ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { chanyeol x yifan } | 2am |

    ลำดับตอนที่ #1 : ชานฟานทูเอเอ็ม - ปฏิเสธอย่างไร

    • อัปเดตล่าสุด 29 ธ.ค. 57


    SQWEEZ

     
    ฟิคตีสอง-เช้าวันที่ ห นึ่ ง
     

     
    แอบ ห ล ง รั ก เธออยู่ แต่เธอคงดูไม่ออก
    ซ่อนความรัก ไ ม่ ก ล้ า บ อ ก กลัวเธอจะเปลี่ยนไป
    ห้ามใจยังไงให้ไหว เมื่อเธอ น่ า รั ก เกินกว่าใคร
    ปฏิเสธอย่างไร เมื่อรักเธอจน ไ ม่ อ า จ จ ะ ถ อ น ตั ว

    -ปฏิเสธอย่างไร lipta-


    1:45 am

     

    ตีหนึ่งสี่สิบห้ามีนักศึกษามหาวิทยาลัยกำลังนั่งหาวอยู่บนรถประจำทางสายที่เขาเพิ่งเคยนั่งเป็นครั้งแรกเมื่อสองเดือนที่แล้วเพื่อไปทำงานพาร์ทไทม์ให้ทันเวลา คนๆนั้นคือ อู๋อี้ฟาน ปีนี้สิบเก้าปีเต็ม เป็นคนจีนแท้แต่ไปโตที่แคนาดาก่อนจะกลับมาเรียนมหาวิทยาลัยที่เกาหลี ผมตัดสินใจสมัครงานพาร์ทไทม์เวลาตีสองถึงเก้าโมงในวันจันทร์ถึงศุกร์และหกโมงเช้าถึงหกโมงเย็นในวันเสาร์และอาทิตย์

     

    ผมไม่ได้ต้องการเงินมากมายขนาดนั้นเพราะที่แม่ส่งมาให้ทุกเดือนมันก็พอใช้แถมยังเหลือเสียด้วยซ้ำแต่งานพาร์ทไทม์ที่ผมทำเป็นสถานที่ที่ผมชื่นชอบและอยากหมกตัวอยู่มากกว่าหอของตัวเองซะอีกมันคือ relax meeting place library and coffee shop คือเป็นร้านคอฟฟี่ช็อปที่ผสมร้านหนังสือและที่พักผ่อนหย่อยใจเอาไว้ในที่เดียวกัน มีโซฟา โต๊ะสำหรับอ่านหนังสือ อินเตอร์เน็ทฟรีและที่ชาร์ตแบต เพียงแต่ต้องซื้ออาหารสักอย่างเพื่อมีสิทธิเข้าใช้บริการ มันเป็นสวรรค์ของวัยรุ่นอย่างเขาจริงๆดังนั้นเมื่อผมอยากมาอยู่ทั้งวันโดยไม่สูญเปล่าก็เลยตัดสินใจสมัครงานเข้าไปเป็นพนักงานมันซะเลย

     

    ตึ้ง!

     

    โปรแกรมแชทแจ้งเตือนเมื่อเพื่อนสนิทที่หอบกันมาตั้งแต่จีน ไปแคนาดาและยังมาเกาหลีด้วยกันอีก อย่าจื่อเทาทักแชทมา

     

    Zitao

    คุณอู๋ โทษทีนะเว่ยวันนี้กูท้องเสียหนักว่ะ คงไปเข้ากะไม่ได้(._.)

    Kriswu

    อืม โอเค อย่าลืมแดกยาครับ

    Zitao

    เออใจมากเว่ย กูเข้าห้องน้ำก่อน

    Kriswu

    เออๆ

     

    มองออกไปนอกรถข้างทางห้างร้านต่างๆก็ยังคงไม่ไฟเปิดอยู่บางร้านเริ่มมีของตกแต่งสวยงามทั้งไฟดวงเล็กๆ กล่องของขวัญ สโนว์แมนเพราะใกล้เทศกาลศริสมาสต์เข้ามาทุกทีแล้ว ร้านบางร้านก็เริ่มลดราคาสินค้าเพื่อฉลองให้กับผู้คนในวันคริสมาสต์และล้างสต็อกสินค้าไปในตัว พูดถึงการตกแต่งร้าน
     

    ....ฉิ_หายละ...

     

                       วันนี้มันเป็นวันที่ต้องตกแต่งร้านไม่ใช่หรอ แล้วจื่อเทาไอ้เพื่อนตัวดีดันท้องเสียอีก งั้นก็แปลว่าเค้าต้องบริการลูกค้ารวมทั้งตกแต่งร้านหรอ บ้าไปแล้ว โอ๊ยยยยย อู๋อี้ฟานทำอะไรไม่ได้นอกจากภาวนาให้กะที่เขาทำมีลูกค้ามาใช้บริการน้อยๆหรือภาวนาให้พี่ๆก่อนหน้านี้ว่างและมาทำงานแทนจื่อเทา แต่กะเวลาตีสองแบบนี้ไม่มีใครเค้าทำกันหรอกนอกจากคนที่ว่างมากๆอย่างจื่อเทาและอู๋อี้ฟาน ยิ่งเวลาแบบนี้คือช่วงที่สอบเสร็จและจะปิดยาวไปจนถึงปีหน้า เขายิ่งว่างเข้าไปใหญ่เลยกะจะขอเพิ่มกะที่ร้านเพื่อจะได้อยู่ร้านทั้งวัน

     

    ถ้าไม่เสร็จก็อยู่จนถึงเที่ยงไปเลยแล้วกัน ยังไงเขาก็ว่างอยู่แล้ว แต่ถ้าเจอเมเนเจอร์วีนแตกก็อีกเรื่องนึง
     

    ผมเดินลงจากรถเมล์เมื่อถึงป้ายที่ตรงกับหน้าร้านพอดี SPACE เป็นชื่อร้านที่ผมทำงานอยู่ เดินลัดเลาะไปหลังร้านเพื่อเปลี่ยนเครื่องแต่งกายและเก็บของใส่ล็อคเกอร์ ผมเปิดประตูเข้าไปหลังร้านก็พบลู่หานฮยอง มินซอกอยอง และซูโฮฮยอง ที่ท่าทางจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่อยู่บนโซฟา

     

    เป็นอะไรกันครับ ฮยอง?” ผมเอ่ยถามพลางถอยกระเป๋าเป้ใส่ล็อกเกอร์ ลู่หานถอนหายใจยาวบ่งบอกถึงความเหนื่อยแค่เปิดปากจะตอบคำถามอี้ฟานยังเหนื่อย

     

    “ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอกคริส เพียงแต่วันนี้คนเยอะมาก เพิ่งทยอยกันออกไปเมื่อซักครึ่งชั่วโมงที่แล้วนี่เองฮยองสามคนแทบเอาไม่อยู่ เดี๋ยวก็สั่งกาแฟ สั่งเค้ก สมัครสมาชิก ให้ปีนหยิบหนังสือให้ ทำน้ำหก โอ้ยยยสารพัดจะพูด” ซูโฮฮยองเป็นคนตอบคำถามของผมแทนลู่หานฮยอง

     

    “งั้นแสดงว่าตอนนี้ก็โล่งเลยอ่ะสิ่ครับ” ผมรู้สึกดีใจขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่ามีลูกค้าน้อยเพราะผมมีภารกิจต้องมาตกแต่งร้านอีกถ้ามีลูกค้าเยอะมีหวังไม่ได้ทำอะไรกันพอดี

     

    จื่อเทานะจื่อเทามาขาดวันที่สำคัญแบบนี้ แต่จะไปว่ามันก็ไม่ได้ ใครก็ไม่อยากไม่สบายหรอก เฮ้อออออออ

     

    “ไม่ต้องมาทำหน้าทำตาดีใจเลยนะ ไม่แฟร์นี่พวกฉันทำงานหนักกว่าแต่ได้ค่าชั่วโมงเท่านายเลยนะคุณอู๋ มันไม่แฟร์ มันไม่แฟรรรรรร์” ลู่หานฮยองดีดดิ้น แต่ถ้าเขารู้ว่าผมต้องเข้ากะคนเดียวเขาจะไม่รู้สึกอิจฉาผมแน่

     

    “วันนี้จื่อเทาไม่มาครับลู่หานฮยอง ผมต้องอยู่ร้านคนเดียว และได้ชั่วโมงเท่าฮยองด้วย” เมื่อสิ้นคำพูดอี้ฟาน ลู่หานก็หยุดอาการดีดิ้นลงทันทีก็จะตีหน้าเศร้าและตบไหล่เขาดังปั้กๆ

     

    “โชคดีนะ คุณอู๋ หวังว่าฟ้าจะเมตตานะ ช่วงนี้เด็กมหาลัยก็สอบกันเยอะ ตีสามกว่าๆคนก็คงเต็มเหมือนตอนเที่ยงคืนแต่ถ้าไม่มีคนมานายก็คงต้องอยู่คนเดียวในร้านกว้างๆที่ไม่รู้ว่าอาจจะมีอะไรซ่อนอยู่ ยังไงก็ สู้ๆนะ เฮียเป็นกำลังใจให้ >o<

     

    “ถ้าฮยองจะรู้สึกสะใจผมขนาดนี้ =_=

     

    “งั้นฮยองกลับก่อนนะ ดูร้านดีๆนะ เมเนเจอร์ฝากบอกว่าจะเข้าเช็คตอนเก้าโมงนะ ถ้าร้านยังตกแต่งไม่เสร็จก็ไม่เป็นไรเพราะนายอยู่คนเดียวก็บอกเมเนเจอร์ไปแล้วกัน” มินซอกฮยองโบกมือบ๊ายบายผมและเดินออกประตูหลังไป

    .

    ตัวคนเดียว

    .

                    ผมเดินออกไปหน้าร้านไปประจำที่เค้าเตอร์เหมือนทุกครั้ง มีลูกค้าอยู่ประมาณสามคนพวกเขาดื่มน้ำชาร้อนกันหมดแล้วและทำท่าเหมือนจะเตรียมตัวออกจากร้าน ผมตะโกนขอบคุณเหมือนทุกครั้งที่ทำ ปกติจะเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริการที่ยืนอยู่หน้าร้านแต่ตอนนี้มีผมคนเดียวไงเลยต้องทำหน้าที่ทั้งหมด

     

                    ตอนนี้ไม่มีลูกค้าเลยสักคนเดียวผมคงต้องใช้เวลานี้ตกแต่งร้าน ผมเข้าไปหลังร้านยกกล่องกระดาษลังสองสามกล่องใหญ่ๆออกมา

     

    อย่างแรกก็ต้นคริสมาสต์

     

                ผมเปิดกล่องเพื่อหาต้นคริสมาสต์และพบว่ามันมีส่วนประกอบถึงสองกล่อง ต้นมันต้องใหญ่มาแน่ๆแต่ที่ในร้านก็มีมากพอ ผมแบกกล่องไปแถวๆที่นั่งที่เป็นสโลปก่อนจะตัดสินใจตั้งต้นคริสมาสต์ไว้ตรงกลางมันต้องสวยมากแน่ๆถ้าประกอบเสร็จ วางไว้ตรงตำแหน่งที่ถูกสโลปล้อมรอบไว้แต่ปัญหาใหญ่คือข้างกล่องบอกว่ามันสูงถึงสามเมตร ผมคงต่อได้แต่ฐานของมันแต่คงต่อยอดไม่ได้ต้องรอ โอเซฮุน รุ่นน้องที่เข้ากะดียวกันแต่ลาไปเยี่ยมญาติต่างจังหวัดเห็นบอกว่าจะกลับมาวันนี้แต่ไม่รู้ว่าจะเข้ากะนี้ทันหรือเปล่า ถ้าทันก็คงดี จะได้ประกอบต้นคริสมาสต์ให้มันเสร็จไป เพราะยังเหลือตกแต่งหน้าร้าน ในร้าน แล้วยังมีเค้าท์เตอร์อีก จะได้ไม่ลำบากกะอื่นเพราะกะนี้เป็นเวลาที่มีลูกค้าใช้บริการน้อยที่สุดในบรรดากะทั้งหมด

     

    กริ๊ง

     

                    ผมรีบเดินไปที่ส่วนเค้าเตอร์เพราะตรงสโลปจะไม่สามารถเห็นประตูทางเข้าร้านได้ กระดิ่งดังแปลว่ามีลูกค้าเข้ามาในร้าน

     

    “ยัวร์สเปซยินดีต้อนรับครับ” ผมโค้งหัวให้ลูกค้าเหมือนทุกครั้ง คนตรงหน้าผมหน้าตาหล่อเหลากระเดียดไปทางน่ารักอย่างกับเน็ตไอดอลแต่ตัวสูงกว่าผมอีกน่าจะซักร้อยเก้าสิบเซนเห็นจะได้ ผมดำสนิท คิ้วหนาสีดำ ผิวขาวสะอาด ใส่เสื้อยืดสีดำทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบ ใบหน้างอง่ำเหมือนหงุดหงิดอะไรซักอย่าง

     

    “ชาเขียวเย็นแก้วนึง” ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะเครื่องคิดเงินแจ้งเตือนว่าใบเสร็จใกล้หมดแล้วทั้งๆที่เพิ่งเติมไปสงสัยกะก่อนหน้านี้คนเยอะจริงๆ

     

    “ครับ รับอะไรเพิ่มมั้ยครับ” ผมก้มลงจิ้มรายการที่เขาสั่งบนหน้าจอเครื่องคิดเงิน แต่ความเงียบหลังจากที่ผมถามทำให้ผมต้องเงยหน้าเพื่อมอง ก็พบใบหน้าที่บึ้งตึงกว่าเดิม

     

    “ขมวดคิ้ว ไม่พอใจอะไร กล้ามีปัญญากับลูกค้าหรอ เรียกผู้จัดการของนายออกมาซิ” หืม ผมไม่พอใจลูกค้าคนนี้เมื่อไหร่กัน

     

    “ผมขอโทษครับ” ผมขอโทษเพื่อให้เรื่องจบ หนุ่มน้อยตรงหน้านี่ดูอารมณ์เสียมาตั้งแต่ก่อนที่จะเข้าร้านแล้วมันไม่ได้มีต้นเหตุมาจากผมเขาแค่อยากหาที่ระบายอารมณ์เท่านั้นแหละ

     

    “นายไม่ได้รู้สึกผิดเลยนะ อย่าขอโทษส่งๆได้ป้ะ ไปเรียกผู้จัดการนายมา” ใบหน้าหล่อเหลายู่จนยับไปหมด เขาอารมณ์เสียมากจริงๆเขาน่าจะได้สงบใจสักหน่อย

     

    “ผมขอโทษจริงๆครับ คุณน่าจะรับชาเขียวที่คุณสั่งนี่ไปดื่ม เผื่อจะใจเย็นลงนะครับ อีกอย่างหนึ่งคือตอนนี้เมเนเจอร์ยังไม่เข้ากะครับมีผมคนเดียวที่เป็นพนักงานของร้านในเวลานี้ ถ้าถึงเวลาที่เขามาผมจะบอกคุณ ตกลงมั้ยครับ” ผมส่งยิ้มบางๆไป เขายังเด็กอยู่คงควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ยากถ้าโตกว่านี้อีกสักหน่อยก็จะดีขึ้นเอง

     

    “ก็ได้” ผมคิดเงินเรียบร้อบพร้อมกับมอบพาสเวิร์ดสำหรับเล่นอินเตอร์เน็ทของที่ร้านไปให้
     

    “ถ้ามีอะไรเรียกใช้บริการผมได้นะครับ ผมจะอยู่ตรงโซนสโลปนะครับ” ผมบอกผู้ชายตรงหน้า ไม่รู้ว่าเขาจะฟังอยู่หรือเปล่า

     

    “อืม” เขารับคำผมพร้อมกับดูดชาเขียวในมือ รสชาติของผมยังคงใช้การได้อยู่ไม่อย่างนั้นอารมณ์นี้เขาคงปาแก้วลงพื้นแน่ๆ

     

                    ผมรีบลงมือต่อโครงต้นคริสมาสต์แต่ด้วยความที่ผมไม่เคยต่อมาก่อนกว่าจะต่อได้แต่ละชิ้นนี่ก็ใช้เวลานานพอสมควรจนเวลาล่วงเลยใกล้จะถึงตีสามก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าสักเท่าไหร่

     

    “นี่ นายทำอะไรหน่ะ” เสียงดังขึ้นเหนือหัวผมที่นั่งอยู่กับพื้นทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมองก็เจอลูกค้าจอมหาเรื่องยืนหน้าตายอยู่บนหัวผม

     

    “ต่อโครงต้นคริสมาสต์ครับ” ผมก้มหน้าละความสนใจลงไม่งั้นงานผมไม่เสร็จแน่

     

    “แน่ใจนะว่าต่อเป็น” เสียงทุ้มๆก็ยังดังอยู่

     

    “ผมก็เพิ่งเคยต่อครั้งแรกนี่แหละครับคุณลูกค้า แต่ถ้าไม่ต่อให้เสร็จผมโดนเมเนเจอร์ด่าเละนะครับ” ผมใส่ไฟไปเล็กน้อยแต่ก็เกือบจริงทั้งหมดนั้นแหละ อาจจะไม่ด่าจนเละเพราะผมต้องทำงานคนเดียวแต่ถ้ามีจื่อเทาด้วยนี่เละของจริง

     

    “ไปหยิบบันไดมาสิ่” เสียงจากคุณลูกค้าดังอีกครั้งพร้อมกับตัวที่ผมต่อหลุดออกไปจากมือแล้วไปอยู่ในมือคุณลูกค้าแทน

     

    “ห้ะ?” ผมเหวอไปชั่วขณะ เสียงจิ๊จ๊ะดังออกมาจากลำคอคุณลูกค้าพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มกลับมายู่อีกครั้งบ่งบอกถึงความอารมณ์เสีย

     

    “บอกว่าให้ไปหยิบบันไดมาจะช่วยต่อต้นคริสมาสต์ไง ทำคนเดียวจะเสร็จมั้ยวันนี้”ดวงตาสีดำสนิทถลึงใส่ผมแบบอารมณ์เสียหน่อยๆ

     

    “แต่มันเป็นงานของผมนะครับ” ถ้าใครมาเห็นว่าลูกค้ามาต่อต้นไม้ในร้านที่มีพนักงานอยู่นี่ต้องโดนเด้งแหงๆ

     

    “ฉันจะทำหรือจะให้บอกเมเนเจอร์ว่านายขัดลูกค้า” ผมหันหลังเพื่อไปหยิบบันไดหลังร้านทันทีที่คุณลูกค้าพูดจบ เขาอาจจะประสาทเล็กน้อยก็เป็นได้ มาแย่งพนักงานทำเนี่ยนะ

    .

    4.45 am

     

    “ส่งดาวที่เป็นยอดมาดิ้ นาย...ชื่ออะไร” เสียงของคุณลูกค้าดังอยู่ด้านบนยอดของต้นคริสมาสต์ ผมส่งดาวสีเหลืองโรยกากเพ็ชรพลาสติกที่อันใหญ่กว่าหน้าผมให้เขา

     

    “ผมชื่อ อู๋อี้ฟาน” ผมตะโกนบอก คุณลูกค้านี่ถึงจะประสาทน้อยๆแต่เขาช่วยผมได้มากจริงๆต้นคริสมาสต์เสร็จอย่างรวดเร็วโดยที่ผมไม่ต้องทำอะเลย นอกจากยืนส่งของให้คุณลูกค้า ผมต้องขอบคุณเขาสักกี่ร้อยครั้งที่จะแทนการที่เขามาต่อต้นไม้ให้ได้เนี่ย

     

    “ห้ะ นายเป็นคนจีนหรอ” เขาติดดาวไปพลางถามผมไปพลาง

     

    “ใช่ครับ เกิดที่จีนไปโตแคนาดาแล้วมาเรียนต่อที่นี่” เขาเหลือบมองผมเล็กน้อยจากด้านบน คงคิดไม่ถึงละสิ่ว่าผมจะเรียนจากเมืองนอกเมืองนามา

     

    “เห้อออ ให้ตาย เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย” ใบหน้าขาวๆนั่นมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากและขมับ ผมล้วงเข้าไปที่ผ้ากันเปื้อนของตัวเองเพื่อหยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้เขา
     

    “ขอบใจ” เขาเอ่ยขอบคุณผมเบาๆ

     

    “ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณนะ คุณลูกค้า” ผมส่งยิ้มบางๆไป ความจริงเขาก็เป็นเด็กดีนะ แค่อารมณ์ฉุนเฉียวไปหน่อย แต่เรื่องแบบนี้มันแก้ไขกันได้

     

    “ปาร์ค ชานยอล”

     

    “หืม?

     

    “ฉันชื่อปาร์ค ชานยอล” ปาร์คชานยอลสบตากับผมดวงตาของเขามีแววตาประหลาดๆแถมแก้มกับหูก็ขึ้นสีเรื่อแปลกๆ

     

    “ขอบใจนะ ปาร์คชานยอล J

    เขา เ ขิ น อะไร?

    ห รื อ ผ ม คิ ด ไ ป เ อ ง

    _______________________________________

    #มุมของเรา
    สวัสดีค่ะ ฟิคตีสองเป็นเรื่องแรกที่นักเขียนเขียน
    ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ มันอาจจะเป็นได้แค่ช็อตฟิค
    แต่จะทำให้เต็มความสามารถ
    ฝากติดตามด้วยค่ะ

    สามารพูดคุยกันได้โดยติดแท็ก #ฟิคตีสอง
    หรือร่วมเม้นต์เพื่อเป็นกำลังใจแก่นักเขียนค่ะ
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×