ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ● Chapter 6 Ξ
Story : The Lipper King
BY: ไรวินท์
Chapter 6
**** Part’ Blue ****
“ให้ตายเหอะ ฉันชักจะทนไม่ไหวแล้วนะโว๊ย!!” ดาพูดอย่างหัวเสีย ตอนนี้พวกเราทุกคนมาจับกลุ่มกันอยู่ในมุมเงียบๆ ที่ไม่ค่อยมีใครเดินผ่านในเวลาเย็นๆแบบนี้ คือบริเวณหลังตึกใหม่
“มันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรากันแน่ ทำไมเราต้องเสี่ยงตายกันตลอดเวลาด้วย อึกๆ ฮือออ” เก้าร้องไห้ แต่ละคนก็ไม่ต่างจากเก้า ทุกคนต่างร้องไห้ ไม่รู้จะทำยังไงดีกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“แล้วเราจะต้องเจอเรื่องแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่?” แต้วถามขึ้นนั่งทรุดอยู่ริมกำแพงอย่างหมดแรง
“ใช่ จะต้องมีคนตายต่อหน้าเราอีกกี่คน..” โยพูดขึ้น
“เรายังไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่...” ลีน่าพูดบ้าง แม้ว่าลีน่าจะไม่เห็นเหมือนที่เราเห็น แต่ลีน่าก็รู้สึกได้ว่าเพื่อนแต่ละคนนั้นมีความทุกข์แค่ไหน
“ถ้าเราจะหาคนช่วย....” ฉันถามขึ้น ตอนนี้ฉันกำลังคิดถึงคนคนหนึ่งอยู่ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน...
“ใครจะมาช่วยเราได้ล่ะ เรื่องแบบนี้ จะมีใครเชื่อเรา แม้แต่เรายังไม่อยากจะเชื่อมันซักเท่าไหร่เลย” ดาตอบอย่างเนือยๆ
“ก็เนตรไง เนตรเคยช่วยชีวิตฉันไว้ เนตรน่าจะช่วยเราได้..” ฉันพูดขึ้นอย่างมีความหวัง ใช่ คนที่ฉันกำลังคิดว่าน่าจะช่วยพวกเราได้คือเนตร ทั้งๆที่เราเพิ่งเจอกันแค่ไม่กี่วัน แต่ทำไมฉันต้องนึกถึงเนตรเสมอด้วย ก็ไม่รู้...
ยังไม่ทันที่พวกเราจะคิดอะไรมาก เนตรก็เดินมา นายเนตรนี่ตายยากจริงๆ คนอะไรวะ?
“พ่อของฉันรอพวกเธออยู่...”
ทุกคนเหมือนจะรู้สึกว่าต้องตามนายเนตรไป ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า กูจะตามมันมาทำไม? แต่ก็ต้องเดินตามมา เนตรพาพวกเรานั่งแท็กซี่กันไป เหมือนว่าอีตานี่จะเป็นสุภาพบุรุษนะ แต่ไม่เลยซักนิด เพราะนายนั่นหนีไปนั่งข้างหน้า และให้พวกเรา 7 คนอัดกันอยู่ข้างหลัง แต่ยังมีความดีหลงเหลืออยู่บ้าง เพราะอีตาเนตร ออกค่าแท็กซี่ให้พวกเราหมดเลย
แท็กซี่จอดหน้าปากซอย นายเนตรก็เดินนำพวกเราไปหยุดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง
หน้าบ้านเขียนว่า ‘สำนักอาจารย์เชียน’
“บ้านฉันเอง เป็นสำนักทรงเจ้า พ่อเป็นคนทรงน่ะ แต่วันนี้ปิด”
“ปิดทำไมหรอ?” ฉันถามด้วยความอยากรู้
“ไม่อยากเปิด...” เลิกคุยกันเลยทีเดียว ฉันไม่ถามแล้วก็ได้ เชอะ!
“อ้าว อิงค์!” พวกเราทุกคนเห็นอิงค์อยู่ที่นี่ก็ตกใจกันพอสมควร อิงค์มาที่นี่ได้ยังไงกันนะ?
“เฮ้ทุกคน! มาแล้วหรอ...เค้ารู้ว่าพวกแกสงสัยว่าเค้ามาได้ไง แม่มาส่งน่ะ...”
“โหย แกก็ไม่โทรมาบอกพวกเค้าก่อนนะโว๊ย!” แอร์บ่น
“ทุกคนมากันครบแล้ว ไปกันเถอะ...” เนตรนำหน้าพวกเราไปที่ห้องห้องหนึ่ง เมื่อเข้าไปแล้ว ก็พบว่าเป็นห้องที่ไม่มีอะไรมากนัก มีเพียงผ้าม่านสีขาวที่กั้นไว้อยู่กลางห้อง มองเห็นเงารำไรหลังผ้าม่าน เหมือนคนนั่งขัดสมาธิอยู่... ฉันเดาว่าคนจะเป็นคุณเชียนล่ะมั้ง
“นั่งลงก่อนสิ...” เสียงดังออกมาจากสิ่งที่อยู่หลังผ้าม่านนั่น พวกเราจึงนั่งลงอย่างเงียบๆ
“ทำไมคุณถึงอยากพบพวกเราหรอคะ?” โยถามขึ้นเพราะบรรยากาสมันเงียบเสียจนได้ยินเพียงเสียงจากเครื่องปรับอากาศเท่านั้น
“สิ่งที่พวกเจ้ากำลังเผชิญอยู่มันน่าสนใจน่ะสิ... แล้วอีกอย่าง เจ้าเนตรก็อยากจะช่วยเหลือพวกเจ้าด้วย”พวกเราทุกคนมองไปที่เนตร เชสโด้! หน้าตาไม่น่าเป็นคนดีเลยนะเนี่ย!
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเราหรอคะ?” แอร์ถามขึ้น
“ตอนนี้สิ่งที่พวกเจ้ากำลังเจออยู่ คือมีวิญญาณมากมายตามอาฆาต และพร้อมจะเอาชีวิตพวกเจ้าตลอดเวลา แต่ด้วยบุญเก่า จึงทำให้รอดมาได้ถึงทุกวันนี้ แต่ต่อจากนี้ ข้าก็ไม่รับประกันว่าพวกเจ้าจะรอดกันหรือเปล่า...” พวกเรามองหน้ากัน ถ้าเราจะไม่เชื่อก็คงไม่ได้แล้ว เพราะเวลานี้พวกเราคงไม่มีทางเลือกมากนัก
“แล้วทำไมต้องเป็นพวกเราด้วย พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย” แต้วพูดอย่างหัวเสีย
“ข้าไม่รู้สาเหตุแน่ชัดนักหรอก แต่วิญญาณส่วนใหญ่ที่อยู่รอบตัวพวกเจ้าล้วนแต่เป็นวิญญาณที่ตายจากเหตุการณ์ห้างระเบิดในวันนั้น พวกเขาคงอย่างจะเอาพวกเจ้าไปด้วย
”
“แล้วเราจะต้องทำยังไงล่ะคะ ถึงจะหยุดเรื่องบ้าๆพวกนี้ได้!” ฉันถามขึ้น
“มันก็มีวิธีอยู่ แต่วิธีนี้น่ะมันอันตรายมากนัก...” เงาภายใต้ผ้าม่านยังคงพูดคุยกับพวกเรา เสมือนว่าสบตาคุยกันอยู่ ทั้งๆที่จริงๆแล้วพวกเราไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่ากำลังคุยอยู่กับใคร...
“พวกเราไม่มีทางเลือกมากนักหรอกค่ะ แม้ว่าจะอันตรายแค่ไหน มันก็ดีกว่าการที่พวกเราจะต้องมาตาย ตายเพราะสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อขึ้น พวกเราไม่มีทางยอมรับมันแน่ๆ และที่สำคัญ คนอื่นยังต้องมาตายเพราะเราตั้งเยอะแยะ ต่อให้มันอันตรายแค่ไหน พวกเราก็ต้องทำ!” แอร์พูดเสียงเครียด
“วิธีที่ว่า มันเป็นศาสตร์โบราณ มันเป็นพิธีกรรมที่ปิดตายมานานหลายร้อยปีแล้ว...แต่พวกเจ้าจำเป็นต้องทำพิธีนี้ ถ้าอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป... แต่ข้าขอเตือนไว้ก่อนว่า ถ้าพลาด ก็เท่ากับ ตาย
”
“ช่วยไม่ได้...ต่อให้ไม่ทำพิธีกรรมนี้ ไม่วันไหนซักวัน พวกเราก็ต้องตายกันอยู่ดี...” โยพูดขึ้น ทุกคนอยู่ในสถานการณ์ที่เลือกอะไรมากไม่ได้จริงๆนั่นแหละ อย่างน้อยมันก็ยังมีความหวัง ว่าเรื่องบ้าๆนี้จะจบลงได้
เนตรที่ออกไปตอนไหนก็ไม่รู้ ได้กลับเข้ามา พร้อมกับยื่นหนังสือเก่าๆเล่มหนึ่งมาให้พวกเรา มันเก่าเสียจนไม่กล้าจับเลยทีเดียว
“เฮ้ย เบาๆนะเว่ย” ดาบอกคนอื่น ทั้งๆที่มันเป็นคนเปิดเอง ทุกคนลุ้นมาก ไม่ใช่อะไรหรอก กลัวหนังสือมันขาดน่ะสิ
“แควก!! เห้ย กูเบาแล้วนะ!!” หนังสือขาดนิดเดียว ทำเอาใจพวกเราตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม พอเปิดไปข้างใน กลับไม่มีอะไรเลย อ้าว?
“เฮ้ย เดี๋ยวๆ หน้าเมื่อกี้ๆ” ทุกคนรีบคัดค้าน เพราะดาเปิดเลยไปหน้าหนึ่ง
“ภาษาอะไรวะเนี่ย? ใครจะไปอ่านออก...” หน้าที่มีตัวอักษรก็ดันไม่ใช่ภาษาไทย เป็นภาษาอะไรก็ไม่รู้เนี่ย
“หนังสือที่พวกเจ้าจับอยู่ เป็นหนังสือที่จะบอกถึงพิธีกรรมที่พวกเจ้าต้องปฏิบัติ...เพื่อนในกลุ่มของพวกเจ้าคนหนึ่งอ่านภาษานี้ได้...ข้าช่วยพวกเจ้าได้เพียงเท่านี้ นอกนั้นมันเป็นเรื่องของชะตากรรมของพวกเจ้าแล้ว...”
“อ้าวเฮ้ย ไหงทำงี้ล่ะ! ออกมาคุยกันให้รู้เรื่องกว่านี้สิลุง!” ว่าจบ แต้วก็เปิดผ้าม่านออกทันที!
ภาพที่เห็นทำให้พวกเราตกใจแทบสิ้นสติ เพราะตรงหน้าของพวกเรามีเพียงแต่ความว่างเปล่า!!!!!!!!!
แล้วเงาเมื่อกี้ เสียงเมื่อกี้ คือใคร!!!!!!!
“ผะ....ผีหลอกหรอวะ!!!” เก้าพูดออกมา กอดแขนอิงค์ไว้แน่น
“พวกเธอ...กลับกันได้แล้ว” เนตรพูดจบ ก็เดินนำพวกเราออกจากห้องไป
“เราไปจากที่นี่กันเถอะ...” ลีน่าพูดขึ้นเสียงนิ่งๆ ทุกคนจึงเกาะกันออกจากในห้องนี้ ฉันยังรู้สึกขนลุกไม่หาย เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ แต่ฉันรู้สึกได้ว่ามีคนอยู่ที่หลังม่านจริงๆนะ...
พวกเรามารวมตัวกันที่โรงพยาบาลอีกครั้งในห้องพักของอิงค์...
“ใครวะ ที่อ่านอีหนังสือนี่ได้...” แอร์ถามขึ้น ทุกคนมองหน้ากัน ไม่ใช่ฉันแน่นอน... อย่าว่าแต่ภาษาอื่น ภาษาบ้านเกิดตัวเองฉันก็จะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว
“เค้าเอง...” เสียงของอิงค์พูดขึ้นทำให้ทุกคนมองหน้ากันอย่าง งงๆ
“...แกโม้ป่ะเนี่ย? ไม่ฮานะโว๊ย” ดาพูด
“เปล่า...อ่านได้จริงๆ” แล้วอิงค์ก็เปิดหนังสือตรงหน้า และที่ทำให้พวกเราเหลือเชื่อคือ อิงค์ตามองไม่เห็น แต่เปิดไปหน้าที่มีตัวอักษรได้ถูก และอ่านมัน... ให้ตายเหอะ จะมีอะไรที่น่าเหลือเชื่อว่านี้อีกไหมเนี่ย!
“มันเป็นภาษาโบราณ ขอเวลาซักพัก...” อิงค์ว่าจบ ทุกคนก็เงียบเพื่อรอฟัง
ผ่านไปสิบกว่านาที ฉันลุ้นจนเมื่อย อิงค์เองก็ใช้ความคิดหนักเช่นกัน ดูจากสีหน้าที่แสดงออกมา มีทั้งตกใจ ขมวดคิ้ว ต่างๆนานา
“จบแล้ว..” อิงค์พูดทำให้พวกเราแทบกระโดด กูลุ้นมาก!!
“หนังสือว่าไงบ้างวะ!” โยถามอย่างตื่นเต้น
“มันไม่ใช่เรื่องดีนักหรอกว่ะ.... พิธีกรรมนี้มันบ้ามาก มันบอกว่า พวกเราจะต้องฆ่าดวงวิญญาณที่ชั่วร้ายให้ครบร้อยตน และเมื่อถึงคืนเดือนมืด ให้พวกเราทำพิธีที่เรียกว่า อัฏฐะบูชยัน คือพิธีกรรมบูชายันวิญญาณที่ชั่วร้าย ถ้าทำสำเร็จเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็จะจบลง....แต่ถ้าไม่สำเร็จ อย่างที่บอกว่าเราจำเป็นต้องฆ่าดวงวิญญาณที่มีแต่สิ่งชั่วร้าย ทำให้เสี่ยงอันตรายมาก ถ้าฆ่าดวงวิญญาณไม่สำเร็จ ดวงวิญญาณก็จะฆ่าเราแทน...”
“ฮะ ให้พวกเราฆ่าวิญญาณ 100 ตนเนี่ยนะ บ้าแล้ววววว!!! คนจะฆ่าผีได้ไงวะ!” ลีน่าพูดขึ้น
“ฆ่าได้ดิมึง กูถีบมันมาแล้ว....” แอร์พูดขึ้น
“เอ้อ...กูก็เคย” เก้าพูดบ้าง
“ไม่ทำได้ไหมวะ กูว่ามันบาป....กูไม่อยากฆ่าใคร แม้แต่วิญญาณก็เหอะ” ฉันพูดขึ้น ถึงฉันจะไม่ใช่คนดีมากเท่าไหร่ แต่จะให้ไปฆ่าใครมันก็น่ากลัว....
“แต่ถ้าพวกเราไม่ทำอะไรเลย ก็เท่ากับนอนรอความตายจากพวกแม่งนะเว่ย...ซักวัน พวกมันจะต้องฆ่าเราอยู่ดี...” ดาพูด
“เฮ้ย แต่กูฆ่าใครไม่ได้จริงๆนะเว่ย TT^TT” ฉันคร่ำครวญ ไม่กล้า ไม่กล้าจริงๆ
“เอาเถอะ พวกเราไม่มีทางเลือกแล้ว....กูก็ไม่อยากให้พวกมึงตายนักหรอก...และกูก็ไม่อยากให้ใครมาตายเพราะรับเคราะห์แทนพวกเราด้วย เรามาวางแผนกันเถอะ...” แอร์สรุปด้วยสีหน้าจริงจัง ฉันก็เห็นด้วย แต่ถ้าจะให้ฆ่าจริงๆ ฉันจะทำยังไงดี?
______________________________________________
มาซักทีตอน 6 !!!! 55+
เมนท์ด้วยยยยยยยยยย >3<
nu eng
เมนท์ด้วยยยยยยยยยย >3<
nu eng
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น