ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { chanyeol x yifan } | 2am |

    ลำดับตอนที่ #4 : ชานฟานทูเอเอ็ม - best luck

    • อัปเดตล่าสุด 29 ธ.ค. 57


    SQWEEZ
    ฟิคตีสอง - กลางดึกวันที่ ห นึ่ ง

       

     
    ไม่ว่ายังไงฉันก็ยังชอบเธอ
    ฉันได้แค่ยิ้มไม่มีคำพูดใด

    -best luck (chen exo) thai ver. by ViveeT SR
     


    “ผมไม่ได้ตั้งใจ อู๋อี้ฟาน ผมขอโทษ”

    นี่ คื อ ก า ร ส า ร ภ า พ รั ก ห รื อ เ ป ล่ า น ะ

     

    บ้าหรอ

    “ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แค่อยากรู้ว่าคุณจะเดินตามผมมาทำไม ไม่ต้องขอโทษหรอก ผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร” สารภาพรักหรอ ผมนี่ก็เพ้อเจ้อเป็นเหมือนกันแฮะ คนที่เพิ่งเจอกันจะมารู้สึกชอบพอกันได้เร็วขนาดนั้นมันเป็นไปไม่ได้หรอก แล้วอีกอย่างปาร์คชานยอลก็ยังไม่ได้พูดว่าชอบ เขาแค่บอกว่าอยากรู้จักให้มากกว่านี้อาจจะเป็นในแง่เพื่อน เขาอาจจะอยากมีเพื่อนต่างวัย
     

    “คุณไม่ได้โกรธใช่มั้ย อี้ฟาน” เสียงเขาดูผ่อนคลายลงมือที่บีบข้อมือผมตอนแรกก็คลายออกไปอยู่ข้างลำตัวของปาร์คชานยอลเหมือนเดิม

     

    “ปาร์คชานยอลคุณ...”

     

    “ชานยอล เรียกผมแค่ชานยอลก็พอ” ดวงตาเขาเป็นประกายมากกว่าตอนก่อนหน้านี้ลิบลับ

     

    “ก็ได้ชานยอล เรามาเริ่มเป็นเพื่อนกันดีมั้ยจะได้ไม่ต้องมาเดินตามผมแบบนี้อีก” ชานยอลพยักหน้ารับแบบไม่ต้องคิดให้เสียเวลา

     

    “เอาหล่ะ เริ่มเป็นเพื่อนกันก็ต้องไปฉลองใช่มั้ย ไปกินไส้ย่างกัน” ผมหมุนตัวเดินออกจาสวนสาธารณะอย่างรวดเร็วโดยมีเสียงชานยอลตะโกนบอกให้รอเขาด้วย

     

    “มากี่ท่านคะ” พนักงานถามผมเมื่อเดินมาถึงร้านไส้ย่างที่จะแบ่งเป็นห้องๆให้แขกที่มาใช้บริการ

     

    “สองครับ” เสียงชานยอลดังก่อนที่ผมจะตอบอะไรไป พนักงานผายมือให้ผมเข้าไปในห้องที่เตรียมไว้ให้

     

                    ผมจัดการสั่งอาหารไปโดยที่ชานยอลนั่งอยู่เฉยๆมองหน้าผมไปจนผมเกร็งไปหมด

     

    “ไม่สั่งอะไรหรอ” ชานยอลส่ายหน้า อาหารเริ่มทยอยมาเรื่อยๆชานยอลเป็นคนย่างและใช้กรรไกรตัดไส้ให้ผมอย่างเรียบร้อยโดยที่ผมไม่ได้ร้องขอเลย ทั้งน้ำจิ้ม ทั้งน้ำซุปเขาก็ตักให้เรียบร้อย เขาจิบแต่น้ำเซเว่นอัพแค่กระป๋องเดียว

     

    “ขอบใจ” ผมพูดกับชานยอลที่รินน้ำใส่แก้วให้ผม

     

    “ไม่เป็นไรครับ” เขาตอบผมเบาๆ

     

                    คิดเงินเสร็จเรียบร้อยผมก็เดินออกมาจากร้านพร้อมๆกับชานยอลที่พยายามจะรูดบัตรเครดิตของเขาแทนผมในการจ่ายค่าอาหารที่เขาไม่ได้แตะเลย แต่พอก้าวออกมาก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อปาร์คชานยอลดังมากจนผมกับเขาต้องหันไปทางต้นตอเสียงอย่างรวดเร็ว

     

                    แบ็คกราวน์บอยยืนเรียงกันเป็นตับอยู่หน้าร้านต็อกโบกิร้านตรงข้ามกับร้านไส้ย่าง

     

    “เห้ยยยย” ชานยอลร้องเสียงหลงเมื่อเจอเพื่อนเข้าอยู่ตรงหน้า

     

    “อะไรกันชานยอล ไหนบอกมีธุระดันมากับพี่สุดหล่อร้านสเปซแบบนี้”

     

    “ไอ้บ้า แค่บอกว่ามารอพี่เขามันยากหรือไง”

     

    “ทำมาบอกมีธุระ ไปรอพี่เขามาก็บอก ฮิ้วววว” เพื่อนเขาร้องแซวเสียงดังจนกลายเป็นที่สนใจกลางถนน

     

                    ชานยอลวิ่งพุ่งตัวไปราวกับความเร็วแสงวิ่งไปปิดปากเพื่อนเขาคนหนึ่ง ซึ่งคนที่เหลือก็ยังส่งเสียงโหวกเหวกเหมือนเดิม

     

    “แฟนไม่ว่าหรอ ชานยอล” ผมชะงักลงกับคำว่าแฟนของเพื่อนชานยอล อ่าห์ เด็กนี่มีแฟนแล้วอย่างที่คิดจริงๆ ที่ว่าอยากรู้จักมากขึ้นคงมีแค่ความหมายเดียว คือเขาคงอยากมีเพื่อนต่างวัยแบบผม

     

                    ผมส่ายหัวเบาๆให้เลิกคิดเรื่องเพ้อเจ้อ ดูเหมือนเพื่อนเขาจะเงียบลงหลังจากประโยคนั้นจบ แบคกราวน์บอยคนที่พูดโดนคนที่เหลือรุมตีหัวจนร้องโอ๊ยๆ ผมไม่เข้าใจว่าเขาเล่นอะไรกัน
     

    “ชานยอล ใกล้เวลาผมเข้ากะแล้ว ไปก่อนนะ” เขาหันหน้ามาพยักหน้าให้ผมเขากำลังจะก้าวขาตามมาเป็นเพื่อนกลุ่มใหญ่ของเขาก็ตะครุบชานยอลไว้จนถูกกลืนหายไปในกลุ่ม ผมหันหลังเพื่อเดินไปที่ร้าน ความจริงไม่ได้ใกล้เวลาเข้ากะหรอกผมแค่อยากให้ชานยอลกลับไปได้แล้ว ความจริงก็เหลืออีกตั้งสองชั่วโมง งั้นแวะดูของแถวนี้ก่อนแล้วกัน ผมเดินไปเรื่อยๆจนไปหยุดที่ร้านหมวก

     

    กรุ้งกริ้ง!

     

                    ผมเดินเข้าไปในร้านขายหมวกที่เป็นร้านประจำของจื่อเทา เจ้าของร้านพยักหน้าทักทายผม หมวกไหมพรมสีแดงที่ผมอยากได้มันวางอยู่บนชั้นตู้โชว์ ลองเอามาใส่ดูว่ามันเข้ากับตัวเองมั้ย ผมเดินเอาไปวางที่เค้าต์เตอร์เพื่อจ่ายเงิน แต่ก่อนที่ผมจะได้ส่งเงินไปให้เจ้าของร้านมือคู่ใหญ่กับแขนยาวๆก็ยื่นบัตรเครดิตไปให้เจ้าของร้านซะก่อน

     

    “ทำอะไรปาร์คชานยอล” ผมหันไปถามอย่างตกใจ เขาแค่ทำหน้าเฉยๆแล้วรับถุงหมวกมาจากเจ้าของร้าน

     

    “มันมีใบเดียวนะชานยอล มาแย่งผมอย่างนี้ได้ไง” พอผมพูดจบเขาก็แค่ยื่นถุงมาให้ผม

     

    “ผมให้อี้ฟานนะ ไม่ได้จะแย่งซื้อตัดหน้าซะหน่อย” คำตอบของเขาทำเอาผมงงไปเลย แค่รู้จักกันวันเดียวถึงกับต้องซื้อของแพงๆให้กันเลยหรอ แล้วอีกอย่างมันเป็นของของผม ผมไม่ต้องการให้ใครมาซื้อให้หรอกโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เพิ่งจะมารู้จักกันวันนี้และยังเด็กกว่าผมอีก

     

    “เอาเงินคืนไปเถอะ” ผมยื่นเงินค่าหมวกไปให้เขา ชานยอลเบี่ยงมือหนีผมหน้าเริ่มบึ้ง

     

    “ผมแค่อยากให้เฉยๆ อี้ฟานช่วยรับไว้ไม่ได้หรอ” ชานยอลยังยื่นถุงค้างไว้อยู่แบบนั้น ผมเดินเลี่ยงเขามา ผมไม่อยากรับเลย เงินก็เป็นเงินของเขา ถึงผมจะชอบหมวกนั้นแต่เมื่อเขาซื้อไปแล้วผมก็ไม่อยากได้มันแล้ว

     

    “อี้ฟาน” เสียงชานยอลเรียกผมก็ยังไม่หยุดเดิน ผมเดินขึ้นรถเมล์เขาก็เดินตามมานั่งข้างๆผมผมมองมือของชานยอลที่กำถุงกระดาษแน่นจนปลายนิ้วเป็นสีขาว ผมแค่หันไปมองออกนอกหน้าต่างหยิบหูฟังขึ้นแต่ไม่ได้เปิดเพลง

     

    “ผมขอโทษ” เสียงชานยอลดังขึ้นเบาๆเหมือนเขาพูดกับตัวเองอยู่ มือที่กำถุงก็ยังกำแน่นเหมือนเดิม

     

    “ผมบอกว่าไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณวุ่นวาย แต่ผมก็ทำมันซ้ำอีกแบบที่ผมไม่รู้ตัว” ชานยอลเงียบลง ผมทำเป็นไม่ได้ยินที่เขาพูด ชานยอลกับผมนั่งเงียบมาจนถึงป้ายหน้ายัวร์สเปซ ผมเดินลงจากรถเมล์พร้อมๆกับชานยอล

     

    ” ผมหันกลับไปมองชานยอลที่เดินตามมาก่อนจะหยิบถุงกระดาษที่ยับยู่ไปเพราะแรงบีบแรงขยำของคนถือให้มาอยู่ในมือผม

     

    “กลับบ้านไปนอนได้แล้ว” เขาพยักหน้ารับพร้อมกับร้อยยิ้มเต็มปาก หน้าตาดีใจเกินเหตุทำให้ผมต้องยิ้มตาม

     

    บ า ง ที ป า ร์ ค ช า น ย อ ล ก็ น่ า รั ก น ะ
     

    7.00 am

     

                    “อี้ฟาน ไปรับดอกไม้ที่หน้าร้านให้หน่อย” หวงจื่อเทากลับมาทำงานได้ตามปกติแต่หน้าตาก็ยังซีดเซียวเพราะเสียน้ำไปเยอะจากการท้องเสีย

     

    “ได้” ผมรับคำแล้วเดินผ่านเค้าท์เตอร์ไปที่หน้าร้าน เจ้าของร้านดอกไม้เดินหอบดอกไม่ช่อใหญ่มาทางผม ผมรับมาขอบคุณเธอแล้วเดินเข้าร้าน ดอกไม้ถูกแบ่งเป็นกำจากที่ร้านมาแล้วแค่ไปใส่ในแจกันตามมุมต่างๆของร้านก็เป็นอันที่เรียบร้อย

     

                    ปาร์คชานยอลกลับไปตั้งแต่เมื่อคืนหลังจากที่ผมบอกให้กลับไป

     

    “เอ้อ ว่าจะถามตั้งนานละ หมวกอ่ะ ไปซื้อใหม่มาหรอ สวยดี” จื่อเทาทักผมที่ใส่หมวกไหมพรมที่ชานยอลซื้อให้เพราะอากาศหนาวแม้จะอยู่ในร้าน

     

    “ใช่ ร้านประจำของมึงอ่ะ” จื่อเทาพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

     

    กริ๊ง

     

                    เสียงโหวกเหวกดังมาจากลูกค้ากลุ่มใหม่ที่เพิ่งเดินเข้ามาเรียกสายตาจากลูกค้าในร้านได้เกือบหมด แบ็คกราวน์บอยและปาร์คชานยอลที่มาในชุดนักเรียนใส่สูทผูกไทต์เรียบร้อยและหน้าใสบริ้งค์นั่นเอง คนแทบทั้งร้านหันไปมองเขาอย่างให้ความสนใจโดยเฉพาะเด็กผู้หญิงมอปลาย บางคนนี่ถึงกับกรี๊ดกับเพื่อน ดูๆไปชานยอลก็มีเพื่อนเยอะอยู่แล้วและดูเหมือนเขาจะเป็นตัวดึงดูดคนอื่นให้เข้ามามากกว่าทำไมถึงอยากเป็นเพื่อนกับผมนะ

     

    “อี้ฟาน” เขายิ้มอย่างดีใจเมื่อสบตากับผมและชี้ที่หัวของเขาเองเป็นเชิงหมายถึงหมวกที่เขาซื้อตัดหน้าแล้วเอามาให้ผม ผมยิ้มบางๆตอบกลับไป

     

    “รับอะไรดีครับ” ผมถามเพื่อนๆของเขาที่ยืนออกันอยู่ที่หน้าเค้าท์เตอร์

     

                    หลังจากที่เพื่อนของเขาสั่งเสร็จ ชานยอลก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิมรอจนเพื่อนเขาแซวเรื่องผมจนพอใจโดยที่เขายืนทำท่าทางเขินอายอย่างกับสาวน้อย แล้วเดินไปหาที่นั่งเขาก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่หน้าเค้าท์เตอร์เหมือนเดิม ผมไม่ได้คิดอะไรมากหรอก มันก็ขำๆดี มองเด็กผู้ชายที่ทำหน้าตาทะเล้นๆมาฮาพอกับที่เซฮุนแสยะยิ้มนั่นแหละ

     

    “ไม่ไปนั่งกับเพื่อนหรอ” ผมถามชานยอลพร้อมๆกับจัดอาหารใส่ถาดตามออร์เดอร์ที่เพื่อนของเขาสั่ง

     

    “ไม่อ่ะ เดี๋ยวผมต้องไปโรงเรียนแล้วอยู่กับเพื่อนทั้งวัน แต่ผมได้มาเจออี้ฟานแป็ปเดียวเอง”

     

    “ฮะๆฉันก็อยู่ที่นี่ทุกวันนั่นแหละ” ผมหัวเราะเบาๆ

     

    “ช่างเหอะ อี้ฟานเย็นนี้ว่างหรือเปล่า” เขาถามผมเสียงลังเลใจเหมือนกังวลอะไรซักอย่าง

     

    “อี้ฟาน คุณ...คุณไม่ต้องคิดมากนะ มันไม่ใช่เดทอะไรแบบนั้นหรอก แค่ไปเที่ยวด้วยกันเฉยๆนะ” เสียงชานยอลร้อนรนจนผมยังงงตามว่าเขาจะร้อนรนทำไมชวนไปเที่ยวก็คือชวนไปเที่ยวมันจะไปเกี่ยวกับการเดทได้ยังไง

     

    “ผมว่างไปจนถึงปีหน้าเลยแหล่ะ ถ้าไม่รวมเวลาทำงานอ่ะนะ” ผมยกถาดไปไว้ที่เค้าท์เตอร์ที่ชานยอลยืนอยู่พร้อมๆกับตอบเขาไปด้วย

     

    “แปลว่าคุณตกลงใช่มั้ย ตอนหกโมงผมจะรอที่สวนสาธารณะที่เมื่อวานนะ” ผมพยักหน้ารับ
     

    “เยส” ผมเห็นเขาหันหลังไปทำท่าบ้าบออะไรไม่รู้กลางอากาศ โดดเหยงๆประมาณสามวิ

     

    “ทำอะไรหน่ะชานยอล” ผมสตั๊นไปสามสิบวิกับท่าทางแปลกๆของเขา ก่อนจะเปิดปากถามชานยอลที่ยืนยิ้มเต็มปากอยู่

     

    “เปล่าครับไม่ได้ทำอะไรเลย” เขาโบกมือโบกไม้ไปมา ผมส่ายหน้าเบาๆแบบไม่ใส่ใจ

     

    “เสร็จแล้ว ยกไปได้แล้วชานยอล” ชานยอลยิ้มรับแล้วก็ยกถาดเดินหายไป

     

    กริ๊ง

     

    “อ่าวจงอิน” ผมส่งเสียงทักทายคิมจงอินที่เดินเข้ามาในร้าน ปกติไม่เห็นค่อยมาตอนเช้าแบบนี้

     

    “หวัดดีครับ เฮียอู๋” คิมจงอินทักทายผมด้วยรอยยิ้ม

     

    “มาทำอะไรแต่เช้า”

     

    “อ้อ พอดีผมลืมของนะครับ ต้องใช้เรียนวันนี้น่ะครับ” ตอบเสร็จจงอินก็ขอตัวเข้าไปเอาของที่ห้องพนักงานอย่างรวดเร็วเพราะดีโอรออยู่ที่โรงเรียนแล้วไม่อยากให้เพื่อนรอนาน จงอินบอกแบบนั้น สองคนนี้นี่สนิทกันจริงๆเลย มีเพื่อนแท้แบบนี้ดีจริงๆ

     

    “ผมไปก่อนนะครับเฮีย...เอ๊ะ” ขายาวของจงอินหยุดลงพร้อมๆกับมองไปที่โต๊ะของปาร์คชานยอล

     

    “ชานยอล” เสียงจงอินทำให้ชานยอลกับแบ็คกราวน์บอยหันมามอง ชานยอลยกมือทักทายจงอินแต่หน้าตาจงอินบอกบุญไม่รับมาก

     

    “ไม่ต้องมาทำหน้าตาชิวแบบนั้น”

     

    “แฟนมึงแม่งวุ่นวาย ชิ_หาย หัดโทรไปหาเขาบ้างไม่ใช่ให้เขามาวุ่นวายกับเพื่อนกับฝูงแบบนี้ โทรศัพท์มีก็เปิดเครื่องรับสายเขาหน่อย โทรมาหากูจนกูนึกว่าเขาเป็นแฟนกูละ ถ้ามีอีกครั้งกูโกรธนะ”

     

                    เหมือนทุกอย่างเงียบลงแบ็คกราวน์บอยที่เคยโหวกเหวกโวยวายก็นิ่งสงบผมสบตาเข้ากับปาร์คชานยอลที่มองมามันแสดงความกังวล ความร้อนรน ความกลัว  แต่สิ่งที่เขาทำมันทำให้ผมสับสบและไม่เข้าใจมากกว่าเดิม


    เขาหลบสายตาผมทำไมนะ



     

    __________________________________________
    #มุมของเรา
    มาถึงตอนที่สี่กันละเน้ออออ
    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านมาชมกันนะคะ
    -3-
    อย่าลืมที่จะคอมเมนต์พูดคุยกันและติกแท็ก#ฟิคตีสองกันนะคะ

    ขอบคุณทุกคอมเมนต์อย่าลืมโหวตให้ฟิคของเราด้วยนะคะ

    มาจนถึงตอนนี้ ชานยอลมาเตาะพี่คริสแต่ตัวเองมีแฟนแล้ว
    เสียใจ*ยกผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา* 55555
    ติดตามกันในตอนต่อไปค่ะ





     

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×