คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ชานฟานทูเอเอ็ม - ไม่รู้ตัว
อยากบอกว่าเธอมีแฟนคนนึง ที่แอบไปหึงเธอทุกวันทุกวัน
ไม่รู้อะไรซะบ้างเลย
ก็เป็นแฟนเธอวันๆโดยที่เธอเองก็ไม่ยอมรู้ตัว
และฉันก็กลัวซะเกินจะบอก
5.00 am
“โอ้ยยย” ผมร้องพลางส่งมือไปขยี้ผมตัวเอง ทำไปได้ยังไงเนี่ยน่าอายเป็นบ้าเลย ไปจับมือชานยอลเนี่ยนะ โถ่ๆๆๆ
“ฮยองเป็นบ้าอะไรเนี่ย” ผมมองไปที่เซฮุนที่ทำปากบู้ที่ตัวเองคิดว่าน่ารักส่งมาให้ผมซึ่งในความคิดผม มันน่าเตะเสียมากกว่า
“ทั้งสองคนทำงานได้แล้ว” ผมรีบวิ่งไปทำตามคำสั่งของเทาทันทีโดยไม่ได้ตอบคำถามของเซฮุน วันนี้ก็ลูกค้าเยอะเป็นพิเศษหนึ่งในสามก็แฟนคลับของเซฮุนทั้งนั้น ยิ่งปิดเทอมนี่แทบจะแบ่งเวรกันมาเฝ้าเป็นกะเลยทีเดียว เด็กผู้หญิงเดี๋ยวนี้แลดูน่ากลัวทำตัวอย่างกับตัวเองเป็นผู้ชายและเซฮุนเป็นดั่งประหนึ่งดอกไม้งามเพียงดอกเดียวในโลกที่สามารถผสมพันธุ์ได้ =_=
“เด็กนั่นกลับไปแล้วหรอ” ผมชะงักไปตามคำถามของเทา
“หมายถึงชานยอลหรอ” ผมหยิบแก้ววางลงในถาดส่งไปให้เซฮุนพร้อมๆกับตอบเทาไปด้วย
“ใช่” เทาพยักหน้ารับ จะว่าไปตั้งแต่เข้ามาในร้านพร้อมๆกับชานยอลหลังจากที่ผมเดินมาประจำที่เค้าท์เตอร์ก็ไม่เห็นชานยอลอีก เขาอาจจะกลับออกไปแล้วก็ได้
“ผมเห็นเขานั่งอยู่อีกฝากนู่นแหน่ะฮยอง” เซฮุนที่เพิ่งกลับมาจากการไปถูร้านหันมาบอกผม ผมพยักหน้ารับเบาๆ
“อี้ฟาน เอาหนังสือใหม่พวกนี้ไปจัดหน่อย” ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย วันนี้เป็นเวรของเซฮุนนะทำไมผมต้องทำให้ด้วยอ่ะ
“ไม่ต้องขมวดคิ้วเลย วันนี้น้องมันปวดขาไปทำแทนมันหน่อย” ผมหันไปมองที่เซฮุนที่อยู่ดีๆก็เอามือกุมขาแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา ผมก็เลยตัดสินใจยกกล่องหนังสือออกมาจากเค้าท์เตอร์ทันที ผมเดินผ่านเข้าไปในโซนด้านข้าง มองเห็นชานยอลนอนเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงที่นั่งที่เป็นขั้นบันได เมื่อเราสบตากันชานยอลก็วิ่งลงมาหาผมอย่างรวดเร็ว ของในมือหายไปอยู่ในอ้อมแขนของชานยอลเป็นที่เรียบร้อยพร้อมๆกับส่งร้อยยิ้มกว้างมาให้ผม
...น่ารัก...
ผมยิ้มตอบกลับชานยอลไป เขาเดินไปที่ชั้นวางหนังสือที่ยังว่างอยู่หันมามองผมเมื่อผมพยักหน้าให้เขาวาง ชานยอลก็วางกล่องลง
“ไปนั่งเถอะ เดี๋ยวผมทำเอง” ชานยอลยิ้มแล้วส่ายหัวเบาๆ
“ให้ผมช่วยเถอะอี้ฟาน อยู่เฉยๆก็เบื่ออยู่ดี แม่สอนว่าเราควรทำตัวให้เป็นประโยชน์นะครับ” ชานยอลรับหนังสือที่ผมให้เขาจัดไปถือ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีชานยอลช่วยก็ทำให้งานมันเสร็จเร็วขึ้นจริงๆ
“อี้ฟานแถวนี้มันเต็มแล้วอ่ะครับ” ผมหันไปมองชานยอลที่ชี้ว่าชั้นที่ผมให้เขาเอาหนังสือไปใส่มันเต็มแล้ว
“เอามาสิ่ เดี๋ยวผมใส่ในฝั่งนี้แทน” ผมรับหนังสือจากมือชานยอลที่เขายื่นมา ผมปีนขึ้นไปที่ชั้นเก็บหนังสือบนสุดสอดหนังสือใส่ในชั้น แต่ถุงเท้ากับพื้นไม้ที่ลื่นทำให้ผมเสียหลักหงายหลังลงมา
“เห้ยยยยย อี้ฟาน” เสียงร้องของชานยอลดังขึ้นใกล้ๆหู
ผมหลับตาปี๋เอามือรองศีรษะเอาไว้กันกระแทน หลังผมต้องกระแทกแรงแน่ๆข่างล่างเป็นขั้นบันไดซี่ใหญ่ๆที่กว้างพอจะให้คนหนึ่งคนนั่งได้เลย ถ้าหล่นลงไปคงเจ็บไม่น้อยแน่ๆ
“ปั้ก!!”
“โอ้ยยซี๊ดด”
เสียงร้องดังขึ้นพร้อมๆกับที่หลังของผมสัมผัสกับบางอย่างที่นุ่มๆและแข็งแรงผมรู้สึกเจ็บนิดหน่อยไม่มากเท่าที่คิด แต่เสียงร้องของชานยอลที่ตามมาทำให้ผมเข้าใจในทันทีว่าที่ที่ผมหล่นลงไปมีชานยอลรองรับอยู่
ผมรีบพลิกตัวลุกขึ้นมาทันที ส่งมือไปช่วยดึงชานยอลที่นอนแบ๊บอยู่บนพื้นมือข้างหนึ่งจับที่แถวๆหน้าอกหน้าตาเหยเกแสดงความเจ็บปวด ก็แหงหล่ะผมตัวใช่จะเล็กๆที่ไหนหล่ะ เอาตัวมารองแบบนี้ก็เจ็บนะสิ่ เห้อ
“คงไม่ต้องถามใช่มั้ยว่าเจ็บหรือเปล่า” ผมพูดยิ้มๆชานยอลส่งหน้าตาน่าสงสารมาให้ผม
“แต่ขอบใจนะ ไม่ได้ชานยอล ผมเจ็บหนักแน่ๆ” ชานยอลพยักหน้าแต่มือยังกุมแถวๆหน้าอกกับท้องอยู่ จุกจนพูดไม่ออกแน่ๆ
“นั่งก่อนสิ่” ผมยื่นมือไปดันไหล่ของชานยอลให้นั่งลงตรงขั้นบันได
“เห้ยยยยย ทำอะไรครับอี้ฟาน” ชานยอลร้องเสียงหลง หูและแก้มแดงขึ้นสีเรื่อเมื่อผมยื่นมือไปเลิกเสื้อของเขาขึ้นแต่ก่อนที่จะได้ทันเห็นอะไรชานยอลก็เอามือมาบังเสียก่อน
“ก็ดูอกกับท้องไงว่าช้ำหรือเปล่าจะได้เอาน้ำแข็งมาประคบ” ผมขมวดคิ้ว ชานยอลกระเถิบไปไกลขึ้นอีกดวงตาโตสีดำดิ้นขลุกขลิกไปมา หรือว่าชานยอลจะเป็นคนมีพุง หรือเขามีแผลเป็นก็เลยอายไม่อยากให้ผมดู
“เปิดเสื้อให้ผมดู ชานยอล” ผมเอ่ยเสียงเข้ม ถึงมันจะเป็นเหตุผลอะไรก็ตามที่ผมคาดเดาไว้ตอนต้นแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องกังวลอะไร
“เอ่อ...ไม่ต้องครับ อี้ฟาน” ชานยอลยังส่ายหน้าเหมือนเดิมมือกุมท้องเอาไว้ ผมขมวดคิ้วแสดงความโกรธอย่างมาก ชานยอลหลุบตาลง ค่อยๆเขยิบเข้ามานั่งชิดผม แล้วเปิดเสื้อของเขาขึ้น
ผิวขาวๆของชานยอลมีรอยแดงเป็นปื้นตรงท้องกับหน้าอก อีกวันสองวันมันจะต้องกลายเป็นสีม่วงช้ำแน่ๆ แต่สิ่งที่ทำให้ผมงงว่าชานยอลจะอายเรื่องอะไรในเมื่อนอกจากผิวขาวๆของเขาแล้ว หน้าท้องก็ยังมีซิกแพคไม่รู้จะอายเรื่องอะไร
ผมเงยหน้าขึ้นไปทันที ผมชะงักลงเมื่อเราสบตากัน จมูกของเราห่างกันไม่ถึงสองเซนกลิ่นลมหายใจหอมๆของชานยอลลอยวนไปทั่ว
ตึกตักๆๆ
เสียงหัวใจดังก้องไปทั่วหูไปหมด ไม่รู้ว่าเป็นของชานยอลหรือของผมกันแน่ ผมกับชานยอลนิ่งอยู่แบบนั้นเหมือนรอบข้างไม่มีใครสักคนอยู่เลย เหมือนมีแค่เรา
“เอ่อ...” ผมละสายตาออกมาก่อนจะหันหน้าไปอีกทาง ชานยอลนั่งกระแอ่มกระไอสองสามครั้งก็จะนิ่งไป ฝ่ามือใหญ่ของชานยอลเลื่อนมากุมมือผมเอาไว้ หัวใจของผมยิ่งเต้นดังกว่าเดิม มันเหมือนจะกระเด็นออกมา
“เดี๋ยวไปเอาน้ำแข็งมาให้นะ” ชานยอลค่อยๆคลายมือออก ผมลุกขึ้นไปที่เค้าท์เตอร์ เทากับเซฮุนกำลังง่วงกับการชงกาแฟผมห่อน้ำแข็งด้วยผ้าเสร็จแล้วก็ตรงไปหาชานยอลทันที
ผมยื่นห่อน้ำแข็งไปให้ชานยอล เขารับไว้แล้วสอดเข้าไปในเสื้อชานยอลสะดุ้งเมื่อความเย็นสัมผัสกับผิว
“งื้ออ ผมเจ็บอ่ะอี้ฟาน” ผมมองหน้าชานยอลแล้วก็เกิดกังวลขึ้นมา ถ้าเกิดมันเป็นอะไรมากกว่าช้ำจะทำยังไงเนี่ย หรือผมควรจะพาเขาไปหาหมอมั้ยนะ
“เจ็บมากเลยหรอ ชานยอล ไปหาหมอกันมั้ย” ชานยอลใช้มือที่ว่างโบกมือปฏิเสธ ผมคว้ามือของชานยอลข้างที่เขายกขึ้นมาดูใกล้ๆ ชานยอลสะดุ้งเมื่อผมเอามือแตะรอยแผลถลอกเล็กๆที่อยู่บนหลังมือของเขา
“เป็นแผลตรงนี้ก็ไม่บอก” ผมพูดเบาๆชานยอลเขยิบเข้ามาใกล้ๆจนไหล่เราชิดกัน ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าของผ้ากันเปื้อน หยิบเอาพลาสเตอร์ปิดแผลออกมาติดบนหลังมือให้ชานยอล
“ขอบคุณครับ” ผมพยักหน้านึกโทษตัวเองที่ทำให้ชานยอลต้องมาเจ็บตัวเพราะผมที่ไม่ระวังตัวเอง
“เดี๋ยวผมไปช่วยเทากับเซฮุนก่อนนะนี่มันก็หกโมงกว่าแล้วนะชานยอลกลับบ้านได้แล้ว”
“อื้อ” อื้อของชานยอลคือการส่ายหัวไม่ใช่การพยักหน้า
“เดี๋ยวรออี้ฟานเลิกกะไง จะได้กลับพร้อมกัน” ชานยอลสบตาปิ๊งๆกับผมแต่ผมขมวดคิ้วส่งกลับไป
“นะครับ..นะคร้าบบบบ” เสียงอ้อนๆของชานยอลทำให้ผมพยักหน้าอย่างใจอ่อน
“เย่เดี๋ยวผมนอนรอนะ จุกมากเลย T^T” ชานยอลเบะปากหน้าเหมือนจะร้องไห้ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหันหลังไปช่วยงานที่เค้าท์เตอร์เหมือนเดิมเพราะจัดหนังสือเสร็จพอดีกับที่ร่วงลงมานั่นแหละ
“หึๆ” ผมหันไปมองหน้าเซฮุนที่เหลือบมองผมด้วยหน้าตาที่แฝงไปด้วยความชั่วร้าย ดวงตาหยีเล็กลงพร้อมๆกับปากที่คลี่ยิ้มออกมา
“มีอะไรเซฮุน” หน้าตาแบบนี้ไม่น่าไว้ใจเลย
“ไม่มีอะไรเลยฮยอง ฮริ” ฮริพ่อง ผมส่งค้อนวงโตๆไปให้เซฮุนแล้วหันไปพูดเป็นภาษาจีนกับเทาเรื่องออร์เดอร์แต่แกล้งทำเป็นเหลือบมองไปที่เซฮุน เทาเหมือนจะรู้มันก็หัวเราะขำ แต่เซฮุนนี่หน้าบึ้งไม่พอใจมากจนผมขำ
“เออๆ บอกก็ได้” ผมเดินเข้าไปใกล้ๆเซฮุน ชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ๆโทรศัพท์ของเซฮุนแต่เมื่อเห็นความร้อนก็ฉีดพุ่งไปทั่วหน้าเป็นภาพที่ถ่ายมาจากหน้าจอกล้องอีกที เป็นรูปของผมกับชานยอลตอนที่หน้าเราใกล้กันมากและอีกรูปคือรูปที่ผมกับชานยอลจับมือกันแล้วมองไปคนละทางชานยอลยิ้มเต็มปากส่วนผมอมยิ้มแล้วหันไปอีกด้าน
ผมเอามือจับปากตัวเอง ไม่รู้ตัวเลยแฮะว่าตอนนั้นผมกำลังยิ้มอยู่ ผมหันไปมองหน้าเซฮุนที่ส่งยิ้มล้อเลียนน่าถีบมา
“ไปเอารูปมาจากไหน” ภาพนี้ถ่ายมาจากหน้าจอกล้องอีกที
“ระดับเซฮุนนะฮยอง ก็ให้แฟนไซต์ประจำตัวผมถ่ายให้สิ่ เดี๋ยวเขาส่งเอชดีมาให้ ฮริ” ผมกะจะแย่งโทรศัพท์มาลบรูป แต่ได้ยินแบบนี้ ต่อให้ลบได้ สุดท้ายมันก็หามาได้ใหม่อยู่ดี
“เล่นไปเรื่อย” ผมส่ายหัวแล้วขมวดคิ้วใส่หน้าเซฮุน
“ฮยองเขินก็บอกเหอะ ฮ่าๆๆๆ รูปอย่างกับพรีเวดดิ้ง” เสียงหัวเราะตรงกลางของเซฮุนตอนสุดท้ายของประโยคผสมกับเสียงของจื่อเทาที่บ้าไปกับเซฮุนด้วย
“หยุดน่า มันใช่เรื่องล้อเล่นหรือไง” เมื่อเห็นผมทำเสียงเข้มเซฮุนก็ขยับตัวลากขายาวๆมากอดเอวผมเอาไว้ แล้วเอาหัวถูแขนผมไปมา
“ฮยองก็รู้ว่าผมรักฮยองน้า แค่ล้อเล่นเฉยๆเนอะๆ อย่าโกรธสิ่” ผมเอามือผลักหัวเซฮุนออกไปแต่ก็กลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่เพราะท่าทางประหลาดๆของเซฮุน เซฮุนหัวเราะร่ามือก็ยังกอดเอวผมอยู่
“อี้ฟาน” ผมหันไปมองตามเสียงที่แสดงความขุ่นมัว ปลายเสียงคือชานยอลโหมดวันแรกที่เจอกัน หน้าตาชานยอลบอกบุญไม่รับมาก สายตาเขาเลื่อนต่ำลง แล้วก็น้าบึ้งกว่าเดิม
“มีอะไรหรอ” ผมถามชานยอลเหมือนเขามีเรื่องอะไรหรือเปล่าทำไมทำหน้าตาแบบนั้นก็ไม่รู้ เหมือนโกรธใครมาร้อยชาติอย่างนั้นแหละ
“ผมแค่จะมาบอกว่าผมจะกลับก่อนนะครับ” ดวงตาชานยอลฉายแววตัดพ้อขึ้นมาแวบนึงก่อนจะหายไป พูดจบประโยคชานยอลก็หันหลังเดินออกจากร้านไปเลย
“เอ่อ...ไม่ได้มีปัญหากันใช่มั้ย” เทาเอ่ยถามผมเบาๆ
“โถ่ ฮยองของผมโดนทิ้งซะแล้ว โอ๊ยย” ผมเอามือโขกหัวเซฮุน พูดอะไรไม่รู้เรื่อง
“เขาโมโหอะไรของเขา เมื่อกี้ยังบอกว่าจะกลับด้วยกันอยู่เลย” ผมพูดให้เทากับเซฮุนฟังอย่างงงๆ
“ฮยองนี่ไม่รู้จริงๆอ่ะหรอ” ผมส่ายหน้ารับคำเซฮุน มันพูดเหมือนกันรู้ว่าชานยอลโมโหเรื่องอะไร
“ฮยองรู้จักคำว่า หึง มั้ยอ่ะ”
__________________________________
#มุมของเรา
ขอโทษที่มาต่อช้ามากๆเลย
คิดอะไรไม่ออกจริงๆอันนี้ยอมรับ
แต่เรื่องนี้ก็ใกล้จะจบแล้ว (มั้ง)
แต่งสดทุกครั้งเลย
55555555555
อย่าทิ้งกันไปไหนน้าาา
เซฮุนตัวป่วนก่อเรื่องซะแล้ว5555
อย่าลืมติดแท็ก #ชานฟานทูเอเอ็ม
มาสกรีมกัน
ความคิดเห็น