไหนแล้วเนี่ยขาดตอนไปนิดเดียวไม่รู้เรื่องเลย
     

    พรึ่บ!

     

    “เชี่ยยยย” ชานยอลสบถออกมาอีกครั้งพร้อมๆกับที่หน้าของเขามามุดอยู่ที่ไหล่ผม ท่าทางกลัวสุดขีดของเขาทำให้ผมสงสารมาก

     

    “เราออกไปก่อนก็ได้นะ” ผมกระซิบเบาๆแต่ตาก็ยังมองหนังอยู่

     

    “ไม่เป็นไรอี้ฟานดูไปเถอะ” ผมพยักหน้ารับแต่ความรู้สึกอุ่นที่มือซ้ายทำให้ผมต้องก้มลงไปมอง มือใหญ่ๆของชานยอลกำลังเลื่อนมาจับมือที่ผมวางไว้ ผมกำลังจะเลื่อนมือออกแต่เขาก็กุมไว้แน่น ผมคิดว่าเขาคงกลัวจริงๆก็เลยปล่อยให้เขาจับต่อไป

     

    8.00 pm
     

    “ฟู่ววววว -3-” ระหว่างที่เดินออกมาจากโรงหนังผมก็เห็นชานยอลแอบเป่าปากแบบโล่งอกที่เขาได้ออกมาจากโรงหนังซักที

     

    “อะไรจะขนาดนั้นเชียว” ผมแซวชานยอล เขาหูแดงทันที เดินออกมายังตาแดงเหมือนเพิ่งร้องไห้ออกมาหยกๆ มือขวาที่จับมือซ้ายของผมยังจับแน่นเหมือนเดิม

     

    “ปล่อยมือผมได้ยัง” ผมถาม ชานยอลก้มลงมองมือที่เขาจับผมอยู่อย่างลืมตัวก่อนจะรีบปล่อยมือทันที เขายกมือเกาหัวแก้เก้อ

     

    “เอ่อ...ไปกินสุกี้กันมั้ย ผมชักจะเริ่มหิวแล้วอ่ะอี้ฟาน” ผมพยักหน้ารับ ชานยอลใช้ฝามือเขาดันแผ่นหลังผมไปยังร้านสุกี้
     

                    เขาจัดการสั่งอาหารแบบเยอะมากๆ ก็มากเกินกว่าที่ผู้ชายสองคนจะกินได้หมด

     

    “ไม่สั่งเยอะไปหรอชานยอล” ผมถามชานยอลที่เปิดเมนูแบบเปิดแล้วหยุดทุกหน้าสั่งทุกหน้า

     

    “ไม่เลยครับ ปกติมากกว่านี้อีก” เขามองผมก่อนจะส่ายหน้าด้อกแด้ก พนักงานรับออเดอร์ไปเรียบร้อยแล้ว

     

    “อี้ฟาน คุณมาอยู่นี่นานหรือยัง” ชานยอลถามระหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ

     

    “ก็สองปีเห็นจะได้ ย้ายมาจากแคนาดาหน่ะมาเรียนมหาลัยฯ”

     

    “ผมเกิดและโตที่นี่ มีพี่สาวคนนึง แม่เปิดร้านอาหาร ส่วนพ่อเปิดร้านไลฟ์คาเฟ่ต์ ถ้าอี้ฟานอยากกินบอกผมนะ เดี๋ยวผมพาไป คุณแม่ทำอาหารอร่อยมาก” ท่าทางกระตือรือร้นของเขาทำให้ผมยิ้มออกมา ชานยอลคงรักครอบครัวของเขามากๆ เราพูดเรื่องสัพเพเหระกันไปส่วนมากชานยอลจะเป็นคนถาม อี้ฟานชอบสีอะไร อี้ฟานชอบกินอะไร และอีกเยอะแยะมากมาย จนอาหารมาเสิร์ฟชานยอลก็เริ่มบรรเลงเพลงสุกี้

     

    ผมค่อยๆกินไปเรื่อยๆเพราะส่วนตัวก็ไม่ได้หิวมากนักแต่ชานยอลกินแบบไม่ยั้ง เขาคงหิวมากยิ่งกำลังโตแบบนี้ ผมแทบไม่อยากเชื่อว่าผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่าๆอาหารบนโต๊ะก็หายเกลี้ยง โดยฝีมือปาร์คชานยอลที่นั่งทำหน้าชิลรอพนักงานมาคิดเงิน

     

    “อี้ฟาน แน่ใจนะว่าอิ่มแล้ว” เขาไม่เชื่อว่าผมอิ่มเพราะผมแค่กินตามจำนวนของคนปกติที่น้อยกว่าเขาเขาก็เลยไม่เชื่อ

     

    “อิ่มมาก เชื่อเถอะ ผมไม่ได้กระเพาะยางยืดคุณภาพดีแบบคุณนะ” ชานยอลหัวเราะเบาๆ เราออกไปแวะร้านเสื้อ ร้านหมวก ร้านรองเท้า เข้าออกหลายต่อหลายร้าน จนในมือของชานยอลมีถุงกระดาษเยอะมากของผมมีไม่มากที่เหลือทั้งหมดคือของชานยอล ดูอย่างนี้เขาเป็นคนแฟชั่นจัดมาก ของแต่ละอย่างที่เขาใช้มันมียี่ห้อหมด รวมถึงเขาต้องบ้าหมวกมากแน่ๆเขาซื้อแบบเดียวกันแต่เปลี่ยนสี -.-

     

                    ชานยอลกับผมทิ้งตัวลงนั่งบนม้านั่งที่ลานชั้นล่างของห้างสรรพสินค้าแต่เพราะเก้าอี้มันค่อนข้างแคบผมที่นั่งลงทีหลัง ไหล่ของขวาผมก็เลยเกยอยู่บนไหล่ซ้ายของชานยอล เขายกแขนซ้ายพาดเป็นแนวยาวบนพนักเก้าอี้แทน ผมจะได้นั่งพิงสบายๆโดยไม่ทับแขนเขา ผมทิ้งหัวลงไปบนแขนชานยอลที่พาดอยู่ เขาตกใจดวงตาเบิกกว้าง แต่เสียงพลุดังสนั่นเรียกความสนใจของทั้งผมและชานยอลไปได้ พลุสีสวยแตกกระจายไปทั่วท้องฟ้า ลมเย็นพัดปะทะกับหน้าของผม

     

    “สวยเนอะ” ชานยอลพูดเบาๆ ผมพยักหน้ารับ พร้อมๆกับรู้สึกอุ่นที่ไหล่เพราะแขนของชานยอลกำลังโอบผมไว้

     

    จ ริ ง ๆ ต อ น นี้ ก็ ดี น ะ

     


    ________________________________________________

    ขอโทษที่หายไปตั้งหลายวันเลย
    T_T
    พอดีช่วงนี้มีทัศนศึกษากลับมาเลยเหนื่อยมาก
    นิยายเราแต่งแล้วลงแบบสดๆทุกครั้งเลยไม่มีสำรองเอาไว้
    อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนน้า
    #ฟิคตีสอง

    เยยยยยยย่ ร้อยเปอร์แล้วนะคะ
    ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×